โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 – ตอนที่ 477

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.477 – ตราผู้การรัฐ

 

“นายพลซื่อโปรดวางใจ ผมเตรียมแผนรับมือเอาไว้แล้ว”

 

“งั้นดีก็ ถ้านายเตรียมแผนไว้แล้วก็ดี” ซื่อฉิงคิดว่าฉินเฟิงคงตัดใจยอมแพ้ เลยแค่ย้ำเตือนสติเขา จากนั้นสนทนาอีกสองสามประโยค ก็วางสายไป

 

ฉินเฟิงไม่ต้องการให้ใครโทรมากวนอีก ปิดอุปกรณ์สื่อสาร จมลงสู่ห้วงหลับไหล

 

หลังจากนี้ หากใครต้องการจะติดต่อเขา ทำได้อย่างเดียวคือรอ!

 

 

เมื่อฉินเฟิงตื่นขึ้น ก็พบว่ามันเป็นเวลาช่วงบ่ายแล้ว หลายชั่วโมงที่ผ่านมา ซูซิงฝูลุยงานมิได้พักผ่อน โครงสร้างของกลุ่มองค์กรยังได้รับการจัดตั้งขึ้น ได้รับคำสั่งซื้อไม่ต่ำกว่าหลายร้อยรายการ ทรัพยากรของกลุ่ม ทุกอย่างถูกรวบรวมเข้าด้วยกัน

 

ฉินเฟิงไม่ได้กังวลอะไรเกี่ยวกับทางฝั่งซูซิงฝู

 

เวลานี้ ฉินเฟิงเพียงเปิดอุปกรณ์สื่อสาร ก็พบกับโฆษณาของตน ที่ถูกโปรโมทถล่มทลาย ประกาศไปทุกพื้นที่ ไม่ว่าใครต่างก็รู้ถึงการก่อตั้งและทิศทางธุรกิจของกลุ่มเฟิงหลี

 

พวกเขาคือกลุ่มการค้าที่อาศัยการผลิตจักรกลเป็นหลัก ซึ่งไม่มีใครเคยคิดทำแบบนี้อย่างเต็มรูปแบบมาก่อน เพราะท้ายที่สุดแล้ว กลุ่มหวันซ่งที่เป็นยักษ์ใหญ่เอง ก็ทำการผลิตอาวุธปืนขายเช่นกัน

 

นี่ถือเป็นการแย่งส่วนแบ่งผลประโยชน์จากทางกลุ่มหวันซ่ง และอาจทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจนัก ต้องทราบนะว่าทุนของกลุ่มหวันซ่งหนามาก มิใช่อะไรที่คนธรรมดาจะเทียบได้

 

อย่างไรก็ตาม อาวุธที่เปิดตัวของฉินเฟิง มันดีเกินไปจริงๆ เทคโนโลยีนี้ กระทั่งทางหวันซ่งก็ยังไม่เชี่ยวชาญ ตลาดปืนถูกแบ่งออกครึ่งหนึ่งโดยฉินเฟิงทันที

 

ทางด้านหวันซ่ง แม้อยากขัดขวาง แต่ก็ไร้หนทาง ไม่อาจทำอะไรกับมันได้

 

เพราะสุดท้าย อาวุธที่ฉินเฟิงกำลังนำออกมาขาย มันเป็นอาวุธปืนทั้งหมด และในส่วนนี้ ทางหวันซ่งไม่มีกำลังหรือความรู้มากพอที่จะแข่งขัน

 

แน่นอน ทั้งหมดนี้เป็นแค่ยอดสั่งซื้อ ไม่ว่าจะเป็นโรงงาน , การขนส่งสินค้า ล้วนยังมิได้เป็นรูปเป็นร่าง ไม่มีกระทั่งยอดชำระเงินล่วงหน้า แต่ฉินเฟิงครอบครองทรัพยากรทางการเงินอันน่าสะพรึงกลัว ดังนั้นนี่ไม่ใช่ปัญหา

 

และข่าวดังกล่าว ย่อมลอยไปถึงหูของซางฮัน , เหอเล่อหมิง , ฟูเหวินจู และซื่อฉิงอย่างรวดเร็ว

 

กระทั่งกวงเว่ยและเล่ยหยิงยังล่วงรู้

 

“ฉินเฟิงคนนี้ ทำอะไรแต่ละอย่างช่างน่าทึ่งจริงๆ” ฟูเหวินจูเห็นโฆษณาและประสิทธิภาพของอาวุธเหล่านั้น ก็อดชื่นชมไม่ได้

 

ฉินเฟิงใช้ออกเพียงกลยุทธ์เดียว เปลี่ยนจากรับมาเป็นรุกได้อย่างง่ายดาย

 

สินค้าที่เขานำออกมาขาย มิใช่สำหรับพันธมิตรมนุษย์ , มิใช่สำหรับเฉพาะซางฮัน แต่มันถูกแจกจ่ายไปยังทุกคน

 

ถึงเวลานี้ ต่อให้ซางฮันคิดเอ่ยปากเรียกร้อง ขอเมืองลอยฟ้าจากฉินเฟิง แม้จะยอมจ่ายในราคางาม ก็มิอาจทำได้อีกต่อไป เพราะความลับนี้ ทุกคนต่างสามารถล่วงรู้มันได้เช่นกัน

 

และหากฉินเฟิงได้กลายเป็นพ่อค้าปืนรายใหญ่ที่สุด ถึงเวลานั้นหากซางฮันพยายามจะเรียกร้องอีกครั้ง มันก็ไม่ต่างกับเจ้าหน้าที่ใช้อำนาจข่มขู่ประชาชน

 

และคนที่เดือดร้อนจะไม่ใช่มีแค่ฉินเฟิง แต่เป็นทุกคนที่ทำธุรกิจร่วมกับเขา 

 

ถึงเวลานั้น ต่อให้ซางฮันเป็นผู้ใช้พลังเลเวล A ชื่อเสียงคงตกต่ำ ถดถอยลงไปหลายส่วน

 

“จ้าวพรมแดน เรื่องที่พวกเราหารือกันก่อนหน้านี้ จะยังดำเนินตามแผนเดิมต่อไหม?” เหอเล่อหมิงเอ่ยถาม

 

ซางฮันปวดหัวตุบ เจ้าคนที่ชื่อฉินเฟิง ยังไงก็ไม่ยอมเสียเปรียบเลยสินะ

 

“ไม่ต้องแล้ว ฉันจะขอซื้อมันเอง!” เดิมซางฮันต้องการผูกขาดเทคโนโลยีดังกล่าว แต่ไม่คาดคิดเลย ว่าฉินเฟิงจะชิงตัดหน้าเธอ แต่ไม่รู้เหมือนกัน ว่าอาวุธปืนที่ฉินเฟิงปล่อยออกมา มันจะเป็นรุ่นที่ทรงพลังที่สุดหรือไม่

 

อีกด้านหนึ่ง ซื่อฉิงและผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา เงียบเป็นเป่าสาก

 

ซื่อฉิงรู้สึกขบขันเล็กน้อย ก่อนถอนหายใจยาว “เดิมที ฉันหลงคิดว่าฉินเฟิงจะยอมแพ้ มอบมันให้แก่ซางฮัน แลกกับการให้ซางฮันเป็นผู้สนับสนุนเขาอยู่เบื้องหลัง แต่ไม่คิดเลยว่า … ”

 

“บอส ฉินเฟิงทำแบบนี้ ต่อให้เขาได้รับผลประโยชน์มหาศาล แต่นั่นไม่เท่ากับเป็นการล่วงเกิน ทำให้จ้าวพรมแดนไม่พอใจหรือ? แบบนี้มันไม่ฉลาดเลย”

 

เนื่องจากพวกเขาเคยด่าฉินเฟิงต่อหน้ามาก่อน ลูกน้องของซื่อฉิงจึงไม่มีความประทับใจต่อฉินเฟิง หลังจากทุกอย่างพลิกล็อค ตอนนี้เมื่อนึกย้อนไปถึงคำพูดของฉินเฟิง ที่พวกเขาคิดว่าโง่เง่า บัดนนี้กลับกลายเป็นพวกเขาซะเองที่ดูเหมือนคนโง่

 

คนเหล่านี้ไม่ชอบฉินเฟิง ดังนั้นไม่คิดเอ่ยปากชื่นชม ทำได้เพียงอยู่ฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น

 

“เรื่องด่ากันเอาไว้พอแค่นี้ ฉันคิดว่าที่ฉินเฟิงทำแบบนี้ มันเกิดจากทัศนคติของเขา”

 

“ทัศนคติอะไร?”

 

“ก็ทัศนคติที่ว่า … เขาไม่ต้องการมีใครคอยหนุนหลัง”

 

“นี่ … ” ลูกน้องซื่อฉิงไม่รู้จะเอ่ยคำใดออกมาดี สมควรกล่าวว่าฉินเฟิงมั่นใจในพรสวรรค์หรือจะเรียกว่าโอหังดี?

 

คู่ดวงตาของซื่อฉิงกระพริบไหว ตกอยู่ในการไตร่ตรอง “บางทีนี่อาจเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงไม่ไว้หน้าพันธมิตรมนุษย์ เพราะด้วยสถานะของเขาในตอนนี้ ไม่ว่าสถานที่ใด ก็ล้วนยินดีอ้าแขนต้อนรับเขา”

 

พ่อค้าปืน ผู้ซึ่งอนาคตจะกลายเป็นกลุ่มติดอาวุธที่ยิ่งใหญ่ที่สุดทางตอนเหนือ อิทธิพลย่อมแตกต่างจากคนอื่นๆ

 

และตัวปืนเอง คืออาวุธที่ง่ายที่สุด สำหรับใช้เป็นกำลังรบ!

 

 

เที่ยงวันถัดมา ฟูเหวินจูกับเหอเล่อหมิงแยกกันเดินทางมายังเมืองลอยฟ้า ฉินเฟิงมิได้เชิญอีกฝ่ายขึ้นไปในเมืองลอยฟ้า แต่นำทั้งสองมายังเรือเหาะ โดยให้มันลอยลำอยู่ภายใต้รัศมีโจมตีของเมืองลอยฟ้าแทน

 

กล่าวอีกนัยนึงก็คือ ตราบใดที่ฉินเฟิงสั่งการ ปืนใหญ่พลังงานสามารถสังหารฟูเหวินจูและเหอเล่อหมิงได้ตลอดเวลา

 

แม้ฟูเหวินจูจะเข้าใจถึงเรื่องนี้ดี แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อได้มาเห็นภายในเรือเหาะ ก็ถือว่าเป็นการเปิดหูเปิดตาพวกเขาเป็นอย่างมาก

 

“ท่านนายพลทั้งสองเชิญนั่ง”

 

ฉินเฟิงผายมือ ส่งสัญญาณให้ทั้งสองนั่งลง และสั่งให้คนไปชงชา

 

“เรือเหาะลำนี้สวยไม่เลวเลย พอได้มาเห็นด้วยตัวเอง ทำเอาฉันอยากจะสั่งซื้อไว้สักลำ!”

 

“ฉันเห็นด้วย ถ้าใช้มันในกรณีที่เดินทางกันเป็นกลุ่ม เรือเหาะค่อนข้างปลอดยภัยมาก แบบนี้ต่อให้เป็นในทุ่งล่าก็ยังเหมาะแก่การอยู่อาศัย!”

 

“ถูกต้อง”

 

ฉินเฟิงยิ้มบาง “ดูเหมือนว่าผมจะได้ลูกค้าเพิ่มอีกสองรายซะแล้ว”

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า ของดีใครเล่าจะไม่อยากซื้อ”

 

ทั้งสามสนทนาเกี่ยวกับเรื่องสัพเพเหระ หยั่งเชิงกันและกัน ต่อมาจึงได้เริ่มเข้าสู่หัวข้อหลัก

 

“ฉินเฟิง ครั้งนี้คุณได้รับความคับข้องใจ จ้าวพรมแดนเลยจัดการประชุมเป็นการส่วนตัว เปิดลงคะแนนโหวต เพื่อล้างความผิด และคืนความยุติธรรมให้แก่คุณ” ฟูเหวินจูกล่าว

 

เหอเล่อหมิงกล่าวต่ออย่างตรงประเด็น “ตอนนี้คุณสามารถเข้าสู่เครือข่ายนักสู้ และเช็คในบัญชีส่วนบุคคลได้เลย ทางพันธมิตรได้โอนเงินกว่า 5 ล้านล้าน แก่คุณแล้ว นี่ถือเป็นค่าชดเชย”

 

หลังจากนั้น ทั้งสองก็บอกกล่าวเกี่ยวกับบทลงโทษของเล่ยหยิงและกวงเว่ย

 

ฉินเฟิงย่อมรู้ถึงเรื่องนี้ก่อนแล้ว เพราะเจิ้งเฉียนคอยติดตาม ให้ความสำคัญกับการเคลื่อนไหวของเล่ยหยิงอยู่เสมอ

 

ภายในวันเดียว เล่ยหยิงเรียกได้ว่าแทบกลายเป็นบุคคลล้มละลาย

 

ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องอุปกรณ์รูนระดับสูงของเขาหลายชิ้นที่ถูกจำนองไป แต่ทรัพย์สินหมุนเวียนทั้งหมด ทั้งอสังหาและอุตสาหกรรมในสี่เมืองทะเลเหนือและสามเฉิง ล้วนถูกนำประมูลออกสู่สาธารณะ แม้จะช่วยให้ได้รับเงินเพิ่มมาอีกไม่กี่แสนล้าน แต่ก็ค่อยๆสะสมทีละน้อย ทีละน้อยให้ได้ตามจำนวน เพื่อให้ได้เงินก้อนมารวมกัน

 

อย่างไรก็ตาม เล่ยหยิงเหมือนจะตระหนักได้ว่าจากนี้ไปกลุ่มเล่ยถังคงเหลือแต่ในนาม ดังนั้น เมื่อกลับไป เขาจึงบังคับให้สมาชิกเลเวล E ทุกคนถอนเงินออกมาคนละ 100 ล้าน และเลเวล D ทุกคน คนละ 1,00 ล้าน เพื่อนำมารวมกับเงินที่ต้องนำมาจ่ายอย่างกะทันหัน

 

อันที่จริง เล่ยหยิงคิดดีแล้ว เพราะเมื่อมีเงินก้อนเหล่านี้ค้างเอาไว้ อย่างน้อยสมาชิกมากมาย เพื่อเงินก้อนนี้ น่าจะไม่ยอมละทิ้งกลุ่มเล่ยถังไป

 

แต่ที่เขาคาดไม่ถึงก็คือ สิ่งนี้ทำให้สมาชิกหลายคนเกิดความคับแค้นเป็นอย่างมาก บางคนยอมสูญเสียเงินส่วนนั้น และขอถอนตัวจากกลุ่มเล่ยถังไป

 

ในระยะเวลาอันสั้น เพียงคืนเดียว กลุ่มเล่ยถังได้ตายลง เหลือทิ้งไว้เพียงชื่อ

 

“คำตัดสินนี้ ผมพอใจมาก” ฉินเฟิงพยักหน้า อย่างน้อยจุดประสงค์ของเขาก็ถือว่าสำเร็จ

 

บางครั้ง การตายอย่างง่ายดาย ก็ยังไม่เจ็บปวดเท่าการมีชีวิตอยู่ แต่ไม่เหลืออะไรเลย

 

เช่นเดียวกับเล่ยหยิงในเวลานี้

 

ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ว่าเล่ยหยิงได้รับบาดเจ็บสาหัสจากฝีมือของฉินเฟิงหลายครั้ง ความแข็งแกร่งย่อมลดทอน ไม่เหมือนดังที่เคยเป็น

 

“ตราบใดที่คุณพอใจมันก็พอแล้ว เอาล่ะ ตอนนี้ก็เรื่องสุดท้าย”

 

สีหน้าของเหอเล่อหมิงกลายเป็นจริงจัง กล่องใบหนึ่งปรากฏขึ้นในมือเขา

 

“ฉินเฟิง ตอนนี้ฉัน ในฐานะตัวแทนจากทางพันธมิตรมนุษยชาติทางตอนเหนือเขตหัวเซี่ย ขอประกาศแต่งตั้งคุณเป็นผู้การรัฐประจำสี่เมืองทะเลเหนือ และขอมอบตราประจำตัวให้แก่คุณ”

 

ฝากล่องถูกเปิดออก ภายในคือตราแบบเดียวกับของเกาหยูคังทุกประการ

 

–สัญลักษณ์ของผู้การรัฐเลเวล C !

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】
Status: Ongoing
อ่านนิยายโคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】ภายในตัวอาคารที่ถูกเสริมแกร่งด้วยเหล็กกล้า พื้นโถงทางเดินราวกับกระจกใส ทั้งแพทย์และพยาบาลต่างเดินกันให้วุ่นไปตลอดเส้นทาง   ที่นี่คือสถาบันวิจัยเขตชานเมืองใหม่ของเมืองเฉิงหยาง   ณ หนึ่งในพื้นที่บริเวณของสถาบัน กลุ่มวัยรุ่นหนุ่มสาวที่ทั้งตื่นเต้นระคนวิตกกังวล กำลังเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ   “กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง! หมายเลข 2318 ฉินเฟิง กรุณาไปเข้ารับการฉีดยากระตุ้นในแอเรียที่ 3 ด้วย!”   “ถึงตาของฉันแล้- โครม!”   วัยรุ่นชายผุดลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว จนเจ้าตัวเสียหลัก สะดุดขาตัวเองล้มคะมำลงกับพื้น   เพียงได้ยินเสียงกระแทก ทุกคนก็พอจะรับรู้ได้ว่าการล้มหน้าฟาดของอีกฝ่ายรุนแรงขนาดไหน   “อ๊า! ฉินเฟิง!” เห็นถึงฉากนี้ โจวฮ่าวก็กลายเป็นตื่นตระหนก เขาเร่งก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยเหลือสหายของตนอย่างร้อนรน   แล้วก็พบกับผลลัพธ์คาดไม่ถึง -ฉินเฟิงที่ล้มลงดันสลบไปซะอย่างงั้น!   “ชิบหายแล้ว ฉินเฟิง! นายคงไม่ได้หมดสติจริงๆหรอกใช่ไหม เล่นตลกอะไรในเวลาสำคัญแบบนี้เนี่ย? รีบตื่นขึ้นมาเร็วเข้า! ถึงเวลาฉีดยา ‘กระตุ้นพลัง’ ของนายแล้วนะ!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset