บทที่ 229 เลียนแบบท่าน![รีไรท์]
หมาป่าอ้าปากกว้าง แยกเขี้ยวสุดคมออกมาพร้อมกลิ่นปากที่เหม็นฉุนจนมีเมือกไหลจากมุมปาก เด็กสาวตกใจมากจนลืมร้องไห้ออกมา ผู้คนรอบข้างต่างตื่นกลัวจนร้องลั่นเกิดเป็นความโกลาหล
“สัตว์ประหลาด ตายซะเถอะ!!!!” ในสถานการณ์เช่นนี้ เสียงคำรามหนึ่งก็ดังออกมา
เงาหนึ่งโผล่ออกมาขณะที่หมาป่ากำลังจะเข้าไปกัดเด็กหญิง ก็มีรอยเท้าขนาดใหญ่และทรงพลังเหยียบหัวหมาป่าเอาไว้
หมาป่าส่งเสียงร้องและร่างใหญ่กระเด็นออกไปทำลายต้นไม้ใหญ่ ๆ ข้างถนนก่อนที่จะหยุดลง มันดิ้นรนหลายครั้ง แต่ก็ลุกไม่ขึ้น
หนุ่มรูปหล่อที่นั่งอยู่บนหลังของหมาป่าร่วงลงมา หัวกระแทกพื้นจนมีเลือดไหล เขาร้องโวยวายซึ่งดูแล้วท่าจะเจ็บไม่น้อย
ทั้งนี้ ไม่มีใครเห็นใจเขาเลย เพราะชายหนุ่มเอง ก็เอาแต่นั่งดูหมาป่าที่เกือบจะเข้าไปฉีกร่างเด็กผู้หญิง สายตาของผู้คนต่างจ้องมองชายคนหนึ่งที่เข้าไปช่วยชีวิตเด็กน้อย
ในเวลานี้ชายหนุ่มคนหนึ่งใบหน้าเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองมองดูหมาป่าสีฟ้าที่อยู่ห่างไกลอย่างดุเดือด จากนั้นก็เห็นเขานั่งยอง ๆ แล้วพูดเสียงเบา ๆ เพื่อปลอบเด็กหญิง ในขณะเดียวกันก็มีผู้หญิงคนหนึ่ง ก็ฝ่าฝูงชนออกมาด้วยความตื่นตระหนก โผเข้ามากอดเด็กหญิงด้วยความรู้สึกขอบคุณ แบบไม่รู้จะขอบคุณยังไง
ชายหนุ่มโบกมือ เอามือข้างหนึ่งไพล่หลังไว้ พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉย “เรื่องเล็กเรื่องน้อย ไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงหรอก” จากนั้นก็มองหน้าเด็กหญิง
“พี่ฉู่ เขากำลังเลียนแบบพี่อยู่แนะ” ถางโร้วพูดและยิ้มเบา ๆ ไอ้หนุ่มคนนี่ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาก็คือเจิ้งกัน
ฉู่ชวิ๋นพูดอะไรไม่ออก การกระทำ น้ำเสียง สีหน้า และอื่น ๆ ของเจิ้งกันเป็นการตั้งใจเลียนแบบเขา
เจิ้งก่วงอี้เดินออกมาจากฝูงชน เขาเดินไปแล้วตบเจิ้งกันป้าบหนึ่ง ทำเอาเจิ้งกันรูปหล่อปลิวไปอยู่อีกมุม
“ไอ้เด็กเวรนี่ ตีตัวเสมอท่าน อย่าหลับหูหลับตาเลียนแบบท่าน ทำให้ท่านต้องขายหน้าสิ” เจิ้งกันหล่อไปได้ไม่ถึง สามวิก็โดนบ้องกระโหลก พูดออกมาด้วยความโมโห
“หลับหูหลับตาทำตามอะไรล่ะพ่อ นี้ไม่เกี่ยวอะไรกับท่านเลย ผมยังไม่ได้ทำอะไรให้ท่านขายหน้าเลยนะ” หน้าเหี่ยว ๆ ของเจิ้งก่วงอี้แดงขึ้นมาด้วยความโกรธ ถกแขนเสื้อขึ้นกะจะไปสั่งสอนเจิ้งกัน พูดออกมาด้วยความโมโห “ฉันบอกแกแล้วว่าให้ตั้งใจฝึกฝน ก็ไม่ยอมฟัง ทำท่านขายหน้ายังไม่สำนึก”
เฉินฮั่นหลงรีบมาลากตัวเจิ้งก่วงอี้ออกไป แล้วพูดขำ ๆ ว่า “ตาเจิ้ง อย่าหัวร้อนไปเลย เด็กมันไม่ได้พูดอะไรเสียหายนะ หลับหูหลับตาทำเป็นมองไม่เห็นเถอะ เด็กมันไม่ได้สร้างปัญหาอะไรสักหน่อย”
“ลุงเฉิน สุดยอดมากฮะ” เจิ้งกันพูดออกมาโดยไม่รู้ตัว เจิ้งก่วงอี้โมโหจนเส้นเอ็นปูดออกมา
“ไอ้พวกสกปรก รู้ไหมว่าฉันคือใคร ? กล้าดียังไงถึงมาดูถูกฉันแบบนี้หะ ?!” เด็กหนุ่มที่ตกลงมาจากหลังของหมาป่าไม่รู้ตัวเลยว่า ปีนขึ้นมาตอนไหน เขาด่าออกมายกใหญ่
ผ่าม!
เจิ้งก่วงอี้กำลังโมโหไม่รู้จะระบายที่ไหน พอได้ยินคำด่า ก็มอบเท้าให้แบบไม่ยั้งคิด เด็กหนุ่มโดนเตะไปทีหนึ่ง ก็ลงไปร้องดิ้นกับพื้น
เด็กหนุ่มคนนี้ พลังอยู่แค่ขั้นจอมยุทธ์ระดับห้า ซึ่งกากสุด ๆ แต่กล้าปากดี
ส่วนเจิ้งก่วงอี้ แม้จะพึ่งเริ่มต้นฝึกวิชา แต่ก็เป็นจอมยุทธ์ที่ไม่อ่อนด้อย
เด็กหนุ่มพอมีแรงสู้อยู่บ้าง เลยพูดออกมาด้วยความโมโหว่า “ไอ้แก่ แกกล้ารนหาที่ตายสินะ!”
เจิ้งก่วงอี้โกรธจนหน้าร้อนผ่าว เดินไปหาเด็กหนุ่ม แล้วทั้งเตะและต่อยไปชุดใหญ่แบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ต่อยแบบสุดแรงเกิด เจิ้งก่วงอี้ที่เดิมไม่เคยคิดว่าตัวเอง จะเก่งพอได้ซ้อมอีกฝ่ายก็ยิ่งสนุกมือ เขาต่อยไม่หยุด
เฉินฮั่นหลงจึงรีบเข้าไปลากเจิ้งก่วงอี้ออกมาแบบไม่ลังเล “ตาเจิ้ง หยุดเถอะ ถ้ายังทำต่อจะมีเรื่องใหญ่เอานะ”
เด็กหนุ่มโดนต่อยจนน่วม เจ็บจนร้องเอ๋ง ๆ แต่สายตาก็มองเจิ้งก่วงอี้ด้วยความอาฆาตแค้น
เจิ้งก่วงอี้เองก็รู้ดี คนที่ขึ้นขี่หมาป่าได้ไม่มีทางจะเป็นคนทั่วไป สักพักเขาก็รีบถอยออกแล้วพูดเสียงโทนต่ำออกมา “พวกเรารีบกลับภูเขาเฉียนหลงกันเถอะ” สามคนรีบหันกลับไป แต่ผลคือก้าวไม่ออก เพราะว่าข้างหลังของเขามีเสือขาวกำลังจ้องเขม็งและขวางทางเอาไว้
“สามท่านนี้กำลังจะไปแล้วเหรอ ?” ชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนหลังเสือขาวมองลงมาแล้วถามด้วยรอยยิ้ม
ทั้งสามคนเชิดหน้าขึ้นอย่างไม่เกรงกลัวเพราะว่าพวกเขาฝึกวิชาเซียน พวกเขาเก่งกล้า กว่าพวกจอมยุทธ์กาก ๆ พวกนี้อยู่หลายขุม คนหนึ่งกับเสือตัวหนึ่ง ไม่ได้ให้ความรู้สึกอันตรายแก่พวกเขาเลย
“รีบไปเถอะ” เฉินฮั่นหลงกระซิบ
เขากับเจิ้งก่วงอี้ไม่ใช่คนโง่ รีบตัดสินว่า การทำอะไรที่อยู่นอกแผนเป็นเรื่องไม่ดี
“ไอ้เด็กผี ฉันกับลุงเฉินจะจัดการไอ้หนุ่มนี้เอง ส่วนแกไปจัดการสัตว์หน้าขนสีขาวตัวนี้เอาเองนะ” เจิ้งก่วงอี้กล่าว เจิ้งกันพยักหน้า
โคร่ง!
ทั้งสามตั้งท่ารอ แต่เมื่อได้ยินเสียงเสือขาวตัวนั้น คำรามราวสายฟ้าผ่าออกมาจากอากาศ ก็ทำเอาทั้งสามมึนหัวตาลาย
ชายหนุ่มบนหลังเสือมองแบบไร้อารมณ์และขำออกมา “พวกแกจะโจมตีฉันเรอะ ?”
เฉินฮั่นหลงและพวกสองคนรู้สึกเขิน ๆ ทำอะไรไม่ถูก แต่ก็ไม่แสดงท่าทีอะไรออกไป
“ฉันบอกเลยแล้วกันนะ เก็บแรงไว้หายใจเถอะ เจ้าเสี่ยวไป๋มันโตแล้ว หมาป่าน้อยนั่นเทียบไม่ได้เลย ถ้าจอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์ระดับห้าขึ้นไป ไม่มาก็เอามันไม่อยู่หรอก”
ทั้งสามตะลึงหนัก สัตว์หน้าขนสีขาวตัวนี้ อยู่ขั้นเดียวกับจอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์ระดับห้า เรื่องใหญ่ซะแล้วสิ
เฉินฮั่นหลงทำตาแป๋ว พูดติดตลกออกไปว่า “น้องชาย เรามาคุยกันดีกว่าไหม ?”
“หือ ?” ชายหนุ่มรู้สึกแปลก
“เอาอย่างนี้นะ คือพวกเราต่างก็เป็นจอมยุทธ์ เรื่องลงไม้ลงมือก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ เขาเรียนมาน้อยเลยเจ็บตัวแบบนี้ เดี๋ยวทางเราจ่ายค่าหมอให้ ตกลงกันแบบนี้เป็นยังไง ?” เฉินฮั่นหลงกล่าว
ฉู่ชวิ๋นหลุดขำออกมา เฉินฮั่นหลงเพิ่งจะได้สัมผัสกับโลกยุทธภพ มีกฎอีกหลายข้อที่เขายังไม่เข้าใจ
ชายหนุ่มเบิกตาโพลง มองไปที่เฉินฮั่นหลงอย่างแปลก ๆ บอกว่า “นี่ไม่ใช่การตีกัน ? ยังจะมีจ่ายค่าหมออะไรอีก แล้วพวกแกมีปัญญาจ่ายหรือไง ?”
“นายพูดจำนวนมา ฉันไม่ต่อรองว่ามาเลย” เฉินฮั่นหลงพูดข่ม
ชายหนุ่มมองแล้วส่งสีหน้าแปลก ๆ ออกมา ผ่านไปนานพอควรจึงหัวเราะออกมาดังลั่น
“ไอ้สามหน่อนี่เป็นเด็กใหม่ในวงการ ไม่รู้เรื่องอะไรเลยสินะ”
เฉินฮั่นหลงโมโหพูดเสียงแข็ง “ไอ้หนู แกว่าเด็กใหม่อะไร ? สมัยก่อนฉันน่ะเป็นถึงหัวหน้ากลุ่มเหยี่ยวมังกรเชียวนะ สมัยนั้นนายยังไม่หย่านมเลยมั้ง”
“…..” เด็กหนุ่มทำหน้าสงสัย กลุ่มเหยี่ยวมังกรคืออะไร ? สีหน้าเฉินฮั่งหลงเปลี่ยนไปทันที เขาอยู่กับฉู่ชวิ๋นมานาน จนตระหนักได้ว่า มาเฟียไม่ควรค่าแก่การกล่าวถึง
ต่อหน้าจอมยุทธ์ เมื่อกี้เขาเผลอหลุดปากออกมา เพราะความร้อนตัว
“จะเอาหรือไม่เอา” เฉินฮั่นหลงพูดไปไม่อ้อมค้อม ถามไปตรง ๆ เด็กหนุ่มทำท่าคารวะ “อ่า ขอโทษที ๆ”
“โธ่เอ๊ย ยังไม่ได้ลงไม้ลงมือเลย แย่ว่ะ” เจิ้งกันไม่พอใจ
“ฉันแนะนำให้นายทั้งสามอย่าทำอะไรเลย ไม่งั้นอาจไม่ได้จ่ายเงินด้วยซ้ำ เพราะอารมณ์ของเสี่ยวไป๋มันไม่ค่อยดีอยู่” ถึงแม้ว่าเด็กหนุ่มจะยิ้มอยู่แต่น้ำเสียงก็เย็นชาเลยทีเดียว
“เจ้าเสี่ยวไป๋ เฝ้าพวกเขาไว้” ชายหนุ่มกระโดดลาจากหลังเสือ เขาลูบหัวของเจ้าเสือแล้วมองไปที่พวกเฉินฮั่นหลง “ถ้าพวกเขาวิ่งก็ฉีกขาทิ้งได้เลย” เสือขาวตัวใหญ่คำรามเสียงต่ำ เหมือนกำลังตอบรับ
เฉินฮั่นหลงและพ่อลูกเจิ้งก็อดรู้สึกหนาว ๆ ไม่ได้ชายหนุ่มคุยกับมันเหมือนเป็นมนุษย์ ราวกับว่ามันไม่อันตราย ทั้ง ๆ ที่มันเป็นสัตว์ดุร้าย
จากนั้นชายหนุ่ม ก็เดินไปหาชายหนุ่มเจ้าของหมาป่าที่ถูกทุบตี ในเวลาเดียวกัน ชายมอมแมมที่ขี่วัวดำก็ตรงดิ่งไปหาชายหนุ่มที่ถูกอัด
นอกจากนี้ หญิสาวที่ขี่นกกระเรียน ก็พุ่งตรงไปหาชายหนุ่มในแบบเดียวกัน นอกจากในสามคนนี้ก็ยังมีคนอื่น ๆ อีกสิบคน ทุกคนต่างก็ดูมีความเป็นวีรบุรุษเกินกว่าปกติ พวกเขามีพลังลมปราณแข็งแกร่ง มีเหล่าสัตว์ร้ายล้อมอยู่รอบตัว
“นายน้อย” ชายหนุ่มที่ขี่เสือขาวผยุงชายหนุ่มที่ถูกอัดขึ้นมาจากพื้น
“ผม หร่วนหยางเจิ้ง นี่เป็นยาลับเฉพาะของฉันเท่านั้น มันได้ผลดีต่อการบาดเจ็บ”
“ขอบคุณมาก!” ชายหนุ่มยิ้มออกมา แม้ว่าจะเจ็บอยู่ก็ตามปากของเขาเอียง เสื้อผ้ามอมแมม ผมเผ้ายุ่งเหยิง น่าอับอายอย่างมาก เมื่อได้กินยาเข้าไปแล้ว ความรู้สึกเย็นวาบก็ขยายออกไป ความรู้สึกเจ็บปวดหายไป รู้สึกสบายสุด ๆ
“พี่หร่วนช่างใจดี ฉันโหยวจงเจี๋ยจะจดจำไว้”
หร่วนหยางเจิ้งรู้สึกสบายใจที่นายน้อยโหยวจงเจี๋ยชอบ จากนั้นชายมอมแมมขี่วัวก็เดินเข้ามากำมือคารวะ
“ฉันลู่เต้า ยินดีที่ได้พบนายน้อย เดี๋ยวฉันจะส่งพวกมันไปลงนรกเอง” โหยวจงเจี๋ยเงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้ามอมแมมก็รู้สึกอึดอัด กลิ่นเหม็นจนขมคอ ในใจรู้สึกรังเกียจ แต่ก็กำมือคารวะตามธรรมเนียม พร้อมกล่าวว่า “ขอบคุณ!”
แววตาของลู่เต้าเป็นประกายวูบวาบ เขายิ้มแปลก ๆ แล้วบอกว่า “หากว่านายน้อยอยากจะแก้แค้น ฉันก็มีวิธีที่จะทำให้ไอ้สามคนนี้จะอยู่ก็ไม่ได้จะตายก็ไม่ได้อยู่นะ” แววตาดุร้ายของโหยวจงเจี๋ยลุกเป็นไฟขึ้นมา
“สำนักดาราจันทร์ ชิวเซียน ยินดีที่ได้พบนายน้อยโหยวค่ะ” หญิงสาวพูดขึ้น
โหยวจงเหรินมองไปก็เจอเสน่ห์ล้นเหลือของท่านเซียนแห่งฤดูใบไม้ร่วง เธอยืนอยู่บนนกกระเรียนขาวศักดิ์สิทธิ์ เธอทั้งศักดิ์สิทธิ์และทรงเสน่ห์ช่างดึงดูดหัวใจผู้คนยิ่งนัก ต่อมา ก็มีคนเข้ามาแนะนำตัวเรื่อย ๆ
พวกเฉินฮั่นหลงมองหน้ากันแบบงง ๆ พวกเขารู้ตัวแล้วว่า พวกเขาไปแหย่รังแตนเข้า เจิ้งกันควักมือถือออกมา แอบส่งข้อความไปอย่างเงียบ ๆ
มือถือของฉู่ชวิ๋นซึ่งกำลังอยู่ท่ามกลางฝูงชน อลหม่านก็มีแจ้งเตือนลั่นขึ้น เขาหยิบออกมาดู ก็พบว่าเป็นเจิ้งกัน ส่งมาขอความช่วยเหลือ
ฉู่ชวิ๋นยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยและพิมพ์ “ฉันออกมาจากเมืองกู่เจียงแล้ว มีเรื่องอะไรก็ตัดสินใจเอาเอง” แล้วส่งไป
“พี่ฉู่นี้พวกเขาจะแย่จริง ๆ แล้วนะ” ถางโร้วมองออกว่า ใครส่งมาก็ยิ้มเบา ๆ ใบหน้าและรูปลักษณ์ที่อ่อนหวาน น่ารักของเธอดึงดูดสายตาของชายกลุ่มหนึ่งที่อยู่รอบตัวทั้งสอง
เจิ้งกันเปิดดูข้อความที่ฉู่ชวิ๋นพิมพ์ตอบ ก็ขาอ่อนยวบทันที
“เป็นไงบ้าง ?” เฉินฮั่นหลงถาม
“นายท่านไม่ได้อยู่ที่กู่เจียง เขามาช่วยไม่ได้ พวกเราตัดสินใจกันเองเลย”
“นายท่านไม่มาเหรอ ?” เฉินฮั่นหลงร่ำไห้ออกมา เขาอยากร้องไห้แต่ก็ไม่มีน้ำตา
โคร่ง!
เสียงร่ำไห้ของเฉินฮั่นหลง ทำให้เสือขาวคำรามออกมา
โหยวจงเจี๋ยมองไปที่ทั้งสาม แม้ว่าจะใช้ยาไปแล้วแต่มันก็ไม่ได้หายในทันที เขามองไปที่สามคนด้วยสายตาโหดเหี้ยม “พวกแกจะต้องตายอย่างอนาถ!!”
“นายน้อยโหยว หากคุณต้องการ ฉันจะช่วยจัดการไอ้พวกนี้เอง เพราะหากให้นายน้อยต้องลงมือเองมันจะดูไม่ดี” ชายมอมแมมกล่าว
โหยวจงเจี๋ยยิ้มอย่างโหดเหี้ยมและกำมือคารวะ “งั้นขอรบกวนท่านพี่ลู่ด้วยครับ”
“นายน้อยโหยวไม่ต้องเกรงใจ เรียกฉันว่าปรมาจารย์ลู่ก็ได้” ชายมอมแมมยิ้มแปลก ๆ เอาเท้าขูดกับหลังวัวเบา ๆ มุ่งตรงไปหาพวกเฉินฮั่นหลง พร้อมพลังลมปราณที่แข็งแกร่งขยายตัวออกมา ปรมาจารย์ ?
พวกเฉินฮั่นหลง เริ่มตื่นตระหนก
โคร่ง!
ลู่เต้าโรยตัวลงสู่พื้น แต่แล้วเสือขาวยักษ์ก็เปิดฉากจู่โจม กรงเล็บของมันกวาดไปทั่ว เล็บที่งอกออกมาจากอุ้งตีนของมันคมเหมือนกับมีด ชายมอมแมมตกใจเขารีบโคจรพลังลมปราณไปที่กำปั้นแล้วซัดหมัดใส่กรงเล็บเสือ
บู้ม!
เสียงที่เกิดจากการปะทะกันอย่างรุนแรง ลู่เต้ากระเด็นถอยหลัง เสือขาวก็โดนพลังกระแทกจนถอยหลังไป จากนั้นบนพื้นก็มีพายุหมุนเกิดขึ้นมันดูน่ากลัว พายุเคลื่อนที่ไปตะครุบลู่เต้า
โคร่ง!
เสือคำรามทำเอาคนหูหนวก เสือขาวกระโจนจากระยะสิบกว่าเมตรอ้าปากอย่างกระหายเลือด ปากของมันใหญ่กว่าหัวของลู่เต้าซะอีก เขี้ยวของมันปล่อยออร่าเย็นยะเยือกออกมา เข้าไปกัดที่หัวของลู่เต้า
ลู่เต้าโมโห “เจ้าสัตว์ร้าย”
พลังในตัวลู่เต้าไหลเวียนไปมา
ปัง ปัง!
กำปั้นสองข้างต่อยรัวไปที่หัวเสือ เลือดสาดกระจายออกมาเป็นจุด ๆ เสือขาวที่ดุร้ายเจ็บปวดจนร้องออกมา
ลู่เต้าถอยหลังไปสิบกว่าเมตร เดินกระเผลกไปหลายก้าวกว่าจะพอทรงตัวขึ้นมาได้ หน้าแดงก่ำผิดปกติ ปากมีเลือดไหลออกมา
โคร่ง!
เสือขาวคำราม ลิ้นสีแดงสดเลียเลือดที่ไหลออกมา มันคลั่งแล้ว ขนขาวดั่งหิมะของมันปล่อยออร่าสีขาวแสบตา มันพุ่งกระโจนจนพื้นดินระเบิดออก มันกระโจนไปไกลสิบกว่าเมตรหมายจะเข้าไปฆ่าลู่เต้า
“หร่วนหยาง นี้มันหมายความว่าไง ?” ลู่เต้าตะคอกออกมาด้วยความโมโห
หร่วนหยางแสยะยิ้มพูดอย่างใจเย็น “สามคนนี้น่ะเป็นเชลยของเสี่ยวไป๋ นายจะเอาอาหารของมันไป มันก็ต้องโมโหสิ จะไม่ชดใช้หน่อยรึไงล่ะ ?”
เสือขาวคลั่งแล้ว พลังของมันพุ่งทะยานจนหยุดไม่อยู่!!
หึ!
ลู่เต้าคำรามหมายสวนกลับแต่ เขาหลบอีกฝ่ายไม่ทันจนโดนเล็บเสือตะปบเข้าที่ไหล่ เลือดสาดกระจาย กระเด็นออกมาด้วยความอับอาย
“เจ้าสัตว์ร้าย ฉันจะจัดการแกเอง” ลู่เต้าโมโหเกรี้ยวกราด ดีดตัวขึ้นมาแล้วปล่อยชกออกไป
ปัง ปัง!
หมัดคู่ของเขาเต็มไปด้วยพลังที่น่ากลัวตรงไปหาเสือขาวด้วยความดุร้าย แต่เพียงปะทะกับออร่าสีขาวที่ขนเสือ พลังหมัดคู่ก็สลายตัวไป
เสือขาวสะบัดหาง หางของมันแน่นและหนักราวกับแส้เหล็กฟาดไปยังลู่เต้า
อั๊กก!
ลู่เต้าร้องออกมา ปากกระอักเลือด ซี่โครงหักจากการโดนหางฟาดและกระเด็นไปไกลนับสิบเมตร!!