บทที่ 312 : เจตนาคุณไม่บริสุทธิ์
ฮู้ด…ใช่แล้ว นั่นเขา!
ถ้าเป็นแบบนี้จริงก็เข้าใจได้แล้ว เจ้าของร้านหลินมีความสามารถพอที่จะเปลี่ยนนักวิชาการธรรมดาให้กลายเป็นระดับสูงได้ในพริบตาจริง ๆ
คิดไม่ถึงเลย จากเรื่องที่เกิดขึ้น เขาน่าจะเหยียบเท้าเจ้าของร้านหลินเข้าจัง ๆ แต่เขากลับได้รับการเลื่อนระดับเร็วกว่าลูกค้าร้านหนังสือหลาย ๆ คนเสียอีก…
อย่างจี้จือซู่ที่มีการเลื่อนระดับอย่างชัดเจนที่สุด ตอนนี้เธอก็ยังอยู่ในระดับสูงสุดของระดับสัตว์ประหลาด ไม่เพียงแต่การเลื่อนระดับจะช้าแล้ว เธอยังไม่สามารถแม้แต่จะแตะระดับภัยพิบัติได้ด้วยซ้ำ
แต่เจ้าฮู้ดนี่กลับกระโดดข้ามขั้นจากนักวิชาการธรรมดามาอยู่ระดับภัยพิบัติอย่างคาดไม่ถึง!
พิจารณาจากรายงานการวิเคราะห์ของแผนกโลจิสติกส์ของหอคอยแล้ว ถึงเจ้าของร้านหลินจะไม่พูดออกมา แต่ที่จริงเขาก็แบ่งระดับขั้นในการให้ความช่วยเหลือลูกค้าของเขาอย่างชัดเจนและขึ้นอยู่กับราคาที่ลูกค้าต้องจ่าย
อย่างเช่นโจเซฟที่ได้มอบดาบปีศาจให้เจ้าของร้านหลินและให้ความช่วยเหลือเขามากมาย ดังนั้นเขาจึงได้รับการฟื้นความแข็งแกร่งและโอกาสในการเลื่อนขั้นสู่ระดับเหนือนภา
อีกตัวอย่างหนึ่งก็คือวินเซนต์ ราคาที่เขาต้องจ่ายค่อนข้างซับซ้อน พูดได้ว่าเขาเสียความเป็นคนธรรมดาของตัวเองไปทั้งหมดแล้วกลายมาเป็นเครื่องมือของเจ้าของร้านหลิน แต่ราคาที่ต้องจ่ายแต่ละอย่างหนักหนามาก ดังนั้นเขาจึงถูกยกขึ้นเป็นระดับเหนือนภาทันที แล้วกลายเป็นสังฆราชแห่งศาสนาใหม่
แต่ช่วงเวลาที่จี้จือซู่ติดต่อกับร้านหนังสือก็นับว่าเร็ว สิ่งที่เธอจ่ายก็ไม่เท่าไหร่ ดังนั้นเธอจึงได้รับกลับมาไม่มากเช่นกัน
ฮู้ดต้องจ่ายอะไรไปเพื่อให้ได้มาซึ่งความสามารถแบบนี้กันล่ะ?
ในตอนนี้ โจเซฟก็ยังหาคำตอบไม่ได้
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ได้สติกลับมาแล้วหันไปที่ประตูทางเข้า จัดระเบียบสมาชิกทีมที่มากับเขาเป็นอันดับแรก เขาเน้นย้ำงานที่ได้รับมอบหมายอีกครั้งรวมถึงการเตรียมอุปกรณ์ต่าง ๆ เป็นต้น
แล้วเขาก็นำคนติดตามแอนดรูว์กับฮู้ดไปในพื้นที่ที่เป็นแก่นลึกที่สุดของเมืองนอร์ซินทั้งเมือง
เนื่องจากเหตุการณ์ของออสวาลด์ก่อนหน้านี้ คล็อดที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสยังไม่หายดี เขาจึงไม่ได้เข้าร่วมปฏิบัติการนี้ด้วย
งานเหล่านี้ที่ควรจะเป็นของคล็อดจึงถูกส่งต่อมาให้โจเซฟ
ยิ่งเขาคิดถึงสภาพน่าสงสารของศิษย์เขาในตอนนี้เท่าไหร่ โทสะในใจที่มีต่อไวลด์ก็ยิ่งทวีคูณ โจเซฟพยายามกดข่มมันไว้จนเกิดเป็นดาบแห่งเพลิงพิโรธ
แต่ในช่วงสองสามวันนี้ มีเสียงอื่น ๆ ผุดขึ้นจากลึก ๆ ในใจของเขามากมาย
ก่อนหน้านี้ไวลด์ได้พูดขึ้นว่าเขาต้องการวิญญาณของออสวาลด์เพื่อซ่อมการ์กอยล์ของเจ้าของร้านหลิน ซึ่งเขาเรียกเจ้าของร้านหลินเป็นนาย
หรือก็คือ…เจ้าของร้านหลินรู้สิ่งที่ไวลด์กระทำอยู่แล้ว และเป็นไปได้มากว่าเขากำลังบอกใบ้อยู่
และเป็นจริงตามนั้น หลังจากการสืบสวนและคำให้การของแคโรไลน์ในภายหลัง เรื่องที่ออสวาลด์เป็นคนทรยศที่วิถีแห่งดาบอัคคีส่งมาเพื่อแฝงตัวในองค์กรหลายต่อหลายปีก็ถูกพิสูจน์ว่าเป็นความจริง
ถ้าทั้งหมดนี้เป็นแผนของเจ้าของร้านหลิน ก็จะดูเหมือนเป็นเรื่องดีสำหรับหอพิธีกรรมต้องห้ามจริง ๆ
แต่ว่าจากความรู้สึกของตัวโจเซฟเองแล้ว วิธีการของมันช่างไม่ชวนให้สบายใจเลย…
ดูเหมือนไวลด์จะช่วยหอพิธีกรรมต้องห้ามตามความปรารถนาของเจ้าของร้านหลิน แต่ที่จริงแล้วเขากำลังเผยเจตนาชั่วร้ายที่อยากจะแก้แค้นโจเซฟออกมา!
ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น พวกเขาก็แค่ฆ่าออสวาลด์เสียก็จบเรื่องแล้ว
แต่นี่มันไม่ใช่ ผู้ที่เจ้าของร้านหนังสือส่งมาช่วยโจเซฟกลับเป็นไวลด์ที่มีความแค้นกับเขา!
เขาเปลี่ยนออสวาลด์เป็นสัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่ง ทำให้หอพิธีกรรมต้องห้ามเสียอัศวินไปหลายสิบนาย ทำให้ศิษย์คนเดียวของโจเซฟเกือบถูกฆ่า แล้วทิ้งท้ายว่าตัวเองมาช่วยหอพิธีกรรมต้องห้ามก่อนที่จะลอยนวลจากไป
โจเซฟรู้สึกตาสว่างขึ้นมากะทันหัน
จู่ ๆ เขาก็เข้าใจ พระเจ้าสนใจมุมมองของผู้คนเล็กจ้อยด้วยเหรอ?
บางที เรื่องนี้อาจจะได้รับการแก้ไขโดยสมบูรณ์แล้วในสายตาเจ้าของร้านหลิน แต่ในสายตาของโจเซฟแล้ว นี่คือสัญลักษณ์ของความวุ่นวาย…
ไม่ใช่แค่ความชั่วร้าย แต่เป็นความวุ่นวายโดยบริสุทธิ์
หลังจากเห็นการปรากฏตัวของนิกายกลืนศพ ความคิดในใจของโจเซฟก็พลันยิ่งชัดเจน
ไวลด์นับเจ้าของร้านหลินเป็นนาย แล้วเขาก็ตั้งลัทธิชั่วร้ายนี่ขึ้นมา ก็ย่อมเชื่อได้ว่าที่จริงแล้วเป็นการกระทำในนามเจ้าของร้านหนังสือหลินเจี๋ย
ทุกการกระทำชั่วร้ายของสาวก ไม่ว่าจะเป็นการสังเวยเลือดและเรื่องอุกอาจต่าง ๆ บางทีอาจได้รับการยอมรับจากร้านหนังสือ กระทั่งอาจจะส่งเสริมด้วยซ้ำ
หอพิธีกรรมต้องห้ามได้ยินข่าวลือมามากมาย และนิกายกลืนศพก็ขานนามพระเจ้าของพวกตนว่าเป็น ‘ผู้ส่งสาส์นแห่งเลือดเนื้อ’ และ ‘ผู้เขียนพิธีกรรมและขนบธรรมเนียม’
…ซึ่งทุกอย่างสามารถโยงไปหาเจ้าของร้านหนังสือได้
ดังนั้น จากมุมมองเหล่านี้ ก็เป็นไปได้สูงมากว่าผู้บัญญัติคำสอนอันโหดร้ายของนิกายกลืนศพจะเป็นเจ้าของร้านหลิน!
แล้วโจเซฟก็คิดว่า เขาควรปฏิบัติกับเจ้าของร้านหลินอย่างไรล่ะ?
ความเที่ยงธรรมในใจของเขาเหมือนจะบอกคำตอบกับเขาแล้ว แต่ด้วยเหตุผลที่สั่นคลอนบางอย่าง เขาจึงไม่อาจพูดออกมาได้
“ท่านเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ไร้เทียมทาน คุณรู้ไหมว่าทำไมผมถึงขอเจาะจงให้คุณมา?”
หลังจากหลีกเลี่ยงพื้นที่ทำการทดลองอันตราย และฆ่าสิ่งที่ไม่รู้ว่าเป็นสัตว์มายาที่ไม่รู้จักหรือสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์มากมายจนมาถึงทางเข้าเขตต้องห้ามที่ถูกล้อมด้วยลวดหนามแล้ว แอนดรูว์ก็พลันถามขึ้นมา
โจเซฟเหลือบมองกลับมา อัศวินที่เดินนำเขามานั้นเดินห่างจากทั้งสองมาก แต่พวกเขาก็ได้ยินชัดเจน
คาดว่าคงไม่ใช่เรื่องที่เป็นความลับ
เขามองแอนดรูว์แล้วถามขึ้นอย่างไม่ใส่ใจนัก “ทำไมล่ะ?”
แอนดรูว์ยิ้มแล้วตอบ “เพราะพวกเราต่างก็เป็นลูกค้าร้านหนังสือครับ บางแง่มุมแล้วเราก็ดูเหมือนจะเป็นหุ้นส่วนที่ดีที่สุดขององค์กร และเราย่อมไว้ใจอีกฝ่ายอยู่แล้ว”
“…” โจเซฟไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะตรงไปตรงมาขนาดนี้
เขามองฮู้ดที่กำลังเปิดสิ่งกีดขวางเหล่านี้ “สังสาระจักรกลเป็นพื้นที่ลับสุดยอดของสมาคมแห่งสัจธรรม ที่จริงแล้วแม้บุคคลภายนอกจะไม่เข้าใจมัน แต่การเปิดเผยมันให้คนขององค์กรอื่นก็เป็นไปไม่ได้เลย”
“แต่ถ้าผมไปหาท่าน เหตุผลพวกนี้ก็ไร้สาระ เหตุผลเดียวจริง ๆ ก็คือร้านหนังสือเป็นสะพานเชื่อมความไว้วางใจระหว่างเราอยู่ ทำให้เราสามารถแลกเปลี่ยนความคิดกันได้ครับ”
“แต่พอผมได้เห็นท่านจริง ๆ ผมก็พบว่าผมอาจจะคิดผิดพลาดนิดหน่อย ถึงผมจะยังสามารถเชื่อใจคุณได้ แต่ผมคงดึงคุณมาเข้าพวกกับผมไม่ได้”
ม่านตาของโจเซฟหดตัว แล้วเขาก็ถาม “ทำไมล่ะ?”
“ถึงพวกเราต่างก็เป็นลูกค้าของร้านหนังสือก็ตาม ทั้งผม คุณ ฮู้ด หรือแม้กระทั่ง…ไวลด์ ต่างก็เป็นลูกค้า แต่คุณต่างออกไป”
แอนดรูว์มองเขาด้วยแววตาล้ำลึกแล้วพูดเบา ๆ “เจตนาคุณไม่บริสุทธิ์”
“เปิดแล้วครับ! ที่นี่คือ…”
ฮู้ดที่นำหน้าอยู่พลันเร่งเสียง แต่เขาก็หยุดลงกะทันหัน
ทุกคนหันมองตามไป แล้วต่างก็ตกตะลึง
แสงสว่างจ้าที่ส่องเข้ามาทำให้ทุกคนอดหยีตาไม่ได้
ที่นี่คือโครงสร้างอาคารขนาดใหญ่ที่ซับซ้อนเหมือนรังผึ้ง มันสูงและกว้างมาก ด้านบนมีลูกบอลสีขาวที่เปล่งแสงจ้า โครงโลหะและรางเฟืองเชื่อมห้องต่าง ๆ และทางเดินให้ติดต่อกัน แต่ปัญหาอยู่ที่คนในนั้น
มีคนจำนวนมากสวมชุดขาว บ้างเดินไปมา บ้างทำงาน…แต่ทุกคนหน้าเหมือนกันเป๊ะ ดูเย็นชาและไร้อารมณ์ใด ๆ!