Ep.524 – กองทัพแห่งความตาย
ฉินเฟิงยังคงมุ่งหน้าลึกเข้าไปยังทิศทางรอยแยกมิติของป่าหยวน สัตว์ร้ายที่เขาต้องเผชิญ ยิ่งมายิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ และความแข็งแกร่งของพวกมัน ทวีขึ้นเป็นเงาตามตัว เริ่มจากเลเวล C5
C6
C7
C8 … C9!
สำหรับผู้อื่น ความแข็งแกร่งของสัตว์ร้ายเหล่านี้ ทั้งหมดแตกต่างกัน แต่ในสายตาของฉินเฟิง ทั้งหมดเป็นเพียงมด หากเลเวล C จะขั้นไหนก็เหมือนกัน
นั่นเพราะเขา คือระดับจักรพรรดิ!
สัตว์ร้ายในช่วงหลังๆ แม้เมื่อเทียบกับฉินเฟิงแล้ว พวกมันจะมีเลเวลสูงกว่าถึง 7 ขั้น แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอยู่ดี
ช่วงเช้าได้ผ่านพ้นไป การเดินทางที่เดิมใช้เวลาสามชั่วโมงก็ถึงที่หมาย ปัจจุบันมาได้แค่ครึ่งทางเท่านั้น และฉินเฟิงยังต้องต่อสู้ตลอดเวลา
แน่นอน สัตว์ร้ายที่หลุดรอดจากเงื้อมมือของฉินเฟิงเอง ก็เริ่มมีจำนวนมากขึ้นเช่นกัน กำแพงชายแดนในเวลานี้ เริ่มตกอยู่ภายใต้แรงกดดันอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้พลังในแนวชายแดน ไม่มีใครปริปากบ่นแม้ครึ่งคำ นั่นเพราะพวกเขาตระหนักดี ว่าแรงกดดันทางฝั่งฉินเฟิง หนักหนายิ่งกว่าพวกเขามาก ในปีนี้ กองทัพสัตว์ร้ายบุกเข้ามาเร็วเกินไป อีกทั้งแต่ละระลอกยังตามมาไม่ขาดสาย ปัจจุบันป่าหยวนได้กลายเป็นโลกของสัตว์ร้ายต่างมิติไปแล้ว
“แบบนี้ไม่ดีแน่ ฟ้าจะมืดแล้ว”
“พวกเราจะทำยังไงดี ถ้าตกกลางคืน สัตว์ร้ายจะดุร้ายยิ่งกว่าเดิม แต่ฉินเฟิงยังอยู่ในป่าหยวนอยู่เลย”
“ไม่หรอก อย่าลืมสิว่าฉินเฟิงเป็นผู้ใช้อบิลิตี้มืด บางทีกลางคืนอาจเป็นประโยชน์ต่อเขา”
แม้ปากจะเอ่ยเช่นนั้น แต่ก็ยังมีหลายคนลอบอธิษฐาน ว่าขออย่าให้เกิดเรื่องร้ายกับฉินเฟิงเลย
นั่นเพราะ หากมีอะไรเกิดขึ้นกับฉินเฟิง ชายแดนป่าหยวน คงถึงคราวหายนะ!
ป่าหยวนได้กลายเป็นแหล่งรวมตัวกันของสัตว์ร้ายต่างมิติ แต่เป็นเพราะฉินเฟิงมุ่งหน้าลึกไปกว่าครึ่งทางแล้ว ดังนั้นกองทัพสัตว์ร้ายที่ควรจะมาก กลับไปถึงกำแพงได้น้อยลง
สถานการณ์รุกรานของกองทัพสัตว์ร้าย แปรเปลี่ยนกลับกลาย แต่ละระลอก มีเพียงสัตว์ร้ายไม่กี่ร้อยตัวเท่านั้น ที่สามารถบุกมาถึงชายแดน
ขณะเดียวกัน ทางฝั่งฉินเฟิง แม้ฟ้าจะมืด แต่เจตจำนงในการล่าสังหารของเขา ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
ค่ำคืนได้มาเยือน ความแข็งแกร่งของฉินเฟิง เริ่มเพิ่มพูนขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทว่ากลางคืนก็ส่งผลดีกับสัตว์ร้ายเช่นกัน บางสายพันธุ์ออกล่าในตอนกลางคืน ดวงตาของพวกมันสว่างไสวกลายเป็นกระหายเลือด
ไม่นาน ฉินเฟิงก็ได้เผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายเลเวล B
“ถ้าเจ้าพวกนี้ปรากฏตัว หมายความว่าหลังจากนี้ไป ศัตรูที่จะบุกเข้ามาจากอีกมิติหนึ่ง จะปรากฏเลเวล B มากขึ้น จะเสียเวลาไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว!” ฉินเฟิงเริ่มร้อนใจ
ในเมื่อเป็นแบบนี้ คงได้แต่หันกลับมาใช้กลยุทธ์เดิมอีกครั้ง!
สายตาของฉินเฟิง ตรึงลงบนร่างช้างแมมมอธเลเวล B ทันที
ช้างแมมมอธตนนี้น่าหวาดกลัวนัก มันสูงถึง 30 เมตร ยาวถึง 50 เมตร แต่ละก้าวเดิน สั่นสะเทือนผืนดิน
ร่างกายที่ใหญ่โตของมัน แสดงให้เห็นถึงพลังชีวิต , พลังป้องกัน และพละกำลังอันมหาศาล
“ไป๋หลี ช่วยทำลายสมองของมันที!”
“รับทราบ”
ไป๋หลีและฉินเฟิงอยู่ห่างจากแมมมอธหลายพันเมตร และแมมมอธไม่เห็นทั้งสอง หรืออาจพูดได้ว่าไม่สนใจก็ได้
เพราะกลิ่นอายของฉินเฟิงและไป๋หลี มิได้สูงส่งอะไรนัก เป็นเพียงเลเวล C
ขนาดตัวก็เล็กจ้อย ไม่เหมาะที่จะเป็นอาหารของมัน
แต่ในตอนนั้นเอง ร่างใหญ่โตของแมมมอธพลันสั่นสะท้าน หยุดฝีเท้าลงอย่างกะทันหัน คล้ายวิญญาณหลุดลอยจากร่าง บริเวณหน้าผากเกิดรอยปริแยก
–เป็นฝีมือของไป๋หลี!
เพียงพริบตา รอยแยกมิติพลันเปิดออกในศีรษะของศัตรู ป่นสมองแมมมอธยักษ์ละเอียดเป็นของเหลว
อบิลิตี้มิติ น่าหวาดกลัวฉะนี้เอง
โครม!
ร่างแมมมอธยักษ์ร่วงลงกับพื้น อีกฝ่ายแข็งแกร่งก็จริง แต่มิอาจป้องกันการลอบโจมตีแสนพิสดารของไป๋หลีได้
วูซซซ!
ฉินเฟิงและไป๋หลีหายวับ ปรากฏกายขึ้นอีกครั้งเบื้องหน้าแมมมอธ ตรงหน้าผากของมัน เนื้อสมองสีขาวอมเหลืองทะลักออกมา
ฉินเฟิงเหยียดมือออกไป ปลดปล่อยรูนมืด ส่งเข้าไปในกะโหลกฝ่ายตรงข้าม
ภายในเวลาไม่ถึงนาที ร่างของแมมอธจู่ๆก็สั่นไหวอีกครั้ง มันลุกขึ้นยืน ทว่าดวงตาของมัน เวลานี้กลายเป็นสีดำหมึก ตามร่างกายฟุ้งไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย
ฉินเฟิงกับไป๋หลียืนเหนือหัวแมมมอธ ใช้มันแทนพาหนะ มุ่งหน้าลึกเข้าสู่ป่าหยวน
สัตว์ร้ายเลเวล C ตัวใดที่ถูกพบเห็น ล้วนโดนสัตว์ร้ายเลเวล B ที่ถูกควบคุมโดยฉินเฟิงสังหารสิ้น ในขณะที่สัตว์ร้ายเลเวล B ที่เจอ พอตายก็กลายมาเป็นกองทัพแห่งความตายของเขา
ท่ามกลางความมืดมิด แม้จะมีการตรวจจับอินฟราเรดของโดรน แต่บรรดาผู้ใช้พลัง ไม่มีอารมณ์ที่จะดูมันอีกต่อไป เพราะพวกเขาต่อสู้มาทั้งวัน เหน็ดเหนื่อยหมดเรี่ยวแรง ทั้งหมดเลือกไปพักผ่อน
ขณะเดียวกัน คนที่เพิ่งตามมาสมทบใหม่ ก็ไม่ตระหนักถึงการดำรงอยู่ของฉินเฟิง ที่บุกลึกเข้าไปในป่าหยวนเพียงลำพัง
ภายในคืนเดียว ฉินเฟิงสังหารศัตรูนับไม่ถ้วน จนใกล้ไปถึงรอยแยกมิติป่าหยวนแล้ว
รายล้อมรอบตัวเขา เต็มไปด้วยสัตว์ร้ายเลเวล B หลายร้อยตัว กลายเป็นขุมกำลังอันน่าสะพรึงกลัว ขนาบช้างแมมมอธ มุ่งหน้าเข้าสู่รอยแยกมิติป่าหยวน
ในที่สุด เมื่อเส้นขอบฟ้าเริ่มทอแสง ฉินเฟิงก็มาถึงปากถ้ำแล้ว
ขณะเดียวกัน ผู้ใช้พลังหลังจากพักผ่อนพอประมาณ ก็สะดุ้งตื่น และตรวจสอบวิดีโอจากโดรนโดยไม่รู้ตัว
ในเมืองเป่ยหัว ซางฮันไม่ได้นอนมาทั้งคืน เธอระดมกำลังทหารใหม่ เมื่อเห็นฟ้าสาง ก็อดทอดถอนหายใจยาวไม่ได้
“ตอนนี้ฉินเฟิงอยู่ที่ไหน?”
หยวนห่าวเปิดวิดีโอจากโดรน แล้วเขาก็เห็นภาพของฉินเฟิง พร้อมกับผู้ใช้พลังคนอื่นๆ
–ฉินเฟิงยืนหยัดอยู่บนหุ่นเชิดแห่งความตายตัวใหญ่โต มุ่งหน้าเข้าหารอยแยกมิติ
“ดูเหมือนว่ามิสเตอร์ฉินจะบุกไปยังรอยแยกป่าหยวน”
“โอ้สวรรค์ นี่เขาสามารถบุกเข้าไปได้จริงๆ? อย่าบอกนะว่าเขาตั้งใจจะตั้งหลักตรงนั้น เพื่อสกัดกั้นสัตว์ร้าย?”
“ผมเองก็ไม่ทราบเหมือนกัน แต่รอยแยกมิตินี้ เป็นช่องทางที่พวกสัตว์ร้ายบุกเข้ามา ผมคิดว่าเขาน่าจะ … ”
แววตาของซางฮันทอประกาย แต่ก็แฝงไปด้วยความวิตกกังวลเช่นกัน
“ฉินเฟิงไปที่นั่น น่าจะเพื่อช่วยซ่อมแซมรอยแยกมิติ แต่พวกเราที่นี่ ไม่สามารถส่งกำลังคนไปช่วยเขาได้ในตอนนี้” ซางฮันกล่าว
หยวนห่าวเงียบไปชั่วขณะ ก่อนเอ่ยปาก “บางทีมิสเตอร์ฉินอาจจะทำถูกแล้วก็ได้ ตัดสินใจเป็นฝ่ายรุก แทนที่จะรับ เพราะหากพวกเราถูกบุกโจมทุกปีต่อไปเรื่อยๆ แล้วเมื่อไหร่จะพบกับอิสระภาพ?”
“นายต้องการจะสื่ออะไร?”
“ผมจะสื่อว่า ทำไมเราถึงไม่เป็นฝ่ายชิงลงมือก่อนพวกสัตว์ร้ายบ้าง อาศัยโอกาสนี้สร้างกำแพงปิดล้อมรอบป่าหยวน ติดตั้งรูนมืด หากเร่งลงมือตอนนี้ ใช้เวลาไม่ถึง 10 วัน ป่าหยวนก็น่าจะถูกปิดผนึกได้โดยสิ้นเชิง”
พื้นที่ของป่าหยวน ไม่ได้มีขนาดใหญ่เท่ากับหุบเหวตอนเหนือ แต่จำนวนสัตว์ร้ายที่อยู่ในป่าหยวนนี่สิปัญหา ไม่ง่ายเลยที่จะกำจัดพวกมัน ยิ่งตอนนี้เป็นช่วงเวลารุกรานจากกองทัพสัตว์ร้าย …
สีหน้าของซางฮันเคร่งขรึมจริงจัง เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังตัดสินใจ
แต่ไม่นาน เธอก็พยักหน้า “เตรียมกำลังคนให้พร้อม เมื่อได้ข่าวจากฉินเฟิง ให้ยกกองทัพทั้งหมด ปูพรมโจมตีทันที ฉันเองก็จะไปด้วยเหมือนกัน ”
“ขอรับท่านจ้าวพรมแดน!” หยวนห่าวขานรับหนักแน่น
ขณะเดียวกัน ภายในถ้ำที่มีรอยแยกมิติ อันที่จริงฉินเฟิงแทบไม่เจอศัตรู แทบไม่ต้องลงมืออะไรเลย
เพราะท้ายที่สุดแล้ว หลังข้ามมิติสู่โลกมนุษย์ เหล่าสัตว์ร้ายก็ออกจากถ้ำไปทันที อีกอย่างถ้ำมีขนาดเล็กเกินไป
ดังนั้นภายในถ้ำ จึงมีสัตว์ร้ายอยู่แค่ไม่กี่ตัว และทั้งหมดถูกสังหารลงโดยกองทัพหุ่นเชิดเลเวล B ของฉินเฟิง
ด้วยเหตุนี้ การบุกเข้าป่าหยวน ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้สำหรับคนอื่นๆ ในความคิดของฉินเฟิง มันกลับง่าย สบายอย่างน่าเหลือเชื่อ
ฉินเฟิงและไป๋หลีมาถึงสถานที่ที่เคยมาก่อนหน้านี้ และหยุดลงเบื้องหน้ารอยแยกมิติ
อันที่จริงแล้ว รอยแยกมิติ มิได้อยู่ในแนวนอนเสมอไป โครงสร้างของมันเป็นแบบสามมิติ บางทีในมุมมองของฝั่งโลกมนุษย์อาจเป็นแนวนอน แต่ในมุมมองฝั่งโลกสัตว์ร้าย มันอาจเป็นแนวตั้งก็ได้
มิตินี่ … ช่างเป็นอะไรที่มหัศจรรย์ซะจริง!