บทที่ 170 ข้าวต้มธัญพืชหยาบ
เด็กติดตามชุดเขียวด้านหลังคุณชายฉินตกอกตกใจกับคำพูดของจางซิ่วเอ๋อ เนื้อนี้จะเก็บไปถึงตอนปีใหม่เลยรึ
เขารู้สึกว่าจางซิ่วเอ๋อเก่งในด้านปั้นน้ำเป็นตัวไม่น้อยเลยล่ะ
เด็กติดตามชุดเขียวยังไม่ทันเรียกสติกลับมาก็เห็นคุณชายตัวเองเอาผักป่าเข้าปาก!
นาทีนี้เขาพลันรู้สึกว่าโลกของตัวเองกลับตาลปัตร
เมื่อกี้เขาเห็นอะไร? เมื่อกี้เขาไม่ได้ดูผิดไปใช่ไหม? คุณชายตัวเองกิน…กินผักป่าโสโครกนั่นไปจริง ๆ เหรอ!
แม้แต่ตอนที่คุณชายฉินกินผักป่า ก็ยังคงท่วงท่าสง่างามและมีเสน่ห์
จางซิ่วเอ๋อเห็นท่าทางคุณชายฉินแล้วเบ้ปาก นึกดูแคลนในใจ
รอจนวันหนึ่งคุณชายฉินตกต่ำลงไปในระดับนี้แล้วจริง ๆ นางอยากจะดูซิว่าคุณชายฉินยังวางท่าสง่าแบบนี้ได้ต่อหรือไม่!
จางซิ่วเอ๋อเห็นคุณชายฉินกินผักป่าอีกสองคำก็นึกในใจ หรือคุณชายฉินรู้สึกว่าผักป่านี่อร่อยจริง ๆ? พอนึกถึงความเป็นไปได้นี้จางซิ่วเอ๋อก็นิ่งไป
คุณชายตระกูลร่ำรวยมีสิทธิ์เป็นแบบนี้จริง ๆ
กินอาหารหรูหราทุกวันก็อาจเลี่ยนได้ กินอาหารจืด ๆ บ้างเป็นครั้งคราวอาจจะรู้สึกอร่อยจริง ๆ ก็ได้
แต่จางซิ่วเอ๋อจะปล่อยให้คุณชายฉินกินอย่างสบายใจได้อย่างไร
นางเหยียดยิ้มและคิดอย่างชั่วร้าย คุณชายฉินชอบกินไม่ใช่เหรอ งั้นนางจะให้เขาได้กินอย่างเต็มอิ่มเลยล่ะ
พอคิดได้แบบนี้จางซิ่วเอ๋อก็ยิ้มเอาใจขึ้นมา “คุณชายฉิน อย่ามัวแต่กินกับข้าวสิเจ้าคะ กินข้าวต้มเสียหน่อย”
คุณชายฉินกินผักป่าได้ แต่นางไม่เชื่อว่าเขาจะกินข้าวต้มลง!
ข้าวต้มนั่นตัวนางเองกินแล้วยังรู้สึกบาดคอเลย คุณชายฉินจะไม่กลัวเลยรึ?
คิดแบบนี้แล้วจางซิ่วเอ๋อก็มีความคิดชั่วร้ายก่อตัวอยู่เต็มหัวใจ แต่หน้านางยังคงยิ้มแย้ม เพราะนางคิดวิธีทำให้คุณชายฉินลำบากได้แล้ว รอยยิ้มของจางซิ่วเอ๋อจึงจริงใจอยู่บ้าง
“คุณชายฉิน ไม่ต้องเสียดาย ท่านกินได้เลย” จางซิ่วเอ๋อกล่าวยิ้ม ๆ
ด้วยการร้องขอแล้วร้องขออีกของจางซิ่วเอ๋อ คุณชายฉินยกข้าวต้มสีแปลกตานั่นขึ้นมากินภายใต้สายตาตกตะลึงของเด็กติดตามชุดเขียว
ที่จริงข้าวต้มนี่ไม่ได้รสชาติแย่ขนาดนั้น แต่เพราะมีข้าวโอ๊ตอยู่ในนั้นด้วยพอกินแล้วจึงบาดคอ โดยรวมแล้วรสชาติข้าวต้มนี่หอมหวานใช้ได้
เด็กติดตามชุดเขียวรู้ว่าวันนี้ตัวเองคงห้ามไม่อยู่แล้ว ได้แต่ร้อนใจอยู่ด้านหลัง แย่แล้ว ๆ คุณชายตัวเองคงไม่โดนวางยาพิษหรอกใช่ไหม
เห็นคุณชายฉินกินข้าวต้มโดยหน้าไม่เปลี่ยนสี จางซิ่วเอ๋อกลับผิดหวังนิดหน่อย
ผลลัพธ์ไม่ได้เป็นไปตามที่นางคาดหวังเลย
จางซิ่วเอ๋อจึงคลี่ยิ้มแล้วเอ่ย “กินเยอะ ๆ เลยเจ้าค่ะ ท่านก็รู้ว่าข้ายากจน ไม่มีของดีอะไรจะเอาออกมาต้อนรับท่าน ข้าน่ะไม่กลัวท่านหัวเราะเยาะหรอก ทุก ๆ วันหลังจากกินข้าวเสร็จแล้วข้าไม่เคยล้างกระทะเลย บนกระทะจึงมีเม็ดข้าวติดบ้าง ถ้าต้องทิ้งคงน่าเสียดายแย่”
“ไหนจะข้าวต้มที่ท่านกินอยู่ ถึงแม้จะมีหนอนขึ้นแต่ข้าก็เสียดายไม่กล้าทิ้ง หนอนนั่นก็มีเนื้ออยู่บ้างนะเจ้าคะ” จางซิ่วเอ๋อยิ้มขณะเอ่ย
คุณชายฉินได้ยินแล้วก็ชะงักตะเกียบที่กำลังจะคีบกับข้าวเล็กน้อย เขาขมวดคิ้วมองข้าวต้มตรงหน้าตัวเอง
เห็นคุณชายฉินสีหน้าเปลี่ยน จางซิ่วเอ๋อก็อารมณ์ดีขึ้น
เฮอะ นางไม่เชื่อว่าจะทำให้คุณชายกินดีอยู่ดีอย่างเขาเสียขวัญไม่ได้
คุณชายฉินดูไม่ออกที่ไหนกันว่าจางซิ่วเอ๋อจงใจกวนประสาท แต่ใครมาเจออาหารเต็มโต๊ะที่จางซิ่วเอ๋อบรรยายไปขนาดนี้ก็หมดความอยากอาหาร
เสียงของคุณชายฉินเสนาะหูสุด ๆ “ในเมื่อยากจนขนาดนี้ เจ้าก็ตอบตกลงสิ อนาคตจะได้มีชีวิตที่ดี”
จางซิ่วเอ๋อแค่นเสียง “ข้าบอกเจ้าตามตรงเลยนะ ข้าตั้งใจจะใช้สูตรเครื่องเทศนี่เป็นสินเดิมของตัวข้า”
พูดมาถึงตรงนี้จางซิ่วเอ๋อกระเถิบไปด้านหน้า “หรือท่านอยากแต่งงานกับข้ากันเจ้าคะ?”
คุณชายฉินสีหน้าอึกอักขึ้นมา ก่อนจะกระแอมเบา ๆ
เด็กติดตามชุดเขียวได้ยินแล้วตื่นตัวขึ้นขึ้นมาทันที
คุณชายเอ๋ยคุณชาย ท่านอย่ายอมขายตัวเองเพื่อผลประโยชน์ชั่วคราวนะ นังจางซิ่วเอ๋อนี่เจ้าเล่ห์จริง ๆ นางชอบคุณชายตัวเองแน่ ๆ และอยากแต่งงานกับเขา
แต่ก็รู้ว่าคุณชายไม่มีทางชอบนาง ถึงได้เอาเรื่องนี้มาแลก
จางซิ่วเอ๋อเห็นท่าทางอ้ำอึ้งของคุณชายฉินแล้วรู้สึกพึงพอใจขึ้นมา แบบนี้สิถูก แบบนี้นางถึงจะรู้สึกว่าตัวเองไม่ถูกใครควบคุม แต่เป็นฝ่ายควบคุมคนอื่น
คุณชายฉินมองจางซิ่วเอ๋อและถามด้วยน้ำเสียงมีความหมาย “ในเมื่อเป็นสินเดิมของตัวเจ้า เจ้าคงไม่ให้ใครง่าย ๆ ใช่ไหม?”
“ใช่แล้ว ของสิ่งนี้ข้าเก็บไว้ให้สามีข้าในอนาคต!” จางซิ่วเอ๋อพูดด้วยสีหน้ามาดมั่น
คุณชายฉินเอ่ย “ถ้าข้าจำไม่ผิด เจ้าเคยแต่งงานใช่ไหม?”
จางซิ่วเอ๋อหน้าเสีย ทำไมจ้องแต่จะพูดเรื่องที่ไม่ควรพูดกันนะ!
เห็นจางซิ่วเอ๋อเปลี่ยนสีหน้า ก็ไม่รู้ทำไมชั่วขณะหนึ่งคุณชายฉินรู้สึกว่าตัวเองพูดจาเกินไปหน่อย ต่อให้นางจะก๋ากั๋นแค่ไหน เก่งกาจแค่ไหน แต่ก็ยังเป็นเด็กสาววัยเยาว์
เป็นม่ายด้วยอายุแค่นี้ นางต้องทุกข์ใจอยู่แล้ว
ตัวเองกลับเอาเรื่องนี้ขึ้นมาพูด อย่างกับตัวเองรังแกจางซิ่วเอ๋อยังไงยังงั้น
คุณชายฉินอุตส่าห์เกิดความรู้สึกผิด แต่จางซิ่วเอ๋อกลับแค่นเสียงหัวเราะ และพูดอย่างจองหอง “ทำไม? ข้าจะมีความรักครั้งใหม่ไม่ได้รึไงเจ้าคะ? ข้าเป็นแม่ม่ายก็จริง แต่ไม่มีใครตั้งกฎห้ามแม่ม่ายแต่งงานใหม่นี่?”
ถึงแม่ม่ายแต่งงานใหม่จะไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ตอนแม่ม่ายแต่งงานใหม่ก็จะแต่งเงียบ ๆ มีอย่างที่ไหนโวยวายเสียงดังอย่างสง่าผ่าเผยไม่ปิดไม่บังอย่างจางซิ่วเอ๋อ
จางซิ่วเอ๋อโวยวายเสร็จ ความรู้สึกผิดอันน้อยนิดจนน่าสงสารในใจคุณชายฉินพลันจืดจางลงทันใด
คุณชายฉินมองจางซิ่วเอ๋ออย่างพินิจพิเคราะห์ พลันถามขึ้น “แล้วเจ้ามีคนรักหรือไม่?”
จางซิ่วเอ๋อเอ่ย “ตอนนี้ยังไม่มี แต่นี่ไม่น่าใช่เรื่องที่ท่านต้องคิดมากนะ”
คุณชายฉินพยักหน้า จู่ ๆ ก็พูดด้วยท่าทางจริงจัง “ในเมื่อยังไม่มีคนรัก เช่นนั้นเราสองคนยังมีเวลาอีกนาน”
จางซิ่วเอ๋ออยากจะแดกดันกลับไป แต่พอได้ยินคำพูดคุณชายฉินแล้วก็ไม่รู้จะโต้กลับไปอย่างไร
อะไรนะ? อะไรนะ? เมื่อกี้คุณชายฉินพูดว่าอะไรนะ? ยังมีเวลาอีกนานอะไร?
สีหน้าจางซิ่วเอ๋อพิศวงขึ้นมาทันที คุณชายฉินพูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร หรือว่า…..
คิดมาถึงตรงนี้จางซิ่วเอ๋อรีบส่ายหน้า ต้องไม่ใช่แบบนั้นแน่ คุณชายฉินเป็นใครกัน ต่อให้เพื่อสูตรเครื่องเทศก็ไม่คิดจะแต่งงานกับตัวเองหรอก เพราะฉะนั้นเมื่อกี้นางถึงได้เอาเรื่องสินสอดมาอ้าง
ยังมีเวลาอีกนานของคุณชายฉินคงหมายถึงสูตรเครื่องเทศ ไม่ใช่ตัวนางหรอก
แต่คุณชายฉินพูดแบบนี้ชวนคิดไปเป็นอื่นจริง ๆ
คุณชายฉินจงใจแน่ ๆ …ใช่แล้ว
จางซิ่วเอ๋อคิดพลางเงยหน้ามองคุณชายฉิน ก็เห็นคุณชายฉินหยักยิ้มมุมปาก ท่าทางอารมณ์ดีสุด ๆ
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ซิ่วเอ๋ออย่าขุดหลุมฝังตัวเองสิ ตาคุณชายนี่อาจจะหมายความตามที่พูดจริง ๆ ก็ได้ ขนาดยอมกินของกินอนาถาแบบนี้ได้ก็น่าจะมีใจส่วนหนึ่งแล้ว
ไหหม่า(海馬)