Translator : Muntra / Author
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.135 – เข้าสู่สวนล่าใบไม้ผลิ
“เริ่มเตรียมตัวเข้าสู่สวนล่าใบไม้ผลิได้!”
ทุกคนหยิบเสื้อป้องกันและหมวกนิรภัยขึ้นมาสวมใส่ ตามด้วยกระเป๋ารบสีดำขึ้นสะพายหลัง เสียบวิทยุไร้สาย(สมอลทอร์ค)ในหู
“จ้าวหยู เธอเอานี่ไป” จู่ๆก็ปรากฏกล่องใบหนึ่งขึ้นในมือของฉินเฟิง เขามอบมันให้กับจ้าวหยู
ในกล่องนี้ แน่นอนว่าเป็นกรงเล็บเพลิงสีชาด เลเวล F5 ที่เติ้งเหนียนมอบให้กับเขาเมื่อวานก่อน
“อา! นี่มันอุปกรณ์รูนอบิลิตี้!” จ้าวหยูอุทาน
ฉินเฟิงพยักหน้า
อย่างไรก็ตาม พอจ้าวหยูรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายที่รั่วไหลออกมาจากมัน เธอก็ไม่ทราบว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “นี่คืออุปกรณ์เลเวล F5 แต่ตัวฉันตอนนี้ยังไปไม่ถึงเลเวล G เลยด้วยซ้ำ ถ้าจะให้ใช้คงสามารถดึงพลังออกมาได้แค่ 1/10 เท่านั้น”
“ไม่เป็นไร ขอให้จำว่าใส่มันไว้เน้นป้องกันก็พอ!” ฉินเฟิงยื่นกรงเล็บเพลิงสีชาดให้ เหล็กกล้าที่เป็นส่วนผสมภายในมันจะช่วยให้จ้าวหยูสามารถปัดป้องกระสุน ส่วนกรงเล็บแหลมสามารถช่วยต่อสู้ระยะประชิดได้
จ้าวหยูขบคิดเกี่ยวกับมันอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายพยักหน้าตกลง และสวมใส่มัน
รูนไฟระเบิดขึ้นทันใด เกือบทั้งอุปกรณ์รูนสาดแสงสีม่วง เปลวไฟเริ่มก่อตัวขึ้น
ที่จริงแล้ว ทุกคนที่เตรียมจะเข้าสู่สวนล่า ต่างก็เริ่มสวมใส่อาวุธของตัวเองกันหมดแล้วเหมือนกัน
และเนื่องจากการระงับอุปกรณ์รูนมิติไม่ให้ใช้งาน ดังนั้นมือปืนที่ร่ำรวยบางคนเลยยิ่งโดดเด่นเป็นพิเศษ กระทั่งนักเรียนมือปืนธรรมดาก็เด่นสะดุดตา บนตัวของพวกเขาถือไว้ด้วยปืนที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็น ไรเฟิล , ปืนกลมือ , ปืนใหญ่มือขนาดเล็ก , กระสุนและอะไรอีกยิบย่อยห้อยคอ พาดบ่า ระโยงระยางเป็นจำนวนมาก
บางคนมากจนตนเองถือไม่ไหว ต้องขอความช่วยเหลือจากผู้ใช้วรยุทธโบราณในทีม
แต่นั่นก็พอเข้าใจได้ เพราะหากคิดตามหลักพื้นฐาน ในช่วงระยะแรกๆ ตราบใดๆที่คุณมีอาวุธมากพอ สำหรับใช้ต่อสู้ มันก็ยิ่งเป็นตัวเพิ่มโอกาสคว้าชัยชนะ
พรึ่บ!
โจวฮ่าวหยิบเสื้อคลุมออกมา เหวี่ยงสะบัดมันพาดลงบนไหล่ ปกคลุมรอบกาย
“ดูนี่สิสหาย ฉันเท่ไหม” โจวฮ่าวคว้ามีดสั้นอีกเล่มออกมา แล้วเหน็บมันไว้ที่เอว
เพียงได้มอง จะพบว่าอุปกรณ์รูนสองชิ้นนี้สาดรังสีแสงสีเงิน ท่ามกลางอุปกรณ์ของคนอื่นๆที่สาดแสงสีฟ้า และม่วง มันเลยดูโดดเด่นเป็นอย่างยิ่ง
“เสื้อคลุมของนาย … มันสุดยอดไปเลย!” จ้าวหยูตะลึงงัน เอ่ยปากชื่นชม
เพราะอุปกรณ์ทั้งหมดของโจวฮ่าว มันสร้างมาจากวัสดุของราชันย์สัตว์ร้ายทั้งสิ้น!
“ฮ่าฮ่าฮ่า ฉันได้เจ้าพวกนี้มาเพราะการช่วยเหลือของไอ้บ้าเพื่อนรักน่ะ!” โจวฮ่าวยิ้มและกล่าว
แน่นอนว่ายังไม่หมด โจวฮ่าวยังมีเกราะที่สวมทับอยู่ข้างในอีก เพียงแต่เขาไม่ได้ถอดเครื่องแบบนักเรียน เลยไม่ได้โชว์มันออกมา
อีกด้านหนึ่ง จู่ๆบนจตุรัส รังสีแสงสีเงินที่คล้ายกับดิสก์ขนาดใหญ่หลายแผ่นพลันปะทุออกมา
แสงนี้ค่อยๆเชื่อมต่อกันเป็นตาข่าย ก่อตัวขึ้นจนมีความกว้างกว่า 20 เมตร เปลี่ยนรูปร่างเป็นประตูสูงกว่า 3 เมตร
“สถานชุมชนซิต๋าเข้าไปก่อนเป็นกลุ่มแรก!”
ลำดับนี้มาจากการจับฉลาก และเนื่องจากสถาบันระดับสูงของเฉิงหยางมีคนอยู่เยอะเกินไป ดังนั้นทุกครั้งที่เข้าร่วมงานสวนล่า พวกเขาจะยอมเข้าเป็นกลุ่มสุดท้าย
นักเรียนจากสถาบันซิต๋าก้าวเข้าสู่ประตูขนาดใหญ่
“ถือว่าพวกโรงเรียนเฉิงหยางยังมีจิตสำนึกของเจ้าบ้านอยู่นิดหน่อย พวกเราเข้าไปกันก่อนเถอะ!”
“ลงมือก่อนได้เปรียบ! ในเมื่อพวกเราเป็นกลุ่มแรกที่ได้เข้าไป ฉะนั้นต้องรีบเข้าไปใจกลางพื้นที่ แล้วรวบรวมของดีๆมาไว้ในครอบครอง!”
“อยากจะรู้จริงๆ ว่าปีนี้จะมีใครบ้างที่สามารถเก็บผลสมาธิได้”
เกิดเสียงกระซิบกระซาบ นักเรียนทุกคนของสถาบันซิต๋าได้ก้าวเข้าสู่สวนล่าเรียบร้อยแล้ว
หลังจากนั้น อาจารย์ที่คอยคุมก็ทำการเปลี่ยนพิกัดเคลื่อนย้ายมิติ แล้วเรียกอีกสถาบันหนึ่งเข้าไป
เห็นได้ชัดว่าตำแหน่งที่ถูกส่งออกไปของแต่ละสถาบัน มันคนละที่กัน
“มาเถอะ ถึงตาพวกเราแล้ว” นักเรียนจากทางเฉิงเป่ยเป็นสถาบันลำดับสามที่ได้เข้าไป
ฉินเฟิงเดินตามคนอื่นๆในทีม ก้าวเข้าสู่ภายใน
และเมื่อสถาบันทั้งสี่ได้เข้าไปแล้ว สุดท้ายก็ถึงตาของสถาบันเฉิงหยาง
“เหยื่อถูกปล่อยไปแล้ว ต่อไปก็ถึงเวลาของนักล่าซักที!”
วัยรุ่นทั้งชายหญิงในชุดขาวริมทองผุดรอยยิ้มที่หากผู้ใดได้เห็นคงไม่รู้สึกดีขึ้นมา
เพราะจากนี้ไปจะเป็นการล่าฝ่ายเดียว!
….
ฉินเฟิงและคนอื่นๆก้าวเข้าไปในประตูมิติ ช่วงเวลาต่อมา สนามหญ้าเขียวขจีก็ปรากฏสู่สายตา
มันไร้ซึ่งสิ่งปลูกสร้างที่ดูซับซ้อน พื้นสนามหญ้าเองก็อ่อนนุ่ม เป็นสีเขียวที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น สดชื่นดั่งฤดูใบไม้ผลิสมชื่อของมันจริงๆ
ไม่เพียงผืนหญ้า กระทั่งต้นไม้โดยรอบก็เชียวชะอุ่ม ช่างแตกต่างกับฤดูใบไม้ร่วงภายนอกซะจริงๆ
ในป่าทีบที่อยู่ห่างออกไป มีกระทั่งลำธารใสอยู่ทางซ้ายมือ
“สวยจังเลย!” จ้าวหยูกรีดร้องสนุกสนาน
หากกล่าวว่า ‘ทุ่งล่า’ ที่เห็นก่อนออกจากสถานชุมชนเฉิงเป่ยคือทุ่งทุรกันดาร ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ที่นี่สมควรเรียกว่า ‘สวนล่า’ อย่างแท้จริง
“อย่ามัวแต่มองทิวทัศน์ พวกเรารีบเดินกันเหอะ” ฉินเฟิงกล่าว พลางชำเลืองมองคนรอบข้าง
รอบๆทีมของเขาเต็มไปด้วยนักเรียนจากสถาบันเฉิงเป่ย ที่เพิ่งเข้าสู่สวนล่าใบไม้ผลิพร้อมกัน
ซึ่งมันไม่ฉลาดเลยหากประมาทในเวลานี้ มิฉะนั้นแล้ว พวกเขาอาจจะต้องถูกส่งกลับไปโดยไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆ
และอีกอย่างมันเป็นเรื่องเลวร้ายมากเลยไม่ใช่หรือ? ที่คนจากสถาบันเดียวกันต้องมาสู้กันเองอย่างเปิดเผย
เมื่อหลายคนเริ่มคิดได้ ทั้งหมดก็แยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็ว
ฉินเฟิงพาอีกสามคนกลืนหายเข้าไปในป่า สวนล่าใบไม้ผลิงดงามดั่งภาพฝัน คล้ายไม่ให้ความรู้สึกถึงภยันตรายใดๆ หากไม่บอกว่าที่นี่คือสวนล่า พวกเขาคงกำลังนึกว่าออกมาปิกนิก
อย่างไรก็ตาม ไอ้สิ่งที่เรียกว่าอันตรายน่ะ มันก็มักจะปรากฏขึ้นในช่วงเวลาที่คนลดการป้องกันลงนี่แหละ!
วู้มมมม!
ฉินเฟิงยกปืนพลังงานขึ้น และยิงไปทางด้านหน้า โดยไม่ปริปากกล่าวใดๆ คนอื่นๆไม่ทันได้ตอบสนอง เห็นแค่เพียงเขายิงเข้าใส่เถาวัลย์
จ้าวหยูสับสนเล็กน้อย ขบคิดในจิตใจว่าฉินเฟิงยิงไปทำไม? หากแต่เมื่อเข้าไปใกล้ๆ เธอกลับพบว่าเถาวัลย์ที่ร่วงลงมาบนพื้น แท้จริงแล้วเป็นงู!
“นี่มันงูหยก!” จ้าวหยูร้องอุทาน
ตรงหน้าเธอ มันคืองูพิษระดับต่ำ หากถูกฉกกัดเพียงครั้งเดียวอาจทำให้เป็นอัมพาตได้ และหากมีพลังสมาธิไม่มากพอ ก็อาจจะได้รับพิษของมันถึงตาย
ฉินเฟิงอยู่ตั้งไกล แต่กลับสามารถค้นพบถึงมันได้อย่างน่าประหลาดใจ
“ฉินเฟิง นายจะน่าทึ่งเกินไปแล้ว ฉันคิดแค่ว่านายยิงเถาวัลย์เล่นๆซะอีก ดูเหมือนว่าสิ่งที่หลินไคพูดเมื่อวานนี้ ทั้งหมดจะเป็นเรื่องโกหก!” จ้าวหยูกล่าว
พอได้ยินแบบนั้น มุมปากของโจวฮ่าวก็อดกระตุกไม่ได้ “จ้าวหยู เธอคงไม่ได้คิดจริงๆหรอกนะใช่ไหม ว่าสิ่งที่เจ้าหลินไคพูดเมื่อวานมันเป็นความจริง?”
“ก่อนหน้านี้ฉินเฟิงตะลุยไปถึงแนวหน้าสุดเพียงลำพังเชียวนะ เขาได้รับเครดิตทางทหารอย่างมหาศาล ส่วนฉันถึงจะไม่ได้ไปแนวหน้าสุด แต่ก็สามารถแลกรางวัลมาได้เป็นเงินหลายล้าน!”
วรยุทธโบราณของโจวฮ่าวกำลังพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ต้องขอบคุณการเก็บเกี่ยวที่ได้รับจากภูเขาแม่ ที่ทำให้เขาสามารถนำไปแลกยาเสริมศักยภาพและยาบำรุงอื่นๆอีกมากมาย มิฉะนั้นมีหรือที่คนจากครอบครัวธรรมดาอย่างโจวฮ่าว จะได้รับทรัพยากรมหาศาลถึงขนาดนี้
จ้าวหยูพอได้ยินก็รู้สึกละอายเล็กน้อย
“มีใครบางคนกำลังมา!” จางเทียนที่มักจะไม่ค่อยพูดจา เอ่ยปากขึ้นทันใด
“เป็นคนจากสถาบันอื่นอย่างงั้นหรอ? พวกเรารีบหนีกันเร็ว” จ้าวหยูกล่าว
ฉินเฟิงพยายามรับรู้ถึงกลิ่นอายของคนเหล่านั้น สักพักสีหน้าของเขาก็กลายเป็นเย็นชา ประกายสังหารกระพริบไหวในแววตา
“ไปหลบกันก่อน” ฉินเฟิงสั่งให้คนอื่นเดินลึกเข้าไปในป่า เขาตามเป็นคนสุดท้าย และไม่วายฝังระเบิดขนาดเล็กบางลูกลงบนพื้นดิน
ไม่ถึงครึ่งนาทีหลังจากที่พวกเขาจากไป กลุ่มมากกว่า 30 คนก็ปรากฏตัวขึ้นที่นี่ และหัวหน้าของพวกเขาก็คือหลินไค
“ใช่ทางนี้แน่หรอ? ทำไมพวกเราถึงยังไม่เจอใครเลย!”
สีหน้าของหลินไคกลายเป็นมืดมนและโกรธเกรี้ยว
“สมควรจะเป็นตำแหน่งนี้” เฉินหมิงกล่าว เขาอดไม่ได้ที่จะก้าวออกไปสองสามก้าว
และในจังหวะนั้นเอง ตำแหน่งบนพื้นก็สาดประกายสีแดงวาบ
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด!
หลังจากมันกระพริบไป 3 ครั้ง ทันใดนั้นก็เกิดแรงระเบิดอันน่าหวาดกลัวปะทุขึ้น
อ๊าาาาา
แรงอัดอากาศกระแทกเข้าใส่เฉินหมิง และอีกสองคนที่อยู่ข้างๆปลิวขึ้นไปบนฟ้า
ทว่าเฉินหมิงกลับสามารถยืนหยัดอยู่ในจุดเดิมได้อย่างน่าฉงน มีเพียงเสื้อผ้าที่สะบัดไหว คล้ายกับว่าสองเท้ามีพละกำลังมหาศาล ไม่ได้รับผลกระทบใดๆจากแรงอัดอากาศนี้เลย
หลินไคช็อก
“บนหญ้ามีระเบิดฝังไว้? โชคดีจริงๆที่ฉันไม่ได้เดินเข้าไป”
ใบหน้าของเฉินหมิงเริ่มเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำ