บทที่ 179 ดื่ม[รีไรท์]
“สำนักสวรรค์ฟ้า” ฉู่ชวิ๋นยังคงพูดด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่ราบเรียบต่อไป แต่ดวงตาของเขาปรากฏแววอำมหิตขึ้นมาแล้ว
“พ่อแม่ของฉันเป็นยังไงบ้าง?” ฉู่ชวิ๋นถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
“ฉันไม่รู้ ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เจอพ่อแม่นาย นอกจากจะได้รับคำสั่งจากท่านเจ้าสำนัก” ฉู่ชวิ๋นจ้องมองอีกฝ่ายหนึ่งด้วยสายตาอาฆาตแค้น กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “อ้อเหรอ ถ้างั้นแบบนี้แกก็ไม่มีประโยชน์แล้วสิ?”
“อย่า….ได้โปรดไว้ชีวิตฉันด้วยเถอะ…”
ฉับ!
หัวขาด เลือดพุ่งกระฉูด ทุกคนตกตะลึง ขั้นปรมาจารย์ระดับ 6 ถูกตัดหัวทิ้งอย่างง่ายดายเหลือเกิน
หลังจากนั้นก็มีคนเดินเข้ามาเก็บกวาดซากศพและพ่นน้ำหอมขับไล่กลิ่นคาวเลือดในอากาศ
“ต้องขออภัยด้วยนะครับ ที่ผมออกมาต้อนรับแขกช้าเกินไป” ฉู่ชวิ๋นกล่าวขอโทษทุกคน
“ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไร…”
แขกที่ยังเหลืออยู่ในงานรีบตอบรับกลับไปด้วยน้ำเสียงสุภาพ นี่น่ะเหรอคือจอมมารฉู่ชวิ๋น อย่าว่าแต่ออกมาต้อนรับช้าเลย ต่อให้เขาไม่มาปรากฏตัว จะมีใครกล้าว่าอะไรได้?
แต่ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีข้อยกเว้น อย่างเช่นยัยตัวร้ายเป็นต้น เธอเดินออกมาข้างหน้าพร้อมกับพูดว่า “จะมาขอโทษให้เสียเวลาทำไม? ถ้านายยังเป็นลูกผู้ชายอยู่ จงดื่มไวน์นี้ให้หมดขวดซะ” ทุกคนหันไปมองขวดไวน์ที่ยัยตัวร้ายพูดถึง มันคือขวดไวน์ขนาดใหญ่กว่าปกติ สองถึงสามเท่า แม้แต่เฉินฮั่นหลงก็ไม่รู้เหมือนกันว่า มันมาปรากฏอยู่บนโต๊ะได้อย่างไร ทุกคนไม่กล้าพูดอะไร ได้แต่รอคอยฉู่ชวิ๋นตอบกลับมา
“ฮ่าๆ…”
ฉู่ชวิ๋นมีสีหน้าเยือกเย็นก่อนที่เขาจะพูดพร้อมกับรอยยิ้มว่า “วันนี้ถ้าทุกคนไม่เมามาย ผมคงต้องลงโทษตัวเองเป็นคนแรกแล้ว” พูดจบ เขาก็หยิบไวน์ขวดนั้นมาเปิดจุกขวดออก ฉู่ชวิ๋นยกขวดไวน์กรอกใส่ปากตัวเองรวดเดียวหมดขวด
ทุกคนแทบไม่อยากจะเชื่อสายตา ฉู่ชวิ๋นมีความมหัศจรรย์ในทุกด้านทุกมุมจริง ๆ
หลังจากนั้น เมื่อไวน์หมดขวดแล้ว สองแก้มของฉู่ชวิ๋นก็แดงระเรื่อขึ้นมาเล็กน้อย ฉู่ชวิ๋นเดินไปหยิบขวดไวน์มาอีกหนึ่งขวด หลังจากที่เปิดจุกขวดออกแล้ว เขาก็ยกขวดชูขึ้นสูง “ขอขอบคุณแขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่มากันในวันนี้ ผมขอดื่มให้กับพวกคุณ” หลังจากนั้น ชายหนุ่มก็กระดกดื่มขวดไวน์อีกครั้ง จะมีใครกล้าทำตัวแข็งข้อได้อย่างไร? ทุกคนรีบกลับมาเทไวน์ใส่แก้วของตัวเองทันที
“นะ…นายท่านฉู่ชวิ๋น ข้าน้อยขอรินเครื่องดื่มให้กับคุณ” จอมยุทธ์คนหนึ่งยกแก้วไวน์ขึ้นสูงด้วยความเคารพ ความตื่นเต้นถึงกับทำให้เขาพูดตะกุกตะกัก
“เข้ามาสิ!” ฉู่ชวิ๋นพูดกับเขาเป็นการส่วนตัว
จอมยุทธ์คนนั้นตื่นเต้นจนตัวสั่นเทา ทำให้แก้วไว้ในมือหกกระฉอกเล็กน้อย
“ผมดื่มไปตั้งเยอะแล้ว คุณก็ดื่มบ้างสิ คุณคงไม่ได้ตั้งใจเอาเปรียบผมใช่ไหม…” ฉู่ชวิ๋นพูดด้วยเจตนาหยอกเย้า
จอมยุทธ์หนุ่มผู้นั้นหน้าแดงด้วยความตื่นเต้น เขากำลังได้ดื่มกินอยู่กับวีรบุรุษประจำใจ นายท่านฉู่ชวิ๋น ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าเขาจะตื่นเต้นมากขนาดไหน ชายหนุ่มรีบยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มอย่างไม่ลืมหูลืมตาทันที บรรยากาศเริ่มกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
“นายท่านฉู่ชวิ๋น กระผมขอรินเครื่องดื่มให้กับคุณ และขอขอบคุณที่คุณเคยช่วยเหลือเราตอนอยู่นอกเมืองหยุนหยาน” ขั้นปรมาจารย์ระดับ 2นำเด็กหนุ่มและเด็กสาวเข้ามาดื่มฉลองให้กับฉู่ชวิ๋น
ฉู่ชวิ๋นยิ้มกว้างแล้วรับแก้วไวน์มาดื่ม อีกหลายคนรีบเดินเข้ามายื่นแก้วไวน์ให้กับชายหนุ่มอย่างต่อเนื่อง ฉู่ชวิ๋นไม่อาจปฏิเสธใครได้ลงคอ ไม่นานหลังจากนั้น สองแก้มของเขาก็แดงก่ำ เช่นเดียวกับดวงตาที่ฉ่ำเยิ้ม
บรรดาผู้คนที่อยู่บนภูเขาเฉียนหลงกำลังได้ดื่มกินอย่างสนุกสนานเฮฮา ส่วนกลุ่มคนที่อยู่บริเวณตีนเขาได้แต่ยืนอยู่ในความเงียบ ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาเป็นระยะเวลาเนิ่นนาน
พวกเขามองไม่เห็นแล้วว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นบ้างบนภูเขา แต่ทุกคนได้เห็นฝีมือร้ายกาจของฉู่ชวิ๋น แม้แต่อาวุธสงครามก็ทำอะไรม่านพลังของชายหนุ่มไม่ได้ และภูเขาเฉียนหลงก็ยังคงตั้งอยู่ที่เดิมอย่างแข็งแกร่ง น่าเสียดายที่พวกเขาขี้ขลาดเกินไปจนเสียโอกาสครั้งสำคัญในชีวิต
“พวกเรากลับกันเถอะ!” ใครบางคนถอนหายใจออกมาแล้ว บางคนก็ทำเป็นเชิดหน้าขึ้นเหมือนไม่เสียดายเท่าไหร่ แต่หลังจากที่หันหลังกลับออกมาแล้ว ไม่ว่าเป็นใครต่างก็รู้ดีว่าตนเองเสียใจเป็นอย่างยิ่ง
ฉับ!
ทันใดนั้น ณ บริเวณยอดเขาปรากฏประกายดาบวูบวาบบนท้องฟ้า
กลุ่มคนที่กำลังจะเดินกลับอดหันไปมองไม่ได้ พวกเขารู้ดีว่าบรรดาผู้อาวุโสที่อยู่ในภวังค์วิเคราะห์วิชา เริ่มทยอยกลับมาได้สติอีกครั้งแล้ว นี่คือเพลงดาบและกระบี่ที่ทรงพลังยิ่งนัก
กลุ่มคนที่กำลังจะเดินกลับนี้คงได้ก้าวเป็นขั้นปรมาจารย์ในอนาคตเช่นกัน แต่พวกเขาจะมีวาสนาได้วิเคราะห์เพลงกระบี่ของฉู่ชวิ๋นอีกบ้างหรือไม่?
บริเวณยอดเขา ผู้อาวุโสคนหนึ่งลืมตาขึ้นมา สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสุข
เขาคือขั้นปรมาจารย์ระดับ 5 สามารถทำความเข้าใจเพลงกระบี่ให้กลายเป็นเพลงดาบได้ถึง 4 กระบวนท่า และพัฒนาพลังของตนเองได้อย่างก้าวกระโดด
ชายชรากวาดตามองรอบกายด้วยความมึนงงเล็กน้อย เนื่องจากก่อนหน้านี้ ยังมีแขกเข้าร่วมงานเต็มไปหมด แต่ในขณะนี้กลับหลงเหลือคนอยู่เพียงแค่หยิบมือเดียว
“เกิดอะไรขึ้น?” เขาถามลูกศิษย์ของตนเองคนหนึ่ง
หลังฟังคำตอบจากลูกศิษย์แล้ว ชายชราก็พูดด้วยความโกรธแค้นว่า “ไอ้พวกเศษสวะตาขาว”
จากนั้น เขาก็มองไปยังชายหนุ่มชุดขาวที่ยืนอยู่ห่างออกไปไม่ไกล ชายหนุ่มคนนั้นกำลังรับแก้วไวน์จากทุกคนมาดื่ม ชายชรามีสีหน้าประหลาดใจ แต่เท้าของเขากลับเดินเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว
“ผู้เฒ่าขอคารวะนายท่านฉู่ชวิ๋น ขอบคุณนายท่านฉู่ชวิ๋นมากนะครับ ที่แบ่งปันเพลงกระบี่ให้ผู้เฒ่าได้ศึกษา”
มีแต่เพียงขั้นปรมาจารย์เท่านั้น ที่จะเข้าใจความน่าหวาดกลัวของเพลงกระบี่เพลงนี้
ฉู่ชวิ๋นหันกลับมาส่งยิ้มให้ชายชรา
เพียงมองแค่แวบเดียวชายชราก็รู้สึกเหมือนกับว่าความลับทุกอย่างในตัวเขา ถูกเปิดเผยต่อสายตาคู่นี้หมดสิ้น
“เก่งมากนะครับ วิเคราะห์ได้ตั้งสี่กระบวนท่า ถือว่าไม่ธรรมดาเลย” ฉู่ชวิ๋นพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ผู้อาวุโสถึงกับตกตะลึงไปทันที ฉู่ชวิ๋นรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร? เขามีความสามารถถึงขนาดนี้เชียวหรือ? ช่วยไม่ได้ที่ชายชราจะมองชายหนุ่มด้วยสายตาที่เคารพมากยิ่งขึ้นทันที
“ดื่มครับ” ฉู่ชวิ๋นรินไวน์และส่งให้ชายชรา
ชายชราเป็นคนชอบดื่มไวน์อยู่แล้ว โดยเฉพาะนี่เป็นไวน์จากฉู่ชวิ๋น หลังจากที่กล่าวขอบคุณ ชายชราก็รับแก้วไวน์มาดื่มด้วยความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ฉู่ชวิ๋นพยักหน้าและหัวเราะในลำคอ
ฉับ!
ในขณะนั้นเอง กลุ่มผู้อาวุโสที่ยังคงฝึกเพลงกระบี่อยู่กับหน้าผาหิน พลันสะบัดดาบกลับมาทางนี้โดยไม่ได้ตั้งใจ ตัวดาบไม่เป็นไร แต่พลังลมปราณจากดาบกลับพุ่งเข้าใส่กลุ่มคนแล้ว สีหน้าของชายชราเปลี่ยนแปลงไปทันที เขาสัมผัสได้ถึงความอันตรายของพลังลมปราณจากดาบ นี่คงจะเป็นเพลงดาบที่อยู่ถัดจากกระบวนท่าที่สี่เป็นต้นไป แม้แต่เขาก็เข้าไปขัดขวางไม่ได้ ถ้าชายชราเข้าไปขวางพลังลมปราณดาบนี้ ตัวเขาเองก็คงจะต้องบาดเจ็บสาหัสแน่นอน
ที่นี่ยังมีคนธรรมดาและจอมยุทธ์อยู่อีกจำนวนไม่น้อย เลือดลมในตัวของพวกเขาพลุ่งพล่านโดยทันที แต่ก่อนที่พลังลมปราณดาบจะเคลื่อนเข้ามาถึง เกิดม่านพลังหนาวเย็นแผ่ปกคลุมโดยรอบ ทำให้ทุกคนขนลุกไปทั่วร่างกาย
ฉู่ชวิ๋นเลิกคิ้วขึ้นสูงแล้วส่ายศีรษะเล็กน้อย เขาดีดนิ้วหนึ่งไปหนึ่งทีแก้วไวน์ในมือหายก็ไป บังเกิดเสียงเหล็กกระทบกันดัง “เคล้ง!” แล้วพลังลมปราณจากดาบก็กระจายหายไปทันที
เอื๊อก!
ทุกคนได้แต่กลืนน้ำลาย จ้องมองอย่างพูดอะไรไม่ออก “ฮ่า ๆ…” ในขณะนั้นเอง ผู้อาวุโสซึ่งเป็นต้นเหตุของการปล่อยพลังลมปราณดาบเพลงนี้ก็ได้ลืมตาขึ้นมาพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะด้วยความตื่นเต้น
“ขอแสดงความยินดีด้วยนะ ผู้อาวุโสเก๋อ” ยัยตัวร้ายพูดด้วยใบหน้าที่มีความสุขเช่นกัน ผู้อาวุโสเก๋อเคยพบกับฉู่ชวิ๋นมาแล้วที่นอกเมืองหยุนหยาน
ฟึบ!
ขวดไวน์ขวดหนึ่งลอยเข้าไปหาผู้อาวุโสเก๋อ เกอฉางยกมือรับขวดไวน์นั้นไว้ได้ทันเวลา แต่เมื่อพบว่า ผู้ที่โยนขวดมาให้เขาเป็นฉู่ชวิ๋น ชายชราก็รีบแสดงความเคารพทันที ฉู่ชวิ๋นยกแก้วไวน์ในมือขึ้นจิบ
ผู้อาวุโสเก๋อเห็นดังนี้ ก็รีบเปิดจุกขวดไวน์ออก และรินใส่แก้วด้วยความรีบร้อน
ในเวลาเดียวกันนี้เอง ผู้อาวุโสอีกหลายคนที่กำลังวิเคราะห์เพลงกระบี่อยู่ก็เริ่มได้สติขึ้นมาแล้ว
เมื่อพวกเขาหันมาพบเข้ากับฉู่ชวิ๋น ทุกคนต่างก็มีปฏิกิริยาเดียวกันคือตกตะลึง ไม่มีใครคิดเลยว่านายท่านฉู่ชวิ๋นจะเป็นคนหนุ่มเช่นนี้
แต่ในไม่ช้า พวกเขาก็เดินถือแก้วไวน์เข้าไปดื่มคำนับให้กับฉู่ชวิ๋น ทุกคนรู้สึกยินดีที่ได้พบกับฉู่ชวิ๋นตัวจริง ไม่สำคัญว่าสำนักของพวกเขาจะมีวิชาดาบเป็นจุดเด่นหรือไม่ แต่เพลงกระบี่เพลงนี้เป็นเหมือนกับสมบัติสวรรค์ ฉู่ชวิ๋นเปิดโอกาสให้พวกเขาได้ทำความเข้าใจและพัฒนาฝีมือของตนเองไปอีกขั้น สำหรับคนที่เป็นจอมยุทธ์ ไม่มีอะไรจะล้ำค่ามากกว่านี้อีกแล้ว
หลังจากนั้น ผู้อาวุโสคนสุดท้ายก็ตื่นขึ้นมาจากภวังค์การวิเคราะห์เพลงกระบี่ และเขาคือหนึ่งในองครักษ์ของยัยตัวร้าย หัวใจของชายชราผู้นี้เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข ซึ่งแสดงออกมาทางสีหน้าโดยไม่รู้ตัว
ชายชราตวัดดาบตัดขอบฟ้าด้วยความคึกคะนอง “เจ้าบ้า แกทำอะไรลงไปเนี่ย?” ผู้อาวุโสเก๋อคำรามด้วยความฉุนเฉียว
ผู้อาวุโสเล่ยได้สติขึ้นมาแล้ว จึงพบว่าพลังลมปราณจากดาบของเขากำลังพุ่งไปทางคฤหาสน์ที่ตั้งอยู่ไม่ไกล เห็นดังนั้น สีหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนไปแล้ว
อานุภาพของพลังดาบกระบวนท่านี้ แข็งแกร่งมากพอที่จะพังคฤหาสน์ได้ทั้งหลัง ถ้าเป็นที่อื่น คฤหาสน์คงพังทลายไปแล้ว แต่ที่นี่เป็นคฤหาสน์ตระกูลฉู่
จังหวะนั้นเอง เกิดเสียงคำรามด้วยความกราดเกรี้ยวว่า “เจ้าตัวบัดซบ แกอยากจะทำลายคฤหาสน์ของนายท่านคนนี้หรือไง?” ในเวลาเดียวกันนี้ ฝ่ามือขนาดใหญ่ได้ปรากฏขึ้นกลางอากาศและปะทะเข้ากับพลังลมปราณดาบเข้าอย่างจัง
โครม!
พลังลมปราณดาบถูกกระแทกเข้าไปจนสลายหายไปกลางอากาศ ทุกคนยืนนิ่งด้วยความตกตะลึง
บางคนไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น ต้องยกมือขยี้ตาตัวเองอีกครั้ง ล้อกันเล่นใช่ไหม?
เพลงกระบี่ที่น่ากลัวอย่างนี้ ถูกทำลายได้อย่างไร? ผู้อาวุโสเล่ยถึงกับสะดุ้งไปทั้งตัว เขารู้แล้วว่าพลังกระบี่น่ากลัวขนาดไหน แต่มันก็ยังถูกสลายไปง่ายดายถึงเพียงนี้ นับได้ว่าอีกฝ่ายหนึ่งมีฝีมือที่น่ากลัวผิดมนุษย์มนาจริง ๆ
ในขณะนี้ ทุกคนต่างก็เข้าใจแล้วว่าบนภูเขาเฉียนหลงฉู่ชวิ๋นคือเทพเจ้าที่มีตัวตนอยู่บนโลกมนุษย์จริง ๆ
Related