บทที่ 231: คุ้มกันสมบัติ
5 มิถุนายน มันเป็นค่ำคืนที่มีดาวเต็มท้องฟ้า
รถไฟสีเขียวแล่นไปตามรางมุ่งหน้าสู่เมืองตงไห่ มันดูเก่าและถูกใช้งานมาหลายสิบปี ส่วนใหญ่ของขบวนเต็มไปด้วยสินค้าและมันก็มีผู้โดยสารอยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น ทั้งหมดดูเก่าเกินไปสำหรับยุคสมัยปัจจุบัน
มันไม่ใช่เรื่องปกติเลยที่จะเห็นรถไฟที่มีอายุมากกว่า 20 ปียังคงถูกใช้งานอยู่ นอกจากนี้ ในสังคมที่ขับเคลื่อนด้วยสถานะ ภาพลักษณ์และชื่อเสียง จะมีใครนึกถึงรถไฟที่เก่าคร่ำครึแบบนี้ในฐานะของพาหนะในการขนส่งเมื่อเทียบกับการขนส่งสมัยใหม่กัน ?
ปู๊นนนนนนน ! ….พร้อมกับเสียงร้องยาวและเสียงอู้อี้เบา ๆ ของกลไก ในที่สุดภาพของเมืองจุดหมายปลายทางก็ปรากฏให้เห็น ไม่ใช่ที่ใดอื่นนอกจากตงไห่และหอไข่มุกตะวันออกของมัน เหลือเวลาอีกประมาณครึ่งชั่วโมงก่อนที่จะเดินทางไปถึงสถานีตงไห่เหนือ
อย่างไรก็ตาม รถไฟขบวนนี้มีบางอย่างที่แปลกไป
มันมืดสนิท ไม่ใช่สีของขบวนรถไฟ แต่เกิดจากข้อเท็จจริงที่ว่าตู้โดยสารทั้งหมดถูกปิดด้วยผ้าม่านสีดำ ด้วยบานหน้าต่างและผ้าม่านที่ปิดสนิท ผู้คนด้านนอกจึงไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายในขบวนได้เลย
ดังนั้นจึงไม่มีใครสังเกตเห็นเลยว่าภายในตู้โดยสารนั้นเต็มไปด้วยผู้โดยสารที่เป็นผู้ชาย ผู้หญิง และเด็ก นอกจากนี้ทั้งหมดยังอยู่ในชุดสูทสีดำอีกด้วย
ไม่ว่าจะเป็นชายหนุ่มในวัย 20 กว่า ชายฉกรรจ์ในวัย 40 กว่า หรือชายสูงวัย ทั้งหมดล้วนแต่งกายด้วยชุดเดียวกัน บางคนแบกโลงศพ ในขณะที่คนอื่น ๆ ถือป้ากัวหรือที่รู้จักกันในชื่อของยันต์แปดเหลี่ยมไว้ในมือ พวกเขาทั้งหมดประจำการอยู่ในตู้โดยสารจำนวนสี่ตู้ ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว
นอกจากนี้ ภายใต้แสงไฟสีเหลืองสลัวของตู้โดยสาร คุณจะพบว่า …ตู้โดยสารพวกนี้มีแผ่นยันต์ที่ถูกวาดด้วยหมึกสีแดงสดแปะอยู่เต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นบนผนังหรือบนเพดาน ประตูทุกบานของตู้โดยสารยังถูกผูกไว้ด้วยเชือกเหรียญทองแดงโบราณจำนวนหนึ่ง ส่งผลให้ภาพทั้งหมดดูลึกลับเป็นอย่างมาก
ผู้โดยสารบางคนเล่นเกมในโทรศัพท์ของตนในขณะที่คนอื่น ๆ เพียงมองออกไปนอกหน้าต่าง แต่ถึงกระนั้นคนทั้งหมดก็จะหันกลับไปดูที่ปลายขบวนในทุก ๆ ห้านาที มันพร้อมเพรียงอย่างน่าเหลือเชื่อ แต่ก็แปลกประหลาดมากเช่นกัน
ที่ปลายสุดของรถไฟคือตู้โดยสารที่ถูกปิดสนิทด้วยเหล็กสีเทา เช่นเดียวกับรถไฟบรรทุกสินค้าขบวนอื่น ๆ อันที่จริง ตู้โดยสารตู้นี้ไม่มีหมายเลขตู้ด้วยซ้ำ ทางเข้าเพียงทางเดียวของมันถูกสร้างด้วยเหล็กกล้า แทบจะเหมือนกับมันถูกเชื่อมเข้ากับรถไฟอย่างสมบูรณ์
ดูเหมือนกับโลงศพที่ปิดตาย !
นอกจากนี้ด้านในของตู้โดยสารยังถูกประกอบด้วยผนังโลหะผสมที่มีความหนา 10 เซนติเมตรที่มียันต์ติดอยู่เต็มไปหมด อุปกรณ์ที่ถูกติดตั้งไว้ภายในนั้นล้ำสมัยอย่างถึงที่สุด มีทั้งหน้าจอควบคุม เครื่องมอนิเตอร์ และทุกอย่างที่จำเป็นสำหรับการเฝ้าระวังและติดตาม มันมากจนสามารถมองเห็นทุกซอกทุกมุมที่อยู่ด้านนอกของรถไฟได้อย่างชัดเจน แม้กระทั่งห้องน้ำเองก็เช่นกัน
ด้านในของตู้สินค้าส่องแสงสว่างจ้า เผยให้เห็นกล่องมากมายถูกวางอยู่ที่กลางตู้ ขณะที่กลุ่มชายในชุดลายพรางและอาวุธครบมือนั่งอยู่รอบ ๆ กล่องทั้งหมด แค่มองก็รู้ว่าพวกเขาไม่ใช่ทหารธรรมดา เพราะแต่ละคนล้วนปล่อยจิตสังหารที่รุนแรงราวกับวีรบุรุษในสงครามออกมา
พวกเขาคือทหารรับจ้าง
หากจะพูดให้ถูกก็คือพวกเขาคือผู้ที่มีฝีมือชั้นเลิศในหมู่ทหารรับจ้างอีกที
แต่ตอนนี้พวกเขาเพียงยืนอยู่ทั้งสองฝั่งของกล่องเท่านั้น
ที่กลางตู้โดยสารยังมีชายวัยกลางคนไปจนถึงสูงอายุในชุดสูทจีนอีกเจ็ดคนนั่งอยู่ สงบนิ่งไม่ต่างอะไรกับรูปปั้นหิน
เหล่าทหารรับจ้างอดไม่ได้ที่จะเหลือบตามองคนทั้งเจ็ดเป็นครั้งคราวด้วยหวั่นเกรง พวกเขาสามารถบอกได้เลยว่าบรรยากาศในตู้โดยสารผันผวนไปมาด้วยลมหายใจของคนพวกนี้ !
พวกเขาคือผู้ฝึกตน !
นอกจากนี้ มันเห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขาคือผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่ง อย่างน้อยที่สุด ผู้ที่สามารถมีอิทธิพลต่อสิ่งแวดล้อมโดยรอบเช่นนี้ได้ก็ต้องอยู่ขั้นนักล่าวิญญาณเป็นอย่างต่ำ และหากพูดกันตามความจริง เมื่อตั้งใจมองดี ๆ พวกเขายังสามารถเห็นกลุ่มก้อนพลังสีขาวที่หลั่งไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ดของชายสองคนที่นั่งอยู่บริเวณใจกลางของกลุ่มอีกด้วย !
พลังปราณอันล้นหลาม ขั้นนักล่าวิญญาณระดับสูง !
และสิ่งที่อยู่กึ่งกลางของจุดที่ผู้ฝึกตนทั้งเจ็ดนั่งอยู่ก็คือกล่องสีดำขนาดเล็กที่ถูกปิดผนึกไว้ทุกด้าน ระบบการล็อกของมันนั้นเป็นชนิดที่แม้แต่หัวขโมยที่มีฝีมือก็ยังต้องตกตะลึงเมื่อได้เห็น ไม่เพียงล็อกด้วยตัวเลข ม่านตา และลายนิ้วมือเท่านั้น แต่มันยังมีระบบอื่น ๆ ที่ไม่สามารถถอดรหัสได้อีกด้วย !
ขณะที่รถไฟยังคงเคลื่อนที่ไปเรื่อย ๆ ชายสูงวัยที่นั่งอยู่ตรงกลางก็ค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้นและมองไปรอบ ๆ ก่อนเสียงแหบพร่าจะพลันดังขึ้นท่ามกลางตู้โดยสารที่เงียบสนิท “ตงไห่อย่างนั้นหรือ…”
“เราน่าจะเดินทางไปถึงที่สถานีในอีก 32 นาทีครับ” หนึ่งในทหารรับจ้างเอ่ยออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ผู้รับได้มาถึงที่สถานีแล้ว ตรวจสอบให้แน่ใจว่าสินค้ามาถึงอย่างปลอดภัย”
ชายชราหรี่ตาลงและมองไปที่หน้าจอมอนิเตอร์ “รายงานจากทางนั้นล่ะ ? ที่สถานีมีอะไรผิดปกติหรือเปล่า ? พวกเขากันคนออกไปทั้งหมดแล้วหรือยัง ?”
ทหารรับจ้างส่ายศีรษะ “พวกเราเดินทาง 35 ชั่วโมงโดยใช้เส้นทางรถไฟบรรทุกสินค้าทั่วไป และจุดหมายปลายทางของเราก็คือสถานีตงไห่เหนือ ซึ่งมีจำนวนผู้ใช้งานน้อยที่สุด ผู้คนส่วนใหญ่ในสมัยนี้เลือกที่จะใช้รถไฟความเร็วสูงเสียมากกว่า นอกจากนี้กว่าเราจะถึงก็เป็นเวลาดึกมากแล้ว ดังนั้นมันจึงแทบจะไม่มีคนเหลืออยู่ที่สถานีแล้วครับ”
ชายสูงวัยพยักหน้าและถอนหายใจออกมายาวเหยียดก่อนจะเอ่ยว่า “คุณเอาตัวเองเข้ามาพัวพันกับสมบัติชาติของทั้งสองชาติได้อย่างไรกัน… หัวหน้าใหญ่ชู ครั้งนี้คุณทุ่มหมดหน้าตักจริง ๆ สินะ”
ผู้ฝึกตนขั้นนักล่าวิญญาณอีกคนหนึ่งคือชายในวัย 60 กว่า ใบหน้าของเขายาวและมีสีแดงเล็กน้อย จอนผมทั้งสองข้างที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนและร่างกายที่ใหญ่กว่าคนทั่วไป เขาลืมตาขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดของสหายร่วมชาติ “คุณจะพูดอย่างนั้นก็ได้ โรงประมูลเจียเต๋อคงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าระดมผู้ฝึกตนขั้นนักล่าวิญญาณมาหนึ่งคน ผมคงไปขอความช่วยเหลือจากคุณหากไม่ใช่เพราะข้อเท็จจริงที่ว่าถ้วยใบนี้มีชื่อเสียงที่ชั่วร้ายและแผ่รัศมีชั่วร้ายออกมา จิงเหล่าซาน สำหรับการคุ้มกันในครั้งนี้ ผมติดหนี้กลุ่มพันธมิตรผู้ฝึกตนตะวันออกเฉียงเหนือครั้งใหญ่ …นี่คือสิ่งที่ผมจะไม่มีวันลืม”
ชายชราพยักหน้าเบา ๆ แต่ขณะที่พวกเขากำลังจะหันกลับมาสนใจหน้าที่คุ้มกันสินค้าตามเดิม ทั้งสองก็พลันเงยหน้าขึ้นพร้อมกันและจ้องไปที่ทางเข้าของตู้โดยสาร
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก… หัวใจของพวกเขาเริ่มเต้นเร็วขึ้นจนได้ยินเสียงอยู่ภายในหู ความรู้สึกของพวกเขาพุ่งสูงขึ้น เม็ดเหงื่อเย็นเริ่มผุดพรายขึ้นบริเวณหน้าผาก แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ขั้นนักล่าวิญญาณ แต่ฟันของทั้งคู่ก็เริ่มกระทบกันอย่างไม่สามารถควบคุมได้
วินาทีนั้นพวกเขากลับรู้สึกถึงความหวาดกลัว
และถูกถาโถมด้วยความหวั่นสะพรึง
มันเหมือนกับว่าความตายได้มาเยือน สายลมเย็นยะเยือกพัดผ่านบริเวณหลังลำคอ
“แจ้งเตือนระดับ 1 !!!” พร้อมกับเสียงตะโกนที่ดังขึ้น นักล่าวิญญาณทั้งสองลุกขึ้นยืนและถอยหลังไปที่ผนังตู้โดยสาร มือทั้งสองข้างของพวกเขาเตรียมพร้อมที่จะเปิดใช้อาณาเขตเวททันทีที่เห็นสัญญาณอันตราย
พรึ่บ ! ไม่จำเป็นต้องเอ่ยถาม ทหารรับจ้างทั้งหมดยกปืนขึ้นและคุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้น อยู่ในท่าพร้อมยิงขณะที่หลบอยู่ด้านหลังที่นั่งหรือตู้ที่อยู่ใกล้ตัวเองที่สุด เวลานี้พวกเขาแต่ละคนไม่ต่างอะไรกับนักล่าผู้ช่ำชอง เพียงครู่เดียว จุดเลเซอร์สีม่วงนับสิบถูกเล็งไปที่ทางเข้าของตู้โดยสาร
มันคือปืนไรเฟิลเจาะเกราะ Barrett XM109
มันถูกขนาดนามว่าเป็นปืนไรเฟิลที่แข็งแกร่งที่สุด ด้วยกระสุนขนาด 30 มม.ที่สามารถเจาะทะลุแผ่นโลหะที่หนาอย่างน้อย 50 มม.ได้ นอกจากนี้… กระสุนที่พวกเขาใช้ตอนนี้ก็เป็นกระสุนพิเศษที่ได้รับการออกแบบและคิดค้นโดย SRC มันคืออาวุธล่าสุดที่พวกเขาพัฒนาขึ้นมา
ทุกอย่างเงียบสนิท
เสียงหายใจดังขึ้นเบา ๆ บรรยากาศโดยรอบถูกปกคลุมด้วยจิตสังหารที่รุนแรงขณะที่สายตาหลายสิบคู่จับจ้องไปที่ประตูทางเข้าเขม็ง
หนึ่งวินาที… ห้าวินาที… สิบวินาทีผ่านไป ทุกอย่างยังคงเงียบสงัดอย่างที่เคยเป็นมา ไม่มีร่องรอยของการเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย ผู้ฝึกตนขั้นยมเทพทั้งหมดหันไปมองขั้นนักล่าวิญญาณทั้งสองด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ
แต่ชายสูงวัยทั้งสองกลับไม่มีท่าทีอ่อนลงเลยแม้แต่น้อย อันที่จริง พวกเขากำลังขนลุกซู่ไปทั่วร่าง
ไม่… ไม่ใช่ !
มีบางอย่างอยู่ที่นี่… มันไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่สามารถระบุตำแหน่งของอีกฝ่ายได้ แต่มันเป็นเพราะฝ่ายตรงข้ามนั้นแข็งแกร่งจนการปรากฏตัวตนของพวกเขาได้กลืนกินพวกเราให้เข้าไปอยู่ในหุบเหวแห่งความหวาดกลัว !
ฟิ้ว… ทันใดนั้นเองพวกเขาทั้งหมดก็ต้องตกตะลึง และทหารรับจ้างทั้งหมดก็รีบยกอาวุธของตนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
มีลม !!
จู่ ๆ สายลมที่น่าขนลุกก็พัดเข้ามาภายในตู้โดยสารที่ปิดสนิท
ยันต์ที่อยู่บนผนังเริ่มกระพืออย่างแรง และแม้แต่มนุษย์ธรรมดาในหมู่พวกเขาก็รู้สึกราวกับว่าพวกตนกำลังถูกจับตามองโดยนักล่าที่น่ากลัว ความรู้สึกหวาดกลัวเข้าเกาะกุมหัวใจ
อันที่จริง มันเป็นความรู้สึกที่รุนแรงและกะทันหันจนพวกเขารู้สึกว่าหัวใจของตัวเองสามารถหยุดเต้นได้ในทุก ๆ วินาทีเลยด้วยซ้ำ
บางสิ่งบางอย่าง… กำลังจับตาดูพวกเขาอยู่ !
บางสิ่งบางอย่างกำลังซ่อนตัวอยู่ในความมืด จ้องมองมาที่พวกเขาอย่างน่ากลัว !!!
“วิญญาณร้าย !” หัวหน้าใหญ่ชูกัดริมฝีปากของตนอย่างแรงและระงับอาการขนลุกของตัวเองพร้อมกับหันไปกระซิบกับจิงเหล่าซาน “นี่จะต้องเป็นวิญญาณร้ายที่มีอายุอย่างน้อยร้อยปี…”
ร่างของเขาโค้งงอเล็กน้อยขณะที่กล้ามเนื้อเริ่มขยายขึ้นจนชุดที่สวมอยู่ยืดออกจนถึงขีดสุด มันดูราวกับว่าพวกมันสามารถระเบิดออกมาได้ตลอดเวลา !
ฟึ่บ ! ทันใดนั้นคนทั้งหมดก็ต้องตกตะลึงเมื่อพวกเขาหันไปดูหนึ่งในหน้าจอมอนิเตอร์
มันดับไป
หลังจากนั้นไม่นาน จอที่สองก็ดับไป จากนั้นก็จอที่สาม ฟึ่บ ! ฟึ่บ ! ฟึ่บ ! ฟึ่บ ! สุดท้าย หน้าจอทั้งหมดก็ดับไปในเวลาไม่ถึง 20 วินาที !
“เวรเอ้ย…” หนึ่งในเหล่าทหารรับจ้างเริ่มตัวสั่นอย่างไม่สามารถควบคุมได้ขณะที่เขากระชับมือที่จับปืนแน่น
งานของเขาทำให้เขาได้เดินทางไปยังสถานที่มากมาย รวมถึงสงครามระหว่างประเทศ แต่สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นก็ยังดูแปลกประหลาดสำหรับเขาอยู่ดี
มันไม่ได้เหมือนกับว่ามีใครบางคนทำลายระบบเฝ้าระวังทั้งหมดพร้อมกันในคราวเดียว
แต่มันดูเหมือนกับว่ามีใครบางคนวิ่งผ่านตู้โดยสารสิบตู้ภายในเวลาไม่กี่วินาที ! และกองกำลังที่มองไม่เห็นนี้ก็ดูเหมือนจะไม่สามารถหยุดยั้งได้เลยสักนิด !
มันมาแล้ว… มีบางอย่างอยู่ภายในตู้โดยสารตอนนี้…
ร่างสีดำในชุดนินจากำลังหมอบอยู่บนหลังคาของขบวนรถไฟขณะที่พลังหยินสีดำแผ่ออกมาจากร่าง มันดูราวกับว่าคนผู้นี้คือเทพแห่งความตายที่ปีนออกมาจากก้นเหวที่ลึกที่สุดของยมโลกไม่มีผิด
“คาถาอัญเชิญ…” ร่างสีดำนั่นประสานอินอย่างรวดเร็วก่อนจะยื่นมือออกไปด้านหน้า “แมงมุมดินหลี่กุ้ย”
ฟึ่บ ! ม้วนคัมภีร์ที่เต็มไปด้วยพยังหยินก็พุ่งออกมาจากแขนเสื้อของร่างนั้นและคลายตัวออกในอากาศ วินาทีต่อมาเสียงกรีดร้องที่โหยหวนก็ดังขึ้นให้ได้ยิน
“เจ้าอัญเชิญแมงมุมดินหลี่กุ้ยแล้วอย่างนั้นหรือ ?” น้ำเสียงที่ปราศจากซึ่งความรู้สึกดังขึ้นจากความว่างเปล่า “ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก”
พรึ่บ… ดวงตาสีแดงก่ำของนินจาตนนั้นเป็นประกายวาวโรจน์ขึ้นราวกับเต็มไปด้วยความเกลียดชังที่มีต่อแดนมนุษย์ เขาแค่นหัวเราะออกมาก่อนจะเอ่ยว่า “จงอย่าลืมว่า Scarlet 17 ตายอย่างไร… มันเป็นฝีมือของยมทูตจีน แม้ว่าพวกเราจะรู้ว่ายมโลกได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เมื่อร้อยปีก่อน แต่มันก็เป็นการดีกว่าที่จะไม่ประมาทพวกมันจนกว่าเราจะรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับยมโลกที่ครั้งหนึ่งเคยทรงอำนาจมากที่สุดกันแน่”
เกิดความเงียบขึ้นครู่หนึ่งก่อนที่เสียงตอบจะดังขึ้น “แต่ทั้งหมดนั้นเป็นเพียงอดีต !”
“แม้ว่ามันจะเป็นอดีต…” นินจาตนนั้นเปลี่ยนร่างเป็นสายลม “เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่านี่ไม่ใช่คำเตือนจากยมทูตจีน ? เจ้าจำไม่ได้หรือว่ากลุ่มขนนกทมิฬที่ถูกส่งมาแย่งวิญญาณกลุ่มล่าสุดยังไม่ได้กลับไปรายงานตัวเลยด้วยซ้ำ แล้วเจ้าคิดจริง ๆ น่ะหรือ… ว่าการตายของ Scarlet 17 เป็นเพียงแค่เหตุบังเอิญ ?”
“ตอนนี้พวกเรากำลังอยู่นอกอาณาเขตของตัวเอง ท่านอิซานามิคงไม่สามารถทำอะไรได้มากหากเราถูกยมทูตจีนพวกนั้นสังหาร”
ร่างของเขาค่อย ๆ จางหายไปและนกตัวหนึ่งก็ปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่าพร้อมกับเกาะลงบนหลังคาของตู้โดยสาร
แต่หากได้สังเกตดี ๆ คุณจะพบว่านั่น… ไม่ใช่นกเลยสักนิด !!
ร่างของมันเน่าเละ ในขณะที่แววตาของมันวาวระยับราวกับแววตาของมนุษย์ แต่สีของมันกลับแดงก่ำและเต็มไปด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า
มันจ้องไปที่ทะเลตะวันออกซึ่งอยู่ห่างออกไป “สรุปแล้วพวกเราควรถอนกำลังจากที่ทะเลตะวันออกหรือไม่ ?”
“แต่พวกเราจะสามารถอยู่เฉย ๆ และมองดูดวงวิญญาณของราชาปีศาจแห่งสวรรค์ชั้นที่ 6 ตกไปอยู่ในมือของจีนได้อย่างไร ?!”
“ผู้ใดที่กล้ามาขวางทางนินจาลับแห่งคามากุระจะต้องชดใช้ด้วยชีวิต !”
…………………………………………………..
หม่าหยวนคุนละสายตาจากหน้าต่างพร้อมกับขมวดคิ้วยุ่งเล็กน้อย
เขารู้สึกว่าการเดินทางในครั้งนี้ของตนน่าเบื่อหน่ายอย่างเหลือเชื่อ
ตอนนี้เขานั่งอยู่ในตู้โดยสารตู้ที่ห้า รถไฟขบวนนี้มีตู้โดยสารทั้งหมด 15 ตู้ สี่ตู้สำหรับผู้โดยสาร พวกเขาเป็นหนึ่งในหมู่ผู้ฝึกตนขั้นยมเทพระดับต้นที่ได้รับมอบหมายภารกิจมาจากโรงประมูลเจียเต๋อ สิ่งที่แปลกของภารกิจนี้ก็คือมันไม่มีรายละเอียดอะไรเกี่ยวกับภารกิจเลยนอกจากข้อกำหนดหนึ่งข้อ “ต่อต้านและป้องกันเมื่อยามจำเป็น”
ทำไมเขาถึงต้องมาอยู่บนรถไฟ ? ไม่รู้ !!
สิ่งที่เขาต้องป้องกันคืออะไร ? ไม่รู้ !!
‘ยามจำเป็น’ ที่ว่านี่คือเมื่อไหร่ ? ไม่รู้เช่นกัน !!
แต่ทุกคนก็ยังรู้สึกสบายใจตลอดการเดินทาง ถึงแม้ว่าพวกเขาจะคิดว่า ‘ยามจำเป็น’ ที่ระบุไว้น่าจะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ แต่พวกเขาก็ยังสบายใจ
เพราะว่าที่นี่คือตงไห่….
ที่นี่คือศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของจีน แม้ว่าสถานที่ส่วนอื่น ๆ ของจีนจะกำลังเกิดปัญหาจากเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ แต่ทางเมืองเยียนจิงก็จะทำทุกอย่างที่พวกเขาทำได้เพื่อรักษาความปลอยภัยของที่นี่
ทว่าทันใดนั้นเองเขาก็ต้องชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะมองไปนอกหน้าต่างตาโตราวกับเห็นผี !