ค่ำคืนที่เงียบสงบ ณ เมืองหลันเยี่ยน
ด้านในของจวนเจ้าเมืองชีไห่ ห้องของถังเสี่ยวซีอยู่ในมุมที่เงียบสงบที่สุด แสงดาวบนฟากฟ้าสาดส่องลงหลังคาราวกับถูกดึงดูดด้วยพลังลึกลับ
ถังเสี่ยวซีนั่งบนเตียงอย่างเงียบงันภายในห้องพร้อมเปลวไฟจางๆ ลุกโชนรอบตัวนางผสานกับแสงดาวที่ส่องลงมา ไม่นานถังเสี่ยวซีก็ลืมตาขึ้นขณะที่ดวงดาราหลั่งไหลมาที่ฝ่ามือ จากนั้นก็ปรากฏเครื่องหมายลวดลายสวยงามขึ้น ‘ตูม!’ ผนึกจิ้งจอกอัคนีชั้นที่ห้าพุ่งตรงไปยังโต๊ะและระเบิดจนแตกเป็นชิ้นๆ
“ในที่สุดก็ฝึกฝนผนึกจิ้งจอกอัคนีชั้นที่ห้าสำเร็จ!”
ถังเสี่ยวซีแอบดีใจ ทว่าเปลวไฟยังคงลุกโชนรอบตัวและส่งเสียงโหยหวนออกมา
“หืม…เกิดอะไรขึ้น?”
ถังเสี่ยวซีตกตะลึง จากนั้นนางก็รู้สึกได้ว่าเลือดในตัวกำลังเดือดพล่าน ผนึกสังเวยดวงดาราและเพลิงไฟยังคงปรากฏขึ้นให้เห็นจางๆ บนผิวหนังราวกับจะเผาไหม้ร่างกาย
“อ๊า…”
ถังเสี่ยวซีกรีดร้องออกมาอย่างน่าเวทนาขณะนอนตัวสั่นเทาและขดอยู่บนเตียงราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังทรมาน เปลวไฟลุกท่วมเสื้อผ้า และภายในพริบตา! ทั่วทั้งเตียงก็เกิดไฟลุกโชติช่วง ดูเหมือนมันจะไม่มอดลงง่ายๆ ทันใดนั้นก็มีเสียงใสกังวานดังขึ้นภายในร่างกายของถังเสี่ยวซี “ปล่อยข้าไป…ปล่อยข้าไป…”
“เจ้าเป็นใคร?”
น้ำตาไหลรินจากดวงตาทั้งคู่ของถังเสี่ยวซี นางตัวสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด “เจ้าเป็นใคร?”
ทว่าไม่มีเสียงตอบกลับมา ขณะเดียวกันร่างกายของถังเสี่ยวซีค่อยๆ ไร้เรี่ยวแรง ทำให้นางไม่สามารถยกแขนขึ้น แสงศักดิ์สิทธิ์พลันควบแน่นอยู่บนฝ่ามืออย่างรวดเร็วพร้อมผนึกจิ้งจอกอัคนีปรากฏขึ้น ‘เปรี้ยง!’ มันระเบิดทะลุมุมหนึ่งของหลังคาทันที นั่นมันพลังผนึกจิ้งจอกอัคนีชั้นที่หก…ผนึกแห่งสวรรค์!
“อ…อา…”
ถังเสี่ยวซีไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้ แขนซ้ายของนางมีพลังพลุ่งพล่านอยู่ภายใน ก่อนจะปรากฏเครื่องหมายผนึกจิ้งจอกอัคนีบนฝ่ามืออีกครั้ง ถังเสี่ยวซีพลันยกมือขึ้น!
‘เปรี้ยง!’
ผนังห้องกลายเป็นผุยผงทันทีด้วยพลังผนึกจิ้งจอกอัคนีชั้นที่เจ็ด ผนึกปัญจธาตุ!
ทหารรักษาการณ์สี่นายด้านนอกกำแพงมองกองไฟที่ลุกท่วมอย่างตกตะลึง ก่อนจะตะโกนเสียงดัง “องค์หญิงซีเป็นอะไรหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ องค์หญิงซี…”
“ออกไปให้พ้น!”
ถังเสี่ยวซีออกคำสั่งเสียงดัง ทว่าทหารเหล่านี้ต่างก็เป็นองครักษ์ส่วนตัวที่ถังหลานมอบหมายหน้าที่ไว้ เมื่อเห็นสภาพของถังเสี่ยวซีเช่นนี้พวกเขาจะออกไปได้อย่างไร?
“อ๊า…”
ร่างของถังเสี่ยวซีลอยอยู่เหนือเตียงพร้อมเปลวเพลิงที่ลุกโชนปั่นป่วนจากส่วนลึกของทะเลปราณ ‘วิ้ง!’ บนฝ่ามือถังเสี่ยวซีปรากฏเครื่องหมายผนึกวิญญาณซึ่งเป็นผนึกจิ้งจอกอัคนีที่แม้แต่ถังปินก็ยังทำไม่ได้!
“ออกไป!”
ถังเสี่ยวซีตวาดใส่ทหารรักษาการณ์
ทหารเหล่านั้นถอยหลังกลับอย่างรวดเร็ว ทว่าก็สายเกินไป ผนึกวิญญาณพลันระเบิดอย่างรุนแรงจนแผ่นดินสะเทือน สิ้นเสียงกรีดร้อง…ทหารรักษาการณ์ในระยะยี่สิบเมตรก็กลายเป็นเถ้าถ่านทันที!
ถังเสี่ยวซีร้องไห้ระงมพร้อมไฟในร่างกายที่ยังคงลุกโชน ขณะเดียวกันราวกับผืนแผ่นดินและสรวงสวรรค์สูศเสียสีสันและจักรวาลพลิกกลับ ทำให้ท้องฟ้าพลันมืดสลัวขณะที่ดวงดารานับไม่ถ้วนตกลงมา ทันใดนั้น! ผนึกจิ้งจอกอัคนีก็ปรากฏขึ้นบนฝ่ามืออีกครั้ง…ผนึกจุติ ผนึกที่แข็งแกร่งที่สุดของผนึกจิ้งจอกอัคนีตระกูลถัง!
“ตูม!”
เมืองหลันเยี่ยนสั่นสะเทือนไปทั้งเมือง ขณะที่จวนเจ้าเมืองชีไห่แทบถล่มลงมาด้วยแรงระเบิดที่รุนแรง
‘กรี๊ด…’
ถังเสี่ยวซีกรีดร้องและคุกเข่าลงพื้นพร้อมเปลวไฟลุกโชติช่วง นางไม่สามารถควบคุมพลังได้ และดูเหมือนจะมีบางสิ่งในร่างกายตื่นขึ้นอย่างกะทันหัน พลังทำลายล้างพุ่งโจมตีทุกคนไม่แยกมิตรหรือศัตรู ทำให้ผู้คนกว่าครึ่งในจวนเจ้าเมืองชีไห่สังเวยชีวิตให้แก่ผนึกจิ้งจอกอัคนีของนาง
“ฮ่าๆๆ ปล่อยข้าออกไปซะ!”
เสียงหลอกล่อในร่างกายถังเสี่ยวซีดังขึ้นอีกครั้ง “ข้าคือเจ้า เจ้าก็คือข้า ปล่อยข้าไปซะ อย่าอดทนอีกเลย”
“อ๊า…”
ถังเสี่ยวซีกุมศีรษะไว้แน่นขณะคุกเข่าร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวด คนรับใช้อีกกลุ่มรีบเข้ามาจากระยะไกลและถามเสียงดัง “องค์หญิงซีเป็นอะไรไหมพ่ะย่ะค่ะ?”
ทันใดนั้นเหล่าสาวใช้ก็เห็นว่าหญิงสาวตรงหน้าไม่ใช่ถังเสี่ยวซี แต่เป็นเด็กสาวคนหนึ่งที่นั่งคุกเข่าอยู่ในกองเพลิง ด้านหลังของนางมีเปลวไฟเก้าหางสะบัดไปมาพร้อมหูจิ้งจอกที่โผล่ออกมาเหนือศีรษะ เปลวไฟรอบหางทั้งเก้าเคลื่อนไหวอย่างมีเสน่ห์พร้อมเสียงที่เย้ายวน
ถังเสี่ยวซีเงยหน้าขึ้น ดวงตาคู่งามเปล่งประกายเป็นสีทองจางๆ ขณะที่เสื้อผ้าของนางถูกเปลวไฟแผดเผาจนหมด ถังเสี่ยวซีนั่งคุกเข่าอยู่ที่เดิมพร้อมหางทั้งเก้ากวัดแกว่งเล็กน้อย นางกลมกลืนไปกับเปลวเพลิงรอบตัวซึ่งคนภายนอกอาจมองไม่เห็นและไม่รู้ว่านั่นคือถังเสี่ยวซี!
“ก…เกิดอะไรขึ้นกับข้า…เกิดอะไรขึ้นกับข้า…”
ถังเสี่ยวซีร้องไห้และพึมพำกับตัวเอง หลังจากพลังในร่างกายระเบิดออกมา ถังเสี่ยวซีก็รู้สึกได้ว่าตอนนี้นางได้ทะลวงขอบเขตนภาชั้นที่สามแล้ว อีกทั้งมีรูปร่างมนุษย์อีกคนทับซ้อนอยู่ในร่างกายของนางเอง?
…
“นั่นอะไรน่ะ?”
กลุ่มทหารรักษาการณ์มองจากระยะไกลอย่างตกตะลึง หนึ่งในนั้นพลันตะโกนขึ้น “สัตว์ประหลาด! มันคือสัตว์ประหลาด… โอ้ พระเจ้า! สัตว์ประหลาดเก้าหางมาอยู่ในจวนเจ้าเมืองชีไห่ได้อย่างไร? รีบจัดการสัตว์ประหลาดตัวนี้ซะ! และตามหาองค์หญิงซีโดยเร็ว!”
ทหารรักษาการณ์หลายนายง้างสายธนูเล็ง
ถังเสี่ยวซีเงยหน้ามองพวกเขาด้วยดวงตาสีทองที่สั่นไหว รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏขึ้นบนใบหน้าพร้อมจิตสังหารคุกรุ่น ขณะที่นางกำลังจะโจมตีนั้น…ถังเสี่ยวซีก็ขบฟันแน่นยับยั้งจิตสังหารอันบ้าคลั่งทันที มิเช่นนั้นนางอาจกลายเป็นสัตว์อสูรอย่างแท้จริง
“ออกไปซะ หนีออกไปจากที่นี่…”
น้ำตาไหลรินจากดวงตาทั้งสอง ถังเสี่ยวซีหันมองทางทิศที่ตั้งของวิหารศักดิ์สิทธิ์และตำหนักเจ่อเทียน ก่อนจะพุ่งตัวออกไปและหายไปในความมืดอย่างรวดเร็ว หางไฟทั้งเก้ากวัดแกว่งไปมาอย่างสวยงามยามค่ำคืน ทว่าในความงดงามนั้นกลับเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น
ทางประตูทิศเหนือของเมืองหลันเยี่ยนมีกองทัพองครักษ์คอยเฝ้าอยู่ ขณะนี้เป็นเวลาดึกสงัด ด้วยกฏของเมืองจึงทำให้ไม่มีใครสามารถผ่านเข้าประตูเมืองยามนี้ได้
‘วิ้ง…’
เปลวไฟสว่างวาบด้านหลังทำให้องครักษ์กลุ่มหนึ่งต่างตกตะลึง ทันใดนั้น! จิ้งจอกอัคนีกระโดดออกมาอย่างสวยงาม ภายใต้หางไฟทั้งเก้ามีรูปร่างหญิงสาวปรากฏขึ้น แม้จะเป็นภาพเลือนราง ทว่าก็สามารถเห็นส่วนเว้าส่วนโค้งที่งดงามของนางได้ อีกทั้งยังมีใบหน้าที่สวยงามโดดเด่นราวกับนางสวรรค์
“อะไรน่ะ?!” ทหารนายหนึ่งตะโกนลั่น “สัตว์ประหลาด! นั่นสัตว์ประหลาดอะไรกัน? โจมตีซะ นำมันลงมา!”
กองทัพองครักษ์กลุ่มหนึ่งชักดาบออกมาและวิ่งออกไปโจมตี ทว่าจิ้งจอกเก้าหางไม่สนใจพวกเขา มันพุ่งตัวผ่านช่องว่างไปอย่างรวดเร็วดั่งสายฟ้า ก่อนจะยกมือขึ้นมาและคำรามก้อง ทันใดนั้น! แสงดวงดาราปรากฏขึ้นบนฝ่ามือทันที มันคือหนึ่งในพลังของผนึกจิ้งจอกอัคนี!
‘เปรี้ยง!’
เกิดหลุมขนาดใหญ่รูปร่างผนึกสังเวยดวงดาราระเบิดประตูเหล็กเมืองหลันเยี่ยนอย่างรุนแรง จากนั้นจิ้งจอกเก้าหางพุ่งตัวผ่านไปอย่างไม่แลเหลียว
ภายใต้แสงดาวระยิบระยับ สาวงามกลายร่างเป็นจิ้งจอกเก้าหางวิ่งออกไปอย่างบ้าคลั่งผ่านป่าล่ามังกร นางหลับตาลงพร้อมน้ำตาไหลริน หยาดน้ำตาหยดลงบนพื้นก่อเกิดพืชพรรณงอกเงยขึ้นมา จู่ๆ อสูรจิ้งจอกก็คำรามลั่นพร้อมพลังเปลวเพลิงลุกโชติช่วงทั่วร่างกายในพริบตา
“บ้าน…บ้านอยู่ที่ไหน?”
เหนือผืนป่าอันรกร้าง ดวงตาเด็กสาวเปลี่ยนเป็นสีทองอย่างเชื่องช้าสะท้อนภาพเมืองหลันเยี่ยน
บ้านอยู่ที่นั่น…ทว่าไม่สามารถกลับไปได้อีกแล้ว…
…
ความโกลาหลเกิดขึ้นกะทันหันชั่วข้ามคืนทำให้จวนเจ้าเมืองชีไห่ตกอยู่ในทะเลเพลิง และยังคงลุกไหม้อย่างต่อเนื่องกระทั่งเช้าตรู่ คนรับใช้มากมายต่างเสียชีวิตในค่ำคืนนั้น ทว่าไม่มีร่างขององค์หญิงถังเสี่ยวซีอยู่เลย ไม่ว่าจะพยายามค้นหามากเพียงใดก็ตาม
‘ตึง ตึง ตึง…’
ก่อนรุ่งสางเสียงเคาะประตูอย่างรุนแรงดังก้องเหนือประตูวิหารศักดิ์สิทธิ์
“นั่นใคร?”
ทหารรักษาการณ์เปิดช่องตาแมวส่องออกไป เขาเห็นสาวงามในชุดคลุมองค์หญิงยืนอยู่นอกประตูพร้อมกลุ่มองครักษ์อวี้หลิน ทหารนายนั้นตกใจและรีบเปิดประตู ก่อนจะคุกเข่าลงพื้น “ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะองค์หญิง…”
“พาข้าไปหาหลินมู่อวี่เดี๋ยวนี้!” ใบหน้าฉินอินหมองหม่น
“พ่ะย่ะค่ะ!”
ขณะเดียวกันหลินมู่อวี่เพิ่งโคจรหลอมกระดูกมังกรเสร็จ และกินข้าวโพดในทุ่งวิญญาณเพื่อฟื้นฟูปราณยุทธ์ที่เสียไป จู่ๆ ก็มีเสียงเคาะอย่างรุนแรงด้านนอกพร้อมทหารรักษาการณ์ตะโกนเสียงดัง “ผู้ดูแลหลิน องค์หญิงฉินอินมาหาขอรับ!”
“หืม?”
หลินมู่อวี่ตกตะลึง “เหตุใดเสี่ยวอินจึงมาหาข้าตั้งแต่เช้าตรู่เช่นนี้?”
ก่อนที่จะเปิดประตู ทันใดนั้นก็มีแสงสีทองสว่างวาบกระแทกประตูเข้ามา ปรากฏร่างฉินอินที่ปกคลุมไปด้วยโซ่เทวะพร้อมถือกระบี่จื่อยิน นางขมวดคิ้วแน่น
“มีอะไรหรือเสี่ยวอิน?” หลินมู่อวี่ผงะ และถามออกไปอย่างใจเย็น
“พี่อาอวี่ เมื่อคืนเกิดไฟไหม้ใหญ่ในเมืองหลันเยี่ยน พี่รู้หรือไม่?” ฉินอินกล่าวพร้อมดวงตาแดงก่ำ
“อืม ข้ารู้ มีคนไปดับไฟแล้วใช่หรือไม่? แล้วเกิดเพลิงไหม้ที่ใดล่ะ?”
“จวนเจ้าเมืองชีไห่…” น้ำตาไหลรินออกจากดวงตาคู่งามของฉินอิน “เกิดบางอย่างขึ้นกับเสี่ยวซี…”
“เสี่ยวซี…เสี่ยวซีเป็นอะไร?”
หลินมู่อวี่ลุกขึ้นและคว้าแขนฉินอิน “เสี่ยวอิน บอกข้ามา”
“เกิดไฟไหม้ที่จวนเจ้าเมืองเมืองชีไห่ และเสี่ยวอินก็สูญหายไป มีคนบอกว่าเห็นสัตว์ประหลาด มันเป็นจิ้งจอกเก้าหางที่ปกคลุมไปด้วยเพลิงซึ่งทำให้พวกเขาไม่กล้าเข้าใกล้ และ…เมื่อคืนสัตว์ประหลาดตัวเดียวกันก็บุกเข้าประตูทางเหนือของเมืองหลันเยี่ยน”
“จิ้งจอกเก้าหาง?”
หลินมู่อวี่สั่นสะท้าน เขาส่ายหัวและพูดอย่างเจ็บปวด “เกิดอะไรขึ้นกับเสี่ยวซี…แล้วจิ้งจอกเก้าหางนั่นคืออะไร? หาเสี่ยวซีไม่เจอเลยหรือ?”
“ไม่เจ้าค่ะ…ราวกับว่าเสี่ยวซีหายไปกับอากาศ…” ฉินอินร้องไห้และกล่าวอย่างสะอึกสะอื้น
หลินมู่อวี่ค่อยๆ สงบลง ทว่าเขารู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ดีภายในก้นบึ้งของหัวใจ จิ้งจอกเก้าหางนั่นคงไม่ใช่สัตว์อสูรธรรมดา…แต่คงเกี่ยวข้องกับถังเสี่ยวซีเป็นแน่!
…
“เสด็จพ่อออกพระราชโองการแล้วว่าให้เฟิงจี้สิง ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยน เจิ้งอี้ฝาน และทหารอีกหลายนายจัดการเรื่องนี้ พี่อาอวี่รีบตามข้าเข้าตำหนักเถิด” ฉินอินกล่าว
“อืม”
หลินมู่อวี่คว้าเสื้อคลุมวิหารมาสวมอย่างรวดเร็ว และคว้ากระบี่วิญญาณมังกรบนโต๊ะก่อนพูดว่า “ไปกันเถิด!”