บทที่ 327 : ปรากฏการณ์ง่าย ๆ
คุณไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเหรอ?
ไม่มีทางซะล่ะ!
เมื่อกี้คุณยังดูเหมือนควบคุมทุกอย่างได้อยู่เลย เพิ่งพูดไปหมาด ๆ นี่ว่า ‘ค่ำคืนที่แท้จริงเพิ่งเริ่ม’ แล้วข้างนอกก็ระเบิดตู้มทันที
ยิ่งกว่านั้น ในฐานะผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ ไม่ว่าจะอ่อนแอแค่ไหนก็สัมผัสได้ถึงอีเธอร์มหาศาลที่ระเบิดออกมาก่อนและหลังสายฟ้าเมื่อครู่อยู่ดี อย่ามาทำเหมือนไม่รู้อิโหน่อิเหน่ไปหน่อยเลยครับ!
เฟจอดโวยวายในใจไม่ได้ แล้วก็เกือบจะพูดโพล่งออกมาจริง ๆ ด้วย แต่สุดท้ายก็หยุดมันไว้ได้
เพราะพอเขาเห็นสีหน้าที่ดูใสซื่อของอีกฝ่าย เฟจก็นึกขึ้นได้ว่าเจ้าหมอนี่เคยหลอกเขาติดกับมาอย่างเป็นขั้นเป็นตอนแล้ว ปล่อยให้เขาทำทุกอย่างราวกับเป็นตัวตลกก่อนที่สุดท้ายจะทำลายมันอย่างไร้ปรานี นี่คือการเล่นกับจิตใจคนและทำให้หวาดกลัว
หลินเจี๋ยไม่รู้เรื่องเลยจากก้นบึ้งของหัวใจ
แม้ว่าเขาจะปากพาซวยจริง ๆ ก็เถอะ อย่างเช่น…ตอนที่โดริสมาเยี่ยมเมื่อครั้งก่อนแล้วเขาพูดว่าหวังจะให้ทุกอย่างดีขึ้น แล้ววันรุ่งขึ้นแก๊สก็ระเบิดที่ถนนหน้าร้านของเขาทันที
แต่สถานการณ์แบบนี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นกันบ่อย ๆ ดังนั้น เหตุการณ์เมื่อครู่ต้องเป็นเรื่องบังเอิญแน่นอน
เจ้าของร้านหลินพูดอย่างจนใจ “ถึงผมจะยอมรับว่าผมปากพาซวยก็เถอะนะครับ แต่นี่…ฟ้าผ่ารอบนี้เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติโดยสิ้นเชิงนะครับ อย่าว่าแต่ที่นี่ไกลจากที่เกิดเหตุมากเลย คนธรรมดาอย่างผมจะไปเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ได้ล่ะครับ ไม่อย่างนั้นผมอาจถือว่าคุณหมิ่นประมาทผมก็ได้นะ”
เฟจกลืนทุกคำพูดของเขาลงคอแล้วหัวเราะแห้ง ๆ สองสามที ก่อนจะพูดว่า “ขอโทษครับ…คุณพูดถูกแล้ว แต่มันก็บังเอิญจังหวะเหมาะเหม็งจริง ๆ ผมเลยแค่พูดแหย่ไปอย่างนั้นเองครับ…”
ตอนนี้ดูเหมือนว่า…เจ้าของร้านหลินจะมีความสุขกับการควบคุมสถานการณ์อยู่อย่างลับ ๆ เขาจึงคิดว่าไม่ควรไปกวนเขา
งานเลี้ยงที่คฤหาสน์ A16 นั้นที่จริงแล้วเต็มไปด้วยพยัคฆ์หมอบมังกรเร้นมากมาย ไหงให้เขามาเจอตั้งแต่แรกได้เนี่ย
เฟจยังคงแอบรำคาญใจในความลักลั่นของเขา
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมก็ไม่คิดว่ามันจะบังเอิญมีแสงวาบหลังจากผมพูดจบเป๊ะ ๆ ขนาดนี้เหมือนกัน โชคดีที่ผมไม่เคยสาบานอะไรไว้”
หลินเจี๋ยยิ้มแล้วโบกมือ เขาเห็นว่าความวุ่นวายตรงหน้าเริ่มทุเลาลงเมื่อคนชุดดำหลาย ๆ คนปรากฏขึ้นเพื่อควบคุมสถานการณ์ จากนั้นก็กล่าวว่า “การปรากฏตัวของคุณจี้หลังเกิดจลาจลแบบนี้เหมาะจริง ๆ นะครับ เป็นการแสดงศักดิ์ศรีเจ้าภาพงานเลี้ยงที่ดีมาก ๆ เลย”
“จริงครับ…”
เฟจพยักหน้า เกือบจะเออออไปด้วยแล้ว แต่จู่ ๆ หญิงสาวผมสีน้ำตาลในชุดเดรสยาวสีแดงก็พูดขัดขึ้นมาเบา ๆ “ฟ้าผ่า? คุณคิดว่านั่นเป็นฟ้าผ่าจริง ๆ เหรอ?”
เฟจพูดในใจว่า ผมไม่ได้คิดแบบนั้นจริง ๆ หรอก ไม่มีทาง ฟ้าผ่ากับผีสิ!
แต่เจ้าของร้านหนังสือธรรมด๊าธรรมดาตรงหน้าของผมดันบอกว่ามันเป็นฟ้าผ่าน่ะสิ เพราะอย่างนั้นมันจึงเป็นได้แค่ฟ้าผ่าเท่านั้นแหละ
เฟจถามกลับเพื่อแสดงจุดยืนที่แน่วแน่ของเขา “แล้วถ้ามันไม่ใช่ฟ้าผ่า มันจะเป็นอะไรไปได้ล่ะครับ? คงไม่ใช่ศึกยอดมนุษย์อย่างในโทรทัศน์หรอกใช่ไหม?”
เขากล่าวลอย ๆ พลางโบกไม้โบกมือให้ทั้งสองแล้วประดิษฐ์คำพูด “ใช่ไหมครับ?”
อืม…คิดดี ๆ แล้ว การซ่อนฐานะของตัวเองก็ดีกว่าจริง ๆ ถึงแม้ว่าเป้าหมายการเดินทางมาที่นี่ของเขาจะเป็นการตามหาผู้มีพลังเหนือธรรมชาติคนอื่น ๆ แล้วฉวยโอกาสเข้าไปพัวพันกับโลกของพวกเขาก็ตาม แต่ก็ไม่มีใครตัดสินได้หรอกว่าเขาจะเจอผู้มีพลังเหนือธรรมชาติแบบไหน ดูให้ดี ๆ ก่อนดีกว่า
…อย่างน้อยก็อย่าให้เกิดเหตุการณ์แบบหลินเจี๋ยอีก!
สาวผมสีน้ำตาลยิ้มเยาะแล้วรีบป้องปากปิดไว้ทันที ก่อนจะแสดงสีหน้าจริงจัง “แต่ที่ฉันเห็นเมื่อครู่ มันชัดเจนเลยนะคะว่า ‘ฟ้าผ่า’ ที่ว่าพุ่งจากพื้นขึ้นฟ้า แถมลำแสงยังตรงมากด้วย ดูไม่เหมือนฟ้าผ่าเลยสักนิดค่ะ แต่มันกลับดูเหมือน…ลำแสงดาบ?”
เธอขมวดคิ้ว “มันเกิดขึ้นสั้นเกินไป แต่ฉันตัดสินได้ว่าไม่ได้มองผิดนะคะ แถมยังมีแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นพร้อม ๆ กันด้วย ทั้งสองอย่างนี้ต้องเกี่ยวข้องกันแน่ ๆ ค่ะ”
“ถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่ใช่…สงครามยอดมนุษย์ก็เถอะ” เธอชะงักแล้วอดแสดงสีหน้ายินดีไม่ได้ “แค่ก ๆ…แต่มันต้องผิดปกติแน่ ๆ ค่ะ”
เฟจแอบคิดในใจว่าผู้หญิงคนนี้ตาแหลมมาก แต่ข่าวลือเกี่ยวกับแก๊สระเบิดที่เกิดขึ้นในนอร์ซินเสมอนั้น ที่จริงแล้วก็คือเรื่องพวกผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่ออกมาก่อความวุ่นวายนี่แหละ แต่หากมีผู้เห็นเหตุการณ์ที่เฉียบคมแบบนี้…เขาอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าผู้มีพลังเหนือธรรมชาติจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร?
แล้วเฟจก็ได้ยินหลินเจี๋ยพูดว่า “เปล่าครับ ผมกำลังจะพูดอยู่เมื่อกี้เลยว่าที่จริงเรื่องนี้ไม่มีอะไรผิดปกติ ไม่จำเป็นต้องทำให้เป็นเรื่องยุ่งยากเลยครับ”
สาวผมสีน้ำตาลหันไปมองชายที่ดูสุภาพเยือกเย็นมากผู้นี้อย่างงุนงง “เอ๋? ทำไมถึงพูดแบบนี้ล่ะคะ? เห็นชัด ๆ นะคะว่าทุกคนเห็นว่า…”
หลินเจี๋ยส่ายหน้าแล้วรู้สึกว่าเขาควรทำให้วิทยาศาสตร์เฟื่องฟูที่นี่ให้ได้ ถึงเขาจะไม่มีความเชี่ยวชาญทางอุตุวิทยามากนัก แต่ปรากฏการณ์ง่าย ๆ แบบนี้เขาก็พอรู้มาบ้าง
เขายิ้มแล้วตอบว่า “ถึงแม้ว่าปกติแล้วฟ้าจะผ่าจากบนลงล่าง แต่ไม่ใช่ว่าฟ้าผ่าทุกครั้งจะอิงตามกฏนี้นะครับ”
“ภายใต้เงื่อนไขพิเศษ ฟ้าผ่าบางครั้งจะเกิดจากมวลสารประจุลบที่พุ่งจากอากาศช่วงล่างไปที่เมฆฝนด้วย ทำให้เกิดปรากฏการณ์ ‘ฟ้าผ่าย้อนกลับ’ หรือก็คือฟ้าผ่าที่พุ่งจากพื้นขึ้นฟ้าอย่างเมื่อครู่ครับ”
“ยิ่งกว่านั้น ฟ้าผ่าครั้งนี้ยังใหญ่กว่าฟ้าผ่าครั้งก่อน ๆ ด้วย มีการปล่อยประจุไฟฟ้าออกมาอย่างมหาศาลจนทำให้แสงที่เกิดดูเหมือนจะกลายเป็นเส้นตรงแทนที่จะเอียง ๆ โค้ง ๆ เหมือนฟ้าผ่าปกติครับ”
หลินเจี๋ยยักไหล่ “ปรากฏการณ์แบบนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับ ‘สงครามยอดมนุษย์’ เลยครับ อธิบายได้แค่ว่าพายุกำลังจะมา…ได้เวลาเก็บเสื้อผ้าแล้วครับ”
เฟจและหญิงสาวผมสีน้ำตาลตะลึงไปครู่หนึ่ง
เอ่อ เรื่องนี้…ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่เข้าใจความรู้นี้เท่าไรก็เถอะ แต่จากท่าทีการพูดของหลินเจี๋ยที่สงบนิ่งและมั่นใจแล้ว พวกเขาก็รู้สึกถึงพลังบางอย่างที่ทำให้พวกเขาคล้อยตามอย่างอดไม่ได้…
มันเหมือนกับสมัยเด็กที่เขาฟังครูสอนในชั้นเรียน ความสงสัยในใจเป็นศูนย์
ยิ่งไปกว่านั้น มันยังสมเหตุสมผลด้วย
แม่สาวผมสีน้ำตาลสำลักอาหารอยู่ครู่หนึ่ง แล้วท่าทีวางมาดของเธอก็สลายไปในทันใด แต่เธอก็ยังพยายามโต้แย้ง “แล้ว…แผ่นดินไหวล่ะคะ…?”
หลินเจี๋ยยิ้มบาง ๆ “นั่นก็เป็นประเด็นที่น่าพูดถึงครับ การจะเกิดฟ้าผ่าย้อนกลับในระดับอย่างเมื่อครู่ต้องไม่ใช่แค่การเริ่มก่อตัวของพายุแน่นอน แต่เป็นพายุขนาดมหึมาที่ดำเนินมาได้พักหนึ่งแล้ว และปริมาณน้ำฝนจำนวนมากก็สามารถเปลี่ยนโครงสร้างทางธรณีวิทยา คล้ายรอยเลื่อนแผ่นดินในชั้นตื้น ๆ ของเปลือกโลกแล้วทำให้เกิดแผ่นดินไหวได้ครับ”
“…”
หญิงสาวผมสีน้ำตาลพูดไม่ออก เธอเงียบไปครู่หนึ่ง ถอนหายใจแล้วยิ้มอย่างจนใจ “ความรู้ของคุณกว้างขวางสมกับเป็นผู้ที่สามารถเข้าร่วมงานเลี้ยงในคฤหาสน์ A16 จริง ๆ ค่ะ ถึงฉันจะไม่รู้เรื่องพวกนี้…แต่ที่คุณพูดฟังดูมีเหตุผลมาก ๆ ค่ะ”
เธอยื่นมือมาหาหลินเจี๋ย “เอเลนอร์ เยด้า เรียกเยด้าก็ได้ค่ะ”
หลินเจี๋ยยื่นมือไปจับกับอีกฝ่าย “หลินเจี๋ยครับ”
เฟจขานชื่อของเขาแล้วเรียกความสนใจของเยด้ามาได้ แสดงให้เห็นว่าในที่สุดชื่อ ‘อัจฉริยะสัญจร’ ของเขาก็แสดงผล
คนทั้งสองคุยกันหลายเรื่อง แล้วหลินเจี๋ยก็รู้ว่าเยด้ามาจากตระกูลผู้ผลิตเครื่องเงินระดับไฮเอนด์ ยิ่งกว่านั้นตระกูลของเธอยังทำงานให้กับเฉพาะเหล่าผู้ดีมาหลายชั่วอายุด้วย แน่นอนว่าพวกเขาย่อมทำเครื่องประดับเงินอันวิจิตรหรูหราและของอย่างดาบประดับห้อง และอื่น ๆ
ครั้งนี้เธอมาเข้าร่วมงานเลี้ยงในฐานะตัวแทนครอบครัว เนื่องจากแม่ของเธอเกิดป่วยขึ้นมา
ในระหว่างการสนทนา ในที่สุดการจลาจลรอบ ๆ ก็หยุดลง
บนบันไดเวียนด้านซ้ายหน้าห้องโถง สุภาพบุรุษวัยกลางคนในชุดสูทสีดำคนหนึ่งกำลังเดินลงมาช้า ๆ เขามีเส้นผมสีดอกเลาที่ขมับและดวงตาสีเทาเหล็กเหมือนบุตรสาว มองผู้คนด้านล่างทุกคนอย่างพินิจพิเคราะห์
ในที่สุด ผู้จัดงานเลี้ยงในครั้งนี้ เจ้าของคฤหาสน์ A16 และบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในนอร์ซิน ประธานเครือบริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์ จี้ป๋อหนง ก็ปรากฏตัว…
เมื่อทุกคนหันมามองเขา เขาก็เดินมาที่กลางห้องโถงอย่างสงบแล้วพูดยิ้ม ๆ ว่า “ขออภัยอย่างสูงที่ทำให้ทุกท่านต้องรอนานนะครับ ผมเพิ่งได้รับข่าวมาเมื่อครู่ ขอให้ทุกท่านอย่าตื่นตกใจไปครับ”
เขายกไม้เท้าขึ้นชี้ไปไกลแล้วกล่าวว่า “พายุกำลังคุกรุ่น นักอุตุนิยมวิทยาของเราบันทึกเหตุการณ์หายากที่ไม่เคยถูกบันทึกไว้ก่อนได้ แล้วตั้งชื่อมันว่าปรากฏการณ์ ‘ฟ้าผ่าย้อนกลับ’ ครับ ในขณะเดียวกัน เราก็ขออภัยในความผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เกิดจากพายุเมื่อครู่ด้วยนะครับ”
“งานเลี้ยงจะดำเนินต่อตามปกติครับ ทุกท่าน เราเริ่มงานรื่นเริงนี้กันเถอะ…”
เสียงของจี้ป๋อหนงถูกเสียงปรบมือกลืนหายไป ทว่าเฟจและเยด้าต่างตกตะลึงค้างกับที่