ผมเป็นเขย(ผู้ไม่ธรรมดา) บทที่ 60 คู่รักที่เป็นเพื่อนกันมาแต่เด็ก?
จางฉองหยวนก็คิดโในใจ ฉินเฟยเลือกจางหานหานมา มีเจตนาไม่ดีเหมือนอย่างที่คิดไว้จริงด้วย
“คุณผู้หญิงความจำดี” ฉินเฟยยิ้มพยักหน้า
จางหานหานเม้มริมฝีปาก ในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า: “ไม่ใช่ว่าความจำดี รู้สึกว่าคุณผู้ชายเหมือนเพื่อนเก่าคนหนึ่งของฉัน แต่ฉันก็นึกไม่ออกเลย”
“ดูเหมือนว่าฉันกับคุณผู้หญิงมีวาสนากัน” ฉินเฟยกล่าว
“อืม” จางหานหานพยักหน้าเบาๆ และส่งถ้วยชา 2 ใบให้กับจางฉองหยวนและฉินเฟยอีกครั้ง: “เชิญดื่มแก้วที่ 2 ค่ะ”
คำพูดของฉินเฟย พูดดูเจ้าชู้ไปหน่อย ยังไงซะผู้ชายได้มาเจอผู้หญิง ถ้าพูดอะไรที่ประมาณว่าวาสนาพรหมลิขิต มันก็จะทำให้คนรู้สึกไม่สุภาพ และสำมะเลเทเมา แต่งจางหานหานกลับไม่มีความรู้สึกเช่นนี้เลย เพราะฉินเฟยพูดเพียงประโยคเดียว อีกทั้งมองตัวเองด้วยสายตาที่ไม่เหมือนผู้ชายคนอื่นเลย ไม่ได้ซ่อนเร้น อีกทั้งยังชัดเจนและมีความอ่อนโยนเล็กน้อย
ความอ่อนโยนเล็กน้อยนี้ ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่น
ก็เหมือนที่ฉินเฟยพูด พวกเขามีวาสนาต่อกัน และฉินเฟยไม่ได้บอกถึงเรื่องที่ตัวเองอยากรู้ เธอก็ไม่ถามอะไรมากอยู่แล้ว
“จริงสิ เมื่อก่อนคุณให้ฉันตรวจสอบบางอย่าง ฉันช่วยคุณตรวจสอบได้แล้ว” จางฉองหยวนหยิบชาแก้วที่ 2 ที่จางหยวนหยวนส่งให้ ดื่มไปอึกหนึ่ง จากนั้นเขาก็หันกลับมาและหยิบกระเป๋าเอกสารออกมา นำถุงเอกสารออกมาจากข้างใน แล้วมอบให้ฉินเฟย
ฉินเฟยชิมแก้วที่สองเสร็จแล้ว จึงค่อยๆวางถ้วยน้ำชา คนเขาชงชาเมาอย่างเหน็ดเหนื่อย ก็ต้องมีพิธีรีตองในการดื่มชาให้มันดีๆ มันถึงจะเป็นการให้เกียรติฝ่ายตรงข้ามอย่างหนึ่ง
แต่ว่า สิ่งที่ทำให้ฉินเฟยต้องฝืนยิ้มในใจคือ จางหานหานสาวน้อยคนนี้ เหมือนว่าจะจำตัวเองได้แล้ว
นี่ต้องโทษจางฉองหยวน เมื่อกี้เอ่ยปากเรียกตัวเองว่าคุณชายฉิน แน่นอนว่า ก็โทษตัวเองด้วย คิดไม่ถึงว่าจะสั่งชาเมามาดื่ม
เขาไม่ได้ดื่มมานานมากแล้ว และก็รู้ด้วยว่า ชาเมาทั้งหมด มีเพียงศิลปะการชงชาของตระกูลจางเท่านั้นที่สามารถสร้างรสชาติออกมาแบบนี้ได้
บนโต๊ะมีถุงเอกสารโปร่งใส ส่วนใหญ่ข้างในเป็นภาพถ่าย รวมถึงแฟลชไดร์ฟ แล้วก็ MP4
ฉินเฟยวางถ้วยชาและเหลือบมอง มองดูภาพด้านบนสุด ก็รู้สึกเก้ๆกังๆ
ในรูปภาพเป็นผู้ชายคู่หนึ่ง เปลือยกายล่อนจ้อน และกำลังแสดงฉากที่ไม่เหมาะสำหรับเด็ก
ฉินเฟยรีบหยิบมา จ้องไปที่จางฉองหยวน ในเวลาเดียวกันก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองจางหานหานที่กำลังคุกเข่าอยู่ข้างๆ
การเคลื่อนไหวในการชงชาของจางหานหานนั้นช้าอย่างเห็นได้ชัด เม้มปากแน่น ติ่งหูสีขาวราวหิมะของเธอเผยให้เห็นสีชมพูระเรื่อแล้ว
ฉินเฟยอายมาก เธอต้องเห็นรูปนี้แล้วแน่ๆเลย
จางหานหานก้มหน้า ทำเป็นมองไม่เห็น ซึ่งกระทำการเคลื่อนไหวอย่างนุ่มนวล และคิ้วที่อ่อนโยนนั้น แม้ว่าบนใบหน้าจะแต่งหน้าหนา กลับสามารถเห็นคอที่ขาวดุจราวหิมะได้
ผิวนุ่มราวกับหยกอุ่นๆ แสงอ่อนๆ มันเยิ้ม ปากเล็กๆแดงระเรื่อที่บอบบาง อ่อนช้อยงดงามจนน่าหยดย้อย และปอยผมสองข้างที่ข้างแก้มค่อยๆ ปลิวไสวไปตามสายลม เพิ่มสไตล์ความเย้ายวนเล็กน้อย
“บน MP4 มีคลิป คุณต้องการตรวจสอบหน่อยไหม?” จางฉองหยวนกล่าว
“ไม่ต้องแล้ว คุณทำอะไรฉันไม่ห่วง” ฉินเฟยตกใจ รีบพูด
เวรเอ๊ย ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าวิดีโอที่อยู่ใน MP4 จะต้องเป็นภาพที่ทำให้ผู้คนตกใจแน่ เปิดเล่นที่นี่เหรอ? งั้นเขาก็คงขายหน้าคนจนไปถึงบ้านยายแล้ว
และในเวลานี้ 《เขาสูงน้ำไหล)》ตรงข้างนอกก็คุยเสร็จแล้ว เสียงนักดนตรีหญิงคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า: “คุณผู้ชาย ไม่ทราบว่าท่านจะให้เล่นต่อไหม?”
“เอ่อ……งั้นขอ 《บทเพลงหนีฉัง》แล้วกัน” ฉันเฟยกล่าว แล้วก็หันไปมองจางฉองหยวน: “ได้ไหม?”
“ได้ทั้งนั้น ยังไงฉันก็ฟังไม่เข้าใจอยู่แล้ว” จางฉองหยวนโบกมือกล่าว
ฉินเฟย:“……”
จางหานหาน:“……”
เปลี่ยนหัวข้อ บรรยากาศผ่อนคลายลงไม่น้อย
ฉินเฟยไม่ได้อ่านข้อมูลด้วยซ้ำ และเก็บมันไว้
และฉินเฟยกลับรู้ชัดเจน ผู้ชายในภาพเมื่อสักครู่ ก็คือซวนหมิงฉีประธานบริษัทสร้างสรรค์โฆษณาคังต๋า
ฉินเฟยมีความทรงจำที่ลึกซึ่ง กับคนๆนี้ เพราะว่าเมื่อ 4 ปีก่อน เขายังทำธุระที่ตระกูลฉิน ซึ่งเป็นเพียงหัวหน้าตัวน้อยภายใต้การบริหารของโรงงานการค้า
และชนวนแห่งความหายนะของตระกูลฉิน ก็เริ่มเกิดขึ้นจากที่นี่ ถูกตำรวจตรวจค้น สินค้าส่งออกเถื่อนเพียบ!
คนที่ทำเรื่องนี้ ก็คือซวนหมิงฉี!
และหลังจากที่ตระกูลฉินตกอับ เขาก็เปลี่ยนตัวเองและกลายเป็นผู้อำนวยการของบริษัทสร้างสรรค์โฆษณาคังต๋าที่อยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลอั่ว และในช่วงสองปีที่ผ่านมาก็ขึ้นตำแหน่งสูงได้โดยไม่เปลืองแรง กลายเป็นประธานบริษัท
ฉินเฟย ต้องการแก้แค้น!
รอชาหกถ้วยหมดลง ก็ผ่านไปแล้ว 10 นาที และ 《บทเพลงหนีฉัง》ก็เล่นจบแล้ว
จางหานหานถามว่าต้องการสั่งชาเพิ่มอีกไหม ฉินเฟยบอกไม่เอาแล้ว
เพราะเขาวางแผนว่าคืนนี้จะไปวิ่ง ดื่มมากเกินไปไม่ได้
จางหานหานพยักหน้า เริ่มเก็บชุดชา และล้างสะอาดทั้งหมด
“คุณคือดอกกุหลาบของฉันคุณคือดอกไม้ของฉัน คุณคือคนรักของฉัน คือความห่วงหาของฉัน……” ในเวลานี้ เพลงเก่าดังขึ้นจากโทรศัพท์มือถือของจางฉองหยวน
“ฮัลโหล……อืม ชั้น 2 ห้อง 401 ส่งมาเลย”
วางสายโทรศัพท์ จางฉองหยวนลุกขึ้นสวมรองเท้า
ไม่นาน ลูกน้องของจางฉองหยวนเคาะประตูเดินถือกล่องเข้ามา
“เหล่าจาง คุณเอารองเท้าของฉันไปด้วย วันหลังฉันค่อยไปเอา” ฉินเฟยรับกล่องรองเท้ามาแล้วพูด
“ถ้าไม่อย่างนั้น คุณผู้ชายเอารองเท้ามาให้ผมเถอะ วันหลังมาดื่มชา ผมจะได้เอามาให้คุณอีก” จู่ๆ จางหานหานที่คุกเข่าอยู่ก็ลุกขึ้นพูด
ฉินเฟยตะลึง ยิ้มและพูดว่า: “คุณรู้จักทำธุรกิจ”
จางหานหานหน้าแดงเล็กน้อย กล่าว: “ไม่ดื่มชาก็ได้”
การจากไปครั้งนี้ของฉินเฟย ก็ไม่รู้ว่าจะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่ รู้สึกสนิทใจอยู่บ้าง ทำให้สัญชาตญาณของเธออยากเจอเขาอีกครั้งหนึ่ง
“รองเท้าหนังเหม็นๆคู่หนึ่ง ฉันไม่ให้คุณเอาไปหรอก” จางฉองหยวนกลอกตา และพูดอย่างไม่พอใจ
“งั้น……งั้นก็ขอบคุณคุณแล้วกัน สองสามวันนี้ฉันจะต้องมาเอาแน่” ฉินเฟยกล่าวอย่างรู้สึกซาบซึ้งใจ
“ไม่ต้องเกรงใจ” จางหานหานพยักหน้าเบาๆ รองเท้าหนังของฉินเฟยก็ไม่ถือว่าดี และก็ไม่ได้มียี่ห้ออะไร กลับทำใจไม่ได้ที่จะทิ้งไป ความตระหนี่นี้ทำให้สัญชาตญาณในใจของจางหานหานรู้สึกดีขึ้น
ฉินเฟยพยักหน้า และก็หยิบบัตรธนาคารส่งให้จางหานหาน: “ไม่ได้นำเงินสดมา นี่เป็นค่าบริการให้คุณ”
“เงินในบัตรมีเท่าไหร่?” จางหานหานตะลึง สีหน้าลังเล
“ไม่เยอะ แต่ก็น่าจะพอที่จะช่วยคุณได้ ถ้าหากมีคนมารังแกคุณอีก ก็ให้บอกเพื่อนของคุณที่ชื่อจางฉองหยวน” ฉินเฟยกล่าวอย่างจริงจัง
ถ้ามองไม่ผิด ตอนที่จางหานหานเพิ่งจะชงชา รอยฟกช้ำที่บังเอิญปรากฏบนข้อมือเกิดจากการถูกทุบตี
จางฉองหยวนที่สวมรองเท้าหนังเสร็จแล้วได้ยินเสียงเดินโซเซ และมองฉินเฟยด้วยความประหลาดใจ
นี่มันเกี่ยวอะไรกับตัวเอง?
อีกอย่าง ในเมื่อมีความสนใจสาวสวย เรื่องที่ฮีโร่ที่ช่วยชีวิตสาวงามน่าจะทำด้วยตัวเองถึงจะถูก!
จางฉองหยวนมีสายตาที่ดุร้าย ฉินเฟยเห็นรอยฟกช้ำบนข้อมือของจางหานหาน เขาก็ต้องเห็นอยู่แล้ว
“ก็ตามนี้ ขอบคุณสำหรับชาของคุณ” ฉินเฟยค่อยๆยิ้ม ดึงข้อมือของจางหานหาน และยัดบัตรธนาคารใส่ในมือของเธอ
เงินในบัตรมีไม่มาก แต่ก็ไม่น้อย ประมาณ 30,000 พอดี
สำหรับเรื่องในครอบครัวของจางหานหาน เขาก็พอรู้เรื่องบ้างเล็กน้อย หลังจากที่พ่อของเธอตายเพราะอุบัติเหตุ แม่ก็เป็นโรคซึมเศ้รา อีกอย่างยังมีน้องชายที่ไม่เอาไหน ก่อเรื่องไปทั่ว
“เรามาหารแชร์กัน เงินค่านักดนตรีคุณเป็นคนจ่าย” ฉินเฟยกลัวว่าจางหานหานจะกลับคำ พูดประโยคหนึ่งแล้วก็รีบเดินออกมา
จางหานหานกุมบัตรธนาคารในมือไว้แน่น เธอรู้ว่าเงินในบัตรนี้ไม่ได้มีน้อยๆแน่ จะต้องมีมากกว่านี้
อีกอย่างอีกฝ่ายก็เพิ่งบอกว่า เงินในนี้เอาไว้ช่วยให้ให้ตัวเองข้ามผ่านความยากลำบากได้
หรืออีกนัยหนึ่ง อีกฝ่ายรู้จักตัวเอง และรู้สถานการณ์ของตัวเอง ว่าต้องการเงินก้อนหนึ่งจริงๆ แต่พวกเขาทั้งสองคนก็เพิ่งเจอกันแค่ 4 ครั้งเท่านั้น อีกอย่างก็เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้คุยกัน ก็ต่อให้ตัวเองลำบากแค่ไหน เธอก็ไม่สามารถขอเงินก้อนนี้ได้
จางหานหานรีบร้อน และก็ไม่ทันได้ล้างชุดชา ก็รีบลุกขึ้นและวิ่งออกมาด้วยเท้าเปล่า กลับถูกจางฉองหยวนที่อยู่ข้างๆยื่นมือมาขวางไว้
จางหานหานเงยหน้าอย่างแปลกใจ ไม่รู้ทำไม ก็เห็นจางฉองหยวนหยิบบัตรใบหนึ่งยื่นให้เธอ: “ถ้ามีเรื่องด่วน ก็โทรมาเบอร์นี้ ฉันช่วยคุณเอง”
“ฉัน……” จางหานหานอึ้งเลย คำร้องขอของแขกตรงหน้า เธอไม่รู้ว่าควรรับหรือควรปฏิเสธดี
และหลังจากที่จางฉองหยวนมอบนามบัตรให้เธอก็เดินออกมาจากฉากกั้น เขาหยิบเงินหนึ่งพันหยวนออกมาจากกระเป๋าเงินและมอบให้นักดนตรีคนหนึ่ง และพาลูกน้องจากไป
จางหานหานตามออกมาจากโรงน้ำชา ฉินเฟยก็ได้หายตัวไปแล้ว
กลับมาที่โรงน้ำชาอีกครั้ง เธอก็มองนามบัตรและบัตรธนาคารในมืออย่างตกตะลึง หันไปมองรองเท้าหนังคู่หนึ่งที่พื้น จิตใจเลื่อนลอย……
บนรถเบนซ์ จางฉองหยวนส่งฉินเฟยมาถึงสวนสาธารณะแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้ๆกับหมู่บ้านเทียนหลันของเขา
จางฉองหยวนขับรถไปด้วย เอียงหัวมองฉินเฟยไปด้วย แต่ก็อดหัวเราะไม่ได้: “คุณชาย วิธีการจีบสาวของนายเชยเกินไปแล้วมั้ง?”
แน่นอนว่าจางฉองหยวนรู้สึกตลก เขาไม่ต้องคิดก็เดาออก ว่าบัตรธนาคารที่ฉินเฟยมอบให้จางหานหานจะต้องมีเงินจำนวนไม่น้อยแน่นอน
สำหรับเขา การจีบผู้หญิงที่จริงแล้วไม่ใช่เรื่องยาก ถ้าไม่ได้เป็นฮีโร่ช่วยชีวิตสาวงาม ถึงแม้ไม่มีโอกาสก็สามารถสร้างขึ้นเองได้ หรือก็ใช้เงิน ยังไงสุดท้ายเป้าหมายก็คือพาอีกฝ่ายไปหลับนอนกัน ยินยอมพร้อมใจเปลืองผ้าของตัวเอง
และเขาก็รู้ ว่าคุณชายกับเจียงเยว่ถงแต่งงานมา 3 ปี และไม่เคยแตะต้องคนเขาเลย ยากที่จะพูดแม้แต่ผู้หญิงก็ไม่เคยแตะต้องมาก่อน และเขาอายุเท่านี้แล้ว ก็มีความสามารถ หาผู้หญิง3-5คนที่จริงมันก็ไม่ได้เป็นอะไร
“คุณจะไปเข้าใจอะไร?” ฉินเฟยเหลือบมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์ อยู่กับคนที่ไม่มีการศึกษาอย่างเขา เขาก็ไม่รู้ควรจะพูดยังไงดี อีกอย่าง……
“คุณรู้สึกว่า ผมกำลังจีบเธองั้นเหรอ? งั้นเธอจะรู้สึกแบบนี้หรือเปล่า?” ฉินเฟยพูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“อ๊ะ?” จางฉองหยวนได้ยินมือก็สั่นเทา เกือบจะขับรถผิดฝั่งของถนนแล้ว มองฉินเฟยด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยอาการเลอะเลือน: “นายเป็นคนอ่อนหัดในเรื่องความรักเหรอ? เรื่องแบบนี้ฉันไม่เข้าใจ เห็นได้ชัดว่าคุณแค่ต้องการตีสนิทกับคนเขา เพื่อที่อยากจะขึ้นเตียงกับคนเขา”
ฉินเฟยสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“แต่นายตาถึงมาก ผู้หญิงคนนี้แค่มองก็รู้แล้วว่าเป็นผู้หญิงที่ดี สุภาพเรียบร้อย ไม่งั้นฉันจะลองใช้เล่ห์สักหน่อย……”
“ไม่ได้!” ฉินเฟยปฏิเสธไปโดยตรง สีหน้าจริงจัง “โอเค” จางฉองหยวนพยักหน้าอย่างจำใจ ในใจก็ยิ่งรู้สึกหมดคำพูด สำหรับเขาแล้ว ฉินเฟยก็ชอบคนเขาแล้ว เพียงแค่ไม่กล้าพูดออกมาเท่านั้นเอง แล้วก็ยังมีความรู้สึกอยากมีความรักกับคนเขา
แต่ว่า ความรู้สึกสุดท้ายก็ยังคงเป็นการอุ้มขึ้นเตียง?
เขาไม่เข้าใจจริงๆ แต่ในเมื่อฉินเฟยจะชอบเล่นอะไรแบบนี้ เขาก็ไม่พูดอะไรอีก
จางฉองหยวนรู้ ฉินเฟยก็อายุ 26 ปีแล้ว หนุ่มสาวในวัยนี้ ก็เป็นช่วงเวลาที่ต้องการผู้หญิงมากที่สุด คิดแล้วพูดว่า: “ถ้าไม่อย่างนั้นไปไนต์คลับของฉันสักรอบไหม?”
“ที่ฉันนั่นก็มีนางแบบที่อ่อนโยนใจดีนะ?”
“พี่จาง คุณช่วยเงียบและตั้งใจขับรถไปได้ไหม?”
จางฉองหยวน:“……”