สุดท้ายอันหลินก็กลับไปอย่างสับสนมึนงง
เขาตีกับหงโต้วไปสองยก เหนื่อยล้าทั้งกายใจนานแล้ว ไร้เรี่ยวแรงจะไปให้หลิวเชียนฮ่วนอุปการะต่อแล้ว จึงเลือกกลับไปนอนหลับอุตุที่ห้องของตน
วันต่อมา มีคนกลุ่มหนึ่งเดินเล่นในรั้วสำนัก สายตาจับจ้องนับไม่ถ้วน ถึงขั้นว่าทำให้เกิดความโกลาหล
ผิวหนังของพวกเขาแต่ละคนล้วนเนียนละเอียด มีนัยน์ตาสีฟ้า หูที่ทั้งแหลมและยาว รูปโฉมงดงามเป็นล้นพ้น มีปีกสีขาวอันสวยงามด้านหลังอีกด้วย
ที่สำคัญที่สุดคือ พวกเขาเปล่งประกาย!
รัศมีบางๆ แผ่ออกมาจากตัวของพวกเขา ราวกับเป็นทูตผู้ที่สวรรค์เมตตา เดินเหินในโลกหล้า
นักเรียนของสำนักความร่วมมือบำเพ็ญเซียนมากเหลือคณานับที่เดินตามท้องถนน ต่างก็จับจ้องไปที่คนกลุ่มนี้ พร้อมกับวิจารณ์ดังเซ็งแซ่
“โอ้โฮ ดูผู้ชายพวกนั้นสิ หล่อจังเลย!”
“ผู้หญิงก็สวยเหมือนกัน รู้สึกว่าคนกลุ่มนี้เหมือนวงไอดอลเลย”
“เมื่อก่อนก็ได้ยินแล้วว่าเผ่าพันธุ์ปีกปัณฑูรแห่งส่วนเอเดนมีสวรรค์เมตตา ตอนนี้ท่าทางจะเป็นความจริง แค่รูปโฉมก็น่าอิจฉายิ่งแล้ว…”
เมื่อเทียบกับเสียงอุทานของผู้คนเดินถนน แขกที่มาจากสวนของแดนศักดิ์สิทธิ์ต่างก็มีสีหน้าอ่อนโยน อากัปกิริยาเป็นธรรมชาติ เพียงแต่รักษาระยะห่างทำตัวเหินห่าง ไม่ได้เย่อหยิ่งจองหองเกินเอื้อม
ภายในตึกแห่งหนึ่งของเขตปีกปัณฑูร
“พี่อัน มีเรื่องสนุกให้ชมแล้ว โฮ่ง!” ต้าไป๋พุ่งเข้ามาทางหน้าต่าง พูดอย่างระริกระรี้
“ฮ้าว…เช้าๆ แบบนี้ พูดจาให้มันอ่อนโยนหน่อยได้ไหม…” อันหลินตำหนิด้วยความสะลึมสะลือ
“พี่อัน ผิดแล้ว นี่มันเที่ยงแล้ว!” อุ้งมือของต้าไป๋ตบหน้าอันหลินอย่างแรง
อันหลินกำลังจะพูดว่า หากต้าไป๋ไม่มารบกวน เขาสามารถนอนได้ทั้งวัน จากนั้นอุ้งมือขนาดใหญ่ก็ตะปบลงมา
เพี๊ยะๆ ๆ…
อันหลินเคยถูกตะปบยามเช้าเสียเมื่อไร พลันโมโหสุดขีด ดีดตัวลุกขึ้น “อะไรกันเนี่ย!”
“มีมนุษย์วิหคมา คนงามหน้าอกใหญ่ก้นงอน” ต้าไป๋ยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย ทำท่าเหมือนเป็นเชิงบอกว่า ‘เจ้าน่าจะเข้าใจ’
อันหลิน “…”
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงขึ้นควบต้าไป๋ เหาะขึ้นฟ้าไปอย่างรีบเร่ง
…
ชาวปีกปัณฑูรสิบกว่าชีวิตเยื้องย่างในรั้วสำนัก สีหน้าผ่อนคลาย แต่ทิศทางในการเดินกลับมีเป้าหมาย
“ออกัส เจ้าบอกว่าตอนนี้อันหลินอยู่ที่วิทยาเขตปีกปัณฑูรหรือ”
หญิงสาวหน้าสะสวยสวมชุดกระโปรงสีขาวรัดเอวคนหนึ่ง เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ใสแจ๋ว
ชายรูปงามที่เดินนำหน้าพยักหน้า
เขาหยิบกระดาษสีขาวแผ่นหนึ่งออกมา ด้านบนมีที่อยู่อย่างละเอียดและรูปถ่ายของอันหลิน “ถ้าเขาไม่อยู่บ้าน เราก็รอเขาที่หน้าประตู วันนี้ต้องได้พบเขาแน่นอน”
“อย่างอื่นไม่ว่า แต่อันหลินคนนี้หน้าตาดูดีทีเดียว” หญิงสาวมองรูปถ่ายบนกระดาษพลางยิ้มกริ่ม
เมื่อนักเรียนตามรายทางเห็นใบหน้ายิ้มแย้มอันงดงามบริสุทธิ์ของหญิงสาว ต่างก็มองจนไม่อาจละสายตาได้
“เชอรีล เมื่อถึงเวลาเจ้าช่วยเก็บอาการหน่อย อย่าแสดงอาการบ้าผู้ชายละ” ออกัสพูดด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนไปจากเดิมเลย
เชอรีลเบะปาก ไม่พูดอะไร คิดในใจว่า ‘ออกัสยุ่งเกินไปแล้ว แค่มองผู้ชายก็ต้องกีดกัน ความยุติธรรมอยู่ตรงไหน’
บนท้องนภา ต้าไป๋ทำหน้าตื่นเต้น “ตามกลิ่นไป พวกนางอยู่ข้างหน้านี้นี่แหละ โฮ่ง!”
มุมปากของอันหลินกระตุก ควรจะชื่นชมไหมว่าจมูกของต้าไป๋ดีเหลือเกิน
จากนั้นพวกเขาก็มาถึงเวหาเหนือศีรษะของชาวปีกปัณฑูร เริ่มทอดมองลงไป
“นี่น่ะหรือชาวปีกปัณฑูร คุณพระ เปล่งประกายจริงๆ ด้วย!” อันหลินแสดงอาการตกใจ
“นี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ สำคัญที่เจ้าไม่เห็นหรือว่ารูปร่างของพวกนี้ดีกันมากเลย โฮ่ง” ต๋าไปแลบลิ้น ดวงตากลมโตหยาดเยิ้ม จ้องมองเบื้องล่างไม่วางตา
อันหลินมองผู้หญิงที่อยู่ข้างล่าง บางคนสวมชุดกระโปรงบางเบา เผยให้เห็นหัวไหล่และกระดูกไหปลาร้าขาวราวหิมะ มันหลวมโพรก เห็นความขาวผุดผ่องที่กระเพื่อมอีกด้วย
หนึ่งคนหนึ่งสุนัขต่างก็สูดหายใจเข้าลึก เคลื่อนไหวตามชาวปีกปัณฑูรเหนือน่านฟ้า
“ออกัส คนที่ขี่สุนัขข้างบนนั้น เหมือนจะกำลังสะกดรอยตามเราอยู่” จู่ๆ เชอรีลก็โพล่งขึ้นมา
ออกัสพยักหน้า “ข้ารู้สึกได้นานแล้ว แต่ที่นี่เป็นอาณาเขตของสรวงสวรรค์ พวกเขาคงไม่กล้าทำอะไร”
ดวงหน้าของเชอรีลแดงเรื่อ พูดเสียงอ่อยว่า “แต่ข้าคิดว่าพวกเขาต้องทำอะไรแน่ๆ สายตากำลังทำอยู่…”
“หา” ออกัสชะงักไปเล็กน้อย เมื่อได้สติก็เงยหน้ามองขึ้นไป
เมื่อสายตาของทั้งสองฝ่ายประสานกัน ต้าไป๋ก็เงยหน้าขึ้นมองก้อนเมฆเหนือชั้นฟ้าทันที
อันหลินเองก็ละสายตาโดยพลัน แสร้งทำเป็นชมทิวทัศน์รอบๆ อย่างเป็นธรรมชาติ
ออกัส “…”
เมื่อหนึ่งคนหนึ่งสุนัขเบนสายตากลับมาจ้องเบื้องล่างอีกครั้ง อันหลินก็รู้สึกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล
เขาพูดอย่างสงสัยว่า “ต้าไป๋ ทำไมข้ารู้สึกว่าขาดไปคนหนึ่งล่ะ”
ต้าไป่เบิกตากว้าง แลบลิ้นอย่างตื่นเต้น “ไม่ขาด หญิงงามหน้าอกใหญ่ก้นงอนยังอยู่ครบ!”
“อ้อ…” อันหลินเกาหัว
จู่ๆ ก็มีพลังทรงอานุภาพอันน่าสะพรึงกลัวแผ่มาจากด้านหลัง
ต้าไป๋สะดุ้งโหยง หันหลังมามองพร้อมอันหลิน
เห็นชายที่กางปีกสีขาวคนหนึ่งกำลังระเบิดแสงสว่างเจิดจ้าออกมาทั้งตัว
สองมือของเขากอบกุมความว่างเปล่า ลำแสงสีขาวเคลื่อนไหวดุจกระแสวน พลังงานที่น่ากลัวอย่างยิ่งกำลังก่อตัว
เมื่ออันหลินกับต้าไป๋เห็นฉากนี้ต่างก็หวาดหวั่นพรั่นพรึง รู้ว่าล้มเหลวแล้ว
“ลูกพี่ทูตสวรรค์ เข้าใจผิดแล้ว!” อันหลินตะโกนลั่น ลองกอบกู้สถานการณ์
ชายหนุ่มแสยะยิ้ม “เทพเจ้าลงทัณฑ์ เสาคลื่นสีขาว!”
กระแสวนสีขาวแผ่ขยาย จากนั้นเสาแสงก็พุ่งลงมาจากท้องฟ้าด้วยอานุภาพมหาศาล
ครืน!
พลังอันยิ่งใหญ่โจมตีแสกหน้าอันหลินกับต้าไป๋
พลังงานอันบริสุทธิ์ของเสาแสงจู่โจมจนพวกเขาร่วงสู่พสุธา ถึงขั้นว่ากระแทกจนผิวดินแตกละเอียด
“โฮ่ง…น่ากลัวจังเลย” ต้าไป๋ตะเกียกตะกายลุกขึ้นจากซากปรักหักพังแล้วสะบัดตัว
อันหลินก็ราวกับร่างกายแหลกสลายอย่างไรอย่างนั้น ลุกขึ้นจากพื้นแล้วปัดฝุ่นตามตัว ถือโอกาสใช้คาถาสายลมเป่าไล่ฝุ่นรอบกาย
เมื่อฝุ่นควันสลายตัว เขาก็พบว่าตัวเองถูกล้อมไว้แล้ว…
ชาวปีกปัณฑูรรายล้อมรอบทิศ
แต่ละคนมีสีหน้าเย็นเยือก บางคนถึงกับล้วงอาวุธออกมา
“พวกเจ้ามีอะไรจะพูดไหม” ชายคนหนึ่งก้าวออกมา กล่าวอย่างเฉยชา
แม้ทุกคนจะพอรู้คร่าวๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ตัดสินใจว่าจะให้โอกาสพวกเขาได้สารภาพ
“ทุกอย่างเป็นเรื่องเข้าใจผิด พวกท่านฟังข้าอธิบายก่อน!” แม้จะมีผู้แข็งแกร่งมากมายปานนี้ปิดล้อม แต่อันหลินก็พยายามสงบสติอารมณ์ พูดเสียงหนักแน่น
“หยางซิน มีอะไรต้องพูดอีก พวกเรากำลังปฏิบัติงานราชการอยู่ บอกพวกเขาอย่าขัดขวางการทำงาน โฮ่ง!” ต้าไป๋แสยะปาก แลดูดุร้ายขึ้นมา
หยางซินหรือ
อันหลินชะงัก จากนั้นได้สติในพริบตา กดไลค์ให้ต้าไป๋
เขาเอามือไพล่หลังพูดกับทุกคนอย่างนิ่งสงบว่า “ข้าชื่อหยางซิน เป็นหัวหน้าหน่วยบังคับใช้กฎหมาย!”
เมื่อเห็นสีหน้าของชาวปีกปัณฑูรบางส่วนเปลี่ยนไป เขาก็พูดต่อว่า “สุนัขตัวนี้เป็นสัตว์พาหนะของข้า ได้ยินว่าทุกท่านจะเดินเล่นในรั้วสำนัก กลัวว่าจะเกิดเหตุร้าย จึงตั้งใจมาลาดตระเวนละแวกนี้สักหน่อย หวังว่าทุกท่านจะไม่ถือสา หากว่ารบกวนทุกท่าน ข้าจะไปเดี๋ยวนี้แหละ!”
ขณะที่พูด เขาก็ขึ้นควบต้าไป๋ โบกมือให้ชาวปีกปัณฑูรทุกคนอย่างเป็นมิตร เตรียมตัวจะจากไป
อดพูดไม่ได้ว่า เหตุผลนี้ของอันหลินสมบูรณ์แบบมาก!
แม้ทุกคนจะเคลือบแคลงใจ แต่มีตำแหน่งหัวหน้าหน่วยบังคับใช้กฎหมายอยู่จริง พวกเขาจึงไม่กล้าซักไซ้
ดวงตาสุกใสของเชอรีลกะพริบปริบๆ จดจ้องอันหลินอย่างรู้สึกคุ้นตา
ออกัสที่เพิ่งเหาะกลับมาหลังลงมือกับอันหลินไปแล้ว หยิบรูปถ่ายใบนั้นออกมา เปรียบเทียบซ้ำแล้วซ้ำเล่า สุดท้ายก็พูดออกมาอย่างทนไม่ได้ว่า “อันหลิน?”
อันหลินกับต้าไป๋ต่างก็สะดุ้งโหยง
“เจ้าคืออันหลินใช่ไหม” ออกัสพูดอย่างตื่นเต้นต่อหน้าพวกเขา
อันหลินมองออกัส มุมปากกระตุก “ทำไมเจ้าถึงบอกว่าข้าคืออันหลิน”
ออกัสชูรูปถ่ายในกระดาษแผ่นนั้นขึ้นให้อันหลินดู “เจ้าดูสิ เหมือนกันอย่างกับแกะ!”
อันหลินกับต้าไป๋ต่างก็สะดุ้งตกใจเมื่อเห็นรูปถ่าย
อืม…เหมือนกันอย่างกับแกะ
กระอักกระอ่วนจะตายชัก!