บทที่ 238 ปกครองวังมังกรเพลิง![รีไรท์]
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จนทุกคนตกตะลึง
หลังจากที่เห็นเหตุการณ์นี้ ปฏิกิริยาตอบสนองของทุกคนล้วนเหมือนกัน มือและเท้าเต็มไปด้วยเหงื่อ
กำแพงหินที่ห่างออกไปหลายร้อยเมตร ปืนยาวสีเงินโดนแสงอาทิตย์สาดส่องส่งประกายความเยือกเย็น ซ่งติง จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับหนึ่ง ตอนนี้โดนขึงร่าง ตายอยู่ในกำแพงหินจากแรงฟาดของปืนยาว ร่างกายเต็มไปด้วยเลือดเห็นแล้วน่าเวทนา
ทุกคนมึนงง พวกเขารู้สึกแบบเดียวกันขณะที่มองไปรอบ ๆ เพื่อหาว่าใครกันแน่ที่ลงมือ จากนั้นพวกเขาก็เห็นเงาของชายหนุ่มที่เดินออกมาอย่างช้า ๆ
เมื่อเขาเดินออกมา นักรบเสือก็ตกตะลึงราวกับมีระเบิดที่ระเบิดตู้มออกมา
“ท่านผู้อาวุโส!”
ฉู่ชวิ๋นมองไปที่นักรบเสือ เขาผงกหัวเล็กน้อยและกล่าวว่า “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” พอพูดจบ ฉู่ชวิ๋นปล่อยควันสีม่วงออกไปปกคลุมร่างของนักรบเสือ
“ขอบคุณครับ ท่านผู้อาวุโส” นักรบเสือรีบกล่าวขอบคุณ พอควันสีม่วงเข้าไปในตัวนักรบเสือร่างกายเขาก็ฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติ
ฉู่ชวิ๋นยิ้มเบาแล้วผงกหัว เหยียนชงและคนอื่น ๆ มองฉู่ชวิ๋นตั้งแต่หัวจรดเท้า ในใจก็แอบคิดบางอย่าง ฉู่ชวิ๋นโบกมือ ปืนเงินก็ลอยกลับมา ร่างของซ่งติงไหลลงมาจากกำแพงหินทิ้งรอยเลือดไว้เป็นทาง
ปืนยาวเมื่ออยู่ในมือฉู่ชวิ๋น มันก็สั่นสะเทือนจนส่งเสียงดังลั่นออกมา ปากกระบอกปืนชี้ไปที่เหยียนชง แล้วหันไปหาที่จั๋วจื่อชิว
“แกสองคน มาด้วยกันนี่” ฉู่ชวิ๋นกล่าว
“นายเป็นคนของใครกัน ?” เหยียนชงถาม
ถึงแม้ว่าฉู่ชวิ๋นจะไม่ได้ปล่อยลมปราณออกมา แต่พวกเขาทั้งคู่ก็ไม่กล้าจะประมาท อีกฝ่ายเพียงแค่ปาปืนใส่ก็ปลิดชีพซ่งติงได้แล้ว ถึงเขาจะลอบโจมตี แต่มันก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า คนนี้แข็งแกร่ง ไร้ความปรานี!
“กลัวเรอะ ?” พอพูดจบฉู่ชวิ๋นก็ลดปืนลงและเดินหน้าไปสองก้าว “แบบนี้ได้แล้วใช่ไหม ?”
เหลยเป้าและสาวหม้ายตกตะลึงอ้าปากค้าง สู้กับเหยียนชง และจั๋วจื่อชิวด้วยมือเปล่าเนี่ยนะ? มีเพียงนักรบเสือที่ตาลุกวาว เขาพยายามจับภาพการกลับมาของฉู่ชวิ๋น อีกครั้งหลังห่างหายไปนานนับสิบห้าปี ไม่มีใครรู้เลยว่าจากวันนั้น จนถึงวันนี้เขาหายไปไหนมา
เหยียนชงและจั๋วจื่อชิวสบตากัน หน้าตาดูไม่จืด พวกเขาเห็นว่าฉู่ชวิ๋นคือคนหยิ่งผยอง เพียงตัวคนเดียวยังกล้าประจันหน้ากับจักรพรรดิถึงสองคนไหน จะท้าทายสมบัติลึกลับในมือของ เหยียนชง มันกำลังรนหาที่ตาย!
เชว้ง
ปลายดาบยาวของจั๋วจื่อชิวปล่อยความรู้สึกหนาวเหน็บใส่ฉู่ชวิ๋น เหยียนชงก้าวออกมา กระจกทองแดงแปดเหลี่ยมเริ่มเปล่งประกายสีทอง
“ไม่ว่าแกจะเป็นใคร แต่กล้ามาฆ่าคนของสำนักดาบพิฆาต วันนี้นี่แหละจะเป็นวันตายของแก!” จั๋วจื่อชิงแกว่งไกวดาบไปมาราวกับงูพิษที่หิวจัด พร้อมจะฉกเหยื่อ
ฉู่ชวิ๋นกล่าวกลับไป “แกนี่มันพูดอะไรไร้สาระ”
จั๋วจื่อชิวสะบัดดาบเร็วปานสายฟ้าฟาด ปลายดาบเปล่งประกายวิบวับ เขาพุ่งตัวใส่ฉู่ชวิ๋นหนึ่งก้าวของเขาทำให้พื้นแตกเป็นรอยแยกหลายเมตร
ก่อนที่คมดาบจะมาถึง รัศมีดาบนั้นถึงก่อน ทำให้ผิวหนังเย็นวาบไปหมด ฉู่ชวิ๋นยกมือขึ้นเบา ๆ ควันสีม่วงลอยเอื่อยไปมา จากนั้นฉู่ชวิ๋นปล่อยกำปั้นออกไปเบา ๆ
ปุ๊บ!
รัศมีดาบที่เปล่งประกายไสวสลายตัว เพียงเมื่อเจอหมัดเบา ๆ ต่อย ราวกับดอกไม้ไฟที่แตกดับ จากนั้นกำปั้นก็ชนเข้าไปที่ปลายดาบ เกิดเป็นเสียงเหล็กเสียดสีกันจน เกิดมีประกายไฟลอยออกมา
สีหน้าจั๋วจื่อชิวเปลี่ยนไปทันใด กำปั้นของอีกฝ่ายแข็งแกร่งทรงพลังเหมือนกับเหล็กดำ ดาบที่อยู่ในมือเขา เมื่อเทียบกันแล้วราวกับขี้ดิน ไม่มีทางแทงเข้าฝ่ามือของอีกฝ่ายได้เลย ในเวลาต่อมาแรงกระแทกก็ทำให้ดาบยาวดูอ่อนยวบราวกับกระแสน้ำ
เขารีบปล่อยพลังออกมาเพื่อต่อสู้ แต่กลับได้ยินเพียงเสียง “ตุ๊ง!” พลังงานสาดกระเซ็นเป็นเกลียวคลื่นจนมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เขาส่งเสียงร้องลั่นแล้วถอยออกไปเรื่อย ๆ พื้นดินใต้เท้าสั่นไหวจนระเบิดออก สั่นสะเทือนไปเป็นสิบเมตรพลังสั่นไหวที่รุนแรงนี้จึงหยุดลง
แววตาของจั๋วจื่อชิวเต็มไปด้วยความกลัว ฝั่งตรงข้ามทรงพลังเกินคาด ร่างกายเขาเป็นอัมพาตเพราะความตกใจ ทำให้ดาบสั่นไหวไปมา
พอเห็นว่าจั๋วจื่อชิวโดนต่อยจนเซถอยมาภายในหมัดเดียว เหยียนชงที่ง้างหมัดต่อยก็ค่อย ๆ ช้าลง
เหลยเป้าและหญิงหม้ายรูปงามตาค้าง ปากอ้าเมื่อมอง ฉู่ชวิ๋น หมัดที่ต่อยใส่จั๋วจื่อชิวนี่มันทรงพลังขนาดไหนกันนะ ? เขาดูเด็กเกินไปจนไม่น่าเชื่อเลยว่าจะแข็งแกร่งขนาดนี้ ทั้งสองต่างตกตะลึง มีเพียงนักรบเสือที่แววตาลุกเป็นไฟ เชื่อว่าทั้งหมดนี้มันเป็นกฎธรรมชาติ ฉู่ชวิ๋นคือผู้แข็งแกร่งที่แท้จริง
“แกมันอ่อนแอเกินไป” ฉู่ชวิ๋นเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางที่เหนือชั้นกว่ามาก พลังของจั๋วจื่อชิวนับว่า อ่อนแอกว่าชุยซิงอี้จากสำนักดาบพิฆาตที่เขาฆ่าไปก่อนหน้านี้มาก ระหว่างสองคนนี้ห่างชั้นกันเกินไป ไม่ต้องมาเทียบกับตัวเขาเลย
จั๋วจื่อชิวหน้าแดงก่ำ แววตาดูหม่นหมอง เขาเป็นถึงจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิ แต่กลับโดนดูถูกเหยียดหยามถึงขนาดนี้เชียวเหรอ?
“บ้าน่า!!” เขาคำรามออกมา
ดาบยาวปล่อยรัศมีเย็นยะเยือกออกมา คมดาบนับไม่ถ้วนลอยออกมา ปลายดาบชี้ขึ้นฟ้า จนเหมือนปลายดาบที่เจาะทะลุผิวน้ำ อากาศโดนก่อกวนจนเป็นเกลียวพายุ
วิ้งงง!
เงาดาบอันดำมืดสนิทปรากฏออกมาบนท้องฟ้า ดาบหลายพันหลายหมื่นปะปนกันพุ่งเข้าใส่ฉู่ชวิ๋น ดูน่ากลัวและน่าพิศวง
“วิชาเพลงดาบล้านเงา!”
จั๋วจื่อชิวระเบิดพลังออกมา เงาดาบแกว่งไกวไปบนท้องฟ้า ประกายดาบส่องไสว ความเยือกเย็นเข้ามาปกคลุม พุ่งตรงเข้าใส่ฉู่ชวิ๋น!
ฉู่ชวิ๋นยิ้มเยาะเบา ๆ วิชานี้อีกแล้วเหรอ ? เขาเคยเจอกับวิชานี้มาหลายรอบแล้ว ดู ๆ แล้วเพลงดาบของสำนักดาบพิฆาตก็น่ากลัวจริง ๆ แต่คนใช้อ่อนซะขนาดนี้น่าเสียดายวิชาดี ๆ
ฉู่ชวิ๋นยกมือขึ้นมา วาดบางอย่างลงบนอากาศ ท่าทางดูสบาย ๆ ราวกำลังสะบัดพู่กันไปมา
บึ้ม!
หลังจากการเขียนตัวอักษรสุดท้ายของจบลง อากาศก็กรีดร้องส่งเสียงคำรามออกมา จิตสังหารที่เยือกเย็นทรมาน ควันสีม่วงที่เป็นอักษร ‘ฆ่า’ ปรากฏกลางอากาศกลอักษร ‘ฆ่า’! ฉู่ชวิ๋นชี้นิ้วสั่งการ
ตัวอักษรฆ่าส่งเสียงดังสนั่นออกมา ลมปราณเต็มไปด้วยความโกรธแค้น ตัวอักษรขนาดเท่ากำปั้นม้วนตัวกลายเป็นพายุแล้วขยายขนาดเท่าโต๊ะกินข้าวภายในพริบตา มันปล่อยจิตสังหารพร้อมทั้งความรู้สึกหนาวเหน็บขึ้นสู่อากาศ
ปัง!
เงาดาบปะทะกับตัวอักษรฆ่า กลายเป็นลูกไฟพวยพุ่งในอากาศรุนแรงจนหูดับตับไหม้ วนกันจนเป็นพายุที่น่ากลัว
อักษร “ฆ่า” สีม่วงขนาดมหึมาสว่างวาบออกมา ส่งผลให้ดาบทุกเล่มโดนควันม่วงสั่นไหว ความดุร้ายของมันถึงกับทำให้ดาบนับพันสั่นไหวจนสลายหายไป
หน้าตาของจั๋วจื่อชิวดูตื่นกลัว เขารีบถอยหนีแต่แล้วอักษรฆ่าก็โผล่มาพร้อมสายฟ้าฟาด ระเบิดใส่ตรงที่ที่เขายืนอยู่
ตู้ม!
ระเบิดขนาดใหญ่จนน่ากลัวทำลายพื้นดินโดยรอบ พื้นดินแตกสลายกลายเป็นเศษฝุ่นผงกระจายปกคลุมท้องฟ้า รอยแยกบนพื้นดินแตกออกไปเรื่อย ๆ
จั๋วจื่อชิวกระเด็นไปไกล แต่ก็โดนพายุหมุนพัดเข้า ทำให้ตัวไม่แตะพื้นซะที เขาได้แต่อ้าปากกระอักเลือดออกมา ในขณะเดียวกัน มังกรก็ปรากฏตัว เป็นมังกรทองแปดตัวพุ่งใส่ฉู่ชวิ๋น
เหยียนชงปรากฏตัวอีกครั้ง เขาตั้งใจจะเข้าไปลอบทำร้ายฉู่ชวิ๋น
ฉู่ชวิ๋นยืดแขนสองข้างออก กระดูกภายในร่างกายส่องประกายออกมาเป็นสีทองอร่าม รวมเข้ากันกับควันสีม่วงของลมปราณจำแลงที่ปล่อยออกมาทางรูขุมขน กลายมาเป็นชุดเกราะสีม่วงทอง
ในเวลาต่อมา ฉู่ชวิ๋นก็ทะยานตัวขึ้นฟ้า กำมือแน่นพร้อมคลื่นมังกรที่อยู่ในร่างกายที่กำลังพลุ่งพล่านซึ่งมันแปลกมาก
เมื่อปล่อยหมัดออกมากลางอากาศ ควันม่วงก็หมุนวน ส่งเสียงดังลั่นออกมา
ปัง!
เงาของมังกรตัวหนึ่งระเบิดออก ท้องฟ้าปกคลุ่มด้วยสีทองอันสั่นไหว เหล่ามังกรสลายตัวไปแทบจะในทันที
ปัง ปัง…….!
กำปั้นราวกับพายุหมุนที่กรรโชกแรง ฉู่ชวิ๋นรัวหมัดออกมาอีกเจ็ดหมัด ทำให้มังกรทองอีกเจ็ดตัวที่เหลือสลายหายไปในเวลาต่อมา
ฉู่ชวิ๋นเปลี่ยนทิศลม แล้วปล่อยหมัดฝ่าอากาศมุ่งตรงใส่เหยียนชง รอยประทับกำปั้นสีม่วงก็ระเบิดออก
ตู้ม!
เกราะที่ปกป้องตัวเหยียนชงโดนทำลาย หมัดสีม่วงนั้นชกไปที่หน้าอกของเขา ส่งผลให้เขากระเด็นไปไกล แถมกระจกแปดเหลี่ยมในมือก็หลุดออกไปเช่นกัน
ฉู่ชวิ๋นยืดมือออก กระจกแปดเหลี่ยมลอยเข้ามาในมือของเขาเบา ๆ
เหลยเป้าและหญิงหม้ายมองฉู่ชวิ๋นด้วยสายตาที่โง่งม น่ากลัวเกินไปแล้ว เขาแข็งแกร่งจนผู้คนต้องหวาดกลัว
“ส่งสมบัติลึนั้นกลับมาให้ฉัน!” เหยียนชงร่วงลงมาบนพื้น เลือดไหลนอง และแทบจะกระอักเลือดออกมา เมื่อเห็นว่าสมบัติลึกลับที่หายากตกอยู่ในมือขอฉู่ชวิ๋น เขาก็รีบทวงมันคืนทันที
วิ้ง!
กระจกทองแดงแปดเหลี่ยมส่องประกายสีทองออกมา มันพุ่งไปมาอย่างน่ากลัว สิ่งรอบ ๆ ในรัศมีร้อยเมตรถูกแสงปกคลุมเอาไว้
มังกรทั้งแปดมารวมตัวกัน จนสะท้อนไปทั่งพื้นโลก ผู้คนตกใจกลัวจนวิญญาณหนีหาย เมื่อมังกรทั้งแปดตัวแหวกอากาศออกมา พลังของมันก็เต็มไปด้วยความน่ากลัว ซึ่งก็ทำให้ทั้งเหลยเป้าและหญิงหม้ายรู้สึกเหมือนถึงเวลาจับตัวคนร้าย!
ตอนนี้เหยียนชงถูกหินยักษ์ทับอยู่กลางช่องอก หายใจลำบาก เขารู้สึกทรมานเหมือนกับโดนฝังอยู่ในหนองน้ำ เหงื่อท่วมหน้าผากขยับตัวได้ช้าลง
ฉู่ชวิ๋นยกมือขึ้นผลักอากาศ มังกรทั้งแปดตัวก็บินโฉบลงมาบนพื้นอย่างดุเดือดแล้วปล่อยแรงกดดัน จนทำให้พื้นดินระเบิด เหยียนชงกลัวจนตาค้าง ตัวแข็งทื่อ ขนหัวลุก
เงาของมังกรแปดตัวส่องแสงสีทองสาดส่องบนท้องฟ้า ปล่อยพลังทำลายล้างลงสู่พื้นดิน
ตู้ม ตู้ม……..!
ราวกับโลกจะแตก ภูเขาในหุบเขาเฟิงหลินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ก้อนหินยักษ์กลิ้งไปมาฝุ่นตลบจนเป็นคลื่นปกคลุมท้องฟ้าทั้งภูเขา
กินเวลาไประยะหนึ่งควันถึงจะหายไป ผู้คนต่างจ้องมองกัน พวกเขากลัวจนไม่รู้จะทำตัวยังไงดี
พวกเขาเห็นตัวเหยียนชงที่แข็งทื่อประหนึ่งรูปปั้น เขาไม่ได้บาดเจ็บแต่อย่างใด ถัดจากตัวเขาไปหลายสิบเมตรเกิดหลุมขนาดใหญ่เส้นผ่าศูนย์กลางสิบกว่าเมตรได้ น่ากลัวเกินบรรยาย
ปุ๊บ!
เหยียนชงล้มลงไปกองกับพื้น เมื่อกี้เขาคิดว่าเขาตายแน่ ๆ และเมื่อเขาได้เผชิญหน้ากับความตายที่แท้จริง เขาก็นึกขึ้นได้ว่าจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิก็ตายได้ไม่ต่างจากคนทั่ว ๆ ไป
เมื่อมังกรทองแปดตัวบินผ่านตัวเขาไป เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังทำลายล้างอัน น่ากลัว ถ้าพลังนั้นปล่อยใส่ตัวเขา เขาไม่สามารถต้านทานพลังของมันได้ตั้งแต่ตัวที่สอง เขาจะโดนทุบจนแหลกละเอียดราวกับเศษธุลี ฉู่ชวิ๋นยิ้มและหัวเราะเยาะ
“แกเป็นใครกันแน่ ?” จั๋วจื่อชิวเลือดอาบเขาใช้ดาบปักพื้นค้ำตัวเองให้ยังยืนได้อยู่
“ฉู่ชวิ๋น” ฉู่ชวิ๋นกล่าวออกมา
“จอมมารฉู่”
“คนแซ่ฉู่ผู้ความไร้ปรานี” เหลยเป้าและหญิงหม้ายตะโกนอุทานขึ้นพร้อมกัน
เรื่องที่ฉู่ชวิ๋นฟันคอจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิแพร่กระจายจนชาวโลกรู้กันหมดแล้ว คนที่เป็นดั่งเงาของต้นไม้ พวกเขาไม่มีทางที่จะไม่รู้ชื่อ
อากาศหายใจรอบ ๆ เหยียนชงเย็นลง ขนลุกตั้งไปหมด จั๋วจื่อชิวเองก็รู้สึกตกใจจนตาลาย ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมอีกฝ่ายถึงน่ากลัวได้ขนาดนี้
ฉู่ชวิ๋นเก็บกระจกทองแดงแปดเหลี่ยมแล้วมองไปที่เหยียนชงกล่าวว่า “นี่คือสมบัติของเพื่อนฉัน”
เหยียนชงช็อกตกใจแทบจะร้องไห้ออกมา รู้สึกว่าโชคไม่เข้าข้างตัวเองเลย
“ฉันมาที่นี่เพื่อปกครองวังมังกรเพลิง” ฉู่ชวิ๋นพูดอธิบายให้ทุกคนเข้าใจ เหลยเป้าและหญิงหม้ายมองหน้ากัน
เหยียนชงและจั๋วจื่อชิวไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา พวกเขาไม่กล้าพูดอะไร
“หากพวกท่านมีความเห็นอะไรก็ แจ้งออกมา” ฉู่ชวิ๋นพูดออกมาท่าทางนิ่ง ๆ
“ผมไม่คัดค้าน กลุ่มฟินิกซ์ม่วง ขอสนับสนุนให้ท่านขึ้นเป็นเจ้าวังมังกรเพลิง” นักรบเสือแสดงความยินดีออกมาสุด ๆ เขารีบตอบรับทันที
สาวหม้ายคนสวยหันไปสบตา ส่งยิ้มให้พลางพูดว่า “จอมมารฉู่…ไม่สิ ท่านเทพ ผู้คุมวังมังกรเพลิง ตัวฉันจากกลุ่มจิ้งจอกเพลิงก็ไม่คัดค้านค่ะ” หญิงหม้ายนั้นอยู่เป็น เธอรู้ว่าในวันนี้ไม่มีใครสามารถเอาชนะฉู่ชวิ๋นเพื่อครองตำแหน่งเจ้าวังได้อย่างแน่นอน ฉู่ชวิ๋นพยักหน้าให้เธอ จากนั้นก็กระดิกนิ้ว ควันสีม่วงลอยซึมเข้าไปในที่ระหว่างคิ้วของเธอ
สีหน้าบูดเบี้ยวของหญิงหม้ายหายไป เธอทั้งรู้สึกประหลาดใจและดีใจมาก “ขอบคุณมากค่ะ!”
สีหน้าเหลยเป้าเปลี่ยนไปมา เขาที่เอาแต่จ้องมองหญิงหม้าย จนต้องให้อีกฝ่ายเอามือปัดให้เลิกมอง เขาเข้าใจสถานการณ์ดี เขารีบทำท่าคารวะแบบจอมยุทธ์ พร้อมกล่าวออกมาว่า “ผมจากกลุ่มวายุอัสนียินดีจะสนับสนุนท่านในฐานะเจ้าแห่งวังมังกรเพลิงครับ”
ฉู่ชวิ๋นพยักหน้ารับ แล้วก็ปล่อยควันม่วงเข้าไปในร่างกายเขาเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ
“ผมเองก็ขอติดตามท่านเทพฉู่ด้วยครับ” เหยียนชงพูดออกมาอย่างรวดเร็ว พอพูดจบก็มองฉู่ชวิ๋นด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน
เหลยเป้าแหละหญิงม้ายก็มองฉู่ชวิ๋นแบบกังวล เพราะพวกเขาได้ยินมาว่าชื่อเสียงของฉู่ชวิ๋นไม่ค่อยจะดี ใครที่ขวางหูขวางตาเขาไม่เคยมีใครรอดชีวิตมาก่อน
เมื่อเห็นว่าฉู่ชวิ๋นเงียบไป เหยียนชงก็ยิ่งกังวลขึ้นเรื่อย ๆ หัวใจแทบจะลงไปที่ตาตุ่ม ทุกคนในที่นั้นต่างก็รู้ว่าฉู่ชวิ๋นไม่ใช่คนที่ใจดี เหยียนชงเหงื่อไหลท่วมหัว ทั้งกลัวทั้งกังวลจนตัวสั่นเหมือนกับนักโทษประหารที่รอการสำเร็จโทษ
“ได้” ฉู่ชวิ๋นพูดออกมาในทันที
เหยียนชงมึนงงแล้วหน้าตาเขาก็เปี่ยมไปด้วยความสุข เขาหายใจแรงราวกับได้รับการไว้่ชีวิต พลังของฉู่ชวิ๋นเหมือนกับยอดภูเขาไท่ซาน น่ากลัวและยิ่งใหญ่เกินจะกล่าว
สาวหม้ายและเหลยเป้าจ้องมองกัน ทั้งคู่ต่างก็รู้สึกแปลก ๆ เหมือนมีอะไรค้างคาอยู่ในใจ พวกเขาเป็นถึงจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิชั้นสูง แต่กลับโดนกดดันจนไม่สามารถต่อต้านอะไรได้เลยแบบนี้ มันน่าอนาถสุด ๆ
“หยดเลือดของแกออกมา” ฉู่ชวิ๋นกล่าว
เหยียนชงไม่เข้าใจ แต่เขาก็รีบบีบปลายนิ้วให้เลือดหยดออกมา ฉู่ชวิ๋นโบกมือเขาสร้างตราที่พื้นดินให้อีกฝ่ายประทับรอยจากเลือดที่ไหลออกมา เลือดหยดนั้นเปล่งประกายเป็นสีแดง
จากนั้นสักพัก ฉู่ชวิ๋นก็เอามันขึ้นมาปาใส่คิ้วเหยียนชง
เหยียนชงตัวสั่น รู้สึกเหมือนมีมีดจ่อที่คอทำให้สันหลังเย็นวาบตลอดเวลา
“แกน่ะมานี่” ฉู่ชวิ๋นบอกกับจั๋วจื่อชิว
จั๋วจื่อชิวไม่อาจต่อต้าน ตัวเขาบาดเจ็บไม่น้อย เขารู้ดีว่าตัวเองหนีฉู่ชวิ๋นไปไม่ได้ จึงได้แต่ทำตามที่อีกฝ่ายต้องการอย่างไม่เต็มใจ ฉู่ชวิ๋นก็ขอเลือดเขาไปเช่นกัน หลังประทับตราเขาก็โยนมันเข้าไปที่คิ้วจั๋วจื่อชิว
“แกจะทำอะไรกับฉัน ?” จั๋วจื่อชิวขนลุกขนพอง ความรู้สึกเขาเหมือนกับเหยียนชง สันหลังเย็นวาบ เหมือนว่ามีมีดปักอยู่ที่ท้ายทอยราวกับว่าชีวิตของเขาสิ้นสุดลงได้ทุกเมื่อ!