the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ – ตอนที่ 171 โลกนี้ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าสวรรค์หรอก

“แต่ที่นี่ไม่ใช่พื้นที่ของสมาคมตระกูลชิ่งนะ” เสี่ยวอวี้เป็นกังวล “หลัวหลานจะช่วยอะไรได้เหรอ”

เริ่นเสี่ยวซู่คิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูด “เขามีอำนาจขนาดทำให้เราเป็นผู้อาศัยในป้อมปราการอย่างถูกกฎหมายได้ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ไม่น่าเป็นปัญหา ผมว่าไม่มีอะไรหรอก”

“แล้วถ้าเขาไม่มาหาพวกเราล่ะ” เสี่ยวอวี้ถาม

เหยียนลิ่วหยวนที่อยู่ใกล้ๆ เอ่ย “ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นเลยพี่ ตงฟู่หนานยังอยู่ในมือพวกเรา”

พูดจบก็ได้ยินเสียงรถดังใกล้เข้ามา เริ่นเสี่ยวซู่หันไปมอง นั่นมันหลัวหลานนั่งเชิดหน้าอยู่ที่นั่งข้างคนขับไม่ใช่เหรอ

รถยนต์มาจอดที่หน้าร้าน เริ่นเสี่ยวซู่หันมองหลัวหลาน “ซื้อรถมาใหม่?”

หลัวหลานรวยมากเห็นกันอยู่แล้ว เสี่ยวอวี้เล่าว่าเธอไปถามราคารถที่ร้านขายรถมา แต่ไม่ว่าจะเป็นรถหรูหรือไม่ ราคาก็ล้วนสูงปรี๊ด

ส่วนหลัวหลานไม่กี่วันก็เปลี่ยนรถไปหลายคันแล้ว

แต่เริ่นเสี่ยวซู่ไม่รู้เลยว่าพวกรถราคา ‘สูงปรี๊ด’ ที่ว่านั่นถือว่าเป็นแค่ของเล่นถ้าเทียบกับอำนาจทางการเงินที่สมาคมหนึ่งมี

หลัวหลานกระโดดลงมาจากรถ “มายืนกันที่หน้าร้านทำไมน่ะ”

“กองดูแลความสงบเรียบร้อยจับหวังฟู่กุ้ยไป” เริ่นเสี่ยวซู่เข้าประเด็นทันที

หลัวหลานผงะ “เกิดอะไรขึ้น”

เริ่นเสี่ยวซู่อธิบายให้เขาฟัง หลัวหลานขมวดคิ้วมุ่น “เหมือนจะมีคนเล็งเป้าไปที่ยาดำ อาจจะเป็นเพราะว่ายาดำมีฤทธิ์เยี่ยมมากก็ได้ เลยมีคนไม่น้อยคิดอยากยึดเป็นของตัวเองคนเดียว ฉันเคยเห็นแผนการแบบนี้มาก่อน ตอนแรกจะใช้ทุกวิธีห้ามนายขายยา จากนั้นก็จะส่งคนมาซื้อสูตร”

“ซื้อสูตรยา?” เริ่นเสี่ยวซู่สีหน้าบูดบึ้ง คนที่สามารถขโมยสูตรยาดำได้คงยังไม่เกิดเลยมั้ง ขนาดตัวเขาเองเขายังไม่รู้สูตรยาเลย

“ไม่ใช่แค่นั้นนะ” หลัวหลานพูด “ยังมีปัญหาอื่นที่นายต้องเจออีก ต่อให้นายรับมือได้หนึ่งราย แต่คนอื่นๆ ก็จะแห่มาอยู่ดี พวกเขาจะทำให้นายหลังชนฝา จากนั้นก็ซื้อสูตรยาดำจากนายด้วยราคาต่ำเตี้ยเรี่ยดิน”

“เรื่องที่ยังไม่เกิดก็ช่างมันไปก่อน” เริ่นเสี่ยวซู่จ้องหน้าหลัวหลานแล้วถาม “ในกองดูแลความสงบเรียบร้อยมีคนจากสมาคมตระกูลชิ่งหรือเปล่า”

หลัวหลาน “มี สองวันก่อนคนของฉันโดนจับไปขังที่นั่นสองคน…”

เริ่นเสี่ยวซู่ “…”

เขาโกรธแกมขัน “ฉันไม่ได้ต้องการถามแบบนั้นโว้ย…”

“ฮ่าๆๆ ล้อเล่นเฉยๆ น่า” หลัวหลานหัวเราะคิกคัก

“ขนาดเป็นคนของสมาคมตระกูลชิ่งก็โดนจับได้ด้วยเหรอ” เริ่นเสี่ยวซู่พูดไม่ออก เขาคิดจะใช้หลัวหลานช่วยหวังฟู่กุ้ยออกมาจากกองดูแลความสงบเรียบร้อยเสียหน่อย ทว่าเขาต้องตะลึงไปที่สมาคมตระกูลชิ่งมีคนโดนจับไปเหมือนกัน

“นายเข้าใจผิดแล้ว” หลัวหลานว่า “เดี๋ยวไปถามลู่หยวนเรื่องนี้ให้ หวังฟู่กุ้ยน่าจะถูกปล่อยตัวคืนนี้แหละ”

“ทำไมนายไม่เอาคนของตัวเองออกมาก่อนล่ะ” เริ่นเสี่ยวซู่ไม่เข้าใจ

หลัวหลานเขินเล็กน้อย “พวกเขายังเปิดเผยตัวตนไม่ได้น่ะ”

พูดแล้วเริ่นเสี่ยวซู่ก็พลันเข้าใจว่าคนทั้งสองของหลัวหลานที่ถูกจับไปคงกำลังทำเรื่องผิดกฎหมายภายใต้คำสั่งของหลัวหลานอยู่ ดังนั้นเขาจึงไปออกหน้าช่วยพวกเขาไม่ได้ แต่เรื่องของหวังฟู่กุ้ยเขายังช่วยเหลือได้อยู่

ทว่ายังคุยกับหลัวหลานไม่ทันเสร็จ เริ่นเสี่ยวซู่ก็เห็นหวังฟู่กุ้ยเดินเข้าร้านมา เริ่นเสี่ยวซู่ตะลึง “เหล่าหวัง ไม่ใช่ว่าลุงโดนกองดูแลความสงบเรียบร้อยจับไปเหรอ”

“อ้อ” หวังฟู่กุ้ยเอ่ย “พอฉันไปถึงกอง พวกเขาก็ได้รับคำสั่งมาจากเบื้องบน และปล่อยฉันกลับมาเนี่ย”

“ใครเป็นคนสั่ง” เริ่นเสี่ยวซู่สงสัย “พวกเขาทำอะไรลุงหรือเปล่า”

“เปล่าๆ เห็นมีคนพูดว่ามีคำสั่งปล่อยตัวลงมาจากผู้ปกครองป้อมลู่หย่วนแน่ะ” หวังฟู่กุ้ยยิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

หลัวหลานที่อยู่ด้านข้างภาคภูมิใจ “เห็นมะ? พวกเขายังเคารพฉันอยู่เนี่ย เจ้าลู่หย่วนนั่นรู้เรื่องรู้ราวใช้ได้เลย”

ทว่าเริ่นเสี่ยวซู่รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากล ไม่ว่าลู่หย่วนจะไว้หน้าหลัวหลานแค่ไหน พวกเขาก็คงไม่มีทางปล่อยหวังฟู่กุ้ยทั้งๆ ที่หลัวหลานยังไม่ไปหาหรอก หรือว่ายังมีเบื้องลึกเบื้องหลังอะไรอื่นอีก แต่เริ่นเสี่ยวซู่ไม่รู้ว่าลู่หย่วนกับสมาคมตระกูลชิ่งมีสายสัมพันธ์แบบไหน เขาเองจึงตัดสินอะไรไม่ได้เช่นกัน

แค่หวังฟู่กุ้ยถูกปล่อยตัวมาได้ก็เยี่ยมแล้ว

“เอาล่ะ พวกนายสองคนคุยกันไปก่อน ฉันจะไปคุยกับตงฟู่หนาน” หลัวหลานยิ้ม “ไม่น่ามีปัญหาอะไรแล้วล่ะ ถ้ามีคนมาสร้างปัญหาก็มาหาฉันได้”

“ขนาดลู่หย่วนยื่นมือออกมาแล้ว คนพวกนั้นยังไม่เลิกรังควานพวกฉันอีกเหรอ” เริ่นเสี่ยวซู่งุนงง

“มนุษย์ขับเคลื่อนด้วยเงินตรา” หลัวหลานว่า “ก็อย่างคำพูดที่ว่า ยิ่งคุณอยู่ระดับต่ำเท่าไร ก็ยากที่จะข้ามผ่านมากเท่านั้น แถมลู่หยวนไม่ใช่ผู้กุมอำนาจเด็ดขาดในป้อมปราการ 109 ใครจะไปรู้ อาจจะเป็นสมาคมตระกูลหลี่ก็ได้ที่จับตายาดำอยู่ หรือไม่ก็อาจจะเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับพวกเขา ถ้าคนพวกนั้นหาเรื่องให้พวกนายไม่หยุด ก็สร้างปัญหาให้นายไม่หย่อนแล้ว”

เริ่นเสี่ยวซู่เงียบไป เป็นครั้งแรกเลยที่เขาได้เผชิญคนที่ชั่วร้ายแบบนี้ในป้อมปราการ ถ้าคนในแดนรกร้างปล้นคนด้วยมีดแหลม คนในป้อมปราการก็คงปล้นคนด้วยมีดทื่อ

แต่สุดท้ายมองอย่างไรพวกเขาก็เป็นโจรอยู่ดีไม่ใช่หรือ

ต่อให้ใส่สูทก็ไม่ทำให้สันดานโจรป่าเปลี่ยนไปหรอก

เริ่นเสี่ยวซู่พูด “ขอบคุณล่วงหน้านะ ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ฉันจะไปหานายทันทีเลย”

หลัวหลานยิ้ม “ตอนนี้นายอยู่ในป้อมปราการ ก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมในป้อมปราการด้วย นายจะเอาแต่สู้เอาแต่ฆ่าอย่างเดียวไม่ได้หรอกนะ ถังโจว เอาเบอร์โทรพวกเราให้เขา”

เริ่นเสี่ยวซู่พลันเกิดคำถาม “แต่ช่วงนี้เป็นพวกนายเอาแต่สู้เอาแต่ฆ่านะ”

“ฮ่าๆๆ อย่างงั้นเหรอ” หลัวหลาวยิ้มขื่น “มันเป็นกลยุทธ์ของฉันน่ะ!”

“กลยุทธ์อะไรล่ะนั่น” เริ่นเสี่ยวซู่สงสัย

“ก็อย่างที่นายเห็น สมาคมตระกูลหลี่คุ้มกันผลงานวิจัยอย่างกับเป็นสมบัติล้ำค่า พวกเขาใช้กำลังทหารทั้งหมดของตัวเองทุ่มคุ้มกันที่นั่น” หลัวหลานพูดอย่างภาคภูมิใจ “แต่นายก็เห็น มีเรื่องเกิดขึ้นเยอะแยะขนาดนี้พวกเขาอยู่เฉยไม่ได้แล้วล่ะ สุดท้ายก็ถูกบังคับให้แบ่งกำลังออกมา แบบนี้กองกำลังคุ้มกันที่มหาวิทยาลัยก็อ่อนแอลงแล้วไง”

เริ่นเสี่ยวซู่แปลกใจ “นายคิดได้ถึงขนาดนั้นเลย ทำไมฉันถึงรู้สึกว่านายเพิ่งคิดหาเหตุผลขึ้นมามั่วซั่วนะ”

หลัวหลานไม่พอใจ “ฉันนี่ใคร ขี้เกียจคุยกับนายแล้ว เสียความรู้สึก!”

หลัวหลานพูดจบก็เดินไปหลังร้าน เริ่นเสี่ยวซู่กล่าวกับหวังฟู่กุ้ยและคนอื่นๆ “ช่วงนี้ก็ระวังตัวหน่อยแล้วกัน”

“ไม่มีวิธีอื่นที่ตรงไปตรงมากว่านี้แล้วหรือไงนะ” เป็นครั้งแรกที่หวังฟู่กุ้ยเจออะไรแบบนี้ “คนพวกนั้นนี่มันยังไงกัน พฤติกรรมน่ารังเกียจแบบนี้ไม่มีในแดนรกร้างด้วยซ้ำ”

เริ่นเสี่ยวซู่ถอนหายใจ “พวกเราเคยคิดว่าป้อมปราการเป็นสถานที่ที่ผู้อพยพทุกคนอยากเข้ามาสุดชีวิต แต่พอเข้ามาแล้วถึงได้รู้ว่า โลกนี้ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าสวรรค์หรอก”

the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์

the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์

the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์
Status: Ongoing
ในความมืดมิดอันปั่นป่วนโกลาหล หนุ่มน้อยเริ่นเสี่ยวซู่ผงะตื่นขึ้นพร้อมกับปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก จากนั้นก็หันไปมองเด็กชายอายุราวสิบสี่ปีที่ยืนอยู่ตรงประตู “ลิ่วหยวน มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า” เริ่นเสี่ยวซู่ถาม แม้จะเรียกเด็กชายว่าลิ่วหยวน แต่ความจริงแล้วชื่อเขาคือเหยียนลิ่วหยวน มองแวบแรก เหยียนลิ่วหยวนดูราวกับคนใสซื่อไม่มีพิษภัยอะไร ทว่าในมือเขานั้นกลับกำมีดกระดูกแน่น ยืนเฝ้าอยู่ตรงประตู ตอนนี้ดึกดื่นค่อนคืน แม้ว่าเขาจะดูง่วงงุนเพียงไร ก็ไม่หลับตาลงแม้แต่น้อยเพราะว่าจำเป็นต้องเฝ้ายามตอนกลางคืน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset