Ep.576 – นำทาง
เห็นได้ชัดว่าเฮยฉงกับองค์กร Z มิได้มีความสัมพันธ์ใดๆต่อกัน เขาเป็นแค่มือปืนธรรมดา ที่แข็งแกร่งกว่าคนอื่นๆอยู่บ้าง เป็นแค่อันธพาลที่ชอบโอ้อวดอำนาจทั่วๆไป
แม้ไม่ใช่ แต่ฉินเฟิงก็มิได้ผิดหวังอะไรขนาดนั้น ตอนแรกเขาคิดจะนำรูปรอยสักออกมา และเค้นสอบเฮยฉง แต่จู่ๆก็เปลี่ยนใจกะทันหัน เอ่ยปากว่า “ยังอยากมีชีวิตอยู่รึเปล่า?”
คำถามนี้ ไม่เพียงทำให้ผู้ฟังต้องสั่นสะท้าน แต่ยังช่วยให้เข้าใจทุกสิ่ง
ที่แท้ ไม่ใช่ว่าฉินเฟิงไม่แข็งแกร่ง หากแต่เป็นเพราะอีกฝ่ายกำลังแสดงความเมตตาอยู่ต่างหาก!
“ผู้น้อยมีตาแต่ไม่เห็นไท่ซาน ขอท่านผู้ใหญ่โปรดให้อภัย!” เฮยฉงในตอนนี้ ไร้ซึ่งความอาจหาญอีกต่อไป ถึงยังไม่รู้ว่าฉินเฟิงแข็งแกร่งขนาดไหน แต่เขาหวาดกลัวฉินเฟิง เร่งร้องขอความเมตตา
“ดี เมื่อเร็วๆนี้ฉันกำลังสนใจยาวิเศษตัวหนึ่งอยู่ ถ้านายสามารถนำทางไปหามันได้ ฉันจะไว้ชีวิต เงื่อนไขนี้ฟังดูเป็นอย่างไร?”
“ยาวิเศษ?” เฮยฉงสับสนไปพักหนึ่ง ก่อนสายตาเขาเบนไปตกลงบนร่างไป๋หลี
เป็นไปได้ไหมว่าหญิงผู้ใช้พลังคนนี้มีปัญหาบางอย่าง? แล้วคุณชายเลยต้องการใช้ยาเติมเต็มความต้องการของเธอ?
เฮยฉงเผยสีหน้าแปลกๆ คนอื่นๆที่ยังเหลืออยู่ ต่างก็มองมาทางฉินเฟิงด้วยสายตาแปลกๆเช่นกัน
“ถ้าท่านผู้ใหญ่ต้องการยาอย่างว่า ผู้น้อยสามารถไปซื้อให้ได้ตอนนี้เลย แต่มันส่งผลกระทบต่อร่างกายพอสมควร ต่อให้หมดแรงก็ยังโด่ไม่รู้ล้ม ไม่ทราบรับได้หรือไม่?”
มุมปากของฉินเฟิงกระตุก โด่ไม่รู้ล้มเตี่ยเอ็งสิ อ๊า!
“ไม่ใช่! ที่ฉันต้องการ คือยาที่ใช้เปลี่ยนผู้ใช้พลังให้เป็นมนุษย์กลายพันธุ์!” ฉินเฟิงตอบเสียงเย็น
เฮยฉงต้องทำหน้าประหลาดใจอีกครั้ง สบสายตากับฉินเฟิงเล็กน้อยก่อนหุบต่ำลง
ฉินเฟิงหัวเราะหยัน และกล่าว “ดูเหมือนนายจะรู้จักที่อยู่ของมันนะ”
“นี่ … ท่านผู้ใหญ่ คุณคงไม่ได้คิดไปหาเรื่องพวกเขาใช่ไหม ในบรรดาคนเหล่านั้น มีผู้ใช้พลังที่แข็งแกร่ง เป็นการดำรงอยู่ระดับสูงถึงเลเวล D เทียบเท่าได้เลยกับเจ้าเมืองซูหยวน!”
ระหว่างอธิบาย ปรากฏความหวาดกลัวขึ้นในดวงตาของเฮยฉง การดำรงอยู่เฉกเช่นเดียวกับเจ้าเมือง สำหรับเฮยฉง มิใช่อะไรที่ล่วงเกินหรือเอื้อมถึงได้
“คิดมากเกินไปแล้ว! ฉันต้องการให้นายนำทางเท่านั้น ส่วนที่เหลือ มันยังเกี่ยวข้องอะไรกับนายอีก?”
“อา ขอรับ ขอรับ” เฮยฉงได้แต่ผงกศีรษะรับคำสั่งด้วยสีหน้าข่มขื่น
ฉินเฟิงเมื่อเห็นว่าเฮยฉงยอมฟัง เขาก็ไม่ได้จากไปทันที หนึ่งมือวาดผ่านผ่านประตู เปลวเพลิงลอยกลับเข้าไปในโรงแรม
“กรี๊ดดดด!”
เสียงกรีดร้องน่าเวทนาดังขึ้น พักหนึ่งก็เงียบไป มือปืนแต่ละคนที่ซุ่มดูจากระยะไกล ครอบครองพลังสมาธิระดับหนึ่ง ทำให้สามารถรับรู้สถานการณ์ในรัศมี 30 เมตร พวกเขาทราบทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
ภรรยาเจ้าของโรงแรม ถูกเปลวเพลิงตกเข้าใส่ และสลายกลายเป็นเถ้าในพริบตา
กระบวนการที่เกิดขึ้น ใช้เวลาแค่หนึ่งวินาทีเท่านั้น!
มันจะรวดเร็วเกินไปแล้ว!
ฝูงชนทั้งหมดตกตะลึง ในหัวใจของพวกเขากลายเป็นเย็นเยียบ ต้องรู้นะว่าพวกเขาเขาแม้เป็นศัตรูกับฉินเฟิง แต่ฉินเฟิงกลับไม่ลงมือโหดเหี้ยมถึงขนาดนี้เลย
แต่ภรรยาเจ้าของโรงแรมน่ะต่างออกไป แม้เป็นชาวบ้านธรรมดา แต่กลับทรยศฉินเฟิง ดังนั้นนี่คือราคาที่เธอต้องจ่าย
“ไปกันสักที! รีบนำทาง!”
ฉินเฟิงวาดมือ เรียกรถสายฟ้าสีเงินออกมา รถที่มีลักษณ์เหมือนรถล่องเวหาปรากฏขึ้น ยืนยันความไม่ธรรมดาของฉินเฟิง
ไป๋หลีก้าวขึ้นไปนั่งข้างคนขับ ฉินเฟิงเปิดประตู มือปืนจากองค์กรมืดคนอื่นๆทั้งหมดต่างสั่นสะท้าน อันที่จริงพวกเขาอยากหนีใจจะขาด แต่หากไม่มีหัวหน้า แล้วพวกเขาจะอยู่ต่อไปได้อย่างไร ฉะนั้นยอมกลับมา พากันขึ้นคร่อมหมีหิมะประจำตัว
ฉินเฟิงเหมือนเพิ่งนึกอะไรบางอย่างออก เขาหันไปมองจางชวนอีกครั้ง
จางชวนได้สติจากภวังค์ เร่งกล่าว “ขอบพระคุณท่านผู้ใหญ่ ไม่ทราบว่าท่านผู้ใหญ่ที่ชื่อแซ่ว่าอะไร ผู้น้อยจะตอบแทนในภายหลังแน่นอน”
ใบหน้าของฉินเฟิงไร้อารมณ์ กล่าวเสียงเรียบ “คุณไม่ต้องรู้หรอกว่าผมชื่ออะไร แต่ผมอยากให้คำแนะนำแก่คุณ ถ้าคุณอยากปกป้องสถานที่แห่งนี้ ย่อมเผชิญกับอุปสรรคนานับประการ บุกน้ำลุยไฟอีกมาก แต่ถ้าที่นี่มันไม่คุ้มค่าให้คุณต้องปกป้อง ก็แค่รามือจากไป จากนั้นเฝ้าฝึกฝนเพิ่มพูนระดับ ทำแบบนั้นมันมีประโยชน์กว่าการอยู่อย่างไร้ค่าที่นี่เยอะ! บางที ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า คุณอาจกลายเป็นผู้ทรงอิทธิพล ชนิดที่ว่าเพียงเอ่ยปากหรือได้ยินชื่อ ก็จะไม่มีใครกล้าใช้กำลังหรือปล้นชิงหมู่บ้านแห่งนี้อีกตลอดกาล!”
สิ้นเสียง ฉินเฟิงก็ก้าวขึ้นบนรถศึก ขับตามเฮยฉงและคนอื่นๆที่ขี่หมีหิมะ ออกจากหมู่บ้านนิรนามเล็กๆนี้ไป
เหลือเพียงจางชวนถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง ยืนนิ่งค้างอยู่ในจุดเดิม เจ้าตัวคล้ายถูกกระตุ้นเตือนจิตใจอย่างหนัก
“ทำไมคุณถึงไปพูดแบบนั้นกับเขา?” ไป๋หลีมองฉินเฟิงด้วยความสงสัย ปกติแล้วฉินเฟิงไม่ใช่คนที่มีเจตนาดีกับคนไร้ค่าแบบนี้
เขาจะมอบคำแนะนำให้แก่ผู้ใต้บังคับบัญชาเท่านั้น เพราะท้ายที่สุดแล้ว ลูกน้องทั้งหลายคือบุคคลที่จะนำความมั่งคั่งมาสู่ฉินเฟิง จะกลายเป็นตัวตนที่มีบทบาทสำคัญในภายหลัง
อย่างไรก็ตาม สำหรับคนแปลกหน้า หากไม่นับคนธรรมดาที่ไม่มีพิษมีภัย ก็ต้องเป็นคนที่มีความสามารถโดดเด่นจนเห็นได้ชัดเจน มิฉะนั้นฉินเฟิงไม่มีทางเหลียวแล
“เพราะเขาจะกลายเป็นหนึ่งในตัวตนทรงพลังในอนาคตน่ะสิ” ฉินเฟิงยิ้ม
บอกตามตรง ฉินเฟิงก็ไม่คาดคิดเลยเช่นกัน ว่าในสถานที่เล็กๆแบบนี้ จะได้พานพบกับจางชวน ที่เอ่ยว่าอีกฝ่ายจะกลายเป็นตัวตนทรงพลัง นั่นเพราะในชีวิตก่อน จางชวนได้ก้าวไปถึงเลเวล B6 ทั้งยังมากไปด้วยศักยภาพ ความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายอย่างน้อยก็เทียบเท่าได้กับระดับราชันย์ ทั้งยังยึดมั่นในรัฐซูหยวน ต่อมาเขาได้กลายเป็นผู้การรัฐซูหยวน ฉินเฟิงเคยร่วมมือกับจางชวนต่อต้านกองทัพสัตว์ร้ายของรัฐนี้อยู่หลายครั้ง
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันอีกฝ่ายดูเหมือนเพิ่งถูกปลุกพลังได้สองปีเท่านั้น ตอนนี้วิสัยทัศน์ยังคับแคบ ในใจปรารถนาเพียงเฝ้าปกป้องหมู่บ้านตน
“แต่ถ้าเขาตัดสินใจออกไปฝึกฝนซะตอนนี้เลย บางทีศักยภาพช่วงวัยเยาว์อาจยังไม่หมดไป อีกสิบปีข้างหน้า อาจสามารถก้าวไปถึงเลเวล A เลยก็ได้ใครจะรู้ แต่นี่ก็ขึ้นอยู่กับตัวเขาเองแล้ว”
“เฮ้อ ฉันไม่เห็นจะเข้าใจเลย” ไป๋หลีงง จากนั้นก็ถามคำถามอื่นๆ “ว่าแต่ทำไมภรรยาเจ้าของโรงแรมถึงพูดแบบนั้นออกไป พวกเราไม่ได้ทำให้เธอขุ่นเคืองสักหน่อย”
“นั่นเพราะเธอ … ”
ฉินเฟิงยิ้มอย่างอ่อนโยน พลางบอกเล่าถึงจิตใจของมนุษย์ให้แก่ไป๋หลีฟัง
ทั้งเรื่องที่ดีและไม่ดี เรื่องพวกนี้ จำเป็นต้องค่อยๆให้ไป๋หลีย่อยข้อมูลทีละน้อย
แม้ไป๋หลีจะทรงพลัง แต่หัวใจมนุษย์ยากจะคาดหยั่ง หากไม่มีหรือได้รับบอกเล่าประสบการณ์ ไหนเลยสามารถหลบหลุมพรางได้
ระหว่างสองคนสนทนากัน ภายนอกรถศึก มือปืนหลายคนที่กำลังขี่สัตว์พันธสัญญา พยายามเร่งเดินฝ่าทุ่งหิมะอย่างรวดที่สุด
มีอยู่หลายครั้งที่พวกเขาเหลือบมองรถศึกเบื้องหลัง พวกเขารู้สึกอิจฉา แน่นอนว่าขณะเดียวกันรู้สึกเหมือนถูกมีดจี้คอ สามารถตัดเส้นเลือดใหญ่ของพวกตนได้ตลอดเวลา
ความรู้สึกนี้บีบบังคับให้พวกเขาเดินทางเร็วขึ้นโดยไม่รู้ตัว และเส้นทางที่พวกเขาเลือกเดิน กระทั่งผู้ใช้พลังบางคนในรัฐนี้ ก็ยังไม่สามารถเดินทางไปได้
ทีมมือปืนออกจากถนนเส้นหลัก มุ่งหน้าลึกเข้าไปในพื้นที่ภูเขาที่เต็มไปด้วยหิมะ
หลังจากเดินทางมาได้สองชั่วโมง คนเหล่านี้ก็รู้สึกเหนื่อยล้าแทบทนไม่ไหว เดิมหมู่บ้านที่ฉินเฟิงอยู่ เฮยฉงและคนอื่นๆตั้งใจจะปล้นและพักที่นั่นสักพัก ชักชวนสาวๆมอบความหฤหรรษ์แก่ตนเอง!
แต่ผลลัพธ์กลับเป็นเนื้อไม่ได้กิน น้ำก็ยังไม่ได้ดื่ม ต้องรีบจากมา แล้วตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยจนเที่ยงวันแล้ว ทีมเลเวล G กับอีกหนึ่งเลเวล F ต่างท้องร้องโครกครากด้วยความหิวโหย
“เร่งเดินทางเถอะ อดทนอีกหน่อย อีกชั่วโมงเดียวก็ถึงที่นั่นแล้ว”
เฮยฉงและคนอื่นๆเร่งความเร็วมากขึ้น ลอบคิดในใจ ว่าจะนำเจ้าหนุ่มข้างหลังไปปะทะกับยอดฝีมือให้จงได้ ถึงเวลานั้นพวกเขาจะได้ระบายความโกรธเสียที
อย่างไรก็ตาม เฮยฉงกล้าคิดแต่ไม่กล้าทำ หลังจากผ่านพ้นไปอีกหนึ่งชั่วโมง เฮยฉงและคนอื่นๆก็หยุดลง รถล่องเวหาของฉินเฟิงก็หยุดตามเช่นกัน
เฮยฉงเดินมาข้างประตูรถ ฉินเฟิงเปิดหน้าต่างลง
“ท่านผู้ใหญ่ พวกเรากำลังจะไปถึงจุดรวมพลของกองกำลังในไม่ช้า จะเป็นการดีกว่าหากไม่ขับรถคันนี้เข้าไป และอุปกรณ์สื่อสารของพันธมิตรมนุษย์ ขอให้ถอดมันออก จะได้ไม่ถูกค้นพบ”
“อืม”
ฉินเฟิงรับคำ เขาลงจากรถ และเปลี่ยนอุปกรณ์สื่อสาร มาเป็นแบบที่ตนเคยใช้ตอนอยู่ใต้ร่มขององค์กรมืด
ไป๋หลีก็รู้หน้าที่ว่าเธอต้องใช้อะไรบ้าง สาวน้อยเรียกชุดคลุมดำออกมา สะบัดมันคลุมตัวตนเอง กลายเป็นคนดูลึกลับและประหลาดตา แต่การแต่งกายเช่นนี้ สำหรับในกองกำลังมืด ถือเป็นเรื่องปกติ