“จอกศักดิ์สิทธิ์ใบนี้กับจอกที่พวกเราได้มาก่อนหน้านี้ ลวดลายบนพื้นผิวแตกต่างกันลิบลับ เหมือนกับเป็นระบบใหม่เอี่ยมที่แยกออกมาอย่างสิ้นเชิง” หลิวเชียนฮ่วนลูบจอกศักดิ์สิทธิ์และพูดอย่างเชื่องช้า
“ลวดลายมีความหมายอะไรเป็นพิเศษไหม” อันหลินกินยาบำรุงกำลังแล้วเอ่ยถาม
หลิวเชียนฮ่วนยิ้มเล็กน้อย “ถ้าได้จอกศักดิ์สิทธิ์เพิ่มอีกสักหน่อย ข้าคิดว่าข้าน่าจะพบกฎเกณฑ์ที่ซ่อนอยู่”
“หึ ได้จอกศักดิ์สิทธิ์เพิ่มมาอีกสักหน่อย ผลคะแนนรวมอันดับหนึ่งก็จะเป็นของพวกเรา”
“เมื่อถึงตอนนั้น ท่านจะพบกฎเกณฑ์หรือไม่ จะมีประโยชน์อะไรสำหรับพวกเราอีก”
อันหลินยักไหล่ เมินศิษย์พี่ที่ยู่ปากเพราะคำพูดของเขา ตรงไปข้างหน้าพร้อมกับหวังเสวียนจ้านต่อ
ตอนนี้ในบรรดาจอกศักดิ์สิทธิ์ทั้งเก้า มีจอกศักดิ์สิทธิ์สามใบถูกชิงไปแล้ว จอกศักดิ์สิทธิ์อีกหกใบที่เหลือยังไร้วี่แวว
ทั้งสามคนเดินเตร่ท่ามกลางเทือกเขาคุนหลุนอย่างไม่มีจุดหมายอยู่นาน
พระอาทิตย์ค่อยๆ ลาลับขอบฟ้า ผืนฟ้าอาบแสงสายัณห์ยามพลบค่ำ
อันหลินล่าราชามาร์มอตได้ตัวหนึ่ง[1]
กระรอกชนิดนี้มีขนาดสูงเกือบครึ่งตัวคน เสียงร้องค่อนข้างกังวาน เนื้อสดอร่อยและเหนียวหนึบ
เขาย่างราชามาร์มอตตัวนี้กิน รสชาติหอมกรอบอร่อย หลิวเชียนฮ่วนกับหวังเสวียนจ้านก็ชมไม่หยุดปากเช่นกัน
ผู้ชายหลายหมื่นชีวิตในจัตุรัสฟ้าครามทำได้เพียงแทะยาปี้กู่ประทังความอยาก[2]
พวกเขามองมาร์มอตบนหน้าจอผลึกหินด้วยความอิจฉา ริษยาและแค้นเคือง
หลังกินมาร์มอตเสร็จ ทั้งสามก็เดินทางต่อ
ตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญของการชิงจอกศักดิ์สิทธิ์ ฉะนั้นคืนนี้พวกเขาตั้งใจว่าจะไม่หยุดพัก แต่จะค้นหาเบาะแสของจอกศักดิ์สิทธิ์ตลอดทั้งคืน
“เอ๊ะ พวกเจ้ารีบดูทางทิศตะวันออกสิ เหมือนว่าจะมีแสงไฟ!” หลิวเชียนฮ่วนชี้ไม้ชี้มือพลางอุทานลั่น
อันหลินกับหวังเสวียนจ้านแสดงสีหน้าตกใจ พวกเขามองไปยังทิศทางนั้น มองเห็นแสงสว่างอยู่รำไรจริงๆ
“ไป เราไปดูกันเถอะ” หวังเสวียนจ้านวิ่งไปทางนั้นอย่างรีบร้อนใจ
แม้จะวิ่งได้ไวมาก แต่ทั้งสามก็พยายามอำพรางกลิ่นอายของตนสุดความสามารถ เพราะเป็นไปได้สูงว่าที่นั่นอาจเป็นที่อยู่ของอิทธิพลอื่น
“เอ่อ…โขมดหรือ[3]”
เมื่ออันหลินเข้าไปใกล้ กลับพบว่าแสงไฟนั่นเป็นสีน้ำเงิน
พวกมันลอยอยู่กลางอากาศ ลุกไหม้อย่างเชื่องช้า เงียบสงบและแปลกประหลาด
“ไม่สิ ลูกไฟดวงนี้ไม่ธรรมดา!” หวังเสวียนจ้านตกใจ พูดเสียงร้อนรนว่า “ทุกคนระวัง!”
เพิ่งสิ้นเสียง ก็เห็นลูกไฟสีน้ำเงินนับไม่ถ้วนค่อยๆ ผุดออกมาจากผิวดิน ปิดล้อมทุกคนไว้
ลูกไฟสีน้ำเงินนับร้อยนับพันลูกลุกไหม้เงียบเชียบ แม้จะไม่คุโชน แต่กระจัดกระจายอยู่รอบกายอย่างเนืองแน่น ให้ความรู้สึกพรั่นใจอยู่ดี
“คิกๆ มาเล่นกันเถอะ…”
จู่ๆ ก็มีเสียงเด็กดังกระทบโสตประสาทของทั้งสาม
เสียงนี้ลึกล้ำและไกลโพ้น แต่กลับเหมือนกระซิบกระซาบอยู่ข้างหูพวกเขา ชวนให้ขนพองสยองเกล้าเมื่อได้ยิน
แกรกๆ ๆ…
โครงกระดูกสีแดงก่ำเดินมา ปรากฏสู่สายตาของทุกคน
อันหลินเบิกตากว้างเมื่อเห็นโครงกระดูก มันสูงเพียงครึ่งตัวคน โครงกระดูกหนาใหญ่ดุจจอมอ้วน ศีรษะของมันก็เป็นกะโหลกเช่นกัน แต่กลับมีดวงตากลมเปี่ยมด้วยความไร้เดียงสาและสุกใสคู่หนึ่ง
บอกตามตรง เขายอมให้เบ้าตาของโครงกระดูกกลวงโบ๋ ดีกว่าเห็นดวงตาที่แพรวพราวมีชีวิตชีวาแบบนี้ ดวงตาของโครงกระดูกช่างพิลึกเสียเหลือเกิน!
มีอีกจุดหนึ่งก็คือ มันสวมมงกุฎที่เป็นจอกศักดิ์สิทธิ์เงินอยู่เหนือศีรษะอีกด้วย!
ลูกไฟสีน้ำเงินนับพันลอยกระเพื่อมขึ้นลงประหนึ่งริ้วคลื่น ซ้ำยังส่งเสียงคิกคักประหลาดอีก
“คิกๆ มาเล่นกันเถอะ…” เสียงลึกล้ำเวิ้งว้างของโครงกระดูกอ้วนสีแดงดังขึ้นอีกครา
“ได้สิ! มาเล่นลีคออฟคิงกันเถอะ!”
หญิงสาวผมสีชมพูชูมือถือชักชวนอย่างเบิกบานใจ
รอบข้างเงียบสงัดลงทันตา
หวังเสวียนจ้าน “…”
อันหลิน “…”
โครงกระดูกอ้วนเตี้ย “…”
โครงกระดูกขบคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วหยิบกระจกขึ้นมาส่อง
จากนั้นมันก็ขยับมงกุฎของตน พบว่าตนดูน่ากลัวไม่น้อยเลย…
“ไหนบอกว่าให้พวกเราเล่นกับเจ้า จะเล่นหรือไม่เล่นกันแน่!” หลิวเชียนฮ่วนพูดอย่างไม่พอใจ
ดวงตามีชีวิตชีวาของโครงกระดูกอ้วนเตี้ยชะงักไปอีกครั้ง “เล่นอะไร”
“ลีคออฟคิงไงเล่า! เล่มสามตา ชนะสองตาถือเป็นผู้ชนะ!” หลิวเชียนฮ่วนหยิบมือถือออกมาสองครั้งแล้วหัวเราะร่า “หากข้าชนะเจ้า จอกศักดิ์สิทธิ์บนหัวเจ้าจะเป็นของข้า!”
โครงกระดูกอ้วนเตี้ยจ้องมือถือแล้วกะพริบตาปริบๆ “นี่เป็นของเล่นรูปแบบใหม่หรือ หากเจ้าแพ้ล่ะ”
หลิวเชียนฮ่วนแสยะยิ้ม ดวงหน้างดงามเรียบเนียนมีแต่ความขัดใจ “พูดเป็นเล่นไป อย่างเจ๊น่ะหรือจะแพ้”
โครงกระดูกอ้วนเตี้ยชะงักไปอีกครั้งเมื่อได้ฟัง โขมดรอบตัวพลันลุกโหมขึ้นมา
อันหลินกับหวังเสวียนจ้านเนื้อตัวเกร็งไปหมด เป็นอย่างที่คิด ต้องอาศัยการต่อสู้จึงจะจัดการได้!
โครงกระดูกระเบิดเสียงหัวเราะ “ดีมาก ข้าฮึกเหิมแล้ว ข้าทำเจ้าร้องไห้แน่ค่อยดู! รีบบอกกติกากับข้าเร็วเข้า!”
อันหลิน “…”
หวังเสวียนจ้าน “…”
“หึๆ ไม่มีปัญหา พูดกติกาเสร็จจะให้เจ้าลองฝึกเล่นก่อน จะได้ไม่บอกว่าข้ารังแกคนที่อ่อนแอกว่า” หลิวเชียนฮ่วนพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ
ด้วยเหตุนี้ โครงกระดูกอ้วนเตี้ยกับหลิวเชียนฮ่วนจึงหย่อนตัวนั่งลง หนึ่งคนกับมือถือหนึ่งเครื่องเริ่มลงมือสอนขึ้นมา
อันหลินกับหวังเสวียนจ้านสบตากัน ต่างก็มองเห็นความเหลวไหลและความเหลือเชื่อจากสีหน้าของอีกฝ่าย
ให้ตายสิ แบบนี้ก็ได้ด้วยเหรอ!
เงื่อนไขเผด็จการแบบนี้ โครงกระดูกตนนี้ยอมรับได้ด้วยเหรอ ไม่มีสมองหรือไง!
จู่ๆ อันหลินก็ได้สติ
อ้อ…เหมือนว่ามันจะเป็นกะโหลก ไม่มีสมองจริงๆ เสียด้วย…
“อืม ของเล่นชิ้นนี้น่าสนใจมาก ข้าเข้าใจแล้ว!” ดวงตาของโครงกระดูกเปล่งแสง เริ่มเล่นอย่างสนอกสนใจขึ้นมา
หลังเอาชนะได้หลายตาแล้ว มันรู้สึกว่าตนเองไร้เทียมทาน เป็นใหญ่ในหล้าขึ้นมาทันใด เป็นฝ่ายท้าทายหลิวเชียนฮ่วนเอง
อันหลินกับหวังเสวียนจ้านจึงยืนดูอยู่อีกมุมอย่างเอือมระอา ไม่อยากพูดจา
ผลลัพธ์ย่อมชัดเจนยิ่งนัก การประลองระหว่างมือใหม่กับจอมโกง จุดจบจะมีเพียงมือใหม่ถูกรังแกเท่านั้น
หนึ่งต่อศูนย์
“ข้าไม่ยอม…ไยเจ้าถึงเก่งกาจปานนี้!” โครงกระดูกอ้วนเตี้ยทำหน้าไม่พอใจ กำมือถือแน่น จ้องคำว่าแพ้เขม็ง
“ไม่ ข้าต้องชนะเจ้าให้ได้ ยังไม่ทิ้งห่างกันมาก” มันสูดหายใจเข้าลึก เริ่มเล่นตาที่สอง
มุมปากของอันหลินกระตุก ฝ่ายหนึ่งถูกล่าไปแล้วสามสิบหัว อีกฝ่ายไม่ตายเลยสักครั้ง ไม่ทิ้งห่างกันมากงั้นเหรอ
สองต่อศูนย์
โครงกระดูกอ้วนเตี้ยเหม่อมองคำว่าแพ้อึ้งๆ ตกอยู่ในภวังค์
ผ่านไปพักใหญ่ มันถึงพึมพำว่า “เก่ง…เก่งจังเลย!”
หลิวเชียนฮ่วนยืดขาเรียว นัยน์ตาสีม่วงสุกใสมีชีวิตชีวา “ยอมแพ้หรือไม่ หือ”
แววตาลังเลฉายวาบในดวงตาของโครงกระดูกอ้วนเตี้ย ทว่าสุดท้าย มันก็ยื่นจอกศักดิ์สิทธิ์เงินใส่มือหลิวเชียนฮ่วนด้วยสองมือที่สั่นระริก พูดอย่างจริงจังว่า “ข้า…ข้าเป็นคนที่ยอมแพ้ได้ อันนี้ให้เจ้า!”
หลิวเชียนฮ่วนรับจอกศักดิ์สิทธิ์มาอย่างพอใจ ทว่ากลับไม่มีเสียงประกาศของรองผู้อำนวยการอวี้หัวดังขึ้นในอากาศ
“เอ๊ะ เช่นนี้ไม่ได้หรือ” นางขมวดคิ้วมุ่นแล้วจ้องมองท้องฟ้า
ณ จัตุรัสฟ้าคราม รองผู้อำนวยการอวี้หัวจ้องหน้าจอผลึกด้วยความงุนงง
เขาตะลึงงันจริงๆ จึงลืมประกาศผลคะแนน ในใจมีเพียงแต่ความคิด ‘พับผ่าสิ แบบนี้ก็ได้ด้วยหรือ’ กำลังแผดร้อง
ผู้ติดตามของทั้งสี่อิทธิพลที่กำลังชมอยู่ก็ลืมอุทานเช่นกัน ต่างก็จ้องจอกศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกหลิวเชียนฮ่วนอุ้มอยู่บนหน้าจอผลึกหินอึ้งๆ ในหัวมีความคิดหนึ่งกำลังคำราม
‘พับผ่าสิ แบบนี้ก็ได้ด้วยหรือ!’
“เฮ้อ! จอกศักดิ์สิทธิ์ที่ข้าได้มาด้วยตัวเอง ทำไมถึงไม่ได้คะแนนล่ะ” หลิวเชียนฮ่วนแหงนหน้ามองท้องฟ้า นางรู้ว่ารองผู้อำนวยการอวี้หัวกำลังดูอยู่ที่จัตุรัส จึงเอ่ยถามเสียงดังลั่นด้วยความไม่พอใจ
รองผู้อำนวยการอวี้หัวถูกเสียงนี้กระชากสติกลับมา จึงสูดลมหายใจเข้าลึก
“ยินดีด้วย อิทธิพลสรวงสวรรค์ได้สองคะแนน”
เสียงของเขาดังกึกก้อง สะท้อนไปทั่วเทือกจัตุรัสฟ้าครามและเทือกเขาจงหลง
ผู้ชมหลายหมื่นคนต่างก็สะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงประกาศ
พวกเขามองผู้หญิงในหน้าจอด้วยใบหน้าแสดงความนับถือ
หญิงสาวบ้าอินเตอร์เน็ตที่ใช้โปรแกรมโกงได้…ช่างน่ากลัวเสียนี่กระไร!
……………
[1] มาร์มอต เป็นกระรอกขนาดใหญ่ อยู่ในสกุล Marmota
[2] ยาปี้กู่ เป็นยาที่ใช้กินแทนธัญพืช เป็นวิธีบำเพ็ญเพียรอย่างหนึ่งของนักพรต
[3] โขมด คือ ชื่อผีชนิดหนึ่งจำพวกผีกระสือ จะเห็นเป็นแสงสว่างเรืองยามค่ำคืน ในทางวิทยาศาสตร์เชื่อว่า เป็นแก๊สมีเทนที่ลุกไหม้กลางอากาศ