บทที่ 234 ตระกูลโหยวล่มสลาย![รีไรท์]
ผู้คนรอบข้างต่างตกใจตาค้าง เพราะมีดสีดำในมือของโหยวเทียนอี้ดูร้ายกาจและน่ากลัวมาก ๆ
ฉู่ชวิ๋นกลับมองไปยังแหวนที่มือของโหยวเทียนอี้ มันคือแหวนมิติ เหมือนกับแหวนที่นิ้วของเขา
แหวนมิติของฉู่ชวิ๋นไม่ใช่แหวนคุณภาพสูง มันธรรมดามากเพราะตอนแรกที่เขาสร้างเขามีวัสดุไม่มาก ทำให้มันเก็บของเพียงแค่สิบกว่าอย่างเห็นได้ชัดว่า แหวนที่มือของโหยวเทียนอี้ดีกว่าของเขามาก และเขาคิดว่าของดี ๆ เก็บไว้ใช้ในนั้นไม่น้อย คงเป็นของที่พวกตระกูลโหยว ไปเอามาจากซากโบราณสถาน
ฉู่ชวิ๋นแววตาลุกโชน วันนี้เขาจะเอาพวกมันมาให้หมด! สายตาโหยวเทียนอี้เยือกเย็น เกราะม่วงทองคำส่องแสงทองอร่ามบนตัวเขา มีดสีดำในมือเต็มไปด้วยพลังที่ร้ายกาจรอบตัวเขามีแต่จิตสังหาร
ชวิ้ง!
โหยวเทียนอี้กระโดดเข้าใส่ฉู่ชวิ๋นแล้วเอามีดฟัน ความเยือกเย็นจากใบมีดพุ่งออกมา อากาศโดนฉีกขาดจนเป็นเสียงร้องอย่างน่าอัศจรรย์
กระดูกของฉู่ชวิ๋นเปร่งประกายสีทองสาดส่อง รูขุมขนทั้งร่างมีละอองสีม่วงกระจายไปมา ควันสีม่วงปกคลุมรอบตัวราวกับใส่เกราะสีม่วง เขาสูดหายใจเบา ๆ ปล่อยกำปั้นออกมาพร้อมระเบิดพลังจากกำปั้นปะทะกับพลังของมีด
ตู้ม!
แรงระเบิดรุนแรงจนทำเอาหูอื้อ พลังของพวกเขาบ้าคลั่งมากคลื่นพลังมันแพร่กระจายออกไปเรื่อย ๆ ที่ไหนที่มันก็จะระเบิดที่แห่งนั้น จนไม่เหลือซาก!
“ฉู่ชวิ๋น แกเตรียมตัวตายได้แล้ว!” โหยวเทียนอี้บ้าจนเสียสติแล้วมีดลึกลับในมือของเขาสามารถใช้ทั้งโจมตีและล่าถอยได้
“อย่างแกน่ะเหรอ ?” ฉู่ชวิ๋นดูถูก “จะฆ่าฉัน ? แกยังไม่คู่ควร!!”
“หน๊อย รอให้ข้าตัดหัวแกแล้วเอามาเป็นโถส้วมรองขี้เยี่ยวก่อนเถอะ ดูซิว่าจะยังกร่างได้แบบนี้ไหม!!” โหยวเทียนอี้แดกดัน กวัดแกว่งมีดส่งประกายแสบตา ฉู่ชวิ๋นยกมือกำหมัด พร้อมโจมตี
เต๊ง!
ประกายไฟสาดกระเซ็นทั้งสี่ทิศ ใบมีดโดนฉู่ชวิ๋นต่อยเข้าไปมันแกว่งจนเป็นระลอกคลื่นที่น่ากลัว เห็นเป็นเศษแร่จากมีดที่แตกออกมา โหยวเทียนอี้ควงมีดอย่างชำนาญชักออกมาจากฝัก มีดเล่มนี้เต็มไปด้วยความกระหายเลือด!
เต๊ง!
ฉู่ชวิ๋นต่อยลงไปที่ใบมีด แล้วปล่อยระเบิดลมปราณออกมา โหยวเทียนอี้ใช้มีดหันเป็นแนวตั้งป้องกันตัวเอง พอฉู่ชวิ๋นต่อยมาจึงโดนเข้าที่กลางใบมีด คลื่นพลังลมปราณซัดสาดอย่างบ้าคลั่ง โหยวเทียนอี้เอง ก็โดนแรงสั่นสะเทือนจนถอยออกไปสิบเมตร
“ฉู่ชวิ๋น กำปั้นแกเจ็บไหมล่ะ ? เกราะของข้า แกทำให้มันแตกไม่ได้หรอก ทำตัวเป็นเด็กดีเชื่อฟังข้าเถอะ ให้ผู้อาวุโสคนนี้เฉือนซะดี ๆ ไม่งั้นหลังจากที่ฆ่าแกสำเร็จ ฉันจะไปฆ่าพ่อแม่และคนที่แกรักต่อ!!” โหยวเทียนอี้พูดข่มออกมา
บนตัวของฉู่ชวิ๋นเต็มไปด้วยจิตสังหารที่โหดร้ายผุดออกมา ราวกับน้ำท่วมใหญ่ที่ปลุกเบเฮมอธ
“แกมันรนหาที่ตาย!” น้ำเสียงของฉู่ชวิ๋นดุร้ายจนผู้คนหวาดกลัว!
ในอึดใจต่อมา ประกายไฟสีทองที่กำลังลุกโชนในมือ ฉู่ชวิ๋นก็มีคฑายักษ์ขนาดสามถึงสี่เมตรปรากฏขึ้น ฉู่ชวิ๋นแค่แกว่งคฑาสีทองก็เกิดระลอกคลื่นสีทองออกมา ราวกับสึนามิคลั่ง
เต๊ง!
คฑาสีทองแกว่งไปฟาดที่มีดสีดำ แล้วลมพายุสีดำก็ระเบิดออกมาหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง เสียงปะทะกันของพวกเขาทำให้คนทั้งเมืองรู้สึกหวาดหลัว ผู้คนแก้วหูกำลังจะแตก พวกจอมยุทธ์ที่พลังฝึกฝนยังไม่สูงเท่าไร
หน้าซีดหน้าเซียว หูอื้อจนรู้สึกว่ามีเลือดไหลเยิ้มออกมา
โหยวเทียนอี้ยิ้มไม่ออก เขาโดนคฑาฟาดกระเด็นไปหลายร้อยเมตร มือทั้งสองข้างที่กำมีดอยู่สั่นระรัว ช่องระหว่างนิ้วโป้งและนิ้วชี้แหลกจนเลือดไหลออกมา
ฉู่ชวิ๋นพุ่งตามล่า แกว่งคฑาสีทองบนท้องฟ้ากลายเป็นระลอกคลื่นซัดไปมา
เต๊ง เต๊ง….!
ประกายไฟสาดกระจาย ฉู่ชวิ๋นตีราวกับตีเหล็ก เขาเอาคฑาสีทองนั้นฟาดเข้าไปไม่หยุด โหยวเทียนอี้ได้แต่เอามีดมากัน ทุกครั้งที่คฑาสีทองฟาดลงมาบนใบมีดทำให้เขาต้องกระอักเลือดออกมา มีหลายครั้งที่เกือบจะสลบไป พลังฝีมือของฉู่ชวิ๋นแข็งแกร่งเกินไป กระดูกทั้งร่างของเขากำลังร้องคร่ำครวญ ช่องวางตรงนิ้วโป้งกับนิ้วชี้มีเลือดไหลออกมา เขาแทบจะจับมีดนั้นไม่อยู่แล้ว
พอฉู่ชวิ๋นฟาดคฑาลงไปที่ใบมีดอีกครั้งก็เกิดเสียงดังไม่หยุด
โหยวเทียนอี้พูดพึมพำ หน้าซีดเซียวเพราะเลือดออกเยอะเกินไป มีดหลุดมือกระเด็นไปไกลหลายสิบเมตรแล้วตกพื้น
ไม่มีมีดแล้ว โหยวเทียนอี้ก็เหลือแค่เกราะม่วงทองคำ ซึ่งพลังป้องกันน้อยกว่ามาก
ปัง!
คฑาสีทองฟาดลงมา เกราะม่วงทองคำที่ถูกฟาดพยายามป้องกันตัวเองจนเกิดระเบิดเป็นประกายสีทอง พร้อมแรงดันกดอย่างมหาศาล โหยวเทียนอี้พ่นละออกเลือดออกมา ส่วนร่างของเขาโดนฟาดปลิวไปไกล
ฉู่ชวิ๋นพุ่งตามเขาคว้ามีดดำที่ตกอยู่และตามโหยวเทียนอี้ไป
ขณะที่โหยวเทียนอี้ปลิวกระเด็นไปเขาก็ควักพู่กันสีดำทองด้ามหนึ่งออกมา (สีดำทองเป็นสีของไม้ที่สีน้ำตาลเกือบดำแล้วมีสีเหลือง ๆ แทรกอยู่) ความยาวประมาณหนึ่งเมตรได้ ปลายพู่กันมีสีทองปนอยู่เล็กน้อย ซึ่งมันส่งแรงดันที่น่ากลัวออกมา
ฉู่ชวิ๋นจ้องมอง สีทองเล็ก ๆ นั้นมันเป็นเลือดของอสูรกาย ไม่อาจรู้ได้ว่าพู่กันด้ามนี้เก่าแก่มากี่พันปีแล้ว มันมีพลังที่จะควบคุมเหล่าอสูรได้ ซึ่งถือว่าไม่ธรรมดาจริง ๆ
โหยวเทียนอี้คนนี้ได้ของดีมาเยอะแยะมากมายขนาดไหนกันแน่ ? แค่เดินเข้าไปในโบราณสถานก็ได้สมบัติมาเยอะขนาดนี้เลยเหรอ! เรื่องนี้ทำให้ฉู่ชวิ๋นตาร้อนผ่าว เขาอยากจะแย่งของพวกนี้มาให้หมด
ตู้ม!
บนอากาศมีสายฟ้าฟาดออกมา เหล่าวิญญาณที่ลองลอยในอากาศทั้งหมดพุ่งเข้าไปรวมตัวกับโหยวเทียนอี้ พูดอีกอย่างก็คือเป็นพู่กันด้ามนี้รวมพวกวิญญาณเข้ามา
โหยวเทียนอี้วาดพู่กันเขียนตัวหนังสือ ตัวอักษร “斩”[14] สีทองออกมา ตัวอักษรลอยกลางอากาศ กลิ่นอายแห่งการทำลายล้างแผ่ซ่านจนคลุ้งไปหมดดูผิดมนุษย์มนา
ฟู่ว!
โหยวเทียนอี้อ้วกเป็นเลือดออกมา เขาสูดพลังเข้าร่างมากเกิดไป ตัวอักษรเพียงตัวเดียว ก็กินพลังไปมากโขแล้ว
“ฉู่ชวิ๋น แกคิดว่าแกจะชนะรึ ? ดีใจเร็วไปหน่อยนะ” พอโหยวเทียนอี้พูดจบ มือก็สะบัดพู่กันยักษ์ ตัวอักษร “ฟัน” สีทองนี้ส่งเสียงดังสนั่น แรงดันของมันน่ากลัวประหนึ่งภูเขาถล่ม
ฉู่ชวิ๋นขยับปากเล็กน้อย มองไปที่โหยวเทียนอี้ และกล่าวว่า “เขียนตัวอักษรน่ะเหรอ ? ฉันก็ทำได้ จะลองไหมละ!”
พอพูดเสร็จ ฉู่ชวิ๋นก็เก็บคฑาสีทอง ยกมือข้างหนึ่งขึ้นแล้วเขียนตัวอักษรบนอากาศ ทันใดนั้นบนท้องฟ้าก็แยกตัว พื้นดินสั่นไหว จิตสังหารดุเดือดราวกับกระแสน้ำไหลพลุ่งพล่าน ทำให้ผู้คนรู้สึกกลัวจนขนลุกกระดูกเกร็ง
ตัวอักษร “ฆ่า” ปรากฏออกมากลางอากาศ ควันสีม่วงส่งผลให้จิตใจของผู้คนสัมผัสได้ถึงความหมายของคำว่า “ฆ่า”
กลอักษร “ฆ่า” จากตำราลมปราณจำแลงโบราณ
ฉู่ชวิ๋นวาดอักษรกลางอากาศ อักษร “ฆ่า” เริ่มก่อตัวขึ้นมา ดูผ่าน ๆ แว่บเดียวขนาดประมาณโต๊ะเหลี่ยม บรรยากาศของจิตสังหารนี้ ช่างหลอกหลอน มันตรงเข้าไปหาตัวอักษร “ฟัน” ที่ลอยอยู่กลางอากาศทันที
ตู้ม!
เสียงระเบิดสั่นไหวบนท้องฟ้า แรงระเบิดกรรโชกไปมา เกิดเป็นเมฆรูปดอกเห็ดแสนน่ากลัวกลางอากาศ ประกายไฟโหมพัดอย่างดุเดือด ดูแล้วชวนให้ขวัญเสีย ทำให้คนรู้สึกตื่นกลัวจนกรีดร้อง
แค่ก……! แค่ก……!
โหยวเทียนอี้กระอักเลือด สีหน้าละเหี่ยใจออกมา ดูแล้วคงเขาคงหมดพลังหมดของวิเศษแล้วเกราะม่วงทองคำบนตัวเขาก็ดูหมองมัวลงไปมาก
ฉู่ชวิ๋นพุ่งเข้าไปหาโหยวเทียนอี้ มือกำหมัดแน่นเตรียมสังหาร
โหยวเทียนอี้ตกใจจนวิญญาณหลุดออกมา เขาตะคอกออกมาเสียงดัง “ท่านเทพฉู่ ได้โปรด…..ได้โปรดไว้ชีวิดด้วย ตระกูลโหยวยอมแพ้ต่อท่านแล้ว…”
ปัง!
ละอองเลือดกระเด็นออกมา โหยวเทียนอี้ครวญครางด้วยความเศร้าโศก ขาสองข้างของเขาโดนฉู่ชวิ๋นต่อยจนระเบิดเป็นเศษเนื้อ
“สายไปแล้ว” น้ำเสียงฉู่ชวิ๋นเย็นชา ตั้งแต่ที่อีกฝ่ายเอามีดดำลึกลับออกมาก็ถือว่าอีกฝ่ายอยากแลกตายกับเขาแล้ว เขาไม่มีไว้ชีวิตมันเด็ดขาด!!
ปัง!
เลือดสด ๆ สาดกระจายออกไปไกลหลายเมตร หัวโหยวเทียนอี้กระเด็นไปไกล โหยวเทียนอี้จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิโดนฉู่ชวิ๋นตัดทิ้ง!
ฉู่ชวิ๋นเดินเข้าไป ถอดแหวนมิติในที่อยู่มือของโหยวเทียนอี้ออก จากนั้นก็รีบขโมยเกราะม่วงทองคำต่อ เขาเก็บพวกมันด้วยความรวดเร็ว
“พ่อ…” โหยวอีซานเดิมทีมองร่างไร้วิญญาณของลูกชาย จากนั้นพ่อของเขาก็โดนฉู่ชวิ๋นสับหัว จิตใจรู้สึกหมดอะไรตายจากไม่อยากจะทำอะไรอีก
นัยน์ตาของฉู่ชวิ๋นไร้ความรู้สึก เขาต่อยโหยวอีซาน ด้วยหลังมือขณะเดินผ่านโดยไม่มองเลยแม้แต่น้อย(เอาหลังมือตบแต่เปลี่ยนจากแบมือเป็นกำมือแทน)
ตู้ม!!
เสียงระเบิดดังขึ้น โหยวอีซานตัวระเบิดกลายเป็นหมอกเลือด!
หลังจากนี้ไป จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิของตระกูลโหยวสองคนก็ไม่มีอีกแล้ว โหยวเทียนอี้และโหยวอีซานตายแล้ว เศษซากที่เหลือของตระกูลโหยวทั้งหมดต่างก็เหมือนผึ้งที่แตกรัง
เหล่าจอมยุทธ์หลายร้อยคนอึ้งจนเงียบงัน พวกเขามากับตระกูลโหยวเพื่อจะทวงคืนความยุติธรรมให้เหล่าสัตว์เลี้ยงของพวกเขาที่ตายไป แต่ผลคือโหยวอีซานโดนจอมมารฉู่ฆ่าแบบง่าย ๆ ส่วนอดีตประมุขตระกูลโหยวก็โดนฟันหัวขาด พวกเขาจะไปเรียกร้องหาความยุติธรรมที่ไหนต่อ ?
พอมองฉู่ชวิ๋นที่กำลังมองพวกเขาอยู่ วิญญาณพวกเขาก็แทบจะลอยหนีไปแล้ว ที่สำคัญคือกิตติศัพท์ความอื้อฉาวของจอมมารฉู่คนก็ต่างรู้กันดี เขาชอบลงมือฆ่าคนอย่างเลือดเย็น ไม่เคยเก็บอารมณ์ ฆ่าได้ฆ่า ไม่เคยกลัวใครหน้าไหน นี้คือนิสัยของจอมมารฉู่ในสายตาพวกเขา
“พวกแกไม่คิดจะลงไม้ลงมือหน่อยเหรอ ?” ฉู่ชวิ๋นแกล้งถามเล่น ๆ
คนในกลุ่มเดินถอยหลัง ส่ายหัวจนนึกว่าลั่นกลองรบ[15] พวกเขาไม่ใช่แท่งไม้ที่จะกล้ากระเสือกกระสนไปหาความตาย พวกเขาเองก็รู้ดีว่าช่องว่างระหว่างพวกเขากับฉู่ชวิ๋น
ไม่ใช่ระดับกับที่จะเอามาเทียบกันได้ ต่างกันราวฟ้ากับเหว ไม่สิ นรกกับสวรรค์!!
“ท่านเทพฉู่ พวกเราแค่มาดูการประลองยุทธ์เท่านั้น ที่สำคัญคือพวกเรามาเพื่อโบกธรงรบให้ท่าน[16]”
“พวกเราได้ยินกิตติศัพท์ของท่านเทพฉู่มานาน พวกเราเห็นกับตาว่าพวกตระกูลโหยว รนหาที่ตาย พวกเราแค่มาดูเฉย ๆ”
“ท่านเทพฉู่เป็นที่ยกย่องมาตลอด พวกเราได้ยินว่าพ่อลูกตระกูลโหยวหยามเกียรติของท่านเทพฉู่ พวกเราเลยมาเพื่อสนับสนุนท่านเทพฉู่ แล้วก็ พวกเราโชคดีมากที่ได้ชมบารมีของท่านเทพฉู่”
“ผมเห็นว่าบารมีท่านเทพฉู่ไม่มีใครเทียบได้ จากวันนี้เห็นแล้วว่าคำเล่าลือไม่ใช่เรื่องหลอกลวง ท่านเทพฉู่คือมหาบุรุษ เป็นผู้มากความสามารถ เป็นดั่งเทพจำแลงกายลงมา อยู่ยงคงกระพันเป็นเซียนโดยแท้”
คนเหล่านี้สรรหาคำมาประจบประแจงได้สารพัด ก่อนหน้ายังไปร้องขอความยุติธรรมจากพวกตระกูลโหยวแต่กลับตระบัดสัตย์ทรยศจนดูน่าสมเพชเป็นอย่างมาก ผู้อาวุโสตระกูลโหยวต้องเอาชีวิตมาเสี่ยง เพราะคำประจบประแจงของคนเหล่านี้ สารพัดคำประจบประแจงที่สวยหรูเกินจริงเข้าไปกรอกหูฉู่ชวิ๋น
ฉู่ชวิ๋นมึนงงแต่พอคิดตามแล้ว คนพวกนี้…..พวกเขาก็พูดถูกอยู่นะ!
“เอาเถอะ” ฉู่ชวิ๋นตัดบทเหล่าคำประจบประแจงของคนพวกนั้น
“เรื่องของพวกนายในวันนี้ฉันจะไม่ใส่ใจ แต่ถ้ายังกล้าเอาพวกสัตว์เข้ามาในเมืองกู่เจียงอีกล่ะก็อย่าหาว่าฉันไม่เตือนล่ะ!”
พอได้ยินว่าฉู่ชวิ๋นไม่ได้ใส่ใจพวกเขา ทุกคนก็พลางถอนหายใจคลายทุกข์ออกมา สีหน้าเต็มไปด้วยความยินดี
“แต่ว่า…”
ผู้คนสงสัย ยังมีแต่อีกรึ ? พวกเขาหันไปมองฉู่ชวิ๋นและเงี่ยหูตั้งใจฟัง
“รบกวนทุกคน รอบ ๆ เมืองกู่เจียงนี้ก็มีเหล่าสัตว์ประหลาดอยู่ไม่น้อย พวกนายเองก็มีกันอยู่สามร้อยกว่าคนได้ จับทีมไปสิบคน ไปล่าสัตว์พวกนั้นซะ คิดซะว่าทำไปเพื่อความบันเทิง แต่มันก็เป็นประโยชน์กับตัวพวกนายเองด้วยนะ เรื่องดี ๆ ก็ทำซะบ้างเถอะ!”
ผู้คนไม่กล้าขัดขืน ตั้งแถวเรียงกัน จับกลุ่มขึ้นมากลุ่มละสิบคน เรียงแถวไปล่าเหล่าสัตว์ประหลาด
พวกเขาคิดกันว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่างน้อย ๆ ก็ต้องฆ่าพวกสัตว์ประหลาดเหล่านั้นสักตัวสองตัว เพราะหากว่าฉู่ชวิ๋นมาตรวจสอบละก็พวกเขาได้เสียวสันหลังวาบกันแน่ ๆ
พอผู้คนแยกย้ายกันไป ฉู่ชวิ๋นจึงมุ่งหน้าไปที่บ้านตระกูลโหยว ตระกูลนี้เบื้องหลังต้องไม่ธรรมดาแน่นอน
พอฉู่ชวิ๋นไปถึงบ้านตระกูลโหยวก็ไม่สมบัติอะไรเลย เขาแทบระเบิดเพราะความโกรธ ประตูของโรงเก็บอัญมณีเปิดออกก็เห็นแล้วว่าของข้างในโดนย้ายออกไปเกลี้ยงแล้ว เหลือเพียงแค่กลิ่นของสมุนไพรลอยอยู่ในอากาศ พวกเขาคงจะย้ายของรักของหวงไป
ฉู่ชวิ๋นโกรธมาก กระจายคลื่นพลังครอบคลุมหลายพันกิโลเมตรรอบเมืองกู่เจียง
เชว้ง!
เจอแล้ว! ฉู่ชวิ๋นตามไปทันที หนึ่งก้าวของเขาพุ่งไปไกลถึงหลายร้อยเมตร เร็วยิ่งกว่าสายฟ้าฟาด
ธูปยังไม่ทันหมดดอก ฉู่ชวิ๋นตามจนเจอรถบรรทุกขนของพร้อมคนคุ้มกัน คนเหล่านี้เป็นผู้อาวุโสตระกูลโหยว พอรู้เข้าว่า โหยวเทียนอี้และโหยวอีซานไม่รอดแล้วพวกเขาก็หนีทันที
ฉู่ชวิ๋นไม่พูดพร่ำทำเพลง ลงมือทันทีเขาไม่ฆ่า แค่ทำให้สลบจากนั้นเขาก็เอา สมุนไพรจิตวิญญาณ ยาอายุวัฒนะต่าง ๆ ที่ถูกเก็บไว้บนรถบรรทุกขับไปยังภูเขาเฉียนหลง ฉู่ชวิ๋นขับรถไปที่ยอดเขา
ถางโร้วและคนอื่น ๆ มารอต้อนรับเมื่อพวกเขามองเห็นอัญมณีและของวิเศษเต็มคันรถ สายตาก็มองตามไปยังฉู่ชวิ๋น
“เสี่ยวซวิ่น ลูกเอาอะไรมาเนี้ย ?” ฉู่เทียนเหอตอนนี้กลายเป็นผู้ฝึกตนแล้ว เพียงเขาเห็นก็รู้ทันทีว่า ของพวกนี้มันล้ำค่าขนาดไหน
“ตระกูลโหยวล่มสลายไปแล้ว ของพวกนี้ไม่มีเจ้าของ ผมเลยเอามันกลับมาไม่งั้นเดี๋ยวมันจะเสียของเอา” ฉู่ชวิ๋นหัวเราะเบา ๆ
คนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา ช่วยกันขนของลงจากรถ ฉู่ชวิ๋นหัวเราะยกใหญ่ เบื้องหลังของตระกูลโหยวล้ำลึกมาก ของพวกนี้ข้างในคือหญ้าปี่ลั่วหาน ผลหลัวฮั่นกั่วและเหล่ายาอายุวัฒนะ แค่รอเวลาถึงวันที่กำหนดเขาก็จะเอาพวกมันมาทำเป็นยา มันจะเพิ่มขีดความสามารถของคนได้ ซึ่งในตอนนี้พลังของพวกนี้ยังไม่สูงเท่าที่ควร เลยต้องรอไปก่อน
พอตกบ่าย ฉู่ชวิ๋นก็เริ่มเรียกทุกคนมารวมกัน ไปยังพื้นที่รกร้างประมาณ สิบสองเอเคอร์ สร้างเขตแดน ช่วยฝึกตนด้วยจิตวิญญาณและปลุกสมุนไพรที่ขโมยมา
ภูเขาเฉียนหลงเชื่อมกับลมปราณของโลก พลังลมปราณในนี้เลยทรงพลังยิ่งกว่าพลังในโลกภายนอก
หลายเท่านัก ที่นี่เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับยาอายุวัฒนะ ซึ่งก็ทำให้ยาอายุวัฒนะเข้มข้นขึ้น กลิ่นยาฟุ้งกระจายสมุนไพรที่นี่เจริญเติบโตงอกงามอย่างน่ายินดี
“ท่านครับ สมุนไพรและยาพวกนี้จะโตเต็มวัยตอนไหนครับ ?” เฉินฮั่นหลงน้ำลายไหลเป็นสาย กลิ่นหอมหวานของยาที่ฟุ้งกระจายในอากาศนี่มันน่าเย้ายวนนัก
แม้แต่ฉู่เทียนเหอ ถางเหวินเหยียน และผู้เฒ่าคนอื่น ๆ อีกมากมายก็ทนกลิ่นหอมเย้ายวนนั้นไม่ได้ รู้สึกคอแห้งกระหาย หิวท้องร้อง
ฉู่ชวิ๋นหัวเราะลั่น “เร็วอยู่นะ ก็สักครึ่งปีน่าจะได้” พอเห็นความโลภเข้าครอบงำทุกคน ฉู่ชวิ๋นจึงพูดเล่น ๆ ออกมา
“เอาน่าทุกคน เดี๋ยวสักวันข้างหน้าพวกคุณทั้งหลาย ก็จะได้สัมผัสรสของมันเต็มที่ ถึงตอนนั้นอยากจะกินเท่าไหร่ก็เอาให้เต็มที่ไปเลย” ในใจเขาก็คิดเอาไว้ว่า พื้นที่มีตั้ง สิบกว่าเอเคอร์ ใช้ฝึกตนและปลุกสมุนไพรได้ยังไม่ถึงเศษเสี้ยวเลย หรือเขาจะไปไล่ปล้นสะดมเอาสมบัติมาดีทำแบบนี้จะประหยัดเวลาไปมาก แถมยังจะง่ายและรวดเร็วอีกด้วย