บทที่ 262: พันปักษา (3)
วิญญาณนับพันหนีหาย ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่สามารถเข้ามาได้
ห้องเก็บสินค้ายังคงถูกปกคลุมด้วยความเงียบ รูรั่วมากมายบริเวณท้องเรือที่ควรจะมีน้ำไหลเข้ามากลับมีเพียงเปลวไฟนรกไหลเข้ามาแทน ผู้ใดก็ตามที่ได้มายืนอยู่ที่ใจกลางห้องในตอนนี้จะรู้สึกว่าตนกำลังยืนอยู่เบื้องหน้าเตาไฟขนาดใหญ่ที่น่าสยดสยอง ดวงตาทั้งสามคู่จับจ้องไปที่ดวงตาที่ลุกโชนทั้งสามเขม็ง บรรยากาศในตอนนี้ตึงเครียดจนสามารถได้ยินเสียงดังเบา ๆ ของดาบที่ขยับไปมาในอากาศ
แหมะ… เม็ดเหงื่อเย็นหยดลงมาจากปลายจมูกของทาดายูกิ ดาบที่มีใบมีดสีขาวราวหิมะของเขาถูกกำแน่นอยู่ในมือ ใบมีดของมันสะท้อนให้เห็นถึงใบหน้าที่เคร่งขรึมอย่างเห็นได้ชัด และในวินาทีที่เม็ดเหงื่อหยดลงพื้น ทาจิบานะ โดเซ็ตสึก็เริ่มจู่โจม
ความเงียบงันถูกทำลายลงโดยเสียงร้องโหยหวน และอากาศภายในห้องเก็บสินค้าก็เริ่มจะบิดเบี้ยวด้วยสายฟ้าสีดำที่รุนแรง ในขณะเดียวกันนาโอมาสะก็ตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่งขณะที่เขาลากหอกขนาดใหญ่ของตัวเองไปตามพื้น เกิดเป็นประกายไฟในทุกจุดที่มันถูกลากผ่าน ทุกก้าวที่เขาเดินทำให้เรือทั้งลำสั่นไหว พลังหยินมากมายรีบพุ่งเข้ามารวมตัวกันภายในร่างของเขา จากนั้นท่ามกลางเสียงร้องอันเกรี้ยวกราดของวิญญาณร้าย พร้อมกับหน้ากากปีศาจสีแดงที่ปกคลุมใบหน้าของเขาอยู่ เขาก็พุ่งเข้าหามนุษย์ทั้งสามทันที !
ความเร็วในการพุ่งเข้ามาของเขานั้นเร็วเกินกว่าที่มนุษย์ทั้งสามจะสามารถตอบสนองได้ทัน นี่คือการต่อสู้ที่ปฏิกิริยาตอบโต้ทั้งหมดของพวกเขาถูกสร้างมาจากการฝึกฝนอย่างหนักมานานหลายปี ทว่าก่อนที่ทาดายูกิจะขยับตัว โดจินซังก็ตบฝ่ามือลงบนพื้นอย่างแรง และในเสี้ยววินาทีต่อมา คลื่นเงินจำนวนหนึ่งก็พุ่งขึ้นไปด้านบน เกิดเป็นอักขระภาษาสันสกฤตที่จางหายไปอย่างรวดเร็วดั่งเช่นตอนที่มันปรากฏขึ้น
ตู้ม !
ทาดายูกิเพิ่งอยู่แค่ขั้นนักล่าวิญญาณเท่านั้น แล้วเขาจะสามารถตอบสนองการโจมตีของขั้นยมทูตขาวดำได้อย่างทันเวลาได้อย่างไร ? เขาสามารถทำได้เพียงนำโอริงามิของตนออกมาขณะที่พื้นดินเริ่มสั่นสะเทือน ราวกับเรือสำราญได้ถูกแยกออกเป็นสองฝั่ง
แสงสีเงินสว่างวาบขึ้นจากจุดที่คลื่นดังกล่าวหายไป และคลื่นสึนามิพลังหยินก็พุ่งเข้าใส่แสงจันทร์เดือนหงายอย่างแรง จากนั้น ขณะที่มันเข้ามามาใกล้ พลังหยินพวกนั้นก็เปลี่ยนร่างเป็นนกหลายพันตัวที่บินเข้ามาในช่องว่างของอาณาเขตแสงจันทร์เดือนหงาย พร้อมกับสายฟ้าสีดำที่น่าสะพรึงกลัว
“บัดซบ !!!” โดจินซังตะโกนอออกมาอย่างเดือดดาลขณะที่เขาเริ่มประสานอินอีกครั้งและประกบฝ่ามือเข้าด้วยกัน ฟึ่บ ! แสงจันทร์เดือนหงายเปล่งประกายแสงสีเงินออกมาอีกครั้ง กีดขวางวิญญาณทั้งหมดที่พยายามแทรกตัวเข้ามาได้อย่างรวดเร็ว
พลังปราณของโดจินซังเปลี่ยนร่างเป็นดอกบัวสีเงินขนาดใหญ่ที่ลอยไปมา แทบจะเหมือนกับว่ามันหลุดออกมาจากดินแดนของพระพุทธไม่มีผิด นกวิญญาณที่บินเข้ามาต่างกลายเป็นเพียงกลุ่มก้อนพลังหยินทันทีที่ปะทะเข้ากับกำแพงสีเงินนี้ แต่ถึงกระนั้น… เสียงกรีดร้องที่ดังออกมานั้นกลับฟังไม่เหมือนกับเสียงของนกเลยสักนิด แต่มันดูราวกับเสียงร้องของมนุษย์
“อ๊ากกก…”
“ไม่… ข้ายังไม่อยากตาย…”
“ฮือออ… ฮือออ… เจ็บ… ทรมานเหลือเกิน…”
เสียงร้องคร่ำครวญของเหล่าวิญญาณที่กำลังทรมาน แทบจะเหมือนกับว่าพวกมันจะสร้างความรู้สึกหดหู่ขึ้นมาในจิตใจส่วนลึกของผู้ที่ได้ยิน เหล่าวิญญาณที่อยู่ด้านนอกแสงจันทร์เดือนหงายนั้นมีมากมายราวมหาสมุทร ด้วยการพังทลายของพันปักษา กลุ่มพลังหยินที่หนาแน่นก็เข้าปกคลุมรอบอาณาเขตแสงจันทร์เดือนหงายทันที ไม่หลงเหลือพื้นที่ให้พวกเขามองเห็นสิ่งอื่น ๆ ที่อยู่ด้านนอกอีกต่อไป
มันแทบจะเหมือนกับว่า… พวกเขาได้ลงมาในส่วนที่ลึกที่สุดของนรก
อึก… ทุกอย่างเกิดขึ้นภายในชั่วพริบตา การระเบิดของการทำลายล้าง ตามมาด้วยช่วงเวลาแห่งความเงียบงัน และมันก็เป็นวินาทีนี้เองที่ทาดายูกิตระหนักได้ว่าแผ่นหลังของเขาทั้งหมดเปียกโชก เขาลอบกลืนน้ำลายอย่างหวั่นใจ
พวกเขาไม่สามารถหยุดวิญญาณพวกนี้ได้…
ทาดายูกิที่เห็นเช่นนี้ก็รับรู้ในทันที แม้แต่แสงจันทร์เดือนหงายก็คงไม่สามารถปัดป้องการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามได้ ! นี่คือไพ่ตายที่แข็งแกร่งที่สุดของภูเขาโคยะ แต่มันกลับไม่สามารถใช้ป้องกันการโจมตีธรรมดา ๆ ของวิญญาณร้ายพวกนี้ได้เลย !
เราตาย… เราจะต้องตายแน่ ๆ…
หัวใจของเขาเต้นอย่างบ้างคลั่ง แต่ก่อนที่เขาจะทันได้เอ่ยอะไรออกมา ความหวาดกลัวก็แผ่ซ่านไปทั่วร่างตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ร่างของเขาสั่นเทาและขนลุกไปหมด
ตอนนี้ภายในห้องเก็บสินค้าถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบที่แสนจะบีบคั้น นอกจากแสงสีเงินอ่อน ๆ จากแสงจันทร์เดือนหงาย โดยรอบของพวกเขาก็ถูกบดบังด้วยความมืดของกลุ่มก้อนพลังหยินที่หนาแน่นโดยสมบูรณ์ และทันใดนั้นเอง ดวงตาสีแดงหลายคู่ก็ปรากฏขึ้นในความมืด
หนึ่งคู่… สองคู่… สิบคู่… ร้อยคู่…
มันแทบจะเหมือนกับว่าพวกเขาเดินไปตามทุ่งหญ้าในตอนกลางคืน ล้อมรอบด้วยความมืดมิด และวิญญาณจำนวนมากก็กำลังจับจ้องมาที่พวกเขาอย่างไม่ละสายตา ปิดกั้นแหล่งกำเนิดเสียงทั้งหมดและแทนที่ด้วยความหวาดกลัวที่ไม่รู้จบ
“ช่างน่าประหลาดใจจริง ๆ ที่เจ้าสามารถสกัดกั้นพันปักษาของข้าได้… ดูเหมือนว่าภูเขาโคยะจะไม่ได้หย่อนยานลงแม้ว่าจะผ่านมาร้อยกว่าปีแล้วก็ตาม…” เสียงแหบพร่าดังขึ้นในความมืด ส่งผลให้พลังหยินที่อยู่ด้านนอกเริ่มผันผวนอีกครั้ง และทันใดนั้นเอง ราวกับตระหนักถึงเรื่องบางอย่างได้ โดจินซังแน่นิ่งไปด้วยความหวาดกลัว เขาก้าวถอยหลังตามสัญชาตญาณทันที
นี่ไม่ใช่การไหลของพลังหยิน…
มันเป็นเหมือนกับสมอที่จมอยู่ที่ก้นทะเลสาบ ทุกครั้งที่มันขยับ กระแสน้ำโดยรอบจะถูกกวน
อีกความหมายหนึ่งก็คือ มันมีบางสิ่งบางอย่างที่น่ากลัวที่เพิ่งก่อตัวขึ้นในกลุ่มก้อนพลังหยินที่หนาแน่นนี้ มันมีขนาดใหญ่และน่ากลัวเป็นอย่างมาก… มากจนสามารถกวนกระแสพลังหยินที่อยู่โดยรอบได้ ดังเช่นเดียวกับแรงที่ทำให้โลกหมุนไปตามแกนของมัน
“ดังนั้น… เพื่อเป็นการตอบแทนกับความพยายามของพวกเจ้า ข้าจะใช้กำลังทั้งหมดของตัวเองในการแสดงคำขอบคุณ…”
รูม่านตาของโดจินซังหดตัวเล็กลงทันที เหงื่อไหลซึมออกมาจากทุกรูขุมขนบนร่างกาย ทั้งเขาและจินโกซังต่างเอนหลังพิงกันและกันโดยที่อ้าปากค้างขณะมองไปที่ความมืดรอบ ๆ ตัวอย่างเหลือเชื่อ
สายลมรุนแรงพัดเข้ามาภายในห้องพร้อมกับคำพูดแต่ละคำที่ถูกเปล่งออกมา และแม้ว่ามันจะดูไม่เป็นอันตรายใด ๆ แต่ทุกครั้งที่มันปะทะเข้ากับอาณาเขตของแสงจันทร์เดือนหงาย อาณาเขตของพวกเขาก็อ่อนลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งหายไปโดยสมบูรณ์ ! มันแทบจะเหมือนกับว่า… ต้นกำเนิดของสายลมพวกนี้คือลมหายใจของอสูรร้ายยุคก่อประวัติศาสตร์ !
“ให้ตายเถอะ…” จินโกะซังกลืนน้ำลายด้วยความหวั่นเกรง ร่างกายสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว เขากำไม้อักขระในมือของตนแน่น
นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกสิ้นหวังเมื่อต้องเผชิญหน้ากับวิญญาณร้าย
ตู้ม.. ตู้ม !
พร้อมกับเสียงระเบิดที่ดังลั่น อสูรที่น่าสะพรึงกลัวทั้งสองตนก็ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าของพวกเขา !
อสูรทางด้านซ้ายมีใบหน้าสีเขียวพร้อมด้วยเขี้ยวยาวออกมา และผมของมันก็สยายไปในอากาศ ดวงตาสีแดงจำนวนมากปรากฏไปทั่วตัว มันมีหัวสามหัวและแขนหกข้าง พร้อมทั้งสวมสร้อยคอที่ทำจากโครงกระดูกของมนุษย์ ในมือทั้งหกของมัน มีมือสองข้างที่ใช้นิ้วกลางประกบเข้ากับนิ้วหัวแม่มือ อีกมือหนึ่งถือกระบี่ ในขณะที่อีกมือหนึ่งดูเหมือนกับกำลังกดอะไรบางอย่าง ขาซ้ายของมันถูกวางอยู่บนต้นขาขวา ในขณะที่ขาขวาของมันดูเหมือนกับกำลังยืนอยู่บนดอกบัวสีดำ พลังหยินหลั่งไหลออกมาจากร่างราวกับคลื่น
อสูรทางด้านขวามีเส้นผมสีขาวและเขี้ยวยาวที่ยื่นออกมาจากปาก และมีสองใบหน้าในหัวเดียว ร่างของมันเป็นสีแดงเข้ม และสวมเครื่องประดับที่ทำจากกระดูกของมนุษย์อยู่เต็มไปหมด มันกวัดแกว่งหอกในมืออย่างน่ากลัว พลังหยินหลั่งไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ดในทุกครั้งที่มันหายใจ เกิดเป็นภาพของวิญญาณร้ายจาง ๆ ก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็ว เท้าทั้งสองข้างยืนอยู่บนหัวกะโหลกของมนุษย์ซึ่งลุกโชนด้วยเปลวไฟนรกที่รุนแรง
“นี่มัน… รากษส…” ทาดายูกิทรุดลงกับพื้นทันที เขารู้แล้วว่าคู่ต่อสู้ในคราวนี้ไม่ใช่แค่วิญญาณร้ายธรรมดาทั่วไป แต่พวกมันคือวิญญาณที่วิวัฒนาการไปเป็นรากษส ความแข็งแกร่งของมันย่อมสูงกว่าภูตผีที่เขาเคยเผชิญหน้ามาก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัด ตัวตนที่เป็นเหมือนกับตำนานที่เขาเคยได้ยินแค่จากในเรื่องเล่า ทว่าไม่เคยเห็นมาก่อน
ความแข็งแกร่งของวิญญาณนั้นขึ้นอยู่กับสามปัจจัยหลัก ปัจจัยแรกคือความโกรธแค้นและสถานะในตอนที่ยังมีชีวิต ปัจจัยที่สองคือโอกาสที่ได้รับหลังจากที่เสียชีวิต และปัจจัยสุดท้ายที่สามารถใช้ได้กับคนเพียงไม่กี่คนที่เคยผ่านมรสุมมามากมายนับไม่ถ้วน มีแค่คนพวกนี้เท่านั้นที่จะกลายเป็นรากษสหลังจากที่ตายไป และความแข็งแกร่งของพวกเขา… ความแข็งแกร่งของพวกเขา… เดี๋ยวก่อนนะ !
เขานิ่งไป
ทันใดนั้นเขาก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้
สามตน… ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้มันมีทั้งหมดสามตน !
วิญญาณตนสุดท้ายอยู่ที่ไหน ?!
จู่ ๆ ความรู้สึกอันตรายอย่างใหญ่หลวงพลันเข้าเกาะกุมจิตใจ เขาไม่มีแม้แต่เวลาที่จะตะโกนเตือนคนอื่น ๆ และจิกเล็บลงไปในเนื้อของตัวเอง เตรียมที่จะปลดปล่อยวิชาของตนออกมา แต่ทว่า… มันกลับสายเกินไป !
เทพสายฟ้า และปีศาจแดงได้ดึงความสนใจของพวกเขาไปด้วยรูปลักษณ์ของตนจนไม่มีใครสนใจเลยว่าเงาของฉินเย่… ได้ลุกขึ้นจากพื้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เงาของเด็กหนุ่มยืนอยู่เบื้องหน้าของตน จ้องมองฉินเย่ด้วยดวงตาสีแดงก่ำขณะที่พลังหยินหลั่งไหลออกมาจากร่าง และจากนั้นมันก็ตั้งท่าจะกัดลงไปที่ลำคอของฉินเย่
“หยุดนะ !!” ทาดายูกิตะโกนออกไปสุดเสียง และรากษสทั้งสองก็ลงมือทันที
ฟึ่บ…
ทุกอย่างโดยรอบดูเหมือนจะเงียบเสียงลง
ในเวลานี้ สายลมที่พัดเข้ามาภายในห้องเก็บสินค้านั้นรุนแรงจนเกิดเป็นคลื่นเสียงที่ทรงพลังขึ้น ใบมีดแสงสีดำพุ่งขึ้นไปบนฟ้าและนกพลังหยินที่มีขนาดใหญ่กว่าสิบเมตรก็ปรากฏตัวขึ้น พร้อมกับเสียงร้องที่ดังลั่น อสูรที่กวัดแกว่งหอกสีแดงก็เดินไปตามพื้น ส่งผลให้เกิดแรงสั่นสะเทือนไปทั่ว ไม่ว่ามันจะผ่านที่ทางไหน มันก็ทิ้งไว้เพียงร่องรอยของพลังหยินที่หนาแน่นและผีเสื้อสีแดงเลือดที่กระจัดกระจายตัวไปโดยรอบอย่างรวดเร็ว
“แสงจันทร์–…” สิ่งเดียวที่โดจินซังมองเห็นในเวลานี้ก็คือพลังหยินที่ปกคลุมไปทั่วทั้งห้อง มือของเขาตั้งท่าที่จะประสานอินสำหรับวิชาต่อไป แต่กระแสพลังหยินซึ่งปกคลุมสถานที่นั้นบ้าคลั่งเกินไป มันกระแทกเข้ากับร่างของพวกเขาจนกระเด็นออกไปหลายเมตรก่อนที่คนทั้งหมดจะทันได้ตอบสนองอะไร เลือดเริ่มไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ด
ฟึ่บ ! พลังหยินที่รุนแรงพัดผ่านพื้นของห้องเก็บสินค้าราวกับคันไถขนาดใหญ่ ทว่าเทพสายฟ้าและปีศาจแดงกลับไม่แม้แต่จะมองเหล่าคนที่กระเด็นออกไปเลยแม้แต่น้อย เวลานี้ แววตาของพวกเขาวาวโรจน์ด้วยความกระหายในสิ่งที่รอคอยมานาน !
“ย๊ากกกกกกก !!!!” ปีศาจแดงเปล่งเสียงคำรามที่สั่นสะเทือนสวรรค์ออกมาขณะที่เส้นผมสีขาวของเขาสยายไปในอากาศอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นร่างทั้งร่างก็กลายเป็นสายลมพลังหยินที่พุ่งตรงไปหาร่างที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่พื้น
ในที่สุด…
ในที่สุด !!
เขาสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นลมหายใจของโอดะโนบูนางะ ชายผู้เคยที่ทำให้เขาต้องสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว !
“ท่านโนบูนางะ… ข้าอยู่นี่แล้ว… ในที่สุดข้าก็ได้พบท่านแล้ว ! ฮ่า ๆๆๆ!!!” เทพสายฟ้าเปล่งเสียงร้องที่โหยหวนออกมาขณะที่ใช้ดาบของตนแทงลงไปที่ถ้วยพระเนตรสวรรค์เปลี่ยนสีที่อยู่เบื้องหน้าของฉินเย่ ในขณะเดียวกัน เงาดำที่ปกคลุมร่างของฉินเย่ก็อยู่ห่างจากคอของเด็กหนุ่มเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น !
แต่ทันใดนั้นเอง–!
กึก… ทั้งหมดชะงักไป ดวงตาของปีศาจร้ายทั้งสามเบิกกว้างขึ้น และพวกเขาก็รีบถอยห่างจากร่างของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
จากนั้นพวกเขาก็พบว่ากระจกโบราณได้เริ่มหมุนช้า ๆ
นี่คือไพ่ตายสุดท้ายที่ใช้ปกป้องฉินเย่
“พวกเจ้าลืมอะไรไปหรือเปล่า ?” เสียงของหมิงชีหยินที่ดังขึ้นนั้นแตกต่างไปจากเดิม ราวกับมันแฝงไปด้วยความดุร้ายที่ไม่สามารถประเมินได้ “พวกเจ้ากล้าดีอย่างไรถึงทำตัวอวดดีเช่นนี้ต่อหน้าข้า ?!”
จากนั้นมันก็ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย “ข้าไม่ต้องการที่จะใช้สิ่งนี้เลยสักนิด… แต่ในเมื่อพวกเจ้าหาเรื่องตาย เช่นนั้นก็จงอย่าโทษข้าสำหรับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้…”
“ปลดปล่อย – เสียงเรียกจากนรก !!”
ความรู้สึกหวาดกลัวเกินจะบรรยายเข้าเกาะกุมหัวใจของเทพสายฟ้าในทันที เขาอ้าปากค้างอย่างตกตะลึง จากนั้น… โดยไม่เอ่ยอะไรอีก เขารีบกลายร่างเป็นกลุ่มก้อนพลังหยินที่พยายามพุ่งหนีออกไปนอกห้องเก็บสินค้า กรีดร้องออกมาเสียงดังขณะที่พยายามหนีให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ปีศาจแดงและงูพิษเองก็ทำสิ่งเดียวกัน กระแสพลังหยินสามสายพุ่งออกไปจากห้องเก็บสินค้าทั้ง ๆ อย่างนั้น หากพูดกันตามความจริง แม้แต่คุกิโยชิทากะเองก็ชะงักไปและหันไปมองที่เรือสำราญทันที
“หนีอย่างนั้นหรือ ?” หมิงชีหยินแค่นหัวเราะ “มันสายไปแล้ว แม้แต่ขั้นตุลาการนรกก็ไม่สามารถหลบหนีจากการสำแดงอำนาจอันยิ่งใหญ่ของท่านเปาได้ แล้วพวกเจ้าที่อยู่เพียงขั้นยมทูตขาวดำคิดจริง ๆ น่ะหรือว่าจะสามารถหนีรอดไปได้ ?”
สิ้นสุดเสียงพูด จุดเอกภพบนผิวกระจกที่ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยจักรวาลมากมายภายในก็ระเบิดออกมาด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ราวกับมันกำลังให้กำเนิดดวงดาวและดาวเคราะห์ดวงใหม่ !
ตู้ม !!!
ทั่วทั้งช่องแคบสึชิมะสั่นไหวอย่างรุนแรงในไม่กี่วินาทีต่อมา เปลวไฟนรกที่ไร้ขีดจำกัดปกคลุมไปทั่วบริเวณ และจากนั้น… ราวกับได้ยินเสียงเรียกขององค์จักรพรรดิ กระแสพลังหยินทั้งสามรีบพุ่งกลับไปที่เรือสำราญทันที !
มันเป็นคำสั่งที่ไม่อาจขัดขืนได้ งูพิษคือผู้ที่ช้าและอ่อนแอที่สุดในหมู่วิญญาณทั้งสาม ดังนั้น ทันทีที่พลังอันล้นหลามระเบิดออกมา เขาก็รู้ได้ทันที… พวกเขาจบแล้ว !
นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว… มันคือสิ่งใดกัน ?! แต่… ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถหลบหนีไปได้ เขาก็จะไม่ยอมปล่อยให้อีกฝ่ายได้มันไปเช่นกัน !
ซ่าาา !! เขาหมุนตัวอย่างรวดเร็วและกลายร่างเป็นงูที่พุ่งเข้าหาฉินเย่อย่างบ้าคลั่ง ต่อให้เขาต้องถูกกำจัดที่นี่ เขาก็ต้องขัดขวางการทำลายผนึกที่จองจำโนบูนางะไว้ในถ้วยของฉินเย่ให้ได้ เพราะไม่ว่าอย่างไรแล้ว เขาก็สามารถบอกได้ว่านี่คือไพ่ตายสุดท้ายของฉินเย่ ในขณะที่ฝั่งของอะซะอิ นะงะมะซะ… พวกเขายังเหลือไพ่ตายอีกหลายใบ
แต่ทันทีที่งูพิษพุ่งไปถึงที่ตรงหน้าของฉินเย่ พลังหยินที่รุนแรงก็ปะทุออกมาจากร่างของเด็กหนุ่ม จากนั้นลำแสงสีขาวปรากฏขึ้นกลางอากาศ หมุนไปรอบ ๆ ร่างของอีกฝ่ายราวกับร่มขนาดใหญ่ที่ป้องกันไม่ให้มันพุ่งเข้าไป
“นี่มัน…” งูพิษตกตะลึง จากนั้นมันก็ได้เห็นภาพที่ทำให้จิตวิญญาณของมันรู้สึกเย็นยะเยือก
ฉินเย่ลืมตาขึ้นช้า ๆ
และทันทีที่เขาลืมตา พลังหยินที่รุนแรงก็ปะทุออกมาจากร่างพร้อมกับที่เขาเข้าสู่สถานะยมทูตอย่างรวดเร็ว ม่านตาสีดำ รูม่านตาสีขาวราวหิมะ ผมยาวสีเขียวหยกสยายไปในอากาศและลิ้นที่ยื่นยาวออกมาจากปาก ฉินเย่แย้มยิ้มออกมาขณะที่กระแสน้ำวนพลังหยินที่มีความกว้างประมาณสิบเมตรซึ่งก่อตัวอยู่ด้านหลังของเขาค่อย ๆ เปิดออก จากนั้น เสียงดังกังวานของม้าศึกก็ดังขึ้น !
“ดูเหมือนว่าจะทันเวลาพอดีสินะ” ฉินเย่ลุกยืนขึ้นขณะที่ดวงตาสีแดงก่ำหลายคู่ปรากฏขึ้นด้านหลัง และดวงตาทุกคู่ก็กำลังจับจ้องไปที่งูพิษตรงหน้า
เขากลับมาแล้ว… !
มันแทบจะเหมือนกับว่าเขาเพิ่งคลานกลับขึ้นมาจากแม่น้ำสายยาวแห่งกาลเวลา… !!
ผ่านความทรงจำมากมายนับร้อยปี…
ราชาปีศาจแห่งสวรรค์ชั้นที่ 6 …ได้กลับมาแล้ว !
“อ่าาา… ข้าไม่คิดเลยว่าท่านจะเป็นบุคคลแรกที่มาต้อนรับข้าถึงที่… พ่อตาที่รัก….” น้ำเสียงตื่นเต้นดังก้องไปทั่วขณะที่ศีรษะขนาดใหญ่ยื่นออกมาจากกระแสน้ำวน “จงสั่นสะท้านต่อหน้าข้า… ญี่ปุ่นเอ๋ย… ข้า ราชาปีศาจแห่งสวรรค์ชั้นที่ 6 ได้กลับมาแล้ว !!!”