แม่ครัวยอดเซียน – ตอนที่ 233 การประลองระหว่างตำหนัก (3)

“หินจรัสแสงเป็นของหลิวหลีแล้ว” และเมื่อการประลองสิ้นสุดลง พบว่าผลออกมาเหมือนที่หลิวหลีพูดไว้ไม่ผิด อยู่ๆพวกเขา 4 คนก็นึกถึงเรื่องดวงชะตาที่ผู้อาวุโสจูพูดถึงก่อนเริ่มประลอง ตอนนี้พวกเขาไม่เชื่อก็คงไม่ได้ มีคู่แข่งที่โชคดีจนน่าเหลือเชื่อขนาดนี้ ถือเป็นศัตรูที่น่ากลัวจริงๆ

“ขอบคุณหงซวี่” หลิวหลีรับหินจรัสแสงมา และรีบโยนเข้าตำหนักเซียน ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่จะมาดูดซึมหินจรัสแสง เพลิงหยินหยางในร่างกายที่สงบนิ่งมาโดยตลอด อยู่ๆก็เกิดความเคลื่อนไหว จนนางเกือบคุมไม่อยู่ ต้องใช้ตำหนักเซียนขวางกั้นกลิ่นอายหินจรัสแสง จนในที่สุดเพลิงหยินหยางก็สงบลง

“ถ้าเช่นนั้นถือว่าเป็นการตอบแทน หลิวหลีคิดว่ารอบนนี้ใครจะจับได้สลากว่าง?” หงซวี่กล่าวถาม

“เรื่องนี้ ข้าคิดว่าไม่มีต้องเดา ต้องเป็นข้าแน่นอน” หลิวหลีพูดออกมาอย่างไม่ลังเล นอกจากนางยังจะมีใครอีก

“ครั้งนี้ หลิวหลีเลือกก่อนเป็นอย่างไร?” เหลยจ้านเอ่ย และสามคนที่เหลือต่างก็เห็นด้วย

“เจ้าตำหนักทั้งห้าท่านจับสลากเรียบร้อย” ผู้อาวุโสจูตะโกน

ในเมื่อตกลงว่าจะให้หลิวหลีเลือก นางก็สะบัดมือขวาเลือกสลากอย่างไม่ยี่หระ สี่คนที่เหลือเองก็เลือกเสร็จแล้วเช่นกัน

“เปิดได้ จะมีหนึ่งท่านที่สามารถเข้ารอบได้ทันที” ผู้อาวุโสจูกล่าว

จักรพรรดิมองหลิวหลีด้วยความตกใจ ผลคือหลิวหลีจับได้สลากว่างอีกแล้ว

“ก็บอกแล้ว จะต้องเป็นข้าอย่างแน่นอน” หลิวหลีมองดูสลากว่าง ทำไมถึงไม่เชื่อนาง นางเป็นคนซื่อสัตย์มากทีเดียว

“หลิวหลีเป็นคนโชคดีจริงๆด้วย” หงซวี่กล่าว

“ขอบคุณที่ชม” หลิวหลียอมรับอย่างไม่ลังเล ได้เข้าไปอยู่ใน 3 อันดับแรกโดยที่ยังไม่ได้ประลองแม้แต่ครั้งเดียว ช่างเป็นคนที่ดวงดีมากจริงๆ

“นายท่านของเราดวงดีมากจริงๆ ข้านึกว่านางแค่พูดส่งๆเอง” จื่อจู๋พูดอย่างปประหลาดใจ ใครจะไปนึกว่าไม่ใช่เรื่องล้อเล่น นางดวงดีมากจริงๆ

“ก็บอกแล้วว่านังหนูเป็นคนที่โชคดีมาก” เจียงหรูชวนกล่าวว่า

“นายท่านจะจับได้สลากว่างจนได้ที่ 1 ไปครองเลยหรือเปล่า” อวิ๋นเฟยพูดติดตลก

“ไม่หรอก อย่างไรก็ต้องประลองสักครั้ง” เจียงหรูชวนกล่าว ไม่เช่นนั้นคนอื่นจะไม่ยอมรับในความสามารถของนาง

ถึงแม้ทั้ง 4 คนจะไม่มีอะไรจะพูด แต่ก็ต้องเข้าร่วมการประลองอยู่ดี

“เหลยจ้านปะทะเหลยเซียว หงซวี่ปะทะไป๋อี้ เริ่มการประลองได้” ผู้อาวุโสจูกล่าวในใจเขากระวนกระวาย เจ้าตำหนักหลิวหลีเป็นคนโชคดีมากจริงๆ ในฐานะที่เป็นเจ้าตำหนักเข้ามาใหม่ โชคดีขนาดนี้ จะไม่ให้คนอิจฉาก็คงยาก

แต่ไม่รู้ว่าความโชคดีของหลิวหลีโยกย้ายได้ นางทำให้คนรอบตัวโชคดีไปด้วย หนานกงเวิ่นเทียนที่อยู่วังนภาธาราที่เข้าร่วมการแข่งขันก็จับได้สลากว่างจนถึงรอบสุดท้ายเช่นกัน

หลิวหลีครองตำแหน่งที่ 5 ชมการแข่งขัน เจ้าตำหนักที่โชคดีท่านนี้ ทำให้คนรู้สึกไม่เชื่อถือในฝีมือ

“หลิวหลี” จักรพรรดิตะโกนขึ้นมาเสียงดัง

“ฝ่าบาท” จักรพรรดิองค์นี้จะนั่งชมการแข่งขันเงียบๆไม่ได้หรือ ทำไมชอบเรียกนางอยู่เรื่อย ทั้งๆที่ยังมีคนทีเ่หลืออีก 4 คนนั่งอยู่ด้วย

“หลิวหลี เจ้าคิดว่าเจ้าจะต้องออกไปประลองหรือไม่” จักรพรรดิตรัสถาม

“น่าจะกระหม่อม เพราะอย่างไรข้าก็ต้องประลองในการแข่งขันรอบชิง 2 อันดับแรกอยู่ดี” หลิวหลีตอบ

“มีความมั่นใจมากจริงๆ การแย่งชิง 2 อันดับแรกเจ้าโอหังขนาดนั้นเลยหรือนี่” จักรพรรดิแสร้งทำท่าทีขึงขังแล้วตรัส

“ไม่ได้จองหอง แต่มันคือความจริง” หลิวหลีตอบไปตามเนื้อผ้าด้วยท่าทีที่สงบนิ่ง

“ฮ่าฮ่า ความจริงหรือ รอบสุดท้ายให้ข้าเป็นคนจับสลากให้ดีหรือไม่” จักรพรรดิหยั่งเชิง ผู้อาวุโสจูที่อยู่ข้างๆไม่พอใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

“ทรงพอใจก็เชิญ” หลิวหลีเฉยๆ สัญชาตญาณของนางแม่นยำมาโดยตลอด ไม่เคยผิดพลาด

“นังหนู หากว่าเจ้าได้ที่ 1 จริงๆคงจะมีคนไม่ยอมรับหลายคนแน่” จักรพรรดิบอกว่าเจ้าตำหนักที่อาศัยดวงจะไม่สามารถทําให้ทุกคนยอมรับ

“ไม่เป็นไร หากใครไม่ยอมก็เชิญมาท้าประลองได้เลย’ หลิวหลีให้วัดกันที่ความแข็งแกร่ง นางไม่กลัวสักหน่อย

“นังหนู จะพูดมั่วซั่วไม่ได้ เจ้าเป็นผู้บำเพ็ญสายปรุงยา เจ้าพูดเช่นนี้จะให้ผู้บำเพ็ญสายเวทย์กับผู้บำเพ็ญทางกายคิดอย่างไร” จักรพรรดิทรงรู้สึกว่าหลิวหลีกำลังพูดเกินจริง

“ผู้บำเพ็ญสายปรุงยาแล้วอย่างไร ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าไม่ใช้ยาพิษกับยาอันตรายหรอก” หลิวหลีนึกว่าจักรพรรดิจะทรงกลัวว่านางจะใช้ยาศักดิ์สิทธิ์ ก็เลยรับปากว่าจะไม่ใช้ แต่ไม่ได้รู้เลยว่าคำพูดนี้ของนางจะทำให้เกิดเรื่อง

“หลิวหลี เจ้าปรุงยาพิษกับยาแกล้งคนเป็นด้วยหรือ” ข่าวคราวนี้ทำให้คนอื่นตกใจจริงๆ

“ใช่สิ ข้าเป็นเซียนนักปรุงยา ก็ต้องพอรู้บ้าง” หลิวหลีพูดเหมือนเป็นเรื่องปกติธรรมดา มู่หยางที่อยู่ข้างๆหน้าแดง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเซียนนักปรุงยาอีมู่ผู้โอหัง นี่คือคนจริงๆใช่ไหม พูดออกมาได้เหมือนเป็นเรื่องปกติเช่นนี้ พวกเขาที่รู้สึกว่าตัวเองปรุงยาเซียนศักดิ์สิทธิ์ออกมาได้ไม่เลวควรจะทำตัวอย่างไร

“เอาเถอะ ถ้าเช่นนั้นอีกสักครู่ข้าจะคอยดูฝีมือของเจ้าแล้วกัน” จักรพรรดิตรัส แต่ในพระทัยกระวนกระวายราวมีคลื่นซัดโหมกระหน่ำ วังนภาเพลิงของเขารับผู้ถูกเลือกแบบไหนมากันแน่เนี่ย

หลิวหลีไม่ได้พูดอะไร นี่เป็นการสงสัยความสามารถของนางชัดๆ

การประลองจบลงอย่างรวดเร็ว เหลยจ้านกับไป๋อี้เป็นฝ่ายชนะ หลิวหลีแบ่งยาศักดิ์สิทธิ์ฟื้นฟูพลังไปให้อย่างไม่เสียดายยา

“การประลองรอบต่อไป ข้าจะเป็นคนจับสลากเอง” จักรพรรดิตรัส พวกหงซวี่ประหลาดใจน้อยๆ

“ฝ่าบาท สลากอยู่ตรงนี้พะย่ะค่ะ” เมื่อผู้อาวุโสจูทำสลากเสร็จ สลากก็ลอยไปหาองค์จักรพรรดิ และเมื่อทรงตรวจสอบจนแน่ใจว่าไม่มีปัญหาอะไร

“ข้าจะจับสลากของเหลยจ้าน ไป๋อี้ และหลิวหลีตามลำดับ” จักรพรรดิตรัส ทรงเชื่อว่าหลิวหลีไม่ต้องประลองก็ได้อันดับ 3

“ฝ่าบาทข้างในมีสลากว่างอยู่หนึ่งใบ” ผู้อาวุโสจูกล่าว

จักรพรรดิพยักพระพักตร์แล้วแจกสลาก 3 ใบ

“เปิดได้” จักรพรรดิตรัส

เมื่อทั้งสามคนเปิดสลากดู จะไม่ยอมก็คงไม่ได้ ทุกคนอดตกตะลึงสลากว่างตรงหน้าหลิวหลีไ่ได้ เป็นสลากว่างจริงๆ

“จักรพรรดิ ทรงจับเองนะเพคะ” หลิวหลีโบกสลากว่างไปมา

องค์จักรพรรดิกับผู้อาวุโสทั้ง 10 ท่านตกใจจนพูดอะไรไม่ออก นี่คือผู้มีบุญ ในโลกเซียนมีผู้มีบุญขึ้น แถมยังปรากฏขึ้นในดินแดนนภาเพลิง ก่อนหน้านี้ดวงของหงซวี่ก็ไม่เลว แต่พอถึงรอบสุดท้ายก็ยังต้องประลองอยู่ดี คนที่จับได้สลากว่างจนถึงรอบสุดท้ายแบบหลิวหลีเพิ่งจะมีเป็นครั้งแรก

“เจ้าตำหนักทุกท่านนั่งลงเถอะ ลำดับต่อไปเป็นการประลองระหว่างเจ้าตำหนักหงซวี่กับเจ้าตำหนักเหลยเซียว” ผู้อาวุโสจูลุกขึ้นพูด

และหลิวหลี้ได้เปลี่ยนตำแหน่งอีกครั้ง ไปเป็นที่ 3

ตำแหน่งที่นั่งของหลิวหลีได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง กลายเป็นตำแหน่งที่นั่งอันดับ 3  นางผงกศีรษะเหมือนจะเห็นอะไรได้ชัดขึ้น

“หลิวหลี เจ้าเป็นคนโชคดีไม่น้อยเลย แต่สุดท้ายไม่ว่าเจ้าจะเจอกับข้าหรือไป๋อี้ ความโชคดีของเจ้าก็สิ้นสุดแล้ว” เหลยจ้านกล่าว

“เหลยจ้าน ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้าเจอข้าถือเป็นโชคดีหรือโชคร้าย จะบอกอะไรให้ นึกจริงๆหรือว่าพลังบำเพ็ญเพียรมากกว่าข้าไม่กี่หมื่นปีแล้วจะเก่งกว่าข้าหรือ ข้าหลงหลิวหลีไม่เคยต้องพึ่งดวง แต่พึ่งความสามารถ” หลิวหลีมองเหลยจ้านแล้วพูดเน้นๆ ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ จนเหลยจ้านที่ประจันหน้าอยู่เหงื่อตก จะเป็นไปได้อย่างไร ผู้โชคดีคนนี้ไม่ใช่ผู้บำเพ็ญสายยาหรอกหรือ ทำไมถึงน่าเกรงขามเช่นนี้

“คอยดูแล้วกัน”  เหลยจ้านกล่าวพลางพยายามทำใจให้สงบ

เรื่องราวระหว่างคนทั้งสองอยู่ในสายพระเนตรของจักรพรรดิตลอดเวลา ความน่าเกรงขามของหลิวหลีเมื่อครู่ไม่ใช่ดวง นังหนูคนนี้ไม่เพียงดวงดีแต่ยังเป็นคนมีความสามารถ ดังนั้นเมื่อครู่ที่นางบอกว่าหากใครไม่ยอมก็มาท้าประลองได้ ไม่ใช่แค่พูดพล่อยๆแน่นอน แล้วก็ทรงเกิดความคิดประหลาดๆ ขึ้นมา ไม่แน่ว่าต่อให้ทั้งแปดคนนี้ร่วมมือกัน ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนังหนู จักรพรรดิก็ทรงตกใจกับความคิดแปลกๆของตนเอง ทรงตัดสินพระทันว่าจะทำเช่นนี้เพื่อให้พวกเขาได้เห็นความแตกต่างตนเอง ทรงรู้สึกว่าหลิวหลีจะเป็นที่หนึ่ง คนกลุ่มนี้ไม่สามารถล้มนางได้แน่

แน่นอนว่าหลิวหลีไม่รู้ว่าจักรพรรดิทรงจะแกล้งนาง นางนั่งชมการประลองอย่างสงบ แต่จะให้นางมองข้ามแววตาเป็นประกายที่จับจ้องนางก็ยาก เฮ้อ นางไม่กลัวสายตาพิฆาตหรอก ถึงนางจะไม่ใช่คนตาโต เพียงแต่ทำไมรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความรักขององค์จักรพรรดิทำให้นางรู้สึกขนลุก

จึงตัดสินใจชมการแข่งขันต่อ คิดไม่ถึงว่าหงซวี่ที่ดูเป็นเชื้อพระวงศ์ เวลาต่อสู้ขึ้นมาก็โหดเหี้ยมไม่เบาเลย เหลยเซียวเป็นผู้บำเพ็ญธาตุอัสนี แต่มีจุดอ่อนมากมาย จึงไม่ได้มีอะไรน่ากลัวนักหนา นางคงใกล้ได้ประลอง ชมการประลองขนาดนี้ นางก็เริ่มคันไม้คันมือ การประลองของทั้งสองคนจบลงอย่างรวดเร็ว หงซวี่ได้อันดับสี่ เหลยเซียวได้อันดับห้า

“ในลำดับต่อไป เหลยจ้านสู้กับไป๋อี้ หลิวหลีสู้กับเจ้าตำหนักอันดับที่สี่ถึงเก้า” อยู่ๆจักรพรรดิก็ทรงตรัสขึ้น ทุกคนต่างก็ตกใจกับการตัดสินพระทัยเช่นนี้ของจักรพรรดิ ถึงแม้พวกเขาจะไม่อยากยอมแพ้นาง แต่ก็ไม่เคยคิดว่าจะรังแกนาง

“หลิวหลี เจ้ามีข้อโต้แย้งอะไรหรือไม่” จักรพรรรดิมองหลิวหลีแล้วตรัสถาม

“ไม่มีเพคะ ฝ่าบาทคงจะอยากชมฝีมือของข้าแล้ว ข้าย่อมต้องให้ความร่วมมืออยู่แล้ว และข้าจะรักษาคำสัญญาเดิมที่บอกว่าจะไม่ใช้ยาพิษกับยาอันตราย”  นางนึกไม่ถึงว่าจักรพรรดิจะทรงมาไม้นี้

“หลิวหลี กลับตัวตอนนี้ยังทันนะ” จักรพรรดิตรัส

“กลับตัว ทำไมต้องกลับตัว แค่เทพเซียนสุขาวดีไม่กี่คน ข้าควรจะละอายใจด้วยซ้ำ ที่ใช้พลังบำเพ็ญเพียรข่มเหงคนอื่น เฮ้อ” หลิวหลีโบกพัดไปมา ท่าทางดูน่าหมั่นไส้อย่างมาก ทั้งหกคนที่เดิมที่ยังรู้สึกผิดน้อยๆ ก็เลิกรู้สึกผิดทันที พวกเขามองสัญลักษณ์สีทองเข้มบนหน้าผากนาง อย่างหมั่นไส้ ทำไมแต่ก่อนถึงไม่เคยรู้มาก่อนว่านังหนูคนนี้จะน่าหมั่นไส้ขนาดนี้

……………………………..

Related

แม่ครัวยอดเซียน

แม่ครัวยอดเซียน

Status: Ongoing
นิยายโรแมนติก-ย้อนยุค-ฝึกเซียนที่นางเอกทำอาหารเก่งมาก อ่านไปหิวไปแน่นอน! นางย้อนเวลามาอยู่ในร่างของ ‘หลี่หลิวหลี’ ลูกนอกสมรสของตระกูลเศรษฐี และมีชะตาแห่งเซียน! หลังจากจากเข้าสู่วิถีแห่งการฝึกตนเพื่อเป็นเซียน นางก็ได้หินเหล็กชิ้นหนึ่งมาโดยบังเอิญ จึงต้องตามรวบรวมเพลิงอัคคีทั้ง 9 เพื่อสร้างมิติของตนเอง แถมงูตัวสีแดงที่เก็บกลับมายังเป็นถึงสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อย่างมังกรโลหิต! เท่านั้นยังไม่พอ เด็กน้อยที่เก็บ(?)ได้ดันเป็นชายหนุ่มรูปงามอันดับหนึ่งแห่งโลกเซียน!! เส้นทางการเป็นเซียนของหลิวหลีช่างดูรุ่งโรจน์และราบรื่น ทว่า… นางใฝ่ฝันมาตั้งแต่ชาติที่แล้วว่าอยากเป็นแม่ครัว ดังนั้น นางจึงไม่แยแสว่าที่แห่งนี้คือโลกแห่งเซียน ฝึกตนแล้วอย่างไร? บำเพ็ญเพียรแล้วอย่างไร? เป็นเซียนแล้วเป็นแม่ครัวด้วยไม่ได้รึ? แม้จะต้องบำเพ็ญเพียรวิถีเซียน แต่วิถีแม่ครัวนางก็จะไม่ละทิ้งเด็ดขาด!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset