เมื่อคิดได้เช่นนั้น เขารีบมองเซียวชูหรัน แล้วพูดอย่างอ่อนโยนว่า “ที่รัก เมื่อกี้ผมพูดไปหมดแล้ว คุณไม่ต้องมีภาระทางจิตใจอะไรทั้งนั้น ในเมื่อคุณคิดว่าโปรเจคนี้ เหมาะให้คุณแสดงฝีมือ งั้นคุณก็รับไว้โดยไม่ต้องกังวล!”
เมื่อเซียวชูหรันได้ยิน เธอถามอย่างซาบซึ้งว่า “ได้จริงๆ เหรอที่รัก”
เย่เฉินพยักหน้า พูดอย่างจริงจังว่า “จริงสิ! ผมเชื่อความสามารถด้านการออกแบบของคุณเสมอ แต่นานขนาดนี้แล้ว ยังไม่ได้รับการสนใจในตระกูลเซียว กลบความสามารถและพรสวรรค์ของคุณ ในเมื่อคุณอยากพัฒนาในวงการนี้อย่างลึกซึ้ง งั้นคฤหาสน์ของจานเฟยเอ๋อร์ คือโอกาสที่คุณจะแสดงความสามารถของตัวเอง ผมเชื่อในความสามารถของคุณ สู้ๆ!”
เซียวชูหรันกำมืออย่างตื่นเต้น พูดอย่างแน่วแน่ว่า “ที่รักวางใจได้เลย ฉันจะทุ่มสุดตัว!”
……
ตอนนี้ เซียวฉางควนทำตามคำสั่งของหม่าหลัน ขับรถมาหน้าประตูคฤหาสน์ข้างๆ
หลังจอดรถ หม่าหลันชี้ไปบนหลังคารถ พูดอย่างทนไม่ไหวว่า “เซียวฉางควน เปิดหลังคาซันรูฟ ฉันจะโผล่ขึ้นไปบนซันรูฟ ตะโกนเรียกพวกเขาข้างนอก!”
เซียวฉางควนพูดออกมาว่า “รถคันนี้ไม่มีซันรูฟ”
หม่าหลันเบิกตาโต “อะไรนะ! รถเป็นสิบล้าน ไม่มีแม้แต่ซันรูฟเนี่ยนะ ต๊อกต๋อยไปหน่อยไหม รถBMW530 ของนาย ยังมีซันรูฟขนาดใหญ่ไม่ใช่เหรอ”
เซียวฉางควนชี้ไปบนหลังคาที่เต็มไปด้วยดวงดาวในรถ อธิบายว่า “ผมเลือกแผงบุหลังคาด้วยแสงดาว ที่แพงกว่า เมื่อเลือกแผงบุหลังคาด้วยแสงดาว ข้างบนจึงไม่สามารถเปิดได้ ทำให้ไม่มีซันรูฟ เลือกได้เพียงหนึ่งอย่างระหว่างหลังคาซันรูฟกับแผงบุหลังคาด้วยแสงดาว”
หม่าหลันพูดอย่างไม่พอใจ “งั้นช่างเถอะ ฉันจะเปิดหน้าต่าง!”
พูดพลาง เธอลดกระจกฝั่งข้างคนขับลง ตะโกนไปทางห้องนอนนายหญิงใหญ่เซียว “เฉียนหงเย่น! เฉียนหงเย่น! เฉียนหงเย่น! เธออยู่บ้านหรือเปล่า!”
เซียวฉางควนได้ยินก็อึ้งไป โพล่งออกมาว่า “ก่อนหน้านี้เฉียนหงเย่น ขโมยเงินแม่ผม หนีไปแล้วไม่ใช่เหรอ คุณตะโกนเรียกเธอทำไม”
หม่าหลันพูดอย่างหงุดหงิด “นายจะไปรู้อะไร! นี่เรียกว่าจับจุดสำคัญให้แม่น ถ้ามีเกลือต้องสาดลงบนแผลของพวกเขา!”
พูดจบ เธอตะโกนต่อ “เฉียนหงเย่นอยู่บ้านไหม!”
ขณะนี้ นายหญิงใหญ่เซียวเพิ่งดูแลเซียวฉางเฉียนกับเซียวไห่หลง ทานข้าวเสร็จ
เพราะช่วงนี้รายได้ของเซียวเวยเวย เพิ่มขึ้นไม่หยุด ทั้งสี่คนในครอบครัว จึงเริ่มมีชีวิตดีขึ้นมาก ตั้งแต่เมื่อก่อนที่ไม่มีอันจะกิน ค่อยๆ พัฒนาจนมาถึงระดับที่อยู่ดีกินดี อีกทั้งเซียวฉางเฉียนกับเซียวไห่หลง ผู้อาวุโสและผู้น้อยทั้งสองคน มีโอกาสรับการรักษาตามมาตรฐานแล้ว เพราะฉะนั้นความเร็วในการฟื้นตัว นับว่าไม่เลว ตอนนี้สามารถเดินช้าๆ โดยการใช้ไม้เท้า
แต่การฟื้นฟูนิ้วมือค่อนข้างช้า ตอนนี้ทั้งสองคนยังไม่สามารถช่วยเหลือตัวเอง ในชีวิตประจำวันได้ ดังนั้นเมื่อทานข้าวในบ้าน ยังต้องให้นายหญิงใหญ่ป้อน
เซียวไห่หลงเพิ่งทานข้าวอิ่ม แล้วเรอออกมา ได้ยินคนตะโกนเรียกชื่อเฉียนหงเย่น ผู้เป็นแม่ อยู่ด้านนอก
ดังนั้น เขาจึงถามว่า “พ่อ คุณย่า ได้ยินหรือเปล่า เหมือนมีคนกำลังเรียกชื่อแม่ผม!”
เซียวฉางเฉียนพูดอย่างโมโหทันที “อย่าพูดถึงแม่แก! คิดขึ้นมาก็โมโห!”
ขณะกำลังพูด มีเสียงหม่าหลันดังมาจากข้างนอก เมื่อนายหญิงใหญ่เซียวได้ยิน จึงพูดออกมาว่า “เสียงนี้……ทำไมคล้ายเสียงหม่าหลันเลย!”
“หม่าหลัน!” เซียวฉางเฉียนได้ยิน ก็กัดฟันกรอด ก่นด่าอย่างโมโหว่า “ให้ตายเถอะ! หม่าหลันบ้าหรือเปล่า ฉันยังไม่ได้คิดบัญชีเรื่องโดนสวมเขาที่ระเบียง เธอยังกล้ามายั่วโมโหฉันอีก! ฉันจะด่าให้เละ!”