บทที่ 150 เปิดป่า[รีไรท์]
เมื่อมังกรเขียวได้ยินว่าฉู่ชวิ๋นกำลังจะเดินทางไปสำนักกระบี่ทองคำ เขาก็ตกใจไปไม่น้อยและไว้อาลัยให้กับสำนักกระบี่ทองคำในใจ 3 นาที ในที่สุดก็ถึงเวลาที่พวกมันต้องชดใช้กรรมแล้วใช่ไหม? คราวนี้สำนักกระบี่ทองคำมีเรื่องผิดคนจริง ๆ ปกติแล้วคนจากสำนักนี้ไม่เกรงกลัวกฎหมาย ชอบข่มเหงรังแกคนธรรมดาในโลกมนุษย์ และไม่เคยมีใครเอาผิดพวกมันได้เลย
ดังนั้น มังกรเขียวจึงถามคำถามที่สำคัญว่า “ผู้อาวุโสรู้แล้วหรือครับว่าสำนักกระบี่ทองคำอยู่ที่ไหน?”
“ฉันไม่รู้” ฉู่ชวิ๋นตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมา
มังกรเขียวพูดไม่ออก หลังจากนั้นจึงได้แนะนำคนนำทางให้ฉู่ชวิ๋นด้วยความยินดี…กระต่ายหยก
กระต่ายหยกเก่งกาจเรื่องคอมพิวเตอร์ เพียงแค่ไม่กี่นาที เธอจะต้องหาตำแหน่งของสำนักกระบี่ทองคำพบอย่างแน่นอน
ฉู่ชวิ๋นเห็นด้วยว่ากระต่ายหยกน่าจะเป็นผู้ช่วยที่ดีสำหรับเรื่องนี้
มังกรเขียวโทรหากระต่ายหยก และแจ้งว่าฉู่ชวิ๋นต้องการความช่วยเหลือจากเธอ
กระต่ายหยกจะใจอ่อนกับใครมากที่สุด? ก็ฉู่ชวิ๋นอย่างไรล่ะ ไม่ว่าเป็นเรื่องอะไรที่เกี่ยวข้องกับเขา เธอไม่เคยปฏิเสธ
ครึ่งชั่วโมงต่อมา กระต่ายหยกก็เดินทางมาถึง
เธอสวมใส่ชุดวอร์มสีชมพู ทำให้ผิวขาวๆ ของเธอยิ่งดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น หญิงสาวสะพายเป้รูปกระต่ายสีชมพูมาด้วยใบหนึ่ง ใบหน้าของเธอเป็นสีแดง กระต่ายหยกใส่หูกระต่ายปลอมที่ขยับไปมาอยู่ตลอดเวลา เมื่อประกอบกับดวงตากลมโตของเธอ ก็ยิ่งทำให้ดูน่ารักมากยิ่งขึ้น
“ผู้อาวุโสคะ” กระต่ายหยกทักทายด้วยความเขินอาย
ยิ่งตอนที่เธอได้รู้ว่ากำลังจะต้องเดินทางไปสำนักกระบี่ทองคำพร้อมกับฉู่ชวิ๋น กระต่ายหยกก็ดีใจจนเกือบจะเป็นลม
ฉู่ชวิ๋นหัวเราะในลำคอและถามว่า “เธอแน่ใจนะว่าเจอตำแหน่งที่แน่นอนของสำนักกระบี่ทองคำแล้ว?”
กระต่ายหยกพยักหน้า หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมา เชิดใบหน้าน่ารักขึ้นและพูดด้วยสีหน้ามุ่งมั่นว่า “นี่คือสิ่งที่ฉันค้นพบก่อนจะมาที่นี่ค่ะ ฉันระบุตำแหน่งทางเข้าสำนักกระบี่ทองคำเอาไว้แล้ว”
ฉู่ชวิ๋นคลี่แผ่นกระดาษออกมาดู มีการระบุตำแหน่งบนแผนที่ไว้อย่างชัดเจน แม้แต่เส้นทางลับก็มีระบุเอาไว้ด้วย ตำแหน่งของสำนักกระบี่ทองคำมีความชัดเจนมาก ด้วยแผนที่แผ่นนี้ แม้แต่เด็ก 3 ขวบก็สามารถเดินทางเข้าไปได้ด้วยตนเองด้วยซ้ำ
“แบบนี้เราก็หาตำแหน่งของสำนักอื่นได้น่ะสิ?” ฉู่ชวิ๋นถาม
กระต่ายหยกพยักหน้า
“งั้นเธอลองหาตำแหน่งของสำนักความหวังใหม่ดูหน่อย แล้วปริ้นออกมาให้ฉันที”
หัวหน้าหมายเลขหนึ่งส่งคนไปเอาปริ้นเตอร์มาให้เธอใช้งาน
แล้วกระต่ายหยกก็แสดงฝีมือให้ทุกคนเห็น เพียงแค่ 5 นาทีหลังจากนั้น แผนที่ซึ่งระบุตำแหน่งของสำนักความหวังใหม่ก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว
“หุบเขาราชาพิษ” ฉู่ชวิ๋นพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
5 นาทีต่อมา แผนที่ตำแหน่งของหุบเขาราชาพิษก็ถูกพิมพ์ออกมา
“สำนักไร้เงา”
“สำนักกระบี่ฟ้า”
“สำนักปีศาจ”
ฉู่ชวิ๋นพูดชื่อทุกสำนักที่ไปปิดล้อมภูเขาเฉียนหลงในวันนั้น
กระต่ายหยกรัวนิ้วลงบนแป้นพิมพ์ของคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค แล้วแผนที่ตำแหน่งของแต่ละสำนัก ก็ถูกพิมพ์ออกมาตามลำดับ
ฉู่ชวิ๋นเก็บแผนที่ไว้ในแหวนมิติและหันไปยิ้มให้กับกระต่ายหยก
“ขอบใจมากนะ ฉันกลับมาเมื่อไหร่จะเชิญมาทานมื้อค่ำด้วยกัน” พูดแล้ว ชายหนุ่มก็หันหลังเดินจากไป
กระต่ายหยกได้แต่ยืนมองไปยังทิศทางที่ฉู่ชวิ๋นเดินจากไป ริมฝีปากของเธอสั่นระริก ดวงตาของเธอมีน้ำตาคลอเต็มเบ้าตา แล้วน้ำตาของกระต่ายหยกก็ไหลออกมาในที่สุด
มังกรเขียวและหัวหน้าหมายเลขหนึ่งพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว
ฉู่ชวิ๋นเจ้าเล่ห์เกินไปและกระต่ายหยกก็ไร้เดียงสาเกินไป พวกเขาคิดเช่นนั้น
แต่ในทันใดนั้นเอง กระต่ายหยกก็หยุดร้องไห้และหันกลับมายิ้มแฉ่งให้พวกเขา
หัวหน้าหมายเลขหนึ่งและมังกรเขียวเริ่มเป็นห่วงเธอมากขึ้น
“กระต่ายหยก เธอไม่เป็นไรนะ” มังกรเขียวถาม
“ฉันไม่เป็นไร!” กระต่ายหยกส่ายหน้าด้วยความแข็งขัน เมื่อสักครู่นี้ฉู่ชวิ๋น เขามาพูดกับเธอว่า เธอไปกับเขาไม่ได้เพราะมันอันตรายเกินไป เขาเลยขอให้เธออยู่ที่นี่
กระต่ายหยกเป็นคนเรียบง่ายแบบนี้แหละ แค่ฉู่ชวิ๋นห่วงใยเธอ ก็ทำให้เธอยิ้มออกมาได้แล้ว
กระต่ายหยกไม่เป็นไรจริงๆ เหรอเนี่ย? หัวหน้าหมายเลขหนึ่งกับมังกรเขียวได้แต่คิดแล้วก็สงสัย
……
……
เมืองหยางชิ่ง อำเภอไคหยวน ภูเขาภูเขาลั่วหยิง
สำนักกระบี่ทองคำซ่อนตัวอยู่ในภูเขาภูเขาลั่วหยิง
ภูเขาภูเขาลั่วหยิงไม่ได้อยู่บนพื้นที่สูงมากมายสักเท่าไหร่ แต่มีความใหญ่โต
กว้างขวาง มันมีอาณาบริเวณกว้างไกลติดกับริมน้ำ เต็มไปด้วยต้นไม้เก่าแก่หลายพันต้น งูพิษนานาชนิด รวมถึงสัตว์ในป่าจำพวกนก หนู แมลงอีกนับไม่ถ้วน
บัดนี้ ฉู่ชวิ๋นมายืนอยู่ที่บริเวณเชิงเขาภูเขาลั่วหยิง กว่าจะเดินทางมาถึงที่นี่ เขาต้องใช้เวลาถึง 2 วันทีเดียว
ไม่กี่อึดใจต่อมา เขาก็เดินตรงเข้าไปภายในป่า
ภายในป่ามืดทึบ เต็มไปด้วยกลิ่นของใบไม้เน่าที่กองทับถมกันอยู่บนพื้นหนาประมาณ 1 เมตร เวลาที่ชายหนุ่มเหยียบเท้าลงไป เท้าของเขาจะไม่สัมผัสพื้นดิน ฉู่ชวิ๋นจึงเคลื่อนที่ด้วยการใช้วิชาตัวเบาดีดตัวไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็ว ปลายเท้าของเขาสัมผัสกองใบไม้หนึ่งครั้ง เขาก็จะสามารถดีดตัวไปได้ไกลหลายเมตร
พลัน ความเงียบภายในผืนป่าก็ถูกทำลายขึ้นด้วยเสียงนกร้อง ทำให้คนที่ได้ยินถึงกับขนลุกไปไม่น้อย
แต่ฉู่ชวิ๋นยังคงมีสีหน้าเยือกเย็นดังเดิม ขณะที่ดีดตัวไปข้างหน้าต่อไป
ฟรึบ!
ในพริบตานั้นเอง อะไรบางอย่างจากยอดไม้ก็พุ่งตรงเข้ามาหาฉู่ชวิ๋น พร้อมกับกลิ่นตัวที่เหม็นอย่างร้ายกาจ
ฉู่ชวิ๋นสะบัดมือเหมือนกับสะบัดดาบ ดีดตัวขึ้นไปกลางอากาศ แล้วลำแสงสีขาวก็ไหววูบเหมือนกับคมดาบ
ฉับ!
เลือดสาดกระจายเต็มท้องฟ้า อะไรบางอย่างที่ลอบโจมตีฉู่ชวิ๋นจากบนยอดไม้ถูกตัดขาดเป็นสองท่อนทันที
ที่แท้มันก็คืองูเหลือมที่มีลำตัวหนาเท่ากับชามข้าว แต่ตอนนี้ฉู่ชวิ๋นตัดตัวมันขาดเป็นสองท่อน ลำตัวทั้ง 2 ท่อนของมันยังคงบิดส่ายไปมาอยู่บนพื้นดิน
ฉู่ชวิ๋นเห็นแล้วก็อดนึกถึงจิ่วโยวไม่ได้ ชายหนุ่มก้มมองกำไลสีสวยบนข้อมือของตัวเอง จิ่วโยวยังคงหลับอยู่ ถ้าตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่ก็คงเป็นอีกคนที่มีพละกำลังมหาศาลไปแล้ว
ไปต่อดีกว่า
ไม่นานหลังจากนั้น เบื้องหน้าของชายหนุ่มก็เต็มไปด้วยหมอกสีเขียว มันคือแก๊สพิษที่ระเหยออกมาจากป่าแห่งนี้ ถ้าสูดดมเข้าไปคนผู้นั้นก็จะเกิดภาพหลอนและไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ นับว่าเป็นสิ่งที่อันตรายเป็นอย่างยิ่ง
แต่ฉู่ชวิ๋นกลับสามารถเดินฝ่าหมอกสีเขียวนี้เข้าไปได้อย่างไม่เป็นอันตรายอะไรเลย
วู้บ!
พลัน พื้นดินที่เท้าของฉู่ชวิ๋นเหยียบลงไปยุบตัวออกจากกัน เศษดินโคลนกระจายไปทุกหนทุกแห่ง แล้วปากขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยเขี้ยวอันแหลมคมก็พุ่งเข้ามาหมายจะกัดขาของฉู่ชวิ๋นด้วยความเร็วปานสายฟ้าฟาด
ฉู่ชวิ๋นยกขาขึ้น ก่อนที่จะกระทืบเท้าลงไปบนปากของสัตว์ประหลาดตัวนั้น
พลั่ก!
ปากของสัตว์ประหลาดถูกกระแทกจนผิดรูปผิดร่าง เขี้ยวอันแหลมคมของมันหลุดกระเด็นออกมานับจำนวนไม่ถ้วน
ขณะนี้ ฉู่ชวิ๋นเห็นแล้วว่าสัตว์ประหลาดที่เขาเจออยู่ ที่แท้ก็คือจระเข้ยักษ์ตัวหนึ่ง มันมีขนาดลำตัวยาวมากกว่า 5 เมตร ฟันแต่ละซี่ของมันยาวมากกว่า 5 เซนติเมตร ถ้าถูกกัด คงบาดเจ็บสาหัสอย่างที่ไม่อาจจินตนาการได้ แรงกัดของจระเข้ยักษ์ตัวนี้ ไม่ได้ต่างไปจากเครื่องบดเนื้อเลยทีเดียว
ฉู่ชวิ๋นกระทืบเท้าซ้ำลงไปอีกครั้ง
พลั่ก!
เลือดสาดกระจาย หัวขนาดใหญ่ของเจ้าจระเข้แตกโผละไม่มีชิ้นดี
เจ้าจระเข้ยักษ์ที่เป็นเครื่องบดเนื้อแห่งสายน้ำ ถูกฉู่ชวิ๋นกระทืบจนตายคาเท้าไปแล้ว
ฉู่ชวิ๋นเดินจากมา โดยที่เสื้อผ้าของเขาไม่ได้เปื้อนเลือดเลยสักหยดเดียว
ระหว่างทาง กบตัวหนึ่งที่มีขนาดเท่าฝ่ามือและมีสีสันสวยงามพ่นพิษเข้าใส่เขา พิษของมันสามารถทำให้ก้อนหินข้างทางทะลุเป็นรูได้อย่างน่าหวาดกลัว
แล้วก็ยังมีตะขาบที่ตัวยาวมากกว่าครึ่งเมตร ลำตัวของมันเป็นสีแดงสด เมื่อมันพ่นพิษออกมาจากปาก ต้นไม้ก็จะตาย ดอกไม้จะร่วงโรย พื้นดินจะถูกกัดเซาะ ถือได้ว่าพิษของมันร้ายกาจเป็นอย่างยิ่ง
ในป่าที่มีอายุหลายพันปีแห่งนี้ เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ประหลาดนานาชนิด สัตว์ที่สูญพันธุ์ไปแล้วหลายชนิดก็สามารถพบเจอได้ที่นี่เช่นกัน
นี่คือที่ซ่อนตัวของสำนักกระบี่ทองคำ ซึ่งกลายเป็นข้อได้เปรียบของพวกเขาอย่างใหญ่หลวง
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหน่วยงานของรัฐบาลถึงไม่ชอบบรรดาสำนักในยุทธภพ เนื่องจากคนพวกนี้มักจะซ่อนตัวอยู่ในสถานที่อันตราย เวลาทำเรื่องผิดกฎหมายก็มาซ่อนตัวอยู่ที่นี่ ยากที่จะมีใครมาตามหาได้
เฮ้อ…!
เสียงฝูงหมาป่าเห่าหอนดังกึกก้องผืนป่า
ฉู่ชวิ๋นเลิกคิ้วขึ้นสูงเล็กน้อย ไม่กี่อึดใจต่อมา ก็ถูกฝูงหมาป่าหลายสิบตัววิ่งออกมาห้อมล้อมเขา พวกมันแยกเขี้ยวดุร้าย ดวงตาเต็มไปด้วยแววอำมหิต ร่างกายพวกมันมีขนาดใหญ่โตเหมือนกับลูกวัว
พวกมันคือหมาป่าที่ไม่เคยมีใครพบเห็นมาก่อน แม้แต่หมาป่าในสวนสัตว์ที่ถูกเลี้ยงดูอย่างดีที่สุด ก็ยังไม่ตัวใหญ่เท่านี้
ฉู่ชวิ๋นยกมือขึ้นและฟาดฝ่ามือลงไป
คลื่นพลังรูปฝ่ามือปรากฏขึ้นจากกลางอากาศ เกิดเสียงครืนครั่นดังตามมา พื้นดินสั่นสะเทือน ก้อนหินถล่ม พื้นดินทรุดตัว
แต่หมาป่าฝูงนี้ไม่ได้รับอันตรายแม้แต่นิดเดียว
พวกมันตกใจกลัวจนวิ่งหนีกันไปคนละทิศละทาง
ฉู่ชวิ๋นไม่ได้ตั้งใจที่จะฆ่าพวกมันอยู่แล้ว เขาไม่อยากให้หมาป่ารุ่นต่อไปในอนาคตต้องตายไปโดยไม่จำเป็น
เมื่อขับไล่หมาป่าพวกนี้ออกไปได้แล้ว ฉู่ชวิ๋นก็ออกเดินต่อไป
แต่เดินมาได้ไม่ถึง 100 เมตร ชายหนุ่มก็พบเจอกับปัญหาอีกครั้ง
ต้นไม้กินคนขนาดใหญ่ยืนขวางทางเขาอยู่ มันมีขนาดหลายคนโอบ รากไม้เลื้อยยาวระเกะระกะอยู่บนพื้น กิ่งไม้หลายร้อยกิ่งโบกไหวไปมาเหมือนกับเป็นมือปีศาจ
ความน่ากลัวของกิ่งไม้พวกนี้ก็คือ มันสามารถทุบก้อนหินที่มีขนาดเท่ากับโต๊ะกินข้าว ให้แตกสลายเป็นผุยผงได้ในพริบตา แถมรากของมันก็ฝังตัวอยู่บนพื้นดิน ไม่สามารถหาทางป้องกันได้เลย
ในขณะนี้ ฉู่ชวิ๋นกำลังสะบัดฝ่ามือไปมา เส้นไหมหลายพันเส้นกำลังรัดพันต้นไม้กินคนและฉีกกระชากมันจนไม่เหลือชิ้นดี แม้แต่รากก็ถูกขุดขึ้นมาด้วยเช่นกัน
รากของมันมีความลึกถึง 1 กิโลเมตร เมื่อต้นไม้กินคนถูกถอนรากถอนโคนทิ้งไปแล้ว จึงเกิดเป็นพื้นที่โล่งกว้างหลายพันตารางเมตร
ห่างออกไปหลายกิโลเมตร มองเห็นตึกขนาดใหญ่หลังหนึ่ง
ฉู่ชวิ๋นหรี่ตาลงเล็กน้อย ปากของเขาบิดตัวเป็นรอยยิ้มอำมหิต
ป้ายศิลาขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่หน้าตึกหลังนั้น แกะสลักไว้ด้วยตัวอักษรสีทองหรูหราว่า – สำนักกระบี่ทองคำ