เมื่อถึงกลางดึกหลินมู่อวี่ก็ตื่นขึ้นมาพร้อมส่ายหัวอย่างรุนแรง เขารู้สึกได้ถึงพลังลึกลับที่พลุ่งพล่านอยู่ภายในร่างกายอย่างชัดเจน
หลินมู่อวี่ยืนขึ้นและพบว่ามังกรน้อยนอนขดตัวอยู่ที่มุมห้อง ร่างกายของมันเติบโตขึ้นมาก
เมื่อมองไปที่ฝ่ามือหลินมู่อวี่ก็รู้สึกสงสัยเล็กน้อย ราชาปีศาจเจ็ดประทีปสัญญาว่าจะบอกให้เขารู้ว่าพลังท่องมิติคือสิ่งใด ทว่าตอนนี้เขากลับไม่รู้สึกอะไรเลย
หลินมู่อวี่รวบรวมฌานสัมผัสดำดิ่งลงจุดตันเถียนขณะที่มีพลังลึกลับนำทางไปอย่างเชื่องช้า พลังนี้ว่ายไปด้านหน้าราวกับมีสติปัญญาเป็นของตนเอง ทันใดนั้นใต้เท้าของหลินมู่อวี่ก็ส่องแสงแพรวพราวเป็นสีน้ำเงินเข้ม ก่อนจะมาถึงจุดที่พลังลึกลับนำทางมา!
หลินมู่อวี่หายใจเร็วขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดเท้าก็เหยียบลงบนพื้น ‘ฟิ้ว’ หางตาเขาเห็นพลังงานลึกลับรูปตาข่ายสีน้ำเงินเข้มปรากฏขึ้น เมื่อยื่นมือออกไป มันก็แผ่ขยายออกไปสามทิศโดยมีหลินมู่อวี่เป็นศูนย์กลาง
“นี่…”
หลินมู่อวี่ตกตะลึง ตั้งแต่มายังโลกแห่งนี้เขาพบเห็นพลังมากมายเช่นวิทยายุทธ์ วิญญาณยุทธ์ และอื่นๆ ทั้งหมดนั้นล้วนแต่เป็นพลังวิเศษ ทว่าไม่ได้มีความลึกลับเท่าพลังที่อยู่ตรงหน้าเขาขณะนี้ มันเป็นดั่ง ‘มหาสมุทรที่กว้างใหญ่และความลึกล้ำของดวงดารา’ ทันใดนั้นทิวทัศน์เบื้องหน้าก็ค่อยๆ เลือนรางหายไป เตียง ชุดเกราะ และมังกรต่างหายไปจนหมดสิ้น เหลือเพียงพลังศักดิ์สิทธิ์ที่สร้างขึ้นจากตาข่ายพลัง
เสียงของราชาปีศาจเจ็ดประทีปดังขึ้นจากทะเลจิต “หลินมู่อวี่ นี่คือทุกสิ่งที่จะได้เห็นเมื่อเข้าสู่ขอบเขตเทวะเป็นครั้งแรก จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่นี้จะพาเจ้าสัมผัสกับประสบการณ์ล่วงหน้า ท่องมิติไม่ใช่พลังที่ทำความเข้าใจได้อย่างง่ายดาย มันคือพลังที่อยู่ต่อหน้าเจ้าตอนนี้ จักรวาลเป็นกฎพื้นฐานที่สุดของโลก เจ้าต้องใช้พลังของตนเองในการทำลายกฎของการท่องมิติซะ!”
หลินมู่อวี่กัดฟันแน่นและค่อยๆ กระตุ้นพลังปราณออกมาฉีกพื้นที่มิติที่สามอย่างเชื่องช้า แต่ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถทำอะไรมันได้เลย กฎแห่งจักรวาลที่มีเพียงพลังเทวะทำลายได้ เช่นนั้นเขาจะใช้ปราณยุทธ์ทำลายมันได้อย่างไร?
“ทำลาย!”
กระบี่วิญญาณมังกรถูกฟาดออกไปอย่างหนักหน่วงบนตาข่ายพลังจนเกิดประกายไฟขึ้น ทันใดนั้นพลังแห่งจักรวาลก็สะท้อนกระบี่ของหลินมู่อวี่กระเด็นกลับไป เขาหันหน้าเผชิญหน้ากับมัน ทั่วทั้งใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อไหลท่วม นี่คือความพยายามครั้งที่ยี่สิบเจ็ดของหลินมู่อวี่ในการพยายามบุกเข้าไปด้วยวิญญาณยุทธ์และปราณ ทว่าก็ล้มเหลวทั้งหมด
ในทะเลจิต หลินมู่อวี่มองเห็นราชาปีศาจเจ็ดประทีปท่ามกลางทุ่งข้าวโพดสีเขียวที่ปลูกไว้ในทะเลจิตชั้นที่สอง
“เจ้ามองอะไร?”
ราชาปีศาจเจ็ดประทีปกำลังคุกเข่าท่ามกลางทุ่งจิตวิญญาณและใช้ฝ่ามือทั้งสองประคองต้นข้าวโพดให้ตั้งตรง ก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “รวบรวมสมาธิเรียนรู้การท่องมิติซะ แม้มันจะเป็นสิ่งพื้นฐานที่สุด ทว่าหากเจ้าไม่สามารถผ่านระดับนี้ไปได้ ก็คงไม่มีสิ่งใดให้พูดกันอีก”
หลิยมู่อวี่กัดฟันและปรากฏเหนือท้องฟ้าทะเลจิตพร้อมชี้ราชาปีศาจ “เจ้าปลูกสิ่งเหล่านี้ในทะเลจิตของข้า…ข้าต้องได้ผลประโยชน์ครึ่งหนึ่ง!”
ราชาปีศาจเจ็ดประทีปพลันจ้องกลับ “เจ้ามันโลภมาก! ไม่รู้หรือว่าราชาปีศาจเจ็ดประทีปเป็นมังสวิรัติ ข้าให้เจ้าได้เพียงยี่สิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น!”
“หยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว เจ้าปลูกพืชในทุ่งจิตวิญญาณของข้าราวกับเป็นชาวสวนผู้มีความสามารถ เช่นนั้นเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาต่อรอง? ข้าบอกว่าต้องการครึ่งหนึ่ง ข้าก็ต้องได้ครึ่งหนึ่ง!” ความจริงหลินมู่อวี่ไม่ทราบว่าทุ่งจิตวิญญาณนี้มีประโยชน์อันใด ทว่าเขาต้องได้ผลประโยชน์ด้วย เหตุใดเขาต้องยอมอ่อนน้อมกับราชาปีศาจเจ็ดประทีป?
“ตกลง…”
ราชาปีศาจเจ็ดประทีปยอมจำนน
เขายืนตระหง่านท่ามกลางทุ่งจิตวิญญาณขณะที่พลังขอบเขตเทวะชั้นที่สามปรากฏขึ้นรอบกายอย่างสง่างาม ทว่ากลับทรงพลังราวกับสามารถทำลายพื้นที่ทั้งหมดให้กลายเป็นทุ่งโล่งอีกครั้ง “เจ้าไก่อ่อนหลิน เจ้าควรศึกษาพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ข้ากำลังจะให้ หากเจ้าไม่สามารถใช้ประโยชน์จากมันได้ เช่นนั้นคงสูญเปล่า”
“เจ้าจะให้พลังศักดิ์สิทธิ์ครึ่งหนึ่งแก่ข้าหรือ?” หลินมู่อวี่ตกใจ พลังศักดิ์สิทธิ์ครึ่งหนึ่งเทียบเท่ากับห้าเปอร์เซ็นต์ของพลังราชาปีศาจเจ็ดประทีป แม้ว่าพลังศักดิ์สิทธิ์ของราชาปีศาจในปัจจุบันจะน้อยกว่าสิบเปอร์เซ็นต์ของดั้งเดิม แต่เมื่อนึกย้อนไปถึงความแข็งแกร่งในยุครุ่งเรือง แม้แต่ศูนย์จุดห้าเปอร์เซ็นต์ของพลังศักดิ์สิทธิ์ก็อาจเพียงพอสำหรับหลินมู่อวี่ที่จะเดินทางข้ามโลกใช่หรือไม่?”
“พลังศักดิ์สิทธิ์นั้นอยู่ที่ใด?” หลินมู่อวี่เอ่ยถาม
ราชาปีศาจเจ็ดประทีปหัวเราะ “พลังศักดิ์สิทธิ์เป็นสสารพลังงานซึ่งอยู่ในทะเลปราณของเจ้า บางทีมันอาจอยู่ที่หน้าผากของเจ้า? สัมผัสมันสิ มันเป็นส่วนหนึ่งของพลังในทะเลปราณซึ่งแตกต่างจากพลังดั้งเดิมของเจ้าเอง”
“โอ้…”
หลินมู่อวี่รู้สึกแปลกประหลาดเล็กน้อยในทะเลปราณ เขาพบว่าราชาเจ็ดประทีปเป็นคนใจกว้างมาก หลินมู่อวี่จึงประสานหมัดและกล่าวว่า “ขอบคุณมากราชาปีศาจเจ็ดประทีป!”
ราชาปีศาจเจ็ดประทีปตะลึงงัน เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าเจ้าเด็กนี่จะเป็นคนสุภาพ ราชาปีศาจเคยชินกับการเห็นหลินมู่อวี่ตะโกนและสบถใส่เขา สิ่งนี้จึงทำให้ราชาปีศาจพูดไม่ออก เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง ฌานสัมผัสของหลินมู่อวี่ก็บินออกจากทะเลจิตไปแล้ว
…
‘ซูม ซูม…’
ภายในทะเลปราณ คลื่นพลังถาโถมราวกับพายุกลางทะเล หลินมู่อวี่พยายามอย่างหนักเพื่อมองหาพลังเหนือธรรมชาติที่แปลกประหลาด ประมาณสิบนาทีต่อมาเขาก็พบบางอย่างในทะเลปราณ มันส่องแสงสีทองภายใต้เกลียวคลื่น ในที่สุดก็พบแล้ว!
“ออกมา!”
เขาส่งเสียงคำรามต่ำ ทันใดนั้นพลังศักดิ์สิทธิ์ก็ถูกเรียกออกมาอยู่บนฝ่ามือราวกับระลอกคลื่นที่ลอยนุ่มนวลอยู่รอบนิ้วมือ ทว่ากลับมีพลังทำลายที่แข็งแกร่งอยู่ภายในซึ่งน่าพิศวงยิ่งนัก
หลินมู่อวี่ลุกขึ้นยืนกำหมัดซ้ายแน่น ทันใดนั้นก็ปล่อยหมัดเข้าใส่ตาข่ายพลังเต็มแรง!
‘เปรี้ยง!’
คราวนี้มันได้ผล เกิดแรงกระเพื่อมขนาดใหญ่จากแรงระเบิดบนตาข่ายพลังก่อนที่จะเกิดรอยแยกมิติขนาดเล็กขึ้น! ทว่ารอยแยกมิติปิดลงอีกครั้งในเวลาไม่ถึงศูนย์จุดหนึ่งวินาที ซึ่งทำให้หลินมู่อวี่เศร้ามาก
เสียงหัวเราะเย่อหยิ่งของราชาปีศาจเจ็ดประทีปดังขึ้นจากทะเลจิต “หลินมู่อวี่เจ้าโง่ พลังศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ใช้เยี่ยงนั้น!”
หลินมู่อวี่ขมวดคิ้ว ถูกแล้ว…เขาเองก็รู้สึกว่าพลังศูนย์จุดห้าเปอร์เซ็นต์ที่ราชาปีศาจเจ็ดประทีปมอบให้นั้นเพียงพอที่จะเปิดมิติ ทว่าเขาก็ทำไม่สำเร็จ
ขณะเดียวกันเสียงของถังเสี่ยวซีก็ดังขึ้นจากด้านนอก “มู่มู่ ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว ออกมาเร็ว”
หลินมู่อวี่สะดุ้งเล็กน้อยและรีบตอบกลับ “เสี่ยวซี ข้ากำลังฝึกพลังยุทธ์ เจ้าช่วยข้าเก็บอาหารไว้ในห้องของเจ้าได้หรือไม่? หากข้าฝึกเสร็จแล้ว ข้าจะไปหาที่ห้อง”
“อื้ม ได้สิ!”
เสียงฝีเท้าของถังเสี่ยวซีและฉินอินเดินจากไป
หลินมู่อวี่กลับไปตั้งสมาธิกับการฝึก ทว่าครานี้เขาไม่รีบร้อนเปิดรอยแยก หลินมู่อวี่พลันนั่งไขว่ห้างลงบนแกนบริเวณที่เขาอยู่และแผ่ฌานสัมผัสออกไปอย่างเชื่องช้าเพื่อสัมผัสพลังลึกลับในอากาศ หลังจากผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง หลินมู่อวี่ก็จำได้ว่าตำแหน่งของเขาคือแกนของจักรวาล และทิศทางของตาข่ายพลังคือแกนเอ็กซ์วายแซดสามแกนซึ่งไม่ใช่พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ แต่นี่คือพื้นที่มิติ!
มิติ! ใช่แล้ว มันคือพื้นที่มิติ!
แม้ว่าหลินมู่อวี่จะเป็นราชาในโลกของเกม ทว่าผลการเรียนก็ไม่แย่นัก อีกทั้งฟิสิกส์ดาราศาสตร์ก็มีข้อมูลวิจัยมากมาย พื้นที่ที่ผู้คนอาศัยอยู่นี้เป็นพื้นที่มิติที่สาม ทว่าหากการท่องมิติมีอยู่จริง ก็เท่ากับว่าเป็นการทำลายพื้นที่มิติที่สามนี้ ทว่าจะเอาชนะพื้นที่มิติที่สามได้อย่างไร?”
เกรงว่าสิ่งที่ต้องการอาจเป็นมิติที่สี่…
ตั้งแต่แรกเริ่มราชาปีศาจเจ็ดประทีปมิได้สอนวิธีก้าวผ่านมิติ ทว่าให้แนวคิดในการสำรวจตัวเอง พลังที่เรียกว่าท่องมิตินั้น กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือพลังมิติที่สี่ซึ่งแปรเปลี่ยนจากพลังศักดิ์สิทธิ์!
ใช่มันคือพลังมิติที่สี่!
หลินมู่อวี่รู้สึกดีใจมาก ในที่สุดก็พบเคล็ดลับ ตราบใดที่สามารถโจมตีได้เร็วกว่าความเร็วแสงจนถึงจุดที่นิยามถึงมิติที่สี่ เขาก็จะสามารถทำลายกฎแห่งจักรวาลและตัดช่องว่างมิติได้ ใช่เลย! มันต้องเป็นเช่นนั้น!
หลินมู่อวี่ยืนขึ้นกะทันหัน ครานี้เขาไม่รวบรวมพลังศักดิ์สิทธิ์ไว้ที่ฝ่ามือแล้ว ทว่าไว้ที่เท้าแทน จากนั้นก็ปล่อยฌานสัมผัสออกมา ทันใดนั้น! พลังไร้ลักษณ์ก็วิ่งออกไปอย่างรวดเร็วในพื้นที่มิติที่สาม ก่อนจะขึ้นไปทางเหนือของป่าล่ามังกร เมื่อรวมกับพลังฝีเท้าดาวตก ทำให้หลินมู่อวี่วิ่งเร็วอย่างไม่น่าเชื่อและยังคงเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนเกือบเข้าใกล้ความเร็วแสง
“อ๊าก…”
หลินมู่อวี่อดไม่ได้ที่จะกรีดร้องออกมาขณะที่เข้าใกล้ความเร็วแสงอย่างต่อเนื่อง ฌานสัมผัสของเขาถูกแผดเผา อีกทั้งยังรู้สึกเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสทั่วร่างกาย
“ตอนนี้!”
ทันใดนั้นราชาปีศาจเจ็ดประทีปตะโกนขึ้นจากทะเลจิต
หลินมู่อวี่เข้าใจความหมายทันที จากนั้นฌานสัมผัสที่ห่างออกไปหลายพันไมล์ก็จู่โจมอย่างรวดเร็ว!
“ตูม!”
ท่ามกลางเสียงดังสนั่นในป่าทางตอนเหนือของเมืองชีไห่ เกิดเปลวไฟพุ่งทะยานพร้อมรอยแยกขนาดใหญ่รัศมีราวสองเมตรปรากฏขึ้นในป่า ฝูงกวางเมฆาต่างส่งเสียงร้องอย่างตื่นตระหนกดังเสียดหูซึ่งน่าประหลาดใจมาก เมื่อหลินมู่อวี่ถอนฌานสัมผัสกลับ ช่องว่างนั้นก็ปิดตัวลงเองตามธรรมชาติ
…
“อา…”
เขาถอนหายใจแผ่วเบาและนั่งลงกับพื้นอย่างเชื่องช้า
ราชาปีศาจเจ็ดประทีปยิ้มและกล่าวว่า “ข้าไม่คาดคิดเลยว่าเจ้าเด็กนี่จะเข้าใจความหมายอย่างลึกซึ้งของพลังท่องมิติ เจ้าไม่ทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ ทว่ารอยแยกหลายพันไมล์นั่น เจ้าเปิดมันได้อย่างไร? จักรพรรดิผู้นี้เปิดได้เพียงหนึ่งเมตรเท่านั้น เจ้ามัน…ไกลเกินไปแล้ว!”
หลินมู่อวี่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ราชาปีศาจเจ็ดประทีป ข้ารู้ว่ามันค่อนข้างยาก แต่ข้าก็พยายามเต็มที่ อีกทั้งสิ่งที่เรียกว่าท่องมิตินั้น…มันมีอยู่จริงในโลกของข้าเช่นกัน ซึ่งเรียกว่ามิติที่สี่ ตราบใดที่โจมตีได้อย่างรวดเร็วเท่ากับความเร็วแสง ก็จะมีผลต่อความสามารถในทะลวงออกไปในมิติ มีชายนามว่าไอน์สไตน์ได้ศึกษามันอย่างละเอียดยิ่งกว่าเจ้าอีก”
ราชาปีศาจเจ็ดประทีปตกใจและพูดไม่ออกอีกครั้ง
…
หลินมู่อวี่พักผ่อนชั่วครู่ก่อนจะฝึกฝนต่อ สิ่งที่เขาต้องทำคือการเพิ่มความเร็วของฌานสัมผัสให้เร็วเท่ากับความเร็วแสงด้วยเวลาที่สั้นที่สุด และมีเพียงฌานสัมผัสเท่านั้นที่จะทำได้ ราชาปีศาจเจ็ดประทีปกล่าวไว้ว่า การทำเช่นนี้ ร่างกายมนุษย์ไม่มีทางทนต่อแรงเสียดทานความเร็วได้อย่างแน่นอน