ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] – ตอนที่ 266: ฮนดะ เฮฮาจิ ทาดาคัตสึ (4)

บทที่ 266: ฮนดะ เฮฮาจิ ทาดาคัตสึ (4)

ศพบริสุทธิ์

นี่คือความคิดแรกที่แว่บเข้ามาหัวของหมิงชีหยิน

คำนี้ใช้พูดถึงปรากฏการณ์ที่จะเกิดขึ้นเฉพาะกับดวงวิญญาณของนักรบและทหารที่แข็งแกร่งที่สุด ผู้ที่ไม่เคยได้รับบาดแผลมาแม้แต่ครั้งเดียวในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ ในความเป็นจริง มันถือว่าเป็นปรากฏการณ์ที่หาได้ยากยิ่งซึ่งเคยเกิดขึ้นเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นในประวัติศาสตร์ของจีน และนั่นก็คือหนึ่งในราชันย์วิญญาณทั้งหก จ้าวหวิน หรือที่รู้จักกันในนามจูล่งนั่นเอง

ดวงวิญญาณของศพเหล่านี้จะเต็มเปี่ยมไปด้วยความแข็งแกร่งแม้ว่าจะตายไปแล้วและพวกเขาจะสามารถพัฒนาไปอยู่ในระดับของภูตผีคลุ้มคลั่งได้อย่างรวดเร็ว หากพูดกันตามตรง ทาดาคัตสึนั้นไม่ได้เป็นศพบริสุทธิ์โดยสมบูรณ์ เพราะในวัยชรา เขาได้รับบาดแผลเล็กน้อยที่บริเวณแขน

แต่เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว

เขาได้รับความแข็งแกร่งที่ทำให้เขาไร้เทียมทานในหมู่ผู้ที่อยู่ในขั้นพลังเดียวกัน อย่างน้อยที่สุด มันก็เพียงพอที่จะรับมือกับยมทูตที่ไม่มีศาสตร์แห่งนรกให้ใช้อย่างฉินเย่

หากพูดกันตามตรง เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่ฉินเย่จะสามารถรับมือได้โดยไม่ระเบิดพลัง ‘คอสมอส’ ของตัวเอง [1]

แต่น่าเสียดาย โลกของจ้าวนรกนั้นไม่มีของอย่าง ‘คอสมอส’ ที่ว่านั่น…

หมิงชีหยินมองด้านบนและเห็นมือที่อยู่บริเวณปลายอีกด้านหนึ่งของหอก

มันถูกย้อมไปด้วยสีแดงฉาน

นี่คือ… มือของคนเป็น

หัวใจของหมิงชีหยินเต้นแรงขึ้น หมายถึง… มันคงจะเต้นแรงหากกระจกโบราณมีหัวใจอยู่จริง ๆ

ทันใดนั้นมันก็สงสัยขึ้นมา มันมองไปรอบ ๆ ตอนนี้พวกมันอยู่ที่ดาดฟ้าของเรือสำราญ ฉินเย่ยังคงจับร่มไม้ขกสังปั๊งของตัวเองด้วยท่าทางขี้ขลาด บนพื้นเต็มไปด้วยร่องรอยมากมายที่เกิดจากการโจมตีอย่างบ้าคลั่งของทาดาคัตสึ ข้อเท็จจริงที่ว่าเขาสามารถสร้างความเสียหายให้กับดาดฟ้าของเรือสมัยใหม่ได้ด้วยกำลังของตัวเองนั้นน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก

แต่มันก็เป็นเพียงความแข็งแกร่งของมนุษย์

ใช่แล้ว ความแข็งแกร่งของเขาไม่ได้เจือปนไปด้วยพลังหยินเลยแม้แต่น้อย นี่แตกต่างจากการต่อสู้ระหว่างยมทูตด้วยกัน อย่างน้อยที่สุด การปะทะกันบนดาดฟ้าเรือก็แตกต่างจากการต่อสู้ที่เกิดขึ้นระหว่างกองกำลังทหารม้าและกองกำลังส่วนตัวของอิซานามิอย่างสิ้นเชิง ซึ่งมันก็เห็นได้ชัดว่าการต่อสู้อย่างหลังคือการต่อสู้ของกองกำลังวิญญาณที่ยิ่งใหญ่สองกลุ่ม

พลังหยินที่เข้มข้นแพร่กระจายไปทั่วทุกที่ในทุกครั้งที่เกิดการปะทะขึ้น ในขณะที่เปลวไฟนรกขนาดใหญ่ลอยอยู่เต็มไปหมด วิญญาณแต่ละตนล้วนปรากฏตัวในร่างของมนุษย์ แต่วิชาที่พวกเขาใช้นั้นล้วนลึกลับและชั่วร้าย วัตถุหยินมากมายลอยออกมาจากจุดและทิศทางที่ไม่คาดคิด ซึ่ง… มันแตกต่างจากการแสดงความสามารถในการต่อสู้ของทาดาคัตสึที่ทำให้เขาสามารถครองพื้นที่ทั้งหมดของดาดฟ้าเรือได้โดยสมบูรณ์

เขามีกำลังต่อสู้ในระดับที่เหนือมนุษย์

แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาเป็นยมทูตแต่อย่างใด

เขาคือมนุษย์ บุคคลที่มีชีวิต ความสามารถในการพลิกกลับของหยินหยางที่เขาได้รับมาจากสมุดแห่งความเป็นตายนั้นทำให้เขามีความมั่นใจเป็นอย่างมาก แต่ข้อเท็จจริงที่ว่าเขาได้กลับมาอยู่ในร่างเนื้ออีกครั้งนั้นไม่ได้น่าประหลาดใจเลยแม้แต่น้อย เพราะท้ายที่สุดแล้ว ไม่ว่าวิญญาณตนใดที่ได้สมุดแห่งความเป็นตายไปต่างก็ต้องรีบเปลี่ยนหยินให้เป็นหยางและได้ร่างเนื้อของพวกตนกลับมา แล้วมันจะนับประสาอะไรกับฮนดะ ทาดาคัตสื ผู้ซึ่งมั่นใจในพลังการต่อสู้ที่ได้มาพร้อมกับความแข็งแกร่งทางร่างกายของตนเอง

หมิงชีหยินตระหนักถึงสิ่งเหล่านี้ได้ภายในชั่วพริบตา

และในวินาทีนั้น มันก็สัมผัสได้ถึงนิ้วมือที่จับมันเอาไว้

มือดังกล่าวสั่นเล็กน้อย มันคือมือของทาดาคัตสึ และจากนั้น อีกฝ่ายก็ยกหมวกนักรบที่ปกคลุมใบหน้าของตนขึ้น

และใบหน้าภายใต้หมวกนั้น… ก็หล่อเหลาอย่างไม่น่าเชื่อ

คิ้วและดวงตาที่คมเข้ม ในขณะที่จมูกโด่งเป็นสันอย่างชัดเจน เปลวไฟนรกในดวงตาของเขาหายไปแล้ว และแม้แต่ผู้ที่เยือกเย็นและสุขุมเช่นเขาก็เริ่มหายใจติดขัดอย่างไม่สามารถห้ามได้

“มันคืออะไร ?” เขาเอ่ยถามด้วยเสียงที่แหบพร่า

ฉินเย่โผล่หน้าออกมาจากร่มไม้ขกสังปั๊งของตนและเอ่ยว่า “กระจกส่องกรรม หนึ่งในสมบัติที่ทรงพลังที่สุดในพระตำหนักทั้งสิบ ข้าไม่รู้ว่าเหตุใดท่านจึงต้องการมัน แต่… นี่คือไพ่ตายที่แข็งแกร่งที่สุดตลอดการเดินทางครั้งนี้ของข้า”

พลังหยินที่หลั่งไหลออกมาจากกระจกโบราณนั้นน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก…

ทาดาคัตสึกลืนน้ำลายด้วยความตื่นเต้นและถอนหายใจออกมา เขาลูบกระจกส่องกรรมในมืออย่างละโมบ สัมผัสถึงคลื่นพลังหยินที่อยู่ภายในของมันด้วยความดีใจ แต่… เขาสามารถสัมผัสได้ว่านี่คือวัตถุหยินที่ได้รับความเสียหาย และมันก็ไม่สามารถปลดปล่อยพลังที่แท้จริงออกมาได้

“นี่เป็นเหมือนการยื่นเพชรให้ลิง…” ทาดาคัตสึเลียริมฝีปากของตนและมองฉินเย่

เขาไม่มีทางปล่อยให้ใครก็ตามที่รู้ความลับของเขารอดชีวิต

แน่นอนว่านั่นไม่ได้หมายความว่าเขาไม่สามารถมอบความตายที่รวดเร็วและไร้ความเจ็บปวดให้กับฉินเย่ได้

เพราะท้ายที่สุดแล้วมันก็มีวิธีการมากมายในการเอาชีวิตคน ๆ หนึ่ง และเขาก็บังเอิญเชี่ยวชาญในศาสตร์แห่งการสังหารเสียด้วย

แต่ยิ่งเขาลูบกระจกในมือมากเท่าไหร่ สีหน้าของเขาก็ยิ่งเคร่งขรึมมากขึ้นเท่านั้น

ไม่… มีบางอย่างไม่ถูกต้อง !

นี่ไม่ใช่ความรู้สึกนั้น… สมุดแห่งความเป็นตายบอกเขาว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่ทรงพลังที่สุดที่ชายตรงหน้ามี !

กระจกโบราณบานนี้อาจจะทรงพลัง แต่มันไม่สามารถเทียบได้กับสมุดแห่งความเป็นตาย !

ความแตกต่างนั้นมีเพียงเศษเสี้ยวของเส้นผมเท่านั้น ทว่าความแตกต่างเพียงเล็กน้อยนี้ก็ทำให้วัตถุศักดิ์สิทธิ์นั้นแตกต่างจากสิ่งที่มีพลังน้อยกว่า ! หรืออีกความหมายหนึ่งก็คือ ยมทูตจีนจอมขี้ขลาดตรงหน้านี้… กำลังโกหกเขา !

“เจ้ากำลังรนหาที่ตาย” ทาดาคัตสึเงยหน้าขึ้นและตั้งท่าจะโจมตีอีกครั้ง แต่ทันใดนั้นเอง ผิวหน้าของกระจกโบราณก็ส่องแสงสว่างจ้าออกมา !

ในเวลาเดียวกัน ฉินเย่กัดฟันแน่นและกระชับมือที่จับร่มไม้ขกสังปั๊งของตัวเองแน่น พลังหยินที่อยู่โดยรอบพลันไหลมารวมกันที่ร่างของเขา และเขาก็พุ่งเข้าหาอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว !

“ผู้ที่รนหาที่ตาย… คือท่านต่างหากเล่า !”

เส้นผมสีเขียวหยกของเขาสยายไปในอากาศอย่างน่ากลัว ในขณะที่รูม่านตาสีขาวของเขาจ้องไปที่ร่างตรงหน้าเขม็ง ภายในไม่กี่วินาที ไม้ขกสังปั๊งในมือของเขาก็เปลี่ยนเป็นทรงกลมและกระแทกเข้ากับร่างของทาดาคัตสึอย่างแรง

“บัดซบ !!” เสียงเตือนดังขึ้นภายในหัวของทาดาคัตสึ เขาไม่คิดเลยว่าฉินเย่จะลอบโจมตีแบบนี้ มือข้างหนึ่งรีบปล่อยกระจกส่องกรรมอย่างรวดเร็วและยกขึ้นปิดตาก่อนที่มืออีกข้างหนึ่งจะแทงหอกออกไปอย่างรวดเร็ว !

ฉึก ฉึก ฉึก ! ภาพติดตาของหอกปรากฏขึ้นเต็มไปหมด ! มันแทบจะเหมือนกับว่าหอกทั้งหมดถูกแทงออกไปพร้อมกัน เกิดเป็นกำแพงหอกที่พุ่งเข้าหาฉินเย่อย่างรวดเร็ว ! หากมันมีขีดจำกันในความสามารถทางการต่อสู้ของมนุษย์ มันก็คงจะเป็นตอนนี้ !

แกร็ก… แกร็ก… ดาดฟ้าเรือเริ่มเกิดรอยร้าวและแตกออกภายใต้พลังทำลายล้างของหอกขนาดใหญ่ แต่ในเวลานี้ ฉินเย่กลับไม่ถอยหนีอีกต่อไป เขายังคงเผชิญหน้ากับกำแพงหอกอย่างกล้าหาญและพุ่งเข้าใส่การโจมตีที่พุ่งเข้าใส่ตนอย่างรวดเร็ว !

เขามีโอกาสเพียงแค่ครั้งเดียว !

หมิงชีหยินเองก็รู้ดีว่ามันจะไม่มีโอกาสครั้งที่สองหากการโจมตีครั้งนี้ของมันผิดพลาด

เพราะไม่ว่าอย่างไร ทาดายูกิก็ไม่มีทางไว้ชีวิตของเขาอยู่แล้ว และพวกเขาก็ไม่รู้ว่าต้องใช้วลาอีกนานเพียงใดกว่าที่อาร์ทิสจะมาถึง ดังนั้น เมื่อต้องเผชิญหน้ากับศัตรูเช่นนี้ เขาก็อยากจะเดิมพันทุกอย่างที่มีมากกว่านั่งรอความตาย

แน่นอน เขากลัวตาย แต่เขาเองก็รู้ดีว่าชีวิตจะมอบโอกาสให้เขาแม้ว่าเขาจะอยู่ระหว่างความเป็นและความตายก็ตาม

“ย๊ากกกก !!!” ฉินเย่ตะโกนออกมาสุดเสียง และผมสีเขียวหยกของเขาก็สยายอย่างบ้าคลั่ง หอกที่พุ่งมาอย่างรวดเร็วทำให้เสื้อผ้าของเขาเกิดรูเต็มไปหมด เด็กหนุ่มกัดฟันกรอดและกระชับไม้ขกสังปั้งในมือพร้อมกับพุ่งไปข้างหน้าท่ามกลางการโจมตีอย่างต่อเนื่องของทาดาคัตสึ ประกายแสงปรากฏขึ้นในทุกครั้งที่เกิดการปะทะ แต่หอกทมโบคิริก็ยังไม่สามารถแทงทะลุการป้องกันที่แข็งแกร่งของร่มไม้ขกสังปั๊งได้ ! มันแทบจะเหมือนกับว่าแผ่นยันต์ที่ถูกแปะอยู่รอบ ๆ นั้นถูกทำมาจากเหล็กกล้าที่ไม่สามารถเจาะผ่านได้

นี่คือความแตกต่างระหว่างชาติที่แข็งแกร่งและชาติที่อ่อนแอกว่า

“เจ้า… เจ้า !!!” ทาดาคัตสึกัดฟันแน่นอย่างเดือดดาล ไม่เคย… เขาไม่เคยประสบกับการต่อสู้ที่น่าอับอายเช่นนี้มาก่อน !

มันไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยเสียท่า แต่มันก็แค่เขาไม่เสียท่าให้กับคนขี้ขลาดและเจ้าเล่ห์เช่นฉินเย่มาก่อน !

มันน่าอัปยศยิ่งนัก ! มันเป็นความน่าอัปยศที่ใหญ่หลวงสำหรับซามูไรเช่นเขาที่ตกเป็นเหยื่ออุบายเล็ก ๆ น้อย ๆ ของคู่ต่อสู้แบบนี้ !

ฉึก… ทันใดนั้น หอกในมือของเขาก็สั่นเทาอย่างรุนแรง แรงจนมันเริ่มกลายเป็นภาพที่คลุมเครือ ในขณะเดียวกัน จิตสังหารที่รุนแรงกว่าตอนแรกก็ปะทุออกมาจากร่าง และก่อนที่ฉินเย่จะตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันได้ทัน ประกายแสงเย็นยะเยือกพลันปรากฏขึ้นตรงหน้าของเขา ตามมาติด ๆ ด้วยหอกขนาดใหญ่ พร้อมกับเสียงคำรามของเสือ หอกตรงหน้ากลายเป็นสายฟ้าและพุ่งตรงเข้าหาอกของเด็กหนุ่ม

ฉินเย่มองไม่เห็นการโจมตีที่พุ่งเข้ามาด้วยซ้ำ แต่ถึงกระนั้น สัญชาตญาณของเขาก็สัมผัสได้ถึงอันตรายที่กำลังพุ่งเข้ามาและเขาก็เตรียมที่จะหลบการโจมตีนั้นทันที วินาทีนั้น ประกายแสงสีขาวดำก็สว่างวาบขึ้นกลางอากาศ เขาสูดหายใจเข้าช้า ๆ ขณะที่ไม้ขกสังปั๊งของตนพุ่งเข้าหาประกายแสงเย็นยะเยือกและปะทะเข้ากับการโจมตีที่พุ่งเข้ามาโดยตรง

ฉึก… เกราะป้องกันที่แข็งแกร่งก่อนหน้านี้ถูกแทงทะลุโดยการโจมตีที่ทรงพลัง นอกจานั้น การโจมตีที่เข้ามาใกล้นั้นไม่ใช่ปลายหอกเลยสักนิด แต่มันกลับดูราวกับการพุ่งตัวมาของเสือที่ดุร้าย

ทุกสิ่งที่อยู่ในรัศมีสิบเมตรกลายเป็นผุยผงจากการโจมตีที่ทรงพลังของทาดาคัตสึ อันที่จริง พลังทำลายล้างของมันทำให้เกิดคลื่นกระแทกที่กระจายตัวออกไปนอกดาดฟ้าเรือจนเกิดเป็นคลื่นขนาดใหญ่ที่สาดซัดอยูรอบ ๆ เรือ ! คลื่นเสียงดังสนั่นไปทั่ว มันน่าเหลือเชื่อเป็นอย่างมาก

เหล่าผู้ที่เห็นเหตุการณ์จะเห็นร่างของชายคนหนึ่งที่ถูกปกคลุมไปด้วยพลังหยินเดินเข้าหากำแพงหอกอย่างไม่หวั่นเกรง จากนั้น ในเสี้ยววินาทีต่อมา ลำแสงสว่างวาบก็พุ่งทะลุร่างของชายผู้นั้นไป ฉินเย่ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด หอกตรงหน้าหยุดชะงัก และพลังหยินที่อยู่รอบฉินเย่ก็สลายหายไปขณะที่เด็กหนุ่มกลับสู่ร่างมนุษย์อีกครั้ง เลือดปริมาณมากสาดกระเซ็นไปถึงเสากระโดงเรือซึ่งอยู่ห่างจากฉินเย่ออกไปหลายสิบเมตร

“หึ…” มือของทาดาคัตสึสั่นเทาเล็กน้อยขณะที่เขาปาดน้ำตาของตัวเอง ตอนนี้เขายังคงอยู่ในตำแหน่งเดียวกันกับตอนที่ปล่อยการโจมตีใส่อีกฝ่ายก่อนหน้านี้ เว้นแต่ว่าเสียงที่เอ่ยออกมาในเวลานี้นั้นแหบพร่าอย่างเห็นได้ชัด “ทีนี้… เจ้าก็จะไม่สามารถตายได้ต่อให้เจ้าจะอยากตายก็ตาม”

ดาดฟ้าเรือในเวลานี้เต็มไปด้วยหลุมขนาดใหญ่ราวกับเศษผ้าที่ขาดวิ่น ความเสียหายนั้นมาเกินจนสามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่ภายใต้ได้ด้วยตาเปล่า ราวจับที่อยู่รอบ ๆ บิดงอจนเสียรูปร่างเพราะคลื่นกระแทกที่ทรงพลังจากการปะทะ นอกจากนี้มันยังมีรอยลึกลากยาวอีกสองรอยปรากฏขึ้น ไม่สิ… หากจะพูดให้ถูกก็คือ มันคือรอยที่เกิดขึ้นในตอนที่ฉินเย่ถูกดันให้ถอยหลังไปตามดาดฟ้าเรือหลังจากที่เกิดการปะทะ

“ถูกต้องแล้ว ข้าปฏิเสธที่จะต้องตายในวันนี้” ฉินเย่หัวเราะออกมาเสียงเย็นขณะที่เขาพยายามลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบากด้วยความช่วยเหลือของราวจับที่ผิดรูป เสื้อคลุมของเขาเปียกโชกไปด้วยเลือดที่ไหลออกมาจากร่าง รูโหว่ขนาดเท่ากำปั้นปรากฏขึ้นบริเวณไหลและต้นขาข้างหนึ่งของเด็กหนุ่ม

แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังแย้มยิ้มชั่วร้ายขณะที่ยืนขึ้นอย่างเซ ๆ “ฮนดะคุง ดูสิ… นี่คืออะไรเอ่ย ?”

มันคือสมุดที่ดูโบราณเล่มหนึ่ง

หน้ากระดาษทั้งหมดมีสีเหลืองซีด เมื่อสายลมทะเลพัดเข้ามาที่ดาดฟ้าเรือ หน้ากระดาษพลิกเปิดอย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นรายชื่อของผู้คนนับไม่ถ้วนที่ถูกเขียนเอาไว้ สมุดโบราณดังกล่าวถูกปกคลุมไปด้วยกลุ่มก้อนพลังสีดำและขาว เหล่าผู้ที่เห็นมันสามารถบอกได้ทันทีว่านี่คือวัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับพรจากสวรรค์ โลกมนุษย์ และยมโลก

มันคือสมุดแห่งความเป็นตาย !

พรึบ พรึบ… สายลมยังคงทำหน้าที่พลิกหน้ากระดาษไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งมาถึงหน้าสุดท้าย ซึ่งมีรายชื่อที่ถูกเขียนขึ้นใหม่เมื่อไม่นานมานี้… ฮนดะ เฮฮาจิ ทาดาคัตสึ !

ทาดาคัตสึที่เห็นเช่นนั้นก็ชะงักไป

เขาก้มลงมองที่บริเวณอกของตัวเองด้วยความตกตะลึง

บริเวณจุดกึ่งกลางของเกราะของเขามีช่องโหว่ขนาดใหญ่ปรากฏอยู่ และสมุดแห่งความเป็นตายที่เขาเก็บไว้ใกล้กับบริเวณอกของตัวเองก็ได้หายไปแล้ว !

อีกฝ่ายทำมันได้อย่างไรกัน ?!

บ้าหน่า ! นี่มันเป็นไปไม่ได้ !

เขา ฮนดะ เฮฮาจิ ทาดาคัตสึ ถูกหนูที่ขี้ขลาดต้อนจนจนมุมน่ะหรือ ?!

“ท่านคาดไม่ถึงใช่หรือไม่ ?” ฉินเย่หัวเราะออกมาเบา จากนั้นจึงกัดนิ้วตัวเองและลบชื่อของอีกฝ่ายบนสมุดแห่งความเป็นตายด้วยเลือดของตน จากนั้น พร้อมกับการหอบหายใจที่รุนแรง เขาล้มลงกับพื้นเสียงดังตุบ ถึงแม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น เด็กหนุ่มก็ยังหัวเราะออกมาเสียงเย็น “ข้าเองก็คาดไม่ถึงเช่นกัน…”

ฟึ่บ… ทันทีที่ชื่อของตนถูกลบออก ร่างของทาดาคัตสึก็เริ่มกลายเป็นเถ้าถ่านและสลายไปอย่างช้า ๆ

“เจ้าทำได้อย่างไร ?” น้ำเสียงที่เอ่ยออกมานั้นสงบนิ่งอย่างไม่น่าเชื่อ แต่เขาก็ไม่สามารถปกปิดความตกตะลึงภายในใจของตนได้แม้แต่น้อย ขณะที่สายตายังคงจับจ้องไปที่ฉินเย่ “อย่างน้อยเจ้าก็ควรจะบอกข้าว่าข้าตายได้อย่างไร”

“มันก็ไม่มีอะไรมาก” ทัศนวิสัยในการมองเห็นของฉินเย่ค่อย ๆ หายไป นี่เป็นผลมาจากที่สูญเสียเลือดมากเกินไป แต่เขาก็รู้ดีว่าเขาจะหมดสติไปตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาด การต่อสู้ระหว่างโนบูนางะและอะซะอิ นะงะมะซะยังไม่จบ และเขาก็ยังต้องยืนหยัดเพื่อยินดีกับชัยชนะในตอนจบของการสู้ที่ยิ่งใหญ่นี้

เพราะอย่างไรแล้ว นี่ก็คือศักดิ์ศรีและหน้าที่ในฐานะของว่าที่จ้าวนรกองค์ต่อไป

เขาหอบหายใจอย่างหนักราวกับวัวกระทิงและหัวเราะอย่างเย็นชา “ข้ารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของท่าน ดังนั้นสิ่งแรกที่ข้าทำจึงเป็นการเผยความอ่อนแอของข้าให้ท่านเห็น เพื่อที่ท่านจะได้ไม่จริงจังกับการต่อสู้กับข้ามากนัก”

“ท่านรู้หรือไม่… มันมีชั่วขณะหนึ่งที่ข้าคิดที่จะส่งมอบเศษตราจ้าวนรกให้กับท่านจริง ๆ …เพราะไม่ว่าอย่างไรแล้ว หากข้าตายไป ทุกอย่างที่ข้าทำมาก็จะหมดความหมาย แต่ในทางกลับกัน หากข้าไม่ตาย ข้าก็ยังมีโอกาสอีกมากมายในอนาคตที่จะแย่งชิงพวกมันกลับคืนมา แค่ก… แค่ก…”

ฉินเย่กุมอกของตัวเองและเช็ดเลือดที่ไหลออกมาจากมุมปากขณะที่มองอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นชา ครึ่งร่างของทาดาคัตสึได้สลายไปจนหมดแล้ว “แต่ไม่นาน ข้าก็ค้นพบบางสิ่งบางอย่างที่ค่อนข้างน่าสนใจไม่น้อย…”

“นั่นก็คือข้อเท็จจริงที่ว่าท่านคือมนุษย์ที่มีชีวิต ! ท่านได้ละทิ้งซึ่งตัวตนในฐานะยมทูตของตัวเองไป ! แต่ข้าก็เข้าใจว่าเหตุใดท่านจึงทำเช่นนั้น… เพราะท้ายที่สุดแล้ว ผู้ที่มีความมั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเองก็ย่อมต้องปรารถนาที่จะได้ร่างเนื้อของตนกลับมา แต่… แค่ก แค่ก… ท่านรู้อะไรหรือไม่ …?”

ฉินเย่จับราวและลุกขึ้นยืนด้วยความยากลำบากอีกครั้ง “ผลพลอยได้ที่เกิดขึ้นจากการพลิกกลับของหยินและหยางก็คือการที่ชื่อของท่านจะปรากฏขึ้นบนสมุดแห่งความเป็นตายอีกครั้ง !”

“ฮนดะ เฮฮาจิ ทาดาคัตสึ ท่านคือมนุษย์ที่มีชีวิต”

“และนั่น… ก็คือจุดเริ่มต้นของจุดจบของท่าน…”

[1] อ้างอิงจากการ์ตูนเรื่องเซนต์เซย์ย่า

ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗]

ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗]

Status: Ongoing
ฉินเย่เด็กหนุ่มมัธยมปลายที่ไม่มีวันแก่ เพราะกิน “เห็ดเทียนสุ่ย” เข้าไปทำให้มีชีวิตอยู่ระหว่างสองโลก เป้าหมายในชีวิตของเขาเพียงต้องการมีชีวิตเล่นเกมอยู่ไปวัน ๆ เท่านั้น แต่ดูเหมือนนรกจะไม่ได้ยินเสียงเรียกร้องของเขา เมื่อนรกถึงกาลอวสาน ผีร้ายออกอาละวาดบนโลกมนุษย์ ทำให้ฉินเย่ที่เป็นยมทูตคนสุดท้ายต้องรับหน้าที่จ้าวนรกเพื่อพิทักษ์โลกใบนี้!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset