บทที่ 149 ดาร์ก เดม่อน ราชาแห่งความโชคดี
บทที่ 149 ดาร์ก เดม่อน ราชาแห่งความโชคดี
ดาร์กไม่ใช่คนที่ปฏิเสธผู้อื่นเก่งนัก
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังสนใจสินค้าใหม่นี้ด้วย ดังนั้นเขาจึงเดินตามผู้ช่วยร้านเข้าไปในห้องลับอีกครั้ง
ครั้งนี้ห้องถูกทำความสะอาดเรียบร้อย สินค้ากึ่งสำเร็จรูปที่นำมาทดลองขายได้ถูกส่งกลับไปยังโรงงานเพื่อทำการซ่อมแซมแล้ว จึงเหลือแค่สินค้าสำเร็จรูปเพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้นที่ยังคงอยู่
และสิ่งที่โดดเด่นที่สุด แน่นอนว่ายังเป็นเจ้าปลาทองที่ดูเหมือนกับหลุดออกมาจากนรกนั่น!
แต่ข้าง ๆ ปลาทอง กลับปรากฏสิ่งมีชีวิตสุดน่ารักที่ดึงดูดความสนใจของดาร์กทั้งหมดไปในทันที!
“นี่คือจิ้งจอกเฟนเนกใช่ไหมครับ?”
ดาร์กรู้สึกประหลาดใจ
เมื่อเห็นว่าเด็กชายดูชอบ มิสแคทก็พูดอย่างภาคภูมิใจว่า “ใช่แล้ว นี่คือหญ้าจิ้งจอกชนิดหนึ่ง เรียกว่าหญ้าจิ้งจอกเฟนเนก!”
จิ้งจอกเฟนเนกเป็นหนึ่งในสุนัขที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก
พวกมันมีใบหูขนาดใหญ่ที่น่ารักเป็นพิเศษเนื่องมาจากถูกธรรมชาติปรับสภาพให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม
สีขนมีตั้งแต่สีครีมจนถึงสีเหลืองซีด
และส่วนปลายหางมักจะเป็นสีดำ
จิ้งจอกเฟนเนกที่อยู่ตรงหน้าเรียกได้ว่าปกติมาก แต่เพราะมันตัวเล็กเหมือนกับแมวตัวน้อยในห้องของเขา
ดาร์กจึงชอบมันแทบจะทันที!
เดิมที [ราคะ] ก็เป็นคู่ที่ดีสำหรับ [จิ้งจอก] อยู่แล้ว บางทีถ้าโชคดีเขาอาจขัดเกลาต๋าจี่*[1] หรืออะไรทำนองนั้นได้?
ขณะที่ดาร์กสงสัย เขาก็ถามว่า “หญ้าจิ้งจอกต้นนี้กี่คะแนนเหรอครับ?”
ผู้ช่วยร้านค้าตอบว่า “หญ้าจิ้งจอกไม่ได้ผลิตออกมาเยอะ ดังนั้นราคาจึงสูงเล็กน้อย ต้นละหนึ่งร้อยคะแนนน่ะ”
ดาร์กถามต่อ “โอเคครับ แล้วหญ้าจิ้งจอกกระถางนี้ต้องการน้ำยาแมวพิเศษไหมครับ?”
มิสแคทตอบทันที “ไม่จำเป็น ใช้น้ำยาแมวธรรมดาก็ได้”
…
ในไม่ช้าดาร์กก็ออกมาจากร้านดอกไม้และต้นไม้คิตตี้ พร้อมกับกระถางหญ้าจิ้งจอกในมือ
จากนั้นเขาก็เดินไปตามถนนสักพัก และซื้อทุกอย่างที่หญ้าจิ้งจอกต้องการ
หลังจากได้หญ้าจิ้งจอกกระถางนี้มาแล้ว ดาร์กพลันรู้สึกว่างานวิจัยของเขากำลังจะเกิดความก้าวหน้าครั้งใหญ่อย่างไรไม่รู้
…
ก่อนหน้านี้ เขาต้องเลือกระหว่างการเพาะปลูก [ผลแห่งราคะ] ต่อไป หรือจะสะสม [ราคะ] เพื่อเอาไปพัฒนาเป็น [ราคะ IV]
แต่ตอนนี้ดาร์กไม่ต้องกังวลอีกต่อไปแล้ว
เขาไม่แน่ใจเรื่องจำนวน [ราคะ] ที่เขาต้องการเพื่อสร้าง [ราคะ IV] จะต้องมีเท่าไหร่
แต่ตอนนี้เขามีหญ้าจิ้งจอกใหม่แล้ว
ดังนั้น เขาจึงไม่จำเป็นต้องไตร่ตรองเรื่องนี้อีกต่อไป
…
เมื่อดาร์กกลับมาที่หอพัก เขาก็ไม่ได้เร่งรีบที่จะเพาะ [ผลแห่งราคะ] ทันที
แต่วางแผนที่จะใช้เวลาหนึ่งหรือสองวัน เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ของเขากับหญ้าจิ้งจอกนี้ก่อน
และแล้วข้างเตียงของเด็กชายก็มีตะกร้านอนเพิ่มขึ้นมาอีกใบ…
เวลาผันผ่านไปจนถึงคืนวันเสาร์
ดาร์กหยิบเครื่องหยดสมองวิเศษและใช้ ‘วิธีแมลงปอสัมผัสน้ำ’ อีกครั้งเพื่อดึง [ราคะ] ที่ล้นออกมาจากสมองของเขา
จากนั้น
เมื่อรวม [ราคะ] 1.5 หน่วยที่เขาดึงออกมาในวันนี้กับ [ราคะ] ห้าหน่วยที่เขาเก็บไว้จากเดือนก่อน บวกกับ [ราคะ] 1.5 หน่วยที่เขาเก็บไว้เมื่อวานนี้ ดาร์กได้รวบรวมมันไว้ทั้งหมดแปดหน่วยแล้ว!
ในเวลานี้ ค่า [ราคะ] ได้เปลี่ยนจาก 109 หน่วยเป็น 106 แล้วซึ่งถือได้ว่าเข้าสู่ช่วงที่ปลอดภัย
สำหรับการ์ดใบต่อไป เขาจะไม่เสี่ยงเพิ่มค่าราคะ แต่จะไปลดค่า [อัตตา] ลงแทน
ทว่านั่นก็เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาในภายหลัง
…
หลังจากดึง [ราคะ] ออกมาเพียงพอ ดาร์กก็ขังหญ้าแมวไว้ในห้องนอนแล้วเอาหญ้าจิ้งจอกออกมาที่ระเบียง จากนั้นเขาก็เปิดรั้วป้องกันของต้นไม้หนอนและฉีด [ ราคะ] หนึ่งส่วนสามของที่รวบรวมไว้ในวันนี้ลงในกิ่งหนอน
ในบรรดากิ่งหนอน หนึ่งในนั้นเก็บ [ราคะ] ไว้สามหน่วยและอีกสองกิ่งเก็บ [ราคะ] ไว้สองหน่วยตามลำดับ
ดาร์กอุ้มหญ้าจิ้งจอกขึ้นมาและปล่อยให้มันดูดกิ่งหนอน
ผลลัพธ์ปรากฏทันที ทว่ามันไม่ได้เปลี่ยนไปเพราะฤดูกาลเปลี่ยน
ตราสัญลักษณ์ของ [ราคะ] ปรากฏขึ้นบนยอดหญ้าจิ้งจอกทันที จากนั้นมันก็มีดอกตูมขึ้นมา มันเบ่งบานท่ามกลางแสงจันทร์ ก่อนจะออกผลในที่สุด
นั่นเป็นผลที่อุดมไปด้วย [ราคะ]!
หลังจากนั้นดาร์กก็ฉีด [ราคะ] หนึ่งหน่วยที่เหลือเข้าไปในกิ่งหนอนเพื่อเก็บไว้ หลังจากนั้นเขาก็ไม่ลืมปิดรั้วและแบกหญ้าจิ้งจอกกลับมาที่ห้องนอนด้วย
เนื่องจากอากาศเริ่มเย็นลง ดาร์กจึงย้ายกระท่อมหญ้าวัวไปไว้ที่มุมห้องนอนแทน
ตอนนี้มี ‘หญ้าแมว’ สามตัวอาศัยอยู่ในห้องแล้ว หญ้าวัวนั้นเงียบ และหญ้าแมวอยู่ไม่นิ่ง ส่วนหญ้าจิ้งจอกนั้นชอบเกาะติดอยู่กับเด็กชายมาก
ดาร์กวางหญ้าจิ้งจอกลงในตะกร้านอนแล้วเริ่มการทดลอง
ขั้นตอนของการทดลองนั้นเขาคุ้นเคยกับมันแล้ว
เด็กชายอัญเชิญ [ชัคคารุ] ออกมาก่อน
จากนั้นก็ใส่ [ผลแห่งราคะ] ลงไปในกระดองของชัคคารุ แล้วรอให้ผลไม้หมักละลายตามกระบวนการ
ใช้เวลาในการหมักประมาณครึ่งชั่วโมง
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง ดาร์กก็ได้รับน้ำผลไม้ [ราคะ] มาหนึ่งแก้ว
วิธีการต่อไป มันถูกนำไปขัดเกลาโดยวิธีขัดเกลาขั้นพื้นฐาน [ประเภทนกและสัตว์–คุณสมบัติปกติ]
ใช้การ์ดเวทมนตร์เปล่าราคาห้าสิบคะแนน
โดยมีวัตถุดิบหลักคือน้ำผลไม้ราคะ
สำหรับผลลัพธ์สุดท้ายมันขึ้นอยู่กับโชคชะตาทั้งหมด
…
การขัดเกลาครั้งนี้ไม่มีคำแนะนำใด ๆ ทั้งนั้น
แม้แต่คุณสมบัติที่เขาเลือกสำหรับวิธีขัดเกลาก็ยังเป็น ‘ปกติ’ ซึ่งสามารถสร้างสปิริตที่มีคุณสมบัติอื่นขึ้นมาได้
นี่ทำให้การทดลองไร้แบบแผนมากขึ้น
นอกจากนี้ ยังทำให้การทดลองมีโอกาสล้มเหลวมากขึ้นด้วย
…
แต่ดาร์กมักมีโชคในการสร้างการ์ดวิญญาณเสมอ
การทดลองทั้งหมดในครั้งนี้นั้นดำเนินไปอย่างราบรื่นมาก
แม้กระทั่งหลังจากเปิดใช้งานวงแหวนขัดเกลาเวทมนตร์หมายเลข 1 แล้ว ผลกลับกลายเป็นว่าน้ำผลไม้ [ราคะ] เพียงอย่างเดียวไม่สามารถกลั่นให้เสร็จสมบูรณ์ได้ เขาจึงแก้ไขมันด้วยการเติมวัตถุดิบเพิ่มเติมลงไปในนาทีสุดท้าย!
ดาร์กเพิ่ม ‘ยาของแอนเดอร์เซน’ ที่ได้รับจากซิสเตอร์คาไลด์ลงไปด้วย!
อันที่จริง เขามียาของกริมม์และยาของแอนเดอร์เซนอยู่ หนึ่งขวดสำหรับแก้ปัญหาภาพลวงตา และอีกขวดสำหรับแก้ปัญหาการล้างสมอง
ดาร์กเลือกยาของแอนเดอร์เซน ซึ่งสามารถลบล้างคาถาส่วนใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับการสาปสมองหรือการบิดเบือนจิตใจได้
เดิมทีเขาก็อยากขัดเกลายาของแอนเดอร์เซนให้เป็นการ์ดน้ำยา แต่เมื่อมีความรู้มากขึ้น ดาร์กก็ตระหนักได้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะขัดเกลาน้ำยาขั้นสูงดังกล่าวให้เป็นการ์ดด้วยระดับปัจจุบันของเขาได้ สุดท้ายมันเลยถูกเก็บเอาไว้จนบัดนี้
เป็นผลให้ตอนเติมวัตถุดิบ ดาร์กจึงเติมยาของแอนเดอร์เซนทั้งสามหลอดลงไปในวงแหวนขัดเกลาเวทมนตร์ในคราวเดียว!
หลังจากนั้น รัศมีของวงแหวนขัดเกลาเวทมนตร์หมายเลข 1 ก็ไปถึงจุดสูงสุด และการสร้างการ์ดวิญญาณก็ก้าวไปสู่ขั้นตอนหลอมสุดท้ายได้สำเร็จ
→ การ์ดเวทมนตร์กลายเป็นรังไหมเรียบร้อย
…
ดาร์กเอื้อมมือไปแตะมัน ก่อนจะใส่พลังเวทมนตร์ลงไปในรังไหมที่กำลังเปล่งประกายไม่หยุด
คล้ายกับการสร้าง [อูชิ] พลังเวทมนตร์ในรังไหมเรืองแสงผันผวนตลอดเวลา เนื่องจากวัตถุดิบต่าง ๆ ยังคงถูกหลอมอย่างต่อเนื่อง และต้องใช้เวลาประมาณห้านาทีในการทำให้เสถียร
เมื่อมาถึงขั้นตอนนี้ ความคาดหวังของดาร์กที่มีต่อการ์ดวิญญาณใบนี้ก็ไปถึงจุดสูงสุดเช่นเดียวกัน
เขาอยากรู้จริง ๆ ว่าสปิริตแบบไหนจะออกมาเมื่อสิ้นสุดการขัดเกลาโดยไร้ซึ่งการชี้นำโดยเจตนา
ดังนั้น ดาร์กจึงรีบหยิบมีดปรอทออกมาและค่อย ๆ ผ่ารังไหมเรืองแสงออกอย่างระมัดระวัง
สีชมพูชวนฝันลอดผ่านช่องว่างออกมา
นอกจากจะเป็นสีของราคะแล้ว มันยังเป็นสีของภูตอีกด้วย
ดาร์กมึนงงเล็กน้อย และเขาก็เริ่มหลงใหลมันเรื่อย ๆ
[1] ต๋าจี่ในที่นี้กล่าวถึงปีศาจจิ้งจอก เล่ากันว่าต๋าจี่นั้นเป็นสนมคนโปรดของ ‘พระเจ้าโจ้ว’ กษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์ซาง และนางถูกเรียกขานว่าเป็น สนมปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง