เฟ่ยเจี้ยนจงพูดว่า : “เข่อซินพูดอย่างมั่นใจ เมื่อกี้เธอทานข้าวกับคนที่นัดเจอ ทานข้าวหนึ่งมื้อ ตอนออกมาเจียเฉิงก็หายไปแล้ว อีกอย่างโทรศัพท์ก็ปรากฏว่าไม่ได้อยู่ในเขตบริการ นี่ถ้าหากไม่ประสบอันตรายแล้วจะเป็นอะไรได้อีก?”
หยวนจื่อซูตกตะลึงเล็กน้อย พร้อมกับขมวดคิ้วแน่น พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า : “จากนิสัยของเจียเฉิง หนึ่งไม่มีทางที่จะออกจากการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ได้รับอนุญาตอย่างไม่มีเหตุผล สองไม่มีทางที่จะขาดการติดต่อไปโดยไม่มีเหตุผล สองสถานการณ์การนี้เกิดขึ้นพร้อมกัน เกรงว่าจะประสบอันตรายเข้าแล้วจริงๆ……เรื่องนี้ ดูเหมือนว่าจะจัดการยากมากจริงๆ…… ”
เฟ่ยเจี้ยนจงโพล่งพูดว่า : “อาจารย์หยวน คุณเคยได้ยินมาก่อนไหมว่า หัวเซี่ยมียอดฝีมือที่มีพละกำลังเหนือกว่าเจียเฉิง?”
“ไม่เคยได้ยินนะ” หยวนจื่อซูเอ่ยปากพูดว่า: “ตามที่ฉันรู้มา หัวเซี่ยแม้แต่นักบู๊ห้าดาวก็ยังไม่มีเลย ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าหากเป็นอย่างที่คุณหนูเข่อซินพูดมา ถ้าหากเรื่องนี้มีมาเฟียบงการอยู่เบื้องหลัง งั้นพละกำลังของมาเฟียที่อยู่เบื้องหลัง ไม่เพียงแค่เหนือกว่าเจียเฉิงธรรมดาขนาดนั้นแล้ว !”
พูดแล้ว เขาก็พูดด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม : “คิดอยากจะฆ่าหรือว่าลักพาตัวเจียเฉิงไปอย่างเงียบๆ แม้ว่าเป็นฉันก็ยังทำไม่ได้เลย!เพราะว่าพละกำลังของเจียเฉิงแม้ว่าจะสู้ฉันไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็สามารถต่อสู้กับฉันหลายสิบครั้งได้ และถ้าหากพวกเราสองคนต่อสู้กันอย่างเต็มกำลัง การเคลื่อนไหวที่ยิ่งใหญ่ เกรงว่าห่างออกไปสามสี่กิโลเมตรก็ได้ยิน”
การวิเคราะห์ของหยวนจื่อซู ทำให้เฟ่ยเจี้ยนจงตกใจจนหน้าถอดสี เขาเอ่ยปากถามว่า : “อาจารย์หยวน จากความคิดเห็นของท่าน ถ้าหากมีคนฆ่าหรือว่าลักพาตัวลั่วเจียเฉิงไปอย่างเงียบๆได้ พละกำลังของคนๆนี้จะอยู่ในระดับไหน? ”
“ระดับไหน……” เปลือกตาของหยวนจื่อซูสั่นคลอนเบาๆ เอ่ยปากพูดออกมาอย่างจริงจังว่า : “ภายในแดนสว่าง เกรงว่ายากมากที่จะทำได้ เพราะงั้น อย่างน้อยพละกำลังของอีกฝ่ายก็อยู่ในแดนมืด!”
“แดนมืด……” เฟ่ยเจี้ยนจงพูดพึมพำ: “อาจารย์หยวนเคยพูดแล้วไม่ใช่เหรอว่า ยอดฝีมือแดนมืด อย่างน้อยก็ไม่ได้ปรากฏตัวบนโลกเป็นครั้งคราวมาสิบกว่าปีแล้ว ……”
“ใช่……” หยวนจื่อซูพยักหน้าแล้ว พูดเสียงทุ้มว่า : “สิบกว่าปีก่อน อาจารย์เคยพูดถึงในจดหมาย มีเพียงยอดฝีมือแดนมืดไม่กี่ท่าน ที่ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร จนกระทั่งวันนี้ก็ไม่มีข่าวคราวใดๆเลย”
เฟ่ยเจี้ยนจงรีบถาม : “งั้นการหายตัวไปของเจียเฉิง จะเกี่ยวข้องกับยอดฝีมือแดนมืดหรือเปล่า?”
หยวนจื่อซูมีสีหน้าที่เคร่งขรึม เอ่ยปากพูดว่า : “มันเป็นไปไม่ได้เลยสักนิด……เพียงแค่ฉันไม่เข้าใจ แม้ว่าเมืองจินหลิงมียอดฝีมือแดนมืดจริงๆ จะลงมือกับเจียเฉิงได้ยังไง?ครั้งนี้เจียเฉิงไปที่เมืองจินหลิงเพียงแค่ไม่กี่วัน หรือว่าล่วงเกินใครเข้าแล้วงั้นเหรอ?”
พูดจบ เขาก็รีบพูดเฟ่ยเจี้ยนจงว่า : “คุณท่านเฟ่ย รบกวนท่านช่วยถามคุณหนูเข่อซินหน่อย ถามเธอว่าช่วงหลายวันมานี้ได้ไปล่วงเกินใครในเมืองจินหลิงแล้วหรือเปล่า ผมเชื่อว่าแม้ว่าจะมียอดฝีมือแดนมืด ก็ไม่มีทางที่จะลงไม้ลงมือกับรุ่นน้องอย่างไม่มีเหตุผลแน่ นอกจากว่าระหว่างนั้นมีเรื่องบาดหมางหรือว่าเข้าใจผิดอะไรกัน!”
เฟ่ยเจี้ยนจงพยักหน้า รีบพูดว่า : “ฉันจะถามเข่อซินเดี๋ยวนี้!”
……
และในเวลานี้
ในบ้านไร่ที่อยู่ติดกับถนนทางหลวง104ที่เมืองจินหลิง เฟ่ยเข่อซินยังคงไม่ได้ข่าวคราวของลั่วเจียเฉิงเช่นเคย
โทรศัพท์ของลั่วเจียเฉิงก็ยังคงโทรไม่ติดเช่นเคย และเฉินอิ่งซานกำลังพาตัวแฮ็กเกอร์มา คิดหาทางแฮ็กคลิปวิดีโอกล้องวงจรปิดรอบๆ เพราะงั้นก็ไม่ได้มีเบาะแสที่มีค่าใดๆมีฟีดแบคกลับมา
เย่เฉินเห็นเฟ่ยเข่อซินเหมือนว่าค่อนข้างลังเลตัดสินใจไม่ถูก ก็พูดถามหยั่งเชิงเธอว่า : “คุณจาน ต้องการให้ผมไปแจ้งความเป็นเพื่อนคุณไหม?”
เฟ่ยเข่อซินส่ายหน้าแล้ว พูดกล่าวว่า : “คุณลั่วเพิ่งจะหายตัวไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมง อีกอย่างก็เป็นผู้ใหญ่ที่มีอวัยวะครบ 32 ประการ ฉันเดาว่าทางฝั่งตำรวจไม่มีทางที่จะทุ่มกำลังกับผู้ใหญ่ที่หายตัวไปเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น”
เย่เฉินพยักหน้าเล็กน้อย พูดอย่างถอนหายใจว่า : “ก็มีเหตุผล ถ้าหากไปแจ้งความแล้วบอกว่าชายวัยกลางคนหายตัวไปครึ่งชั่วโมงแล้ว กลัวว่าจะถูกมองว่าเป็นคนสมองพิการหยอกล้อเจ้าหน้าที่ตำรวจ……”
เฟ่ยเข่อซินถอนหายใจแล้ว กำลังคิดอยากพูด จู่ๆโทรศัพท์ก็ได้รับข้อความจากคุณปู่
เธอเพิ่งกดเปิดข้อความ ก็ได้ยินเย่เฉินพูดเนื้อหาส่วนใหญ่ในข้อความออกมาแล้ว : “คุณจาน คุณไปล่วงเกินคนแล้วหรือเปล่า ?”
และเนื้อาที่เขียนในข้อความที่คุณปู่ส่งมา คือ : “เข่อซิน แกได้ไปล่วงเกินคนที่เมืองจินหลิงแล้วหรือเปล่า?”