บทที่ 108 เด็กฝึกงานพิเศษ[รีไรท์]
เฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธสิบกว่าลำนั้นทรงพลังมาก ใบพัดหมุนเกิดกระแสลมแรง มุ่งหน้าไปยังจีน ไม่ว่าจะเคลื่อนผ่านที่ไหนต้นไม้ต้นน้อยในป่าทึบก็ถูกพัดจนหักโค่นและยุ่งเหยิงไปหมด
ผู้บัญชาการของกองทหารรักษาการณ์ชายแดนประเทศวายหมดสติเป็นเวลาหลาย ชั่วโมง พวกเขาถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงคำรามของเฮลิคอปเตอร์
แต่เมื่อเขาเห็นปืนใหญ่ต่อต้านเครื่องบินทางอากาศถูกทำลายและทหารของเขาไม่รอดชีวิตแม้แต่คนเดียว แขน ขา ขาดเกลื่อนพื้นจนเหมือนนรกเขาก็เป็นลมไปอีกครั้ง
ปัง!
เสียงปืนดังขึ้นจากเฮลิคอปเตอร์ที่บินอยู่เหนือหัวของเขา และกระแสไฟฟ้าสีน้ำเงินกลุ่มหนึ่งก็ระเบิดใส่ตัวเขาจนแหลก เหล่ยเต๋อที่สลบไม่ได้สติก็เสียชีวิตอย่างไม่รู้เรื่องราวใด ๆ
……
……
บนเฮลิคอปเตอร์ ถางโร้วนั่งอย่างเชื่อฟังข้าง ๆ ฉู่ชวิ๋น ดวงตาที่เป็นประกายแวววาวงดงามคู่นั้นกะพริบตา 2-3 ครั้ง และเธอสังเกตเห็นว่าบรรยากาศไม่ชอบมาพากล
ฉู่ชวิ๋นเล่นกับปืนชีพจรสายฟ้าและมองไปที่มังกรเขียวที่อยู่ตรงหน้า ฉู่ชวิ๋นกำลังเล็งปืนไปที่เขาไม่รู้ว่าตั้งใจหรือไม่ตั้งใจกันแน่?
ร่างกายของมังกรเขียวตึงแน่น หนังศีรษะชา ขนตั้งชัน
“นายไม่มีอะไรจะพูดกับฉันเหรอ?” ฉู่ชวิ๋นมองเขาด้วยรอยยิ้ม
มังกรเขียวเช็ดเหงื่อเย็นจากหน้าผาก ยังไงเขาก็เป็นปรมาจารย์นะ ไม่ว่าจะอยู่ระดับไหนก็มีผู้คนนับหมื่นเคารพนับถือ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าฉู่ชวิ๋นเขากลับไม่ใช่ตัวอะไรทั้งนั้น
เขายิ้มอย่างขมขื่น “ถ้าท่านผู้อาวุโสไม่รังเกียจ ขอเชิญท่านไปที่เมืองจิง เมื่อถึงที่นั่นจะมีคนตอบคำถามของท่านแน่นอนครับ”
แววตาของฉู่ชวิ๋นเริ่มดูเป็นอันตราย เขาพูดอย่างเฉยเมย “อย่ามาเล่นลิ้นกับฉัน บอกฉันมาว่าไอ้พลตรีนั้นมันอะไร?”
มังกรเขียวอึ้งไปเลยแล้วพูดเบา ๆ “ท่านผู้อาวุโส ผมไม่รู้เรื่องนี้จริง ๆ”
สิ่งที่เขาพูดคือเรื่องจริง เขาไม่รู้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย สายตาฉู่ชวิ๋นมองไปนอกหน้าต่าง โดยที่ไม่มีใครรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่
“นายเป็นอะไรกับชายชราคนที่ลอบทำร้ายฉันในคืนนั้น?”
ฉู่ชวิ๋นก็พูดขึ้น ทำให้มังกรเขียวทำอะไรไม่ถูก จิตใจหล่นวูบไปอยู่ที่พื้น
“ท่านผู้อาวุโส ผมไม่เข้าใจว่าคุณหมายถึงอะไร” มังกรเขียวแกล้งทำเป็นโง่ เขาพูดยิ้ม ๆ พยายามทำให้ตัวเองดูผ่อนคลาย แต่เขาไม่รู้เลยว่าเขายิ้มได้น่าเกลียดกว่าร้องไห้อีก
มังกรเขียวเสียใจ ทำไมเขาถึงต้องขึ้นเครื่องบินลำเดียวกันกับฉู่ชวิ๋นด้วย? นี่ไม่ได้เป็นการแกว่งเท้าหาเสี้ยนหรือไง?
“จริงเหรอ?” แววตาของฉู่ชวิ๋นดูอันตรายมากกว่าเดิม
“ผม…”
หนังศีรษะของมังกรเขียวชาไปหมด เขาไม่รู้ว่าจะพิสูจน์ตัวเองยังไง แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงระฆังดังขึ้นช่วยเขาไว้ นั้นคือเสียงโทรศัพท์นั้นเอง
แต่เขาไม่สามารถเอาโทรศัพท์มือถือออกมาได้เมื่อเห็นคำว่า ‘อาจารย์’ บนหน้าจอ เขาก็ตะลึง แล้วแอบพูดเบา ๆ “ท่านอาจารย์ ให้ความร่วมมือหน่อยได้ไหม ตั้งใจจะฆ่าศิษย์หรือไงครับ?”
ฉู่ชวิ๋นมองเห็นแล้วเขาก็ยิ้มมุมปาก จากนั้นก็แบมือ มังกรเขียวทำอะไรไม่ถูกส่งโทรศัพท์ให้ฉู่ชวิ๋นอย่างมือสั่น หลังจากรับสายแล้วฉู่ชวิ๋นก็กดเปิดลำโพง!
เสียงดังกังวานจากปลายสายรีบถามขึ้นมา “เสี่ยวหลง ไม่มีใครอยู่กับเธอใช่ไหม?”
ปากกระบอกปืนของฉู่ชวิ๋นชี้ไปที่มังกรเขียวและมองเขาด้วยรอยยิ้มพร้อม ความหมายที่ชัดเจน ‘พูด’
มังกรเขียวยิ้มอย่างขมขื่น เขารู้ดีว่าถ้าเขาไม่ทำตาม ฉู่ชวิ๋น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าปืนนั้นจะยิงทันที สำหรับปีศาจที่ฆ่าทั้งกลุ่มจักรราศีได้ มังกรเขียวก็ไม่กล้าที่จะเสี่ยง
“ท่านอาจารย์ ศิษย์พูดอยู่ครับ” มังกรเขียวตอบกลับ คิดในใจว่าอาจารย์อย่าตำหนิศิษย์เลย ศิษย์ก็ถูกบังคับให้ทำเหมือนกัน
“เสี่ยวหลง ฟังฉันนะ เธอต้องหาวิธีที่จะหลอกเอาปืนชีพจรสายฟ้าในมือของฉู่ชวิ๋นมาให้ได้ ของชิ้นนี้มันดีมาก และเป็นประโยชน์มากสำหรับการวิจัยเกี่ยวกับอาวุธของประเทศ”
สีหน้าฉู่ชวิ๋นเฉยเมยและหรี่ตาลงเล็กน้อย เขาคุ้นเสียงนี้ ซึ่งก็คือเสียงชายชรา ผู้ทำร้ายเขาในคืนนั้น
“แค่ก ๆๆ…”
มังกรเขียวเหงื่อแตกเต็มหน้าผาก เขาจงใจไอเพื่อพยายามเตือน
แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่เข้าใจ ยังคงพูดต่อไปว่า “ตอนหลอกเขาต้องระวังให้ดี ๆ ต้องมีชั้นเชิงเข้าใจไหม? เจ้าหนุ่มนั้นฉลาดเป็นกรด อย่าให้มันจับได้ล่ะ ปืนชีพจรสายฟ้ามีประโยชน์ต่องานวิจัย แต่ถ้าถูกจับได้ขึ้นมาก็ต้องใช้กำลัง ซึ่งมันยากเข้าใจไหม? แล้วยัง….”
เมื่อได้ยินปลายสายพูดไม่หยุด วิญญาณมังกรเขียวก็บินออกจากร่างไปแล้วครึ่งหนึ่ง แล้วรีบพูดออกมาทันทีว่า “ท่านอาจารย์คือว่า…คือว่าท่านอาวุโสฉู่อยู่ข้าง ๆ ผม”
ความอดทนของมังกรเขียวพังทลายทันที เขากลัวว่าถ้าอาจารย์จะพูดต่อไปอีก ฉู่ชวิ๋นจะโยนเขาออกจากเฮลิคอปเตอร์ ถางโร้วปิดปากและหัวเราะเบา ๆ เธอคิดว่าเรื่องนี้มันน่าสนใจมาก
ปลายสายอึ้งเป็นเวลา 3 วินาที จากนั้นเสียง “ตู๊ด” ก็ดังมาจากโทรศัพท์ มังกรเขียวหน้าซีด อาจารย์เขายังไม่ได้อธิบายอะไรแต่กลับวางสายไปเฉย ๆ ยังมีอะไรแย่กว่านี้อีกไหม?
“ท่านผู้อาวุโส คุณฟังผมอธิบาย….” มังกรเขียวยิ้มแห้ง ๆ
“ไม่จำเป็น”
ฉู่ชวิ๋นกล่าว พร้อมพลิกฝ่ามือให้ปืนชีพจรสายฟ้าหายไป มังกรเขียวกับถางโร้วตกตะลึง หลังจากนั้น ความรู้สึกของมังกรเขียวเปลี่ยนจากตกตะลึงเป็นอ้อนวอน
“ท่านผู้อาวุโส…ฟังผมอธิบายก่อน ท่าน…”
“ตู้ม…!”
เฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธสั่นอย่างรุนแรงกลางอากาศ ผู้คนบนเฮลิคอปเตอร์ก็หวาดกลัวและคิดว่าเฮลิคอปเตอร์ประสบอุบัติเหตุ
……
……
เฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธสิบกว่าลำลงจอดทีละลำที่ฐานทัพทหารชายแดนเมืองกุ้ยโจว หลังจากที่ฉู่ชวิ๋นพาถางโร้วออกจากเครื่องบิน ก็เห็นตัวประกันที่ได้รับการช่วยเหลือได้ออกไปอย่างปลอดภัยภายใต้การจัดการของทหาร
“ผู้อาวุโส!”
กระต่ายหยกเดินเข้ามา เมื่อเห็นถางโร้วที่ยืนอยู่ข้างกายฉู่ชวิ๋น ดวงตาที่ดุจอัญมณีของเธอก็มืดลงเล็กน้อย
“มีเรื่องอยากให้เธอช่วยพอดีเลย ช่วยฉันสักเรื่องได้ไหม?” ฉู่ชวิ๋นถาม
ดวงตาเหมือนอัญมณีของกระต่ายหยกเป็นประกาย แล้วพยักหน้าอย่างมีความสุข
“รอฉันแป๊บนึงนะ!” ฉู่ชวิ๋นบอกกับถางโร้ว จากนั้นก็ลากกระต่ายหยกออกมาและพูดเสียงต่ำว่า “ช่วยฉันตรวจสอบหารหัสนี้หน่อย”
ฉู่ชวิ๋นบอกรหัส 21 ตัวที่หมาป่าเลือดบอกกับเขา
“วางใจได้! ฉันจัดการเองค่ะ” กระต่ายหยกตบหน้าอกสาบาน
ฉู่ชวิ๋นพยักหน้าเล็กน้อย คิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “เพื่อเป็นการขอบคุณ ฉันขอมอบนี่ให้เธอ”
ฉู่ชวิ๋นหยิบแหวนหยกและสร้อยข้อมือหยกออกจากแหวนมิติ นี่คือค่ายกลป้องกันและค่ายสังหาร ฉู่ชวิ๋นบอกกระต่ายหยกถึงวิธีใช้ของทั้งสองอย่างนี้
ดวงตากลมโตของกระต่ายหยกเบิกกว้าง ใบหน้านูนเหมือนซาลาเปาเพราะกำลังตะลึง สักพักถึงมีเสียงร้องอุทานออกมา “ผู้อาวุโสคะ คุณกำลังบอกว่าพี่ใหญ่มังกรเขียวก็ทำอะไรสิ่งนี้ไม่ได้ใช่ไหม?”
ฉู่ชวิ๋นพยักหน้า
“ว้าว! เยี่ยมไปเลย ไอ้บ้ามังกรเขียว คอยดูแล้วกันว่ายังกล้าพูดว่าฉันโง่อีกไหม” เสียงของกระต่ายหยกนั้นนุ่มนวล ถึงแม้ว่าเธอจะพูดอย่างเคืองแค้นแต่มันก็ไม่ได้ดูน่ากลัวเท่าไร แต่กลับยิ่งดูน่ารักมากกว่า
“เอ่อแล้ว พี่มังกรเขียวอยู่ไหนเหรอคะ?” ดวงตากลมโตของกระต่ายหยกมองดูไปมา ในมือถืออาวุธสังหารราวกับกำลังพยายามทดสอบพลังของมังกรเขียว
“ของสิ่งนี้ไม่ควรเปิดเผยให้ใครเห็น” ฉู่ชวิ๋นเตือน
“ฉันรู้ คนมีความผิดต้องลงโทษ!” กระต่ายหยกแลบลิ้นออกมา
ในเวลานี้ ได้ยินแต่เสียงอุทานไม่ไกล และยังมีเสียงหัวเราะเยาะอย่างมีความสุข
คนที่หัวเราะที่ดังที่สุดคือลิงทองคำ ที่วิ่งโร่ไปมา
“เกิดอะไรขึ้น?” ความอยากรู้ของกระต่ายหยกถูกกระตุ้น และเดินเข้าไปร่วมสนุกโดยไม่รู้ตัว
“ว้าว……”
แค่ได้ยินเสียงที่นุ่มนวลของกระต่ายหยกที่อุทานออกมาเท่านั้น
“พี่มังกรเขียว ทำไมอยู่ในสภาพนี้ละ?” ในเวลานี้มังกรเขียวที่เคยมีท่าทีสงบและสง่าเหมือนดังในอดีต
จมูกและใบหน้าบวมเขียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งดวงตาทั้งสองข้างดำเหมือนขอบตาหมีแพนด้าก็ไม่ปาน
“พวกเราสิบสองนักษัตรมีหมีแพนด้าที่เป็นสมบัติของชาติปะปนมาตั้งแต่เมื่อไหร่อ่ะ? ฮ่าฮ่าฮ่า” ลิงทองคำหัวเราะสุขใจ
“ไม่นะ นี่คือโทโทโร่ในตำนาน?” หมูฮันพูดพร้อมทำเสียงฮึดฮัด
“มังกร นี่ไปโดนรถชนที่ไหนมา?” นักรบเสือที่เงียบขรึมก็มาร่วมเล่นด้วย
ในความเป็นจริงทุกคนรู้ว่าทำไมมังกรเขียวกลายเป็นเช่นนี้ คิดดูแล้วปกติมังกรเขียวก็มักมีความเป็นผู้ใหญ่ สงวนท่าที คุณธรรมสูง และมีพื้นฐานขั้นพลังสูงเกินไป ไม่ค่อยมีครั้งไหนเลยที่เขาจะรู้สึกอับอาย ดังนั้นหากไม่สนุกตอนนี้แล้วจะมีโอกาสดี ๆ เช่นนี้ในอนาคตอีกได้เหรอ?
มังกรเขียวก้มศีรษะลงฟังกลุ่มพี่น้องที่คอยช่วยเหลือตลอดเวลาหัวเราะออกมาอย่างไม่เกรงใจ ดวงตาของเขาร้อนผ่าวด้วยน้ำตาและพูดอะไรไม่ออก ใครมันจะกล้าไปยั่วยุจอมมารกัน?
น่าขายหน้าที่สุด ตัวเขาที่เคยได้รับการนับหน้าถือตา ตอนนี้กลับถูกตีจนบวมเขียวไปหมด ที่น่าโกรธยิ่งกว่านั้นคือเขาไม่สามารถต่อต้านได้เลย
……
“โร้วโร้ว ฉันมีเรื่องต้องไปจัดการที่เมืองจิง ฉันจะให้คนมาพาเธอกลับไปก่อนนะ” ฉู่ชวิ๋นกล่าว
หลังจากพูดจบ เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างออก เขารีบหยิบสิ่งที่เขาเตรียมไว้ออกมา ซึ่งมันคือค่ายกลป้องกันและสังหารส่งให้ถางโร้ว
ต่างหูหยกที่มีลวดลายวิจิตรงดงามและหยกใส
ต่างหูคู่นี้ฉู่ชวิ๋นทำขึ้นด้วยตัวเอง และลวดลายก็ถูกแกะสลักโดยเขา!
หูซ้ายป้องกัน หูขวาสังหาร!
ฉู่ชวิ๋นสอนวิธีใช้ให้แก่ถางโร้ว ใบหน้าของถางโร้วเขินอาย แดงเข้มราวกับว่าดวงอาทิตย์ยามเช้า เธอดีใจมากที่ได้รับของขวัญจากฉู่ชวิ๋น
ส่วนที่ฉู่ชวิ๋นอธิบายเป็นเรื่องความสามารถของการป้องกันและการสังหารนั้น เธอไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะเธอไม่เคยมีความคิดเรื่องการฆ่าใครอยู่แล้ว
หลังจากดีใจไม่นานเธอก็สงบลง ถางโร้วเงยหน้าขึ้นมองฉู่ชวิ๋นและพูดเบา ๆ “พี่ฉู่ชวิ๋น ฉันอยากไปเมืองจิงด้วย”
“โร้วโร้ว ครั้งหน้าฉันค่อยพาเธอไปเที่ยวที่เมืองจิงดีไหม?”
ครั้งนี้เขาไม่ได้ไปเมืองจิงเพื่อเที่ยว แต่มีเรื่องต้องจัดการ ชายชราคนนั้นน่ากลัวมากและยังไม่รู้แน่ว่าคือมิตรหรือศัตรู ดังนั้นเขาไม่สามารถพาถางโร้วไปเผชิญอันตรายได้
“ฉันไม่ได้จะไปเที่ยวเล่นหรอกน่า ฉันมีงานแถลงข่าว อัญมณีที่เมืองจิง งานแถลงข่าวกำลังจะจัดขึ้นวันนี้ฉันต้องไป”
อ่ะ!
ฉู่ชวิ๋นงงงัน เขาคิดเข้าข้างตัวเองว่าเธอมีใจให้
ไม่บ่อยนักที่จะเห็นฉู่ชวิ๋นอึดอัดใจแบบนี้ ถางโร้วจึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบา ๆ ‘คิกคัก’ ซึ่งเสียงเธอเหมือนเสียงนกขมิ้นที่น่ารักและน่ารื่นรมย์
เนื่องจากถางโร้วเองก็จะไปเมืองจิง ฉู่ชวิ๋นจึงไม่สามารถปล่อยเธอไปคนเดียวได้ เขาจึงพาถางโร้วไปด้วย เมื่อเห็นฉู่ชวิ๋นมา สมาชิกสิบสองนักษัตรก็เงียบไปลงทันที มังกรเขียวที่ถูกทุบตีจนหน้าดำหน้าแดง ด่าตัวเองที่ไม่เจียมตัว
“เตรียมเฮลิคอปเตอร์ เราจะไปเมืองจิงกัน” ฉู่ชวิ๋นกล่าวพร้อมมองมังกรเขียว
แน่นอนว่ามังกรเขียวรู้ว่าฉู่ชวิ๋นจะไปทำอะไร เขาเลยรีบจัดการทันที ฉู่ชวิ๋นนำถางโร้วและมังกรเขียวขึ้นเฮลิคอปเตอร์อีกครั้ง เฮลิคอปเตอร์บินขึ้นสูงและตรงไปเมืองจิง
……
……
“เฮ้อ! ในที่สุดท่านตาคนนี้ก็ไปสักที” ลิงทองคำถอนหายใจด้วยความโล่งอก ตบหน้าอกขณะพูด ตอนที่ฉู่ชวิ๋นอยู่นั่นเขาแทบจะไม่กล้าหายใจด้วยซ้ำ
“นั่นสิ? หลังของฉันเปียกโชกหมดแล้ว” หมูฮันหน้าเต็มไปด้วยความหดหู่
“ฉันไม่เคยรู้สึกประหม่าเมื่อเห็นหัวหน้าหมายเลข1 แต่ฉันโคตรอึดอัดเลยที่ยืนข้างเขา แค่จะหายใจยังยากเลย” หนูนั่งลงบนพื้นโดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
“งูเขียว เธอคงไม่ได้คิดถึงพี่ชายคนนี้หรอกใช่ไหม? ทำไมเธอไม่พูดอะไรสักคำ?” ลิงทองคำหยอก
ดวงตาที่น่าหลงใหลของงูเขียวมองจิกลิงทองคำ แล้วเปิดปากพูด “ฉันไม่ใช่สเปคของพี่ชายคนนั้นหรอกนะ”
พูดจบก็มองไปที่กระต่ายหยกแล้วยิ้มอย่างชั่วร้าย “กระต่ายน้อย พูดตามตรง ผู้อาวุโสพาเธอไปที่ลับตาคนนี่ ไปทำอะไร? ไม่ใช่ว่าเธอปล่อยให้เขากินแล้วเหรอ?”
สีหน้ากระต่ายหยกสับสนและสงสัย “ทำไมท่านผู้อาวุโสต้องกินฉันด้วย? ฉันไม่ใช่อาหารสักหน่อย”
ทุกคนหมดคำพูด กระต่ายหยกช่างใสซื่อบริสุทธิ์เหลือเกิน!