บทที่ 157 พบเจออีกครั้ง
ท่านแม่เฒ่าได้ยินแล้วก็หัวเราะ
สกุลคนธรรมดาทั่วไปมักจะคิดเช่นนี้
สกุลอวี้นับว่าเถรตรงเหลือเกิน
“เป็นข้าคิดไม่รอบคอบ” ท่านแม่เฒ่าเอ่ย “บนเขาอากาศหนาว รอให้ผ่านไปสักหลายวัน ข้าก็จะกลับจวนแล้ว”
เป็นดังนั้นจริงๆ ท่านแม่เฒ่าไม่ได้ขึ้นเขามาอย่างไร้จุดประสงค์แน่
เพียงแต่นี่ไม่เกี่ยวข้องกับนาง นางเองก็ไม่อาจถามซักไซ้
ท่านแม่เฒ่าเอ่ยถึงเรื่องสกุลหลี่ขายที่นากับอวี้ถัง “เหตุใดเจ้าถึงคิดว่าสกุลหลี่มีเจตนาอื่นเล่า?”
อวี้ถังไม่อาจตอบไปว่าเป็นเพราะนางมีประสบการณ์จากชาติก่อน ดังนั้นเลยรู้เบื้องลึกเบื้องหลังของสกุลหลี่ จึงได้แต่เอ่ยว่า “ข้ารู้มาว่าสกุลฝั่งมารดาของฮูหยินหลี่เป็นพ่อค้าใหญ่ที่ฝูเจี้ยน ทั้งไม่เคยได้ยินว่าสกุลหลินตกต่ำนี่เจ้าคะ!”
ความนัยก็คือ จากความสัมพันธ์ของสกุลหลี่กับสกุลหลิน หากว่าสกุลหลี่เงินขาดมือ มีหรือที่สกุลหลี่จะนิ่งเฉย!
ท่านแม่เฒ่าพยักหน้ารับ คล้ายจะพูดอะไรบางอย่าง ทว่ามีสาวใช้เดินเข้ามาพอดี บอกว่านายหญิงรองพาคุณหนูห้ามาขอเข้าพบ
“รีบเชิญพวกนางเข้ามา” ท่านแม่เฒ่าได้ยิน นัยน์ตาก็ทอแสงวิบวับ เห็นชัดว่าชอบพอนายหญิงรองกับคุณหนูห้าไม่น้อย
ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของนายหญิงใหญ่กับท่านแม่เฒ่าเป็นอย่างไรบ้าง?
อวี้ถังยังไม่เคยเจอนายหญิงใหญ่ต่อหน้าท่านแม่เฒ่ามาก่อน
นายหญิงรองกับคุณหนูห้าเห็นว่าอวี้ถังก็อยู่ด้วย นายหญิงรองนั้นยังดีหน่อย พยักหน้าให้อวี้ถังพร้อมเผยรอยยิ้มสำรวม ส่วนคุณหนูห้ากลับวิ่งพุ่งเข้ามาทันที ตะโกนเรียก “พี่อวี้” เสียงดัง แล้วถามนางอย่างดีอกดีใจว่า “ท่านจะอยู่ฉลองคืนวันปีใหม่ที่จวนข้าเช่นกันหรือ? อีกเดี๋ยวท่านจะไปปล่อยโคมลอยด้วยกันหรือไม่? พวกหู่พั่วจะสอนข้าทำโคมลอยด้วยเจ้าค่ะ”
เช่นกัน?!
ยังมีใครอีกรึ
อวี้ถังรู้สึกประหลาดใจ
คนในสกุลเผยไม่ได้ตั้งใจจะปกปิดนาง นายหญิงรองเอ่ยขึ้นมา “คุณหนูกู้ทางบ้านเกิดเรื่องนิดหน่อย ปีนี้จะมาฉลองปีใหม่กับพวกเราด้วย”
ที่บ้านนางจะมีปัญหาอะไรได้?
อวี้ถังยิ้มเย้ยในใจ
เพราะมารดาเลี้ยงของกู้ซี เป็นเหตุให้นางกับบิดาและเหล่าพี่น้องต่างมารดาคนอื่นๆ มีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยจะราบรื่นนัก ถึงขั้นใช้คำว่าไม่สนใจความเป็นตายของพวกเขามาอธิบายได้ อีกอย่าง เมื่อชาติก่อนตนก็ไม่เคยได้ยินว่าสกุลนางเกิดเรื่องอะไรขึ้น…
หรือว่าสกุลกู้กับสกุลเผยมีแผนจะเกี่ยวดองกันจริงๆ ดังนั้นกู้ซีถึงได้หาข้ออ้าง ทั้งท่านแม่เฒ่าก็ยอมไหลตามน้ำรับตัวกู้ซีไว้?!
นางอยากจะรู้นักว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับสกุลกู้
หากว่าเป็นชาติก่อน นางคงแอบสืบข่าวไปแล้ว แต่กลับมาเกิดในชาตินี้ นางตระหนักตัวดีว่าตนมีกำลังแค่ไหน หากต้องแสร้งออกอุบายกับคนเช่นท่านแม่เฒ่าแล้ว ไม่สู้ถามออกไปตรงๆ จะดีกว่า หากผู้อื่นยอมบอก นางก็จะฟังเอาไว้ หากผู้อื่นไม่ยอมบอก นางก็จะหยุดความอยากรู้อยากเห็นนี้เสีย ดังนั้นนางจึงไม่ลังเลแล้วโพล่งไปทันทีว่า “ทางบ้านของคุณหนูกู้เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ? ถึงขนาดไม่อาจกลับไปฉลองปีใหม่ได้?”
ท่านแม่เฒ่ากับนายหญิงรองเผยสีหน้าประหลาดใจให้เห็น จากนั้นสองคนก็แลกเปลี่ยนสายตากัน
สิ่งที่ผิดจริยธรรมอย่ามอง สิ่งที่ผิดจริยธรรมอย่าพูด เรื่องส่วนตัวที่เกี่ยวพันถึงสกุลผู้อื่น คนทั่วไปย่อมไม่ซักไซ้ไต่ถาม คุณหนูอวี้นับว่าได้รับการเล่าเรียนสั่งสอน ตามหลักแล้วควรแสร้งไม่รับรู้จึงจะถูก คิดไม่ถึงว่านางจะเอ่ยปากถามอย่างเปิดเผยเช่นนี้
คุณหนูอวี้ผู้นี้นับว่ารู้ความหรือไม่รู้ความกันแน่เล่า?
ท่านแม่เฒ่ากดข่มความฉงนในใจ แล้วบอกปัดอย่างไม่อ้อมค้อมว่า “เรื่องของสกุลกู้ พวกเราก็ไม่สะดวกพูดมาก เพียงแต่ได้รับจดหมายจากพี่ชายนาง ขอร้องพวกเราให้รับนางไว้ร่วมฉลองวันปีใหม่ด้วย อีกเดี๋ยวพอเจอคุณหนูกู้ พวกเจ้าอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ต้องเข้ากันได้ดีแน่”
อวี้ถังรับคำอย่างนอบน้อม ทว่าในใจก็คาดเดาว่าการมาของนางจะเกี่ยวกับเรื่องที่กู้ซีต้องมาฉลองปีใหม่ที่จวนสกุลเผยหรือไม่
นางสนทนาเป็นเพื่อนท่านแม่เฒ่าและนายหญิงรองอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ถูกท่านแม่เฒ่าไล่ให้ไปพัก “วันนี้เจ้าเพิ่งมาถึง นั่งเกี้ยวมาครึ่งวันแล้ว ช่วงบ่ายก็พักผ่อนอยู่ในห้องให้เต็มที่ ตอนเย็นค่อยมากินอาหารร่วมกัน”
อวี้ถังรับคำด้วยรอยยิ้ม
คุณหนูห้าดึงมือของอวี้ถังแล้วเอ่ยขอท่านแม่เฒ่าว่า “ข้าไปช่วยพี่อวี้เก็บของนะเจ้าคะ”
นายหญิงรองเอ่ยเชิงตำหนิคุณหนูห้าว่า “ไม่อนุญาตให้ซุกซน ปล่อยคุณหนูอวี้ไปพักก่อนเถอะ”
อวี้ถังชอบคุณหนูห้ามาก อีกอย่างนางเพิ่งมาถึงสถานที่แปลกใหม่ คิดว่าการมีคนคุ้นเคยมาก่อกวนอยู่ข้างๆ ย่อมจะอุ่นใจกว่า นางจึงส่งยิ้มแล้วเอ่ยกับนายหญิงรองว่า “ท่านให้นางกลับห้องไปกับข้าเถอะเจ้าค่ะ! มีนางอยู่ด้วย ข้าก็จะได้มีเพื่อน”
คุณหนูห้ารีบกอดแขนอวี้ถังแน่น หันไปบอกนายหญิงรองว่า “ท่านแม่ ดูสิเจ้าคะ พี่อวี้อยากเป็นเพื่อนกับข้า”
นายหญิงรองยังคิดห้ามปราม แต่ท่านแม่เฒ่าก็ดักขึ้นมา “เช่นนั้นเจ้าก็ไปอยู่เป็นเพื่อนคุณหนูอวี้เถอะ แต่ไม่อนุญาตให้ซุกซนเด็ดขาด หากว่าไม่เชื่อฟัง ต่อไปก็อย่าหวังว่าพวกข้าจะยอมให้เจ้าวิ่งซนไปทั่วอีก”
รอยยิ้มยินดีกระจายไปทั่วหน้าคุณหนูห้า นางเอาแต่พยักหน้าหงึกหงัก
อวี้ถังเองก็ดีใจ นางยิ้มพลางจูงมือคุณหนูห้าเอาไว้ แล้วบอกลาท่านแม่เฒ่ากับนายหญิงรอง
นายหญิงรองอดจะตัดพ้อไม่ได้ นางเอ่ยกับท่านแม่เฒ่าว่า “ท่านแม่ ท่านอย่าได้ตามใจนางเช่นนี้อีก ท่านดูเจ้าสามของบ้านสามสิเจ้าคะ อายุยังน้อยแต่รู้จักมารยาท กิริยาท่าทางค่อยเหมือนคุณหนูจากสกุลใหญ่…”
ท่านแม่เฒ่าเอ่ยแทรกคำของนายหญิงรอง “เจ้าก็ลองดูเจ้าสี่เสียบ้างสิ!”
นายหญิงรองจึงไม่ส่งเสียงอีก
ท่านแม่เฒ่าเอ่ยต่อว่า “เจ้าห้าแต่ก่อนสดใสร่าเริงเช่นนี้รึ? เดิมไว้ทุกข์ก็ลำบากพอแล้ว นางไม่ง่ายกว่าจะเจอคนพูดคุยถูกคอเข้า เจ้าที่เป็นมารดา หรือว่าไม่อยากเห็นนางมีความสุข? เด็กผู้หญิงน่ะ จะได้อยู่กับเรือนสักกี่ปีกัน! รอให้แต่งออกไป ยังไม่รู้ว่าต้องเจอกับอะไรบ้าง ผู้อื่นข้าไม่สนใจหรอก แต่ไข่มุกในมือของสกุลเรา ข้าตัดใจให้พวกนางลำบากไม่ลง”
นายหญิงรองได้ฟังก็รีบเอ่ยเป็นพัลวันว่า “มีที่ไหนเล่าเจ้าคะ! ท่านแม่เฒ่าอยู่ตรงนี้ทั้งคน ต่อให้พวกเราละเลยไปบ้าง แต่นางจะลำบากได้อย่างไร!”
ท่านแม่เฒ่าร้อง “หึ” เสียงเบา ไม่ได้ต่อความอีก
อวี้ถังพักอยู่ห้องข้างฝั่งตะวันออก นางกับคุณหนูห้านั่งอยู่บนตั่งไม้ยาวในห้อง ทางหนึ่งก็จิบชาดูซวงเถาสั่งการสาวใช้และหญิงรับใช้ของสกุลเผยให้จัดการเก็บข้าวของในห้อง
คนพวกนี้เดิมถูกส่งมารับใช้อวี้ถังก็ตั้งใจเต็มเปี่ยมอยู่แล้ว บัดนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าคุณหนูห้า จะเคลื่อนไหวทางใดก็ยิ่งคล่องแคล่วและระมัดระวังเป็นพิเศษ
คุณหนูห้าสนใจดอกไม้ผ้าที่ทำเสร็จไปได้ครึ่งเดียวซึ่งอยู่ในตะกร้าสานที่อวี้ถังพกมาด้วยอย่างมาก
นางถามอวี้ถังว่า “ข้าเรียนบ้างได้หรือไม่?”
อวี้ถังหัวเราะ “ข้าเพียงเจ้ามีใจอยากเรียนเท่านั้น”
คุณหนูห้าตื่นเต้นยกใหญ่ กระซิบกระซาบเล่าเรื่องให้นางฟังอย่างกระตือรือร้น “ใกล้ถึงวันเกิดท่านยายข้าแล้ว ข้าอยากมอบของอย่างอื่นให้นางบ้าง พี่อวี้สอนข้าทำดอกผ้าให้ท่านยายสักดอกเถอะ…ข้าจะไปขอผ้าจางหรงสีแดงพุทราจากเฉินต้าเหนียง ไม่รู้ว่าจะพอใช้หรือไม่ รอให้พี่อวี้พักเสร็จแล้ว ข้าจะให้สาวใช้ถือมาให้ท่านดู…อีกเดี๋ยวพี่สาวอีกสามคนก็จะมาแล้ว…นายหญิงเสิ่นกับคุณหนูกู้ก็ขึ้นเขามาพร้อมกับพวกเรา…พวกนางพักอยู่ที่เรือนข้างๆ ท่านนี่เอง เรือนทางนั้นจะใหญ่กว่านี้เล็กน้อย เฉินต้าเหนียงบอกว่า อย่างไรนายหญิงเสิ่นก็เป็นภรรยาของท่านเสิ่น ไม่อาจลบหลู่เกียรติได้ จึงจัดการให้พวกเขาพักในเรือนที่ดีหน่อย…แต่พี่สาวอีกสามคนก็พักอยู่ฝั่งนี้เหมือนกับพวกเราเจ้าค่ะ…”
อวี้ถังฟังแล้วก็หัวเราะ ไม่ได้ถามถึงเรื่องของคนสกุลกู้อีก
จากที่นางเห็น ในเมื่อท่านแม่เฒ่าไม่ยินยอมบอกนาง เช่นนั้นนางย่อมไม่สมควรซักถามเรื่องนี้อีกไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์เช่นใด แม้นางจะอยากรู้จนอกแทบแตกก็เถอะ
แต่การที่คุณหนูคนอื่นๆ ของสกุลเผยจะมาที่นี่ด้วยนั้น กลับทำให้นางประหลาดใจไม่น้อย
นางถามว่า “คุณหนูทั้งสามมาได้อย่างไรรึ?”
จิตใจของคุณหนูห้าวนเวียนอยู่กับดอกไม้ผ้าในตะกร้าสาน ทางหนึ่งก็ยกเครื่องมือประเภทต่างๆ ที่อยู่ในตะกร้าสานขึ้นมาพลิกดูอย่างละเอียด ทางหนึ่งก็ตอบอย่างไม่ใส่ใจว่า “พี่รองใกล้จะกำหนดงานหมั้นหมายแล้ว ท่านย่าของลุงสามต้องการพบคนก่อน จึงถือโอกาสที่มาเยี่ยมท่านแม่เฒ่าให้พี่รองมาดูตัวด้วยตนเอง ใกล้จะปีใหม่แล้ว ที่จวนสกุลเผยมีคนแวะเวียนมามาก ท่านย่าของลุงสามจึงตั้งใจมาหารือกับท่านแม่เฒ่า ท่านแม่เฒ่าก็ตอบตกลงแล้ว”
นี่นับว่าฟังขึ้นอยู่บ้าง
แต่ทำไมต้องเชิญนางมาด้วยเล่า?
นางมิใช่คนของสกุลเผยเสียหน่อย!
อวี้ยังคิดไม่ตกเสียที
เพียงแต่ไม่รอให้นางใคร่ครวญอย่างละเอียด กู้ซีพลันปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน
ข้างกายนางมีสาวใช้คนเดิมกับชาติก่อนชื่อว่าเหอเซียงติดตามมาด้วย ในมือเหอเซียงถือตะกร้าใบหนึ่ง ไม่รู้ว่าด้านในมีอะไร
“ไม่คิดว่าจะได้เจอคุณหนูอวี้ที่นี่ด้วย” กู้ซีเผยยิ้มบางๆ ปลายคางเชิดขึ้นเล็กน้อย น้ำเสียงอบอุ่นทว่าสีหน้าเย่อหยิ่ง เหมือนกับชาติก่อนตอนที่เจอกันครั้งแรกอย่างไรก็อย่างนั้น ทำให้อวี้ถังพลันเลอะเลือนชั่วขณะ เกือบแยกชีวิตทั้งสองชาติไม่ออกเลยทีเดียว
นางคิดว่า หรือเพราะกู้ซีรู้ฐานะของนาง ถึงได้วางท่าทางเช่นนี้ใส่?
แต่ท่าทีที่กู้ซีปฏิบัติต่อคุณหนูห้ากลับจริงใจอยู่มาก นางเอ่ยกับคุณหนูห้าว่า “ธูปหอมที่ข้าทำเมื่อหลายวันนี้ก่อนเสร็จแล้ว เตรียมจะมอบหนึ่งกล่องให้เจ้าไปลองใช้ ใครจะคิดว่าพอไปถึงห้องเจ้าถึงรู้ว่าเจ้ามาหาคุณหนูอวี้ทางนี้ นายหญิงเสิ่นโดนลมหนาวเข้าอีก ข้าต้องคอยเฝ้าอาการ ไม่อาจรออยู่ที่ห้องเจ้าได้ จึงได้เดินมาถึงที่นี่”
นางพูดไป เหอเซียงก็หยิบกล่องไม้สีดำประดับมุกออกมา
สาวใช้ข้างกายคุณหนูห้านามว่าอาซันรีบไปรับกล่องมาทันที
“ขอบคุณพี่กู้เจ้าค่ะ” คุณหนูห้ากล่าว ดวงหน้ายิ้มแย้มสว่างไสว เห็นชัดถึงความเยาว์วัย ทั้งไม่ได้พูดอะไรมาก ไร้กิริยากระโดกกระเดกอย่างเมื่อครู่
หัวใจของอวี้ถังสะท้านเล็กน้อย ทั้งมีความคิดบางอย่างผุดขึ้น
กู้ซีกลับคุ้นเคยกับคุณหนูห้าในรูปแบบนี้ นางเอ่ยกับอวี้ถังด้วยรอยยิ้มลุแก่โทษว่า “ต้องขออภัยด้วย ก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่าคุณหนูอวี้จะมา ข้าจึงหยิบมาแค่กล่องกลิ่นร้อยบุปผา เหมาะจะใช้เวลาอ่านหนังสือหรือคัดอักษรเป็นที่สุด”
ชาติก่อนกู้ซีชอบทำเครื่องหอม อีกทั้งเครื่องหอมที่นางทำก็มีชื่อเสียงในเมืองหลินอันมาก คหบดีหรือเหล่าแม่นางในสกุลซิ่วไฉเมืองหลินอันต่างคิดว่าการไขว่คว้าเครื่องหอมของกู้ซีมาได้นับเป็นความภาคภูมิใจอย่างหนึ่ง กลิ่นร้อยบุปผานี้ชาติก่อนนางก็เคยได้รับมา ตอนได้ดมกลิ่นก็ชวนน่าหลงใหล กระจายซ่านไปทั่วหัวใจคน หอมหวนเหนือใดเปรียบ น่าเสียดายที่นางได้รับมาเพียงกล่องเดียว ยังไม่ทันใช้หมด คนสกุลหลินมองว่านางเป็นเพียงแม่ม่าย ไม่ควรใช้ของหรูหราฟุ่มเฟือยพวกนี้ จึงยึดเครื่องหอมที่เหลือของนางไป
ต่อมา นางค่อยๆ คุ้นเคยกับกลิ่นหอมสดชื่นของอากาศบริสุทธิ์ จึงไม่ค่อยจะชอบจุดเครื่องหอมเท่าไรแล้ว
แต่นางก็ยังรับไว้ด้วยรอยยิ้ม…ต่อไปสามารถใช้เป็นของขวัญมอบแก่คนที่ชื่นชอบเครื่องหอมได้ก็นับว่าไม่เลวนัก
กู้ซีมองสำรวจรอบๆ เรือนที่อวี้ถังเข้าพัก
เครื่องเรือน ผ้าม่านเป็นต้นนี้ล้วนเป็นของสกุลเผย แต่ฉากกั้น แจกัน ชุดน้ำชาสมควรเป็นของแต่ละสกุลที่ใช้เป็นประจำอยู่แล้ว
แผงกั้นสี่พับเป็นสีดำเขียนลายทองรูปสี่บุรุษแห่งบุปผา ไม่ว่าจะเป็นกรรมวิธี วัสดุที่ใช้หรือลวดลายต่างสุดแสนจะธรรมดา แจกันทองแดงเขียนลายก็สามารถพบเห็นได้ทุกหนทุกแห่ง ส่วนชุดน้ำชายิ่งไม่ต้องพูดถึง เป็นเครื่องเคลือบขาวเขียนสีเขียวที่ไร้ซึ่งลวดลายโดยสิ้นเชิง ตอนที่นางเดินเข้าห้องมา บนโต๊ะกลมก็มีชุดน้ำชาเช่นนี้วางไว้ชุดหนึ่ง ตอนนั้นสาวใช้สกุลเผยที่ถูกส่งมารับใช้นางก็บอกว่า นี่เป็นชุดที่จัดไว้เพื่อความสวยงามเท่านั้น รอให้คนที่เข้าพักเปลี่ยนเป็นชุดถ้วยชาที่ตนนำมาเอง พวกนางย่อมจะเก็บของพวกนี้ในภายหลัง
สถานที่ที่อวี้ถังเข้าพักชัดเจนว่าจัดข้าวของเสร็จแล้ว แต่ชุดน้ำชากลับไม่มีวางอยู่บนโต๊ะ หากมิใช่เพราะไม่รู้ระเบียบของสกุลเผย ก็คงเพราะนางไม่ได้ตระเตรียมสิ่งของที่ตนใช้ประจำขึ้นเขามาเสียด้วยซ้ำไป
คุณหนูสูงศักดิ์คนหนึ่ง ไปพักแรมที่สกุลผู้อื่น กลับไม่นำสิ่งของที่ตนใช้ประจำติดตัวมาด้วย เช่นนั้นยังเป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์อีกหรือ?