จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) – ตอนที่ 221 ต่อสู้กับจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิ!

บทที่ 221 ต่อสู้กับจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิ![รีไรท์]

ดวงตาของฉู่ชวิ๋นจ้องมองสายฝนกระบี่ด้วยความดุดัน

แม้ว่าตัวจะชุยซิงอี้เป็นจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับหนึ่ง แต่การโจมตีของเขาไม่ใช่เรื่องที่ใครจะกล้าประมาท ฉู่ชวิ๋นก็เช่นกัน

ในชั่วอึดใจต่อมา ฉู่ชวิ๋นโคจรลมปราณจำแลงจากจุดตันเทียน ผ่านไขกระดูกมังกรทองคำบรรพกาล ทำให้มีละอองแสงสีม่วงอ่อน ๆ ล้อมรอบ ตัวฉู่ชวิ๋นเอาไว้

“ฆ่า!”

ฉู่ชวิ๋นตะโกนร้องสั่ง เขายกมือขึ้น เขียนตัวอักษรกลางอากาศ

ในขณะที่เขายกมือขึ้น อากาศทุกสารทิศรอบข้างก็ส่งเสียงร้องคำราม มวลอากาศบิดเบี้ยว

ในขณะเดียวกัน อักษร ‘杀’ สีม่วงขนาดยักษ์ก็ปรากฏ มันพุ่งไปข้างหน้าหมายที่จะสังหารเป้าหมาย

ตู้มม!

เมื่ออักขระสีม่วงขยับ มันได้เข้าปะทะกับสายฝนกระบี่ที่กำลังพุ่งเข้ามา สายฝนกระบี่ที่แหลมคมถูกหยุดด้วยอักขระและทั้งสองก็ปะทะกันอย่างดุเดือด

ตู้ม! ตู้ม!

เสียงระเบิดดังลั่นไปทั่งทั้งท้องฟ้าและพื้นดิน ไฟจากการระเบิดลุกวาบกว้างใหญ่จนปกปิดแผ่นฟ้า สะเทือนทั้งภูผา แรงระเบิดกลายเป็นลมพายุที่บ้าคลั่ง ดั่งปีศาจปรากฏกาย พื้นดินกระจุยกระจาย ทุกสิ่งทุกอย่างถูกทำลายจะสิ้นซาก แรงระเบิดของอักขระแผ่รัศมีกว้างออกไป 1 จ้าง (เป็นหน่วยวัดโบราณ หนึ่งหน่วยกว้าง 3.65 หลา)

สูงสามจ้าง อักขระกำลังคลุ้มคลั่ง พลังของมันสูงจนน่าหวาดกลัว มันหมุนวนเป็นพายุ

แม้แต่เพลงดาบหมื่นราตรีก็ไม่อาจหยุดยั้งมันได้เลย

ไม่นาน เพลงดาบหมื่นราตรีก็พลาดท่า ทำให้อักขระส่งเสียงคำรามออกมา แล้วพุ่งตรงไปโจมตีชุยซิงอี้

ตู้มม!

พายุระเบิดสีม่วงหมุนเคลื่อนที่ไป เป็นกลุ่มฝุ่นควันลอยเคลื่อนไปบดบังอาทิตย์ แม้แต่ชุยซิงอี้่ ก็ถูกกลืนกินเข้าไปภายในพายุหมุน

ฉู่ชวิ๋นเอามือไพล่หลัง แววตาของเขาไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ เขามองไปยังการระเบิดตรงหน้า จอมยุทธ์คนอื่น ๆ ต่างก็ทึ่งตะลึงงัน ท้องไส้ปั่นป่วน ยิ่งไปกว่านั้น ยังตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า ฟันขบกรอด ๆ จนสามารถได้ยินกันทุกคน

ตู้มม!

แต่ทันใดนั้น ก็มีเงาคนแหกพายุหมุนออกมา ซึ่งเงานั่นก็คือ ชุยซิงอี้

ยามนี้ชุยซิงอี้รู้สึกอับอายมาก ผมเผ้ากระเซิง เสื้อผ้าสกปรกและยังขาดวิ่น ใบหน้าฟกช้ำดำเขียว มุมปากมีเลือดไหลออกมา แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและไม่พอใจ

อักขระประหลาดนั้น มันแข็งแกร่งเกินไป! มันทำให้เขาได้ลิ้มลองกลิ่นอายแห่งความหวาดกลัว ไม่สิ ความตายต่างหาก! หากไม่ใช่เพราะสมบัติอันล้ำค่า เขาคงก็ไม่ต้องมาเสี่ยงอันตรายขนาดนี้ ถ้าไม่อยากตาย เขาคงได้แต่ต้องยอมแพ้เท่านั้น

ในขณะเดียวกัน เขาก็ไม่อยากเต็มใจยอมแพ้ เขาทั้งมีความขุ่นเคืองใจ และสารพัดอารมณ์ปนกันมั่วไปหมด

ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวอย่างไม่รู้ตัว เขาคือจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิที่คนสรรเสริญเยินยอที่มานานหลายทศวรรษ

ใครกันจะกล้ามาดูถูกเขาคนนี้ ? เหตุการณ์อับอายล่าสุดที่เขาต้องเจอมันคือเมื่อไหร่กัน นานมากแล้วนานจนเขาลืมไปแล้ว ?

นี่มันคือความอัปยศอดสู จะเอาคืนต้องเอาเลือดมาล้างด้วยเลือดเท่านั้น!

แววตาของฉู่ชวิ๋นไร้อารมณ์ แต่ในใจนั้นรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิกับขั้นปรมาจารย์ต่างกันราวฟ้ากับเหวจริง ๆ ถ้าเป็นปรมาจารย์ตอนนี้คงเป็นเศษฝุ่นไปแล้ว

อักขระที่เขาเพิ่งปล่อยออกมานั้น มันคือเคล็ดวิชาลมปราณจำแลง เคล็ดวิชาลมปราณจำแลงถือเป็นวิชาโบราณ เหมือนว่าตำรานี้มันกำเนิดมาจากกลียุค การโคจรพลังลมปราณตามตำรานี้ ทำให้ควบคุมธรรมชาติได้  มันไม่เหมือนเป็นวิชาที่มนุษย์สร้างขึ้นมา นอกจากการโคจรพลังลมปราณในตำราแล้วส่วนอื่น ๆ ก็เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ยากมาก

อย่างการสร้างตัวอักษร 杀 หรือ ฆ่า นั่น อยู่ในเคล็ดวิชาลมปราณจำแลง บทวิชายันต์เทพ ซึ่งในตอนแรกฉู่ชวิ๋นก็ยังไม่มั่นใจว่า มันคืออะไร เพราะวิชาอะไรแบบนี้เขาไม่เคยฝึกมาก่อน ต่อมาถึงนึกขึ้นได้ว่า วิชายันต์เทพนี้คงทำให้เขาสามารถวาดเขียนยันต์บนผืนฟ้าได้

หากว่าเขาสลักลงบนคมดาบ ยันต์นั้นก็คือดาบ แต่หากสลักลงบนมีด ยันต์นั้นคือมีด

แน่นอนตัวฉู่ชวิ๋นไม่สามารถเขียนอักขระยันต์ได้ตามใจชอบ วิชายันต์เทพมันทรงมากเกินไป เหมือนกับวิชามวยเบื้องต้นเมื่อมันกลายเป็นวิชามวยระดับสูง และพลังจะเพิ่มขึ้นมาสิบเท่าทันที

ฉู่ชวิ๋นใช้เวลาหลายเดือน ถึงจะเข้าถึงวิชาขั้นแรก แค่ขั้นแรกจิตใจเขาก็รู้สึกถึงสรรพสิ่งวิ่งวนไปมา อดีตกับปัจจุบันผสมปนเป ต้องเอาจริงเอาจังมาก ๆ ในการจะวาดตัวอักษรออกมา ซึ่งวิชายันต์เทพนี้สามารถวาดอักขระได้เก้าตัว!!

อักขระที่มีความหมายว่า ฆ่า ก็จะนำมาซึ่งการฆ่า ตัวของฉู่ชวิ๋นชอบใช้มันมาก เพราะพลังของมันน่าหวาดกลัวเกินกว่าจะรับมือ

จริง ๆ แล้ว ฉู่ชวิ๋นไม่ได้ใช้วิชานี้อย่างเต็มที่ ไม่งั้นพวกปรมาจารย์แถวนี้ ทั้งหมดจะตายจากแรงระเบิด มีแค่ชุยซิงอี้ที่ทำตัวกำเริบเสิบสานต่อหน้าเขา เพราะงั้นคนอื่น ๆ ยังไม่ถึงเวลาตาย!

ฉู่ชวิ๋นไม่พูดอะไร มันคือครั้งแรกของเขาที่สู้กับจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิ นับว่า อีกฝ่ายน่ากลัวไม่น้อย ก็ว่าทำไมถึงมีภาษิตที่ว่า ใต้บารมีจักรพรรดิทุกอย่างเป็นแค่มดปลวก!

เมื่อพิจารณาตอนนี้ ภาษิตนี้ไม่กล่าวเกินไปจริง ๆ จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิ สามารถกวาดล้างเหล่าปรมาจารย์ได้ง่าย ๆ ระยะห่างของพลังสองขั้นนี้ไม่ใช่ระยะที่คนทั่วไปจะประมาณการได้เลย เหมือนเอามดมาเทียบกับช้าง แล้วมดกี่ตัวล่ะถึงจะล้มช้างเชือกหนึ่งได้ ?

ชุยซิงอี้จ้องฉู่ชวิ๋นตาเขม็ง มองอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ แต่ในใจกลับเกรงกลัวฉู่ชวิ๋น เขาพอเดาออกได้แล้วว่าคนคนนี้คือใคร

“แกคือจอมมารฉู่ใช่ไหม ?” ความหัวเด็ดตีนขาด เรียบง่ายและหยาบกระด้าง ทั้งยังกล่าวว่า ที่นี่คือประตูบ้านของเขาก็เท่ากับชัดเจนแล้วเพราะที่นี่คือภูเขาเฉียนหลง! ชุยซิงอี้มั่นใจมากว่า ฝ่ายตรงข้ามจะต้องเป็นจอมมารฉู่ที่เลื่องชื่อ เมื่อสิบห้าปีก่อนอย่างแน่นอน

ใบหน้าของผู้อาวุโสแห่งปราสาทเทียนหลงเปลี่ยนแปลงไป เขาเป็นคนดังเมื่อนานมาแล้ว ยังไงก็ต้องเคยได้ยินกิตติศัพท์ของจอมมารฉู่มาบ้าง คนนี้คือจอมมารฉู่ จริง ๆ เหรอ งั้นเรื่องในวันนี้ไม่จบสวยแล้ว!

เพราะเขาลือกันมามาก เรื่องจอมมารฉู่ไร้ปรานี ไม่ใช่คนดีที่น่ากล่าวถึง นอกจากชุยซิงอี้และผู้อาวุโสแห่งปราสาทเทียนหลง คนอื่น ๆ ล้วนเป็นเทียนเจียว (ผู้ถูกเลือกของสวรรค์ ในที่นี้หมายถึง วัยรุ่นที่มีพรสวรรค์ระดับสูงและเป็นตัวแทนจากกลุ่มหรือสำนักต่าง ๆ) ผู้เย่อหยิ่งที่เพิ่งเก่งกาจขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา พวกเขาจึงไม่รู้จักจอมมารฉู่เลยแม้แต่น้อย

เพราะฉะนั้นเมื่อได้ยินคำถามของชุยซิงอี้ ทุกคนต่างก็ส่งสีหน้างงงวยออกมาและอยากรู้อยากเห็น จอมมารฉู่เป็นฉายาที่น่าเกรงขามอะไรอย่างนี้ แต่ว่าเขาคือใครล่ะ ?

ฉู่ชวิ๋นหรี่ตาลง เลือดในร่างกายของเขาก็เริ่มเดือดพล่านขึ้นมาอีกครั้ง เพียงกำหมัดไว้อากาศก็เริ่มกรีดร้องออกมา

แค่ศัตรูกระจอก ๆ จะพล่ามอะไรไร้สาระมากมาย แค่ฆ่ามันให้ตาย ๆ ห่าไปซะก็จบ จะได้ไม่ต้องเปลืองน้ำลาย

จากนั้น ฉู่ชวิ๋นก็พุ่งพรวดเข้าไปอย่างรวดเร็วดั่งสายฟ้าฟาดบนอากาศ เพียงพริบตาเดียว ฉู่ชวิ๋นก็เข้าใกล้ตัวชุยซิงอี้ พร้อมชกหมัดรัว ๆ ดั่งพายุฝนที่เทลงมา

ชุยซิงอี้คำรามออกมา หมัดของฉู่ชวิ๋นรุุนแรงยิ่งนัก แรงต่อยนั้นทำให้เสื้อผ้าของเขาขาดกระจุย ปวดแก้มไปหมด

ชุยซิงอี้รู้ดีถึงอานุภาพนั้น เขาควักแผ่นกระดูกออกมา แผ่นกระดูกที่ขาวบริสุทธิ์ดั่งหยก ข้างบนมีพลังศักดิ์สิทธิ์ฝังอยู่ มีรัศมีสาดออกมาปกคลุมชุดของเขา ราวกับชุดจอมยุทธ์โบราณสีขาว

ในเวลาเดียวกันก็มีพลังไหลผ่านร่างกายชุยซิงอี้ ช่วยพื้นพลังให้กับเขา

ตู้ม!

คลื่นอากาศที่น่ากลัวระเบิดกวาดล้างรอบข้าง ทำให้ทุกอย่างรอบ ๆ รัศมีสิบลี้ กลายเป็นเศษฝุ่น ต้นไม้ปลิวว่อนไปหมด พื้นดินแตกกระจายแผ่ออกไปทั่วสารทิศ

ชุยซิงอี้กระเด็นออกไปเหมือนปลอกกระสุน แล้วทะลุภูเขาต่อไปอีกหลายร้อยลี้ เศษหินเศษกรวดปลิวว่อน

มือและเท้าของคนอื่น ๆ แถวนั้นเกร็ง ตาก็ค้างเติ่งประหนึ่งว่าโดนแช่แข็ง

เพราะชุยซิงอี้ถูกซัดลอยไปไกลด้วยหมัดของฉู่ชวิ๋น จนตัวเขาครึ่งหนึ่งโดนฝังไปในภูเขา

ตู้ม!

เกิดการระเบิดขึ้นอีกครั้ง ดินหินลายกระจายเต็มอากาศ ชุยซิงอี้ร่วงลงมาบนพื้น หน้าตามอมแมมดูไม่ได้

ฉู่ชวิ๋นค่อย ๆ เลิกคิ้วสูง ชุยซิงอี้โดนหมัดเขาเข้าไปขนาดนี้ยังไม่ตาย อาจเป็นเพราะร่างของชุยซิงอี้

จู่ ๆ ก็มีแสงออกมาปกป้องเขาไว้ หมัดนี้แม้จะดูน่าเกรงกลัว แต่เขารู้ดีว่าชุยซิงอี้ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย

ชุยซิงอี้ลูบรอยร้าวบนแผ่นกระดูก กระดูกแผ่นนี้เขาไปเจอในเมืองลับแล เขาต้องทุ่มเททุกสิ่งเพื่อให้ได้มันมาและตราบใดที่เขายังมีมันอยู่ จอมมารฉู่ก็จะทำอะไรเขาไม่ได้

นี่คือไพ่ใบสุดท้ายที่จะช่วยเขาแล้ว แต่ทว่าเมื่อโดนหมัดของฉู่ชวิ๋นรัวใส่อย่างต่อเนื่อง ตอนนี้มันก็เริ่มมีรอยร้าวออกมาเรื่อย ๆ แล้ว

เช้ง!

ฉู่ชวิ๋นปัดชุยซิงอี้กระเด็นไปไกล ราวกับแสงจากฟากฟ้า

ชุยซิงอี้่ทั้งโกรธและตกใจ เขาชี้นิ้ววาดดาบออกมา โดยวาดทั้งนิ้วชี้และนิ้วกลาง ในเวลานั้นดาบก็พุ่งไปบนอากาศทั้งแนวตั้งและแนวนอน พุ่งไปทั่วสี่ทิศ เขาปล่อยเพลงดาบหมื่นราตรีออกมา ฝ่าเข้าไปในอักขระนั้น

เพลงดาบหมื่นราตรีอีกแล้ว ? ฉู่ชวิ๋นมองแล้วรู้สึกตลก แต่ในขณะเดียวกันเขาก็แอบตกใจอยู่บ้าง บนท้องฟ้า จากเงาดาบมากมายเพียงอึดใจเดียว มันก็รวมกันเป็นดาบทองคำยักษ์ยาวสิบกว่าจ้างและพุ่งลงมาจากฟ้า เสียงคำรามนั้นพุ่งไปหาฉู่ชวิ๋น

พื้นดินแยกออก รอยแยกขยายออกไป ทั้งก้อนหินและต้นไม้กลายเป็นผุยผงด้วยคมดาบ มันดูน่าหวาดกลัวจริง ๆ

“ไปตายซะเถอะ!” ใบหน้าของชุยซิงอี้เกรี้ยวกราดออกมา

ชวิ้ง!

คมของดาบยักษ์สีทอง ทำให้คนทึ่งกับประกายสีทองอร่ามของตัวดาบและความเร็วของมัน

ฉู่ชวิ๋นเชิดหัวขึ้น ทำตัวสบาย ๆ แววตาของเขาจ้องมองอย่างนิ่งเฉย จากนั้นเขาก็กำหมัดแน่นควันสีม่วงลอยรอบกำปั้นก่อตัวเป็นพายุหมุน และขยายใหญ่ขึ้นไปเรื่อย ๆ เกิดเป็นแรงระเบิดอัดอากาศที่น่ากลัว เข้าปะทะกับดาบยักษ์

ตู้ม!

กำปั้นต่อยไปที่ดาบ เกิดเสียงที่ชวนให้ตกใจ เสียงระเบิดดังขึ้น สายลมที่น่ากลัวนั้นหมุนเป็นพายุทอร์นาโด ภูเขารอบ ๆ ถล่ม มีลูกหินกลิ้งลงมามากมาย เกออู๋เหว่ยและคนอื่น ๆ งุนงงราวกับมีดาวน้อย ๆ วนอยู่รอบหัว พวกเขาโซซัดโซเซและแม้กระทั่งอาเจียนออกมาเป็นเลือด

ผู้คนต่างแตกตื่นประหนึ่งวิญญาณหลุดออกจากร่าง พวกเขาคือปรมาจารย์ระดับเก้า แต่ตอนนี้พวกเขาต้องมาดูประลองยุทธ์ระหว่างฉู่ชวิ๋นกับชุยซิงอี้

ลมหมุนวนเป็นพายุคลั่งพัดไปไกลหลายร้อยเมตร ภูเขาบริเวณนั้นทรุดตัวลงภาพเหตุการณ์ตรงหน้ายุ่งเหยิงไปหมด

ดาบยักษ์ทองคำระเบิดและพังทลายลงมา!

แค่ก ๆ!

ใบหน้าของชุยซิงอี้เปลี่ยนไปอย่างมาก เขาไม่สามารถสยบลมปราณและเลือดที่ปั่นป่วนในร่างกายได้ ทำให้ได้แต่ต้องกระอักเลือดออกมา ฉู่ชวิ๋นมองเหยียด เขากำหมัดแน่นและชกออกไปอีกครั้ง

ตู้ม!

ชุยซิงอี้กระเด็น เหมือนกับลูกกระสุนปืนกลิ้งไปกลิ้งมา กระแทกกับหินและต้นไม้มากมาย ฉู่ชวิ๋นเคลื่อนไหวว่องไวมาก ประหนึ่งสายฟ้ากลางอากาศ รวดเร็วเหมือนลมเหมือนสายฟ้าในท้องฟ้ายามค่ำคืน

ปัง!

ชุยซิงอี้กระเด็นอีกครั้งไปชนกับภูเขาเล็ก ๆ แผ่นกระดูกแสนล้ำค่า ตอนนี้หม่นหมองไปหมดแล้วและยังมีรอยร้าวยิ่งกว่าเดิม

พรึบ!

ชุยซิงอี้ดันตัวขึ้นมา เขาใช้วิชาตัวเบาเพื่อหนี!! เขากลัวแล้ว ถ้าไม่หนีวันนี้ เขาได้ร่วงเหมือนกิ่งไม้หล่นจากต้นแน่นอน

เขาหนีอย่างไม่ลังเล ศักดิ์ศรี ชื่อเสียงของจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิ เขาไม่เอามันแล้ว เปรียบเทียบกับชีวิต เรื่องพวกนั้นมันไม่สำคัญเลย!!

ฉู่ชวิ๋นแข็งแกร่งเกินไป ความแข็งแกร่งนั่น ทำให้เขาตัวสั่นเทา ชุยซิงอี้เองก็ฉลาดมาก เขารู้ดีว่าความว่องไวของฉู่ชวิ๋นไม่ธรรมดา เขาวิ่งไปพลางโยนกล่องหยกทิ้งไปข้างทาง

กึก!

สุดท้ายแล้วฉู่ชวิ๋นก็เลือกกล่องหยก ในกล่องนั้นมีดอกไม้ที่สำคัญมาก ๆ เขาไม่กล้าปล่อยทิ้งไปแบบนี้ เมื่อจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิโยนกล่องนั้นออกไป กล่องหยกก็ปลิวไปไกลเป็นพันเป็นหมื่นเมตร

ชุยซิงอี้แอบดีใจเล็กน้อยที่ฉู่ชวิ๋นเลือกไล่ตามกล่องหยกไป ชุยซิงอี้เลยมีโอกาสหนีไปไกลจนลับขอบฟ้า แต่น่าเสียดายที่ภาพตรงหน้า ทำให้ร่างของเขาแข็งทื่อ

ชุยซิงอี้เห็นว่านิ้วของฉู่ชวิ๋น มีเส้นสีม่วง ๆ ลอยออกมาเส้นสีม่วง พุ่งไปจับกล่องหยกนั้นเอาไว้และนำมันกลับส่งบนมือของฉู่ชวิ๋น

ตอนนี้เส้นไหมวิญญาณไม่อาจใช้ลมปราณบริสุทธิ์สร้างได้อีกแล้วที่ฉู่ชวิ๋น ทำได้คือสร้างเส้นไหมวิญญาณ

โดยผสานเข้ากับลมปราณจำแลง ซึ่งนั่นทำให้มันน่ากลัวยิ่งกว่าเดิมและมันเปลี่ยนสีจากสีขาวเป็นสีม่วง]!!

เมื่อได้กล่องหยกมาอยู่ในมือ ฉู่ชวิ๋นก็โยนมันเข้าไปในแหวนมิติ

ตู้ม!

พื้นดินระเบิดออกมา ฉู่ชวิ๋นไล่ตามชุยซิงอี้ด้วยความเร็วทั้งหมดของเขา ร่างกายของเขาเสียดสีกับอากาศ จนเกิดเป็นประกายไฟและเสียงระเบิด เมื่ออากาศฉีกขาด!!

ฉู่ชวิ๋นกำหมัดต่อยออกไปจนเกิดแรงสั่นสะเทือน หมัดแหวกอากาศจนเกิดเป็นเสียงฟ้าร้องลั่น!

ตู้ม!

กำปั้นพุ่งเข้าใส่ชุยซิงอี้ ความน่ากลัวของลมปราณจำแลงราวกับคลื่นสึนามิ

เกราะสีขาวสว่างที่คอยปกป้องชุยซิงอี้ระเบิดกระจุยเป็นเศษ แผ่นกระดูกในมือเขาระเบิดออกกลายเป็นผุยผง

หมัดที่เต็มไปด้วยคลื่นลมปราณสีม่วง ชกเข้าใส่หน้าอกของชุยซิงอี้

ตุ้บ….แกรก….!

มีเสียงดังออกมา มันคือเสียงกระดูกแหลกราวกับโดนบด หน้าอกของชุยซิงอี้ยุบลงไป แผ่นหลังมีกองเลือดพุ่งออกมา ตัวเขาถูกอัดลงกับพื้น บนพื้นเกิดหลุมขนาดใหญ่กว้างหลายเมตร

ฉู่ชวิ๋นลงมาที่พื้น กำปั้นยังมีควันสีม่วงไหลเวียนอยู่ จากนั้นยกกำปั้นขึ้นเตรียมต่อยลงไปอีกครั้ง

ตู้ม!

กำปั้นพุ่งไปที่ท้องของชุยซิงอี้ จนชุยซิงอี้กระอักเลือดออกมา แรงสะเทือน ทำให้กระดูกของชุยซิงอี้ขาดเป็นสองท่อน ชุยซิงอี้กระอักเลือดจนดวงตามืดมน แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

ในเวลานั้นเขาอดอาลัยตายอยากแล้ว ตัวเขาถูกบดแทบละเอียด แต่จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิ ถือว่าเป็นผู้ที่ก้าวข้ามขีดจำกัดมนุษย์ แม้ร่างกายจะแหลกละเอียดแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ตาย หากเป็นคนธรรมดาคงตายแล้วเกิดใหม่หลายรอบแล้ว ฉู่ชวิ๋นไม่แยแส ง้างมือขึ้นต่อย กะจะให้ชุยซิงอี้ตายแบบตายจริง ๆ

ชุยซิงอี้ตกใจกลัวจนหัวใจแทบจะหยุดเต้น อยากจะร้องขอความเมตตาแต่ลิ่มเลือดติดคอ ได้แต่หวาดกลัว แล้วสำลักเลือดเป็นเสียง “แค่ก แค่ก”

อย่างไรก็ตาม หมัดที่ฉู่ชวิ๋นต่อยเกิดเปลี่ยนเส้นทางและระเบิดกลางอากาศ เป็นเพราะมีพลังฝ่ามือซักมาจากเส้นขอบฟ้า พุ่งชนกับพลังหมัดของฉู่ชวิ๋น!

ตู้ม!

แรงระเบิดกลายเป็นควันรูปเห็ดที่น่ากลัวลอยขึ้นกลางอากาศ พายุระเบิดโหมกระหน่ำเปลี่ยนทุกอย่างภายในร้อยลี้ เป็นอะไรที่ไม่อาจบรรยายได้!!

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)
Status: Ongoing
อ่านจักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) เรื่องย่อ จักรพรรดิ์เซียนหวนคืน เมื่อความแค้นทำให้เขาต้องกลับมา.. ฉู่ชวิ๋น เด็กหนุ่มผู้ใสซื่อถูกจับเข้าคุกในข้อหาที่เขาเองก็ยังสงสัยมามันคืออะไร อีกทั้งชีวิตในคุกของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด จนกระทั้งเขาถูกกระทืบตาย หลังจากที่เขาตายแล้ววิญญาญได้ข้ามไปยังโลกแห่งผู้ฝึกตน คนอื่นใช้เวลาหมื่นปีเป็นจักรพรรดิ์เซียน แต่สำหรับเขานั้น ใช่เวลาเพียง 3000 ปีก็อยู่บนจุดสูงสุดของจักพรรดิ์เซียน แต่ในเวลานั้นจิตใจของเขายังคงสับสนเพราะต้องการรู้ความจริงที่เกิดขึ้นในภพชาติก่อน เขาจึงใช้พลังเซียนทั้งหมดเพื่อเปิดประตูมิติ ส่งวิญญาณของเขากลับมาที่ร่างเก่าที่อยู่ในคุก ก่อนวันที่เขาจะตายเพียงหนึ่งวัน……….. นี้คือการกลับมาล้างแค้นและค้นหาความจริงแต่เขานั้นไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปเขาคือ จักรพรรดิเซียน!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset