ตอนที่ 248 แยกย้ายกันเดินทาง เยี่ยนอวี่ยืมรถม้า (2)
เว่ยจางขมวดคิ้วพลางพูด “อุทกภัยในอี้โจวแม้จะไม่ร้ายแรง ทว่าก็มีหลายหมู่บ้านถูกน้ำท่วม เยี่ยนปิ่งกวงไม่อยู่ในจวนขุนนาง คนของข้าไปยืมรถม้าในจวนของเขามาแล้ว” นี่เป็นผลสรุปที่ถังเซียวอี้ใช้ไม้นวมและไม้แข็ง
เหยาเหยียนอี้เงยหน้ามองถังเซียวอี้ในชุดคลุมสีขาว พร้อมยังพาคนขับรถม้าสิบกว่าคันมา เขาจึงคลายคิ้วที่ขมวดเป็นปมออก ไม่ว่าอย่างไร ขนยาสมุนไพรวางบนรถม้าก่อนแล้วค่อยว่ากัน
ฟ้าค่อยๆ มืดมัวลง ยามอาทิตย์อัสดง ฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีกุหลาบแดง
เหยาเยี่ยนอวี่นั่งอยู่ริมหน้าต่างของห้องโดยสารพลางมองออกไปด้านนอก ตอนนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมในการชมดวงอาทิตย์ลับฟ้าที่สุด ขอบฟ้าสีครามกับภูเขาเขียวขจีที่อยู่ไม่ไกลกำลังเปลี่ยนเป็นสีเขียวนิล แสงสีทองประกายแสดเข้าตกกระทบกับภูเขา ทำให้ดูงดงามยิ่งกว่าประภาทั่วไป และสว่างไสวยิ่งกว่าท้องฟ้าสีเลือด เหมือนความงดงามนี้ไม่มีในโลกมนุษย์
เป็นบรรยากาศอันเงียบสงบท่ามกลางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์
ผู้คนนับร้อยตรงท่าเรือยังคงยุ่งวุ่นวายอยู่ ยามสนธยา เหยาเหยียนอี้และเว่ยจางขึ้นเรือใหญ่ บุรุษทั้งสองนั่งอยู่บนดาดฟ้าเรือ หนิงฮูหยินน้อยพลันสั่งให้สาวใช้รินน้ำชา ตนเองก็ยกของว่างสองอย่างมา
“น้องรองล่ะ” เหยาเหยียนอี้นวดหว่างคิ้วที่เมื่อยล้าแล้วเอ่ยถาม
“นางอยู่ด้านบน” หนิงฮูหยินน้อยมองเว่ยจางเพียงชั่วพริบตา ใบหน้าที่เยือกเย็นของเว่ยจางไม่สื่ออารมณ์ใดออกมา หนิงฮูหยินน้อยหันมองไปหน้าเหยาเหยียนอี้แล้วพูดขึ้น “หากรถม้าไม่เพียงพอ ข้ากับฮั่นเอ๋อร์จะอยู่ที่นี่ไปก่อน รอให้การจราจรทางน้ำไม่ติดขัดแล้ว พวกเราค่อยเดินทางต่อ ท่านพี่กับแม่ทัพเว่ยและน้องสาวส่งยาสมุนไพรกลับเมืองหลวงกันก่อนเถอะ”
เหยาเหยียนอี้มองหนิงฮูหยินน้อยอย่างคาดคิดไม่ถึง แล้วลอบถอนหายใจเบาๆ “น้องรองก็คงทนทุกข์ทรมานเช่นนั้นไม่ได้หรอก ด้านหน้าเกิดอุทกภัย น้ำท่วมหมู่บ้าน ถนนหนทางคงติดขัดแน่นอน อีกทั้งยังมีชาวบ้านประสบอุทกภัยมากมาย…ไม่แน่พวกเขาอาจจะแย่งเสบียงกันก็ได้” กล่าวจบ เหยาเหยียนอี้ทอดถอนหายใจหนักๆ แล้วกล่าวเพิ่มเติม “และอาจจะมีโรคระบาดตามมาก็ได้”
“เช่นนั้นควรทำอย่างไรไรดี” ตอนนี้หนิงฮูหยินน้อยรู้สึกใจไม่ดีจริงๆ
“นี่เป็นฝนที่ตกลงมาในครั้งแรก ต่อจากนี้ใครก็รับประกันไม่ได้ว่าฝนจะไม่ตกอีก” เว่ยจางพูดด้วยเสียงนิ่ง “ไม่รู้ว่าการจราจรทางน้ำจะหายติดขัดเมื่อใด คงรอต่อไปไม่ได้อีก ไม่เช่นนั้นก็ให้ถังเซียวอี้พาคนส่งสมุนไพรกลับกันก่อนเถอะ แล้วนำขบวนเรือขนสมุนไพรกลับไปที่เจียงหนาน ทิ้งไว้แค่เรือลำใหญ่สองลำก็พอ แล้วขับเคลื่อนเรือไปเทียบท่าเรือเถาฮวาป้า ค่อยไปเช่ารถต่อ หากเช่ารถม้าได้แล้ว พวกเราอาจจะไปรวมตัวกันที่ท่าเรือเถาฮวาป้า แล้วค่อยเดินทางขึ้นเหนือพร้อมกัน”
“รองแม่ทัพถังไปคนเดียวได้หรือ” เหยาเหยียนอี้รู้สึกไม่วางใจที่จะฝากสมุนไพรพวกนั้นให้เขา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาทำภารกิจที่ฮ่องเต้รับสั่ง หากล้มเหลวขึ้นมา แล้วจะมีครั้งต่อไปอีกได้อย่างไร
“เซียวอี้เคยติดตามข้าไปสู้รบจากเหนือยันใต้ เขาเป็นคนที่มีไหวพริบ ไม่มีทางเกิดเรื่องแน่นอน” เว่ยจางหันไปมองบุรุษชุดขาวที่ยืนอยู่บนท่าเรือเพียงชั่วพริบตา
“ข้าจะติดตามขบวนรถม้าขนยาสมุนไพรไป” เหยาเหยียนอี้พูดไปก็หันไปมองหนิงฮูหยินน้อยเพียงปราดเดียว
หนิงฮูหยินน้อยทำสีหน้าที่ตะลึงงัน พลางมองเหยาเหยียนอี้อย่างอาลัยอาวรณ์
เหยาเหยียนอี้กล่าวกับเว่ยจางอีกครั้ง “เหล่าสตรีบนเรือก็ฝากให้เจ้าดูแลแล้ว”
“นี่…” เว่ยจางลังเลเล็กน้อย
เหยาเหยียนอี้จึงตัดสินใจครั้งสุดท้าย “ตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน จำต้องตามคำสั่งของข้าแล้ว เวลานี้มิอาจพิจารณาถึงอะไรมากมาย หากเจ้ากับท่านรองแม่ทัพเว่ยตามกันขนสมุนไพรไป ถ้าการเดินทางทางน้ำเกิดอะไรขึ้นมา ข้าคงจะเสียใจและโทษตัวเองไปตลอดชีวิต เจ้าเก็บทหารคนสนิทของเจ้าไว้สองสามนายไว้คุ้มกันเรือลำใหญ่สองลำนี้ ตอนเดินทางไปเทียบท่าเถาฮวาป้า ข้ากับรองแม่ทัพรองจะพาเหล่าข้ารับใช้และทหารส่วนใหญ่ของเจ้าเดินทางโดยรถม้า หากพวกเจ้าเดินทางอย่างเร่งรีบ คิดว่าคืนพรุ่งนี้ก็คงจะถึงท่าเรือเถาฮวาป้า ทว่าต่อให้พวกเราเดินทางเร่งรีบมากเพียงใด เร็วสุดก็คงจะถึงที่หมายในช่วงบ่ายของวันมะรืน พวกเจ้าจะได้ไปเช่ารถม้าและขนข้าวของลงบนรถม้าก่อน ถึงเวลาพวกเราจะได้เดินทางขึ้นเหนือพร้อมกัน”
เว่ยจางก็ไม่ใช่คนที่หัวดื้อ ดังนั้นจึงประสานมือคารวะ “จะไม่ให้พี่เหยาผิดหวัง”
หลังจากปรึกษาหารือกันเสร็จ เหยาเหยียนอี้สั่งให้รีบตั้งโต๊ะมื้ออาหารเย็น คิดว่าหลังจากกินเสร็จก็ยังต้องขึ้นท่าไปดูคนขนย้ายสินค้าขึ้นรถม้า สินค้าขนเสร็จก็เที่ยงคืนแล้ว จากนั้นก็คิดว่าจะไม่พักผ่อน แล้วรีบเดินทางโดยเร็ว
หนิงฮูหยินน้อยพลันลุกขึ้นไปดูความเรียบร้อยของอาหาร เหยาเยี่ยนอวี่แอบอยู่ในห้องโดยสารแล้วกำลังปรุงยาสมุนไพร คำพูดเมื่อครู่นี้ที่เหยาเหยียนอี้เอ่ยบนดาดฟ้า นางก็ได้ยินอย่างชัดเจนแล้ว รู้สึกว่านี่คงเป็นทางออกที่ดีที่สุด นางจึงไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ ทั้งยังสั่งการชุ่ยเวยและคนอื่นๆ หาสมุนไพรที่เป็นวัตถุดิบยาที่นางกำลังปรุงออกมา
ชุ่ยเวยและชุ่ยผิงเดินไปที่เรือขนสัมภาระอีกลำ แล้วสั่งให้คนนำห่อยายี่สิบห่อออกมา
เหยาเหยียนอี้เห็น จึงเอ่ยถามด้วยความอัดอั้นใจ “นี่พวกเจ้าจะเอาไปทำอะไร”
“เรียนคุณชายรอง คุณหนูให้หาวัตถุดิบสมุนไพรพวกนี้ออกมา บอกว่าจะปรุงยาเม็ดให้เสร็จภายในคืนนี้เจ้าค่ะ”
“ปรุงยาอะไร” เหยาเหยียนอี้เอ่ยถามด้วยคิ้วขมวด นี่มันยามใดแล้ว ยังจะรีบเร่งทำเรื่องนี้อีก
ชุ่ยผิงตอบกลับ “เรียนคุณชายรอง นำไปทำยาเม็ดรักษาโรคบิดเจ้าค่ะ คุณหนูบอก อุทกภัยครั้งนี้ทำลายแหล่งน้ำสะอาด อากาศร้อนจัดเช่นนี้ ผู้คนคงมิอาจขาดน้ำได้ แต่พอดื่มน้ำไม่สะอาดเข้าไปก็ต้องป่วยเป็นโรคบิดแน่นอน ดังนั้นคุณหนูจึงอยากจะรีบปรุงยาเม็ดไว้รักษาโรคบิด ให้คุณชายรองและท่านรองแม่ทัพพกติดตัวไปเจ้าค่ะ”
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง เหยาเหยียนอี้พยักหน้าและอดนับถือในการทำงานอย่างรอบคอบของน้องรองไม่ได้ ดังนั้นจึงพูดขึ้น “พวกเจ้ารีบไปจัดการเถอะ”
ชุ่ยเวยและชุ่ยผิงจึงพาผัวจื่อสองสามคนไปยกยาสมุนไพรแล้วจากไป
ถังเซียวอี้อยู่ด้านข้างพอดี พอได้ยินคำพูดนี้จึงแย้มยิ้ม “คุณหนูรองช่างเป็นคนที่ละเอียดอ่อนจริงๆ ทำงานรอบคอบ ท่านแม่ทัพของพวกเรามีวาสนายิ่งนัก”
“รู้ว่าเป็นเช่นนี้ก็ดี” เหยาเหยียนอี้ยิ้มๆ “หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่ความจริงใจที่แม่ทัพของเจ้ามอบให้กับน้องรองของข้า ข้าคงไม่มีทางเห็นด้วยกับงานสมรสครั้งนี้”
ถังเซียวอี้หัวเราะเสียงดังแล้วพูดขึ้น “ใต้เท้าเหยาวางใจเถอะ แม่ทัพของพวกเราเป็นคนรักเดียวใจเดียว หากหมายปองใครแล้วก็จะเป็นรักใคร่ตลอดชีวิต”
เหยาเหยียนอี้ก็ยกยิ้ม ตอนนี้กิจธุระทางราชการยังไม่ราบรื่น ทว่าพอนึกถึงงานสมรสที่จะเกิดขึ้น ก็ถือเป็นการปลอบโยนเขาอยู่บ้าง
คืนนั้น เหยาเยี่ยนอวี่จึงรีบปรุงยาให้เสร็จแล้วห่อเป็นถุงเล็กๆ ทีแรกก็อยากทำเป็นยาเม็ด ทว่าเวลาไม่ทันการ นางจึงทำได้เพียงเปลี่ยนวิธีบดเป็นผง แล้วเอาผ้าเนื้อบางมาเย็บเป็นถุงขนาดเล็ก จากนั้นก็ใส่ผงยาไว้ด้านในถุง หากมีใครที่ไม่สบาย ก็นำห่อยานี้มาต้มเป็นน้ำแล้วดื่ม ฤทธิ์ของมันก็คล้ายคลึงกับยาเม็ดอยู่แล้ว
ย่ำรุ่ง ถังเซียวอี้และเหยาเหยียนอี้พาทหารมากฝีมือที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของเว่ยจางสามสิบนาย และข้ารับใช้ของตระกูเหยาอีกสามสิบคนเคลื่อนขบวนรถม้าสามสิบกว่าคันด้วยกัน เหยาเยี่ยนอวี่นำห่อยาให้เหยาเหยียนอี้ แล้วยังบอกวิธีการดื่ม
เหยาเหยียนอี้มองเหยาเยี่ยนอวี่ที่มีสีหน้าเหนื่อยล้าจึงตบไหล่นางพร้อมพยักหน้าอย่างแรง “เจ้าเองก็ดูแลสุขภาพดีๆ ล่ะ”
หลังจากขบวนรถม้าออกจากท่าเรือ เรือลำใหญ่ทั้งสองลำก็เริ่มเคลื่อนไปด้านหน้า
หนิงฮูหยินน้อยแทบจะนอนไม่หลับทั้งคืน เวลานี้จึงทนเพลียไม่ไหวอีกต่อไป เหยาเยี่ยนอวี่จึงบอกให้จินหวนพยุงนางเข้าไปพักผ่อน
เว่ยจางตรวจสอบเรือทั้งสองลำไปหนึ่งรอบ แล้วจึงยืนอยู่ตรงหัวเรือ หันไปมองเหยาเยี่ยนอวี่ที่คลุมเสื้อคลุมสีมะเขือม่วงไว้ ด้วยเหตุนี้จึงโน้มน้าวขึ้น “อย่าดูเลย รีบกลับไปนอนพักเถอะ รอให้ถึงท่าเรือเถาฮวาป้าแล้วเปลี่ยนเป็นนั่งรถม้า เกรงว่าจะหลับไม่สบาย”
เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้มอย่างประหม่า แล้วพูด “ไม่เป็นไร มนุษย์เราไม่มีใครที่ทนความลำบากไม่ได้หรอก”
นางทะลุมิติมาที่นี่แล้วใช้ชีวิตอยู่ในจวนอย่างไร้ความกังวลใดๆ มาสิบปี ไม่เคยพบเจอกับความยากลำบากจริงๆ ทว่าเมื่อภพก่อน นางต้องทำการทดลอง เก็บสถิติอะไรเหล่านี้ การทำงานจนถึงเช้าก็เป็นเรื่องปกติ วันนี้นางเชี่ยวชาญในทักษะการแพทย์แล้ว ร่างกายที่นางบำรุงรักษามาสิบปี ไม่ได้นอนหนึ่งคืนเป็นบางครั้งก็คงไม่เป็นไร