เรื่องราวคร่าวๆ เป็นอย่างนี้ แต่มีใส่ช่วงหนึ่งในบทด้วย ฮวามู่หลันเป็นกองนำหน่วยสอดแนมกับเหล่าสหายเข้าไปในเขาเหอหลัน[1]ด้วยกัน แต่เจอเข้ากับผู้ลี้ภัยที่ลักลอบหนีจากทางเหนือมาใต้กำลังถูกเผ่าโหรวหรานไล่ล่า เพื่อปกป้องชาวบ้านเหล่านี้ ฮวามู่หลันกับนักรบทุกคนจึงทำสงครามอาบเลือด ฆ่าเผ่าโหรวหรานทั้งหมด ขณะเดียวกันคนฝ่ายตนก็ตายหมดเช่นกัน ฮวามู่หลันบาดเจ็บสาหัส หมดสติไป
หลวงจีนที่พักอยู่ในอารามใกล้ๆ ได้ยินเสียงเข่นฆ่าทางนี้เลยรีบมา พอได้ฟังคำบอกเล่าจากชาวบ้านแล้วก็ซาบซึ้งใจกว่าเดิม เขาไปถึงสนามรบก็พบว่าช้าไปหนึ่งก้าว คนตายหมดแล้ว มองศพเกลื่อนพื้นด้วยความเศร้ารันทด จึงสวดมนต์ชั้นยอด ขณะเดียวกันยังจัดระเบียบชุดให้ทุกคน แต่พบว่าฮวามู่หลันยังไม่ตายเลยพากลับไปรักษาที่อาราม
เรื่องราวตอนนี้สั้นมาก แต่ฉากที่สำคัญคือศพเกลื่อนพื้น เขาเข้ามาฝังศพให้ทหารทุกคน แทบจะไม่มีบทพูดอะไรเลย…
ฟางเจิ้งอ่านเสร็จก็ถอนหายใจโล่งอก ถือว่าพอเข้าใจเรื่องตอนนี้คร่าวๆ ขณะเดียวกันก็รู้ว่าตนควรทำอะไร ถ้าเป็นบทง่ายแบบนี้เขาแสดงได้อยู่ ไม่อย่างนั้นถ้ามีบทพูดมาเป็นกองเขาคงไม่ไหวจริงๆ ไม่รู้ว่าจะแสดงยังไงเลย
นี่เป็นเพราะว่าฟางเจิ้งไม่เข้าใจการแสดง ฉากนี้ดูเหมือนง่าย แต่มีความยากในนั้นไม่น้อย การส่งคนตายด้วยความกรุณาฟ้าเวทนาคนและความเจ็บปวดกับจะแสดงเป็นพระอาจารย์ยังไง นี่ต่างหากที่ยาก ไม่อย่างนั้นอวี๋กว่างเจ๋อคงไม่ต้องหานักแสดงอาวุโสมา ใช้ตัวเขาก็ไม่มีปัญหาแล้ว…
ความไม่รู้ก็มีข้อดีของมัน ฟางเจิ้งสบายตัว ไม่กังวลแม้แต่นิด มองทุกอย่างพลางหัวเราะเบาๆ
ตอนนี้มีคนส่งอุปกรณ์การแสดงมาให้เขา เป็นกาสะวะเก่าๆ และยังมีมู่อวี๋ ฟางเจิ้งเคาะๆ ดูแล้วเสียงไม่ค่อยได้มาตรฐาน แต่ก็ยังพอถูไถได้ ส่วนกาสะวะเก่าๆ เขาเอามาคลุมไว้ข้างนอกจีวรขาวจันทร์ เสื้อผ้ามีกลิ่นแปลกๆ ทว่าก็ได้แต่อดทนไว้ หยิบลูกประคำออกมาเล่นพลางหัวเราะ
จ้าวหงเสียงกับหูเซี่ยวเห็นภาพนี้ก็ส่ายหน้าอีกรอบ ช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ยังไม่ดูบทกับทำความเข้าใจบทอีก แต่ยังมีหน้ามาเล่น คงหมดหนทางรักษาแล้ว!
ช่วงเช้าผ่านไปอย่างรวดเร็ว ภายใต้การซ้อมของเหล่านักแสดง ในที่สุดพวกชาวบ้านก็เข้าใจว่าควรทำอะไร แต่ละคนเหนื่อยจนอยากร้องหาแม่ แต่ก็ยังสนุกสนานกันมาก
อวี๋กว่างเจ๋อยอมใจพวกชาวบ้านเหล่านี้ ถ้าเป็นคนเจ้าเล่ห์คงจะเทงานไปนานแล้ว แม้ชาวบ้านพวกนี้จะเหนื่อยหอบ แต่ถ้าเริ่มแล้วจะจริงจังทันที
ทางด้านนี้เตรียมพร้อมแล้ว อวี๋กว่างเจ๋อกล่าวขึ้น “ทุกคนประจำตำแหน่ง ลองก่อนรอบหนึ่ง ผมขอดูผลก่อน!”
ทุกฝ่ายต่างประจำตำแหน่ง แสงไฟ เสียงเข้าประจำที่
พวกนักแสดงยืนกันเรียบร้อย นักแสดงชาวบ้านเตรียมวิ่งตลอดเวลา นักแสดงทหารเตรียมตัวตายตลอดเวลา นักแสดงทหารเผ่าโหรวหรานอีกด้านซ่อนอยู่ไกลๆ พร้อมบุกทุกเมื่อ
ตอนนี้เองเกิดเสียงร้องตกใจดังขึ้น ทุกคนได้ยินจึงหันไปมองตามจิตใต้สำนึก เห็นหลี่เสวี่ยอิงมวยผมแบบผู้ชาย สวมชุดเกราะนักรบปรากฏกายขึ้น
ฟางเจิ้งก็มองไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขาอยากรู้ว่าดารากับคนธรรมดาต่างกันยังไง แต่มองปราดเดียวก็อึ้งงัน
มองแค่แวบเดียว ฟางเจิ้งเหมือนเห็นอีกคน เห็นผู้หญิงที่เพิ่งเป็นทหาร ไม่เข้าใจอะไรเลย ในใจยังมีความหวาดกลัวและเครียดนิดๆ ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร แต่กลับกัดฟันยืนหยัด อ่อนแอแต่แข็งแกร่ง มองแวบแรกมีชื่อหนึ่งวูบผ่านในความคิดฟางเจิ้ง…ฮวามู่หลัน!
ถ้าในประวัติศาสตร์มีฮวามู่หลันจริงๆ ก็น่าจะเป็นลักษณะนี้!
เวลานี้ฟางเจิ้งยอมแล้ว มิน่าเธอถึงได้ประสบความสำเร็จขนาดนั้น ทักษะการแสดงร้ายกาจจริงๆ ถึงจะรู้อยู่แล้วว่าเป็นของตัวปลอม แต่คุณกลับมองว่าเธอเป็นตัวปลอมไม่ได้
หลี่เสวี่ยอิงเดินมากลางกลุ่มคน นักแสดงตัวประกอบคนอื่นๆ ถูกดึงเข้าสู่ฉากอย่างรวดเร็ว บรรยากาศโดยรวมพลันถูกขับเคลื่อน ต่อให้เป็นพวกชาวบ้านที่แสดงไม่เป็นยังเหมือนยืนอยู่ในอีกช่วงเวลาหนึ่ง ความเลือดร้อนที่จะปกป้องประเทศถูกจุดไฟขึ้น…
“ผู้กำกับ…” เหล่าเถาจะพูดบางอย่าง
อวี๋กว่างเจ๋อขึงตามองให้เขาหุบปาก ทำสัญลักษณ์มือ ทุกคนจึงตึงเครียดตาม นี่สื่อว่าจะเริ่มถ่ายกันจริงๆ!
“เริ่มได้!”
สิ้นเสียงประกาศของอวี๋กว่างเจ๋อ พลันเริ่มการแสดงขึ้น
ไกลออกไป หวังโอ้วกุ้ยถามด้วยความไม่เข้าใจ “ผู้กำกับเขาต้องตะโกนว่าเริ่มเป็นภาษาอังกฤษกันไม่ใช่เหรอ ตะโกนเป็นภาษาจีนตั้งแต่เมื่อไรกัน?”
“ผู้กำกับอวี๋เป็นแบบนี้ตลอด เขาบอกว่าคนจีนกำลังถ่ายหนังจีน ทำไมคนจีนต้องใช้ภาษาอังกฤษ กระแดะ หรือว่าขายชาติ?” คนกองถ่ายที่ว่างอยู่ข้างๆ พูดอธิบาย
หวังโอ้วกุ้ยงงงัน จากนั้นยกนิ้วโป้งให้อวี๋กว่างเจ๋อ เขาชอบคำนี้!
ฟางเจิ้งก็ได้ยินเหมือนกันจึงมองอวี๋กว่างเจ๋อในมุมใหม่ ต่างกับที่พูดกันในอินเทอร์เน็ตอย่างสิ้นเชิง ดูแล้วในอินเทอร์เน็ตคงไม่ใช่ความจริงทั้งหมด สัมผัสจริงๆ ต่างหากถึงจะรู้จริง
ทางด้านนั้น เมื่ออวี๋กว่างเจ๋อออกคำสั่งก็เริ่มการถ่าย หลี่เสวี่ยอิงส่งเสียง พาทุกคนเข้าไปในหนัง
ฟางเจิ้งก็ไม่เว้น บางทีอาจเป็นเพราะตนต้องอยู่ในฉากนี้เขาเลยดูจริงจังมาก นี่คือนิสัยเขา ถ้าไม่ทำก็ช่าง แต่ถ้าทำต้องทำให้ดี เว้นแต่จะทำไม่ได้จริงๆ ตอนนี้ทักษะการทำความเข้าใจของเขาไม่เหมือนวันวานแล้ว มองแค่ครู่เดียวก็เห็นถึงช่องทาง ไม่นานก็ค่อยๆ หลอมรวมเข้าไป
เมื่อกองทหารโหรวหรานปรากฏตัว แม่ทัพชักดาบออกมา ตะโกนเสียงดัง “เหล่าพี่น้อง ตอนมาพวกเราเคยสาบานกันไว้ว่าจะเป็นผีสนามรบ จะไม่ยอมเป็นคนสิ้นชาติ! ข้างหลังคือบ้านเกิดพวกเรา ข้างหลังคือญาติพี่น้องพวกเรา ปกป้องพวกเขาคือหน้าที่พวกเรา คือหน้าที่ของบุรุษ ตามข้ามา!”
พวกนักแสดงตัวประกอบร้องรับ นอกจากแม่ทัพแล้ว พวกทหารต่างพากันชักดาบลุยเข้าไปทำมหาสงครามกับพวกทหารโหรวหราน หลี่เสวี่ยอิงก็ลุยตามเข้าไป แม้จะกลัวนิดๆ มือสั่น แต่กลับไม่ถอย ร่วมรบร่วมปกป้องกับเหล่าสหาย บุกถอยเป็นลำดับขั้นตอน บาดเจ็บล้มตายกันไม่น้อย เห็นสหายร่วมรบฝ่ายตนล้มไปทีละคน จิตใจฮวามู่หลันเปลี่ยนไปตลอด จากความกลัวกลายเป็นโกรธ…
ช่วงที่เธอเห็นว่าพวกทหารชราที่ปกติรังแกเธอยอมตายเพื่อปกป้องทหารใหม่อย่างเธอนั้น ความเลือดร้อนพุ่งฉีด ตะโกนพร้อมบุกเข้าไปด้วยความเจ็บปวดสุดขีด
ตอนที่แม่ทัพรับดาบยอมตายแทนเธอนั้นยังพูดขึ้นว่า “ตอนนี้เจ้าทำหน้าที่แทนข้าอย่างเป็นทางการ…”
ยังพูดไม่จบ แต่ความหมายสื่อไปแล้ว ตอนนี้หลี่เสวี่ยอิงไม่ได้แบกรับภาระเพียงสงคราม แต่ยังแบกรับภาระชื่อเสียงของทั้งหน่วยสอดแนม เธอตะโกนสุดเสียง ใช้วิธีชีวิตแลกชีวิตสู้กับศัตรูที่เหลือสามคนสุดท้ายอย่างสุดชีวิต ตายไปพร้อมกัน!
เห็นถึงตรงนี้ฟางเจิ้งตะลึงค้าง! กระทั่งตอนนี้เขาลืมไปว่านี่คือภาพยนตร์ คิดอยู่ในใจถึงเบื้องหลังของโลก เห็นเขม่าควันปืน เหล็กและเลือด ผู้หญิงที่ไม่ด้อยไปกว่าผู้ชาย ผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่งเติบโตในสงครามสั้นๆ สู้จนตัวตายเพื่อปกป้อง เพื่อเกียรติยศ
ฟางเจิ้งเดินหน้าไปแทบจะโดยจิตใต้สำนึก แววตาเกิดการเปลี่ยนแปลงตามฝีเท้า เขาไม่ได้มองว่าเป็นการแสดง ลืมว่านี่คือการแสดง เขารู้เพียงว่าวิญญาณของวีรบุรุษจะถูกฝังอยู่ในป่าเขารกร้างแบบนี้ไม่ได้!
“เกิดอะไรขึ้น ผู้กำกับยังไม่ให้เขาไปเลย เขาออกไปทำไม!” หูเซี่ยวร้องตกใจอยู่ไกลๆ
………………………………………
[1]เขาเหอหลัน ตั้งอยู่ตรงเขตแดนระหว่างหนิงเซี่ยกับมองโกเลีย