ยัยจอมกวนป่วนหัวใจนายไอดอล – ตอนที่ 316 อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย (1) / ตอนที่ 317 อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย (2)

ตอนที่ 316 อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย (1)

 

 

“อันซย่าซย่า!” เซิ่งอี่เจ๋อหรี่ตาลงมา รับรู้ได้ถึงรังสีอันตรายที่มาจากในตัวของเขา

 

 

ไม่อยากจะบอกว่าข้อความนั้นยังส่งผลกระทบต่อจิตใจเขา

 

 

“ระหว่างเธอกับฉีเหยียนซี มีอะไรปิดบังฉันอยู่หรือเปล่า?” เขาถามอย่างเย็นชา

 

 

ในหัวอันซย่าซย่านึกถึงภาพสัญญาฉบับนั้นที่เธอเคยเซ็น “ยินยอมเป็นสมบัติส่วนตัวของฉีเหยียนซี” หลังจากยืนเก้อเป็นเวลาสองวิ เธอก็ส่ายหน้าด้วยความรู้สึกผิด “ไม่มีนี่…”

 

 

ถ้าเล่าให้เซิ่งอี่เจ๋อฟัง เขาจะต้องโมโหไปมากกว่านี้แน่ๆ …

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อมองเธออย่างเงียบๆ หลังจากที่รู้จักกับอันซย่าซย่ามานาน เขาก็สังเกตเห็นความผิดปกติจากการเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆ ของเธอ

 

 

ตอนที่อันซย่าซย่ากำลังโกหก เธอจะหลบสายตา น้ำเสียงอ่อนลงผิดปกติ และพยายามเปลี่ยนเรื่อง

 

 

“เซิ่งอี่เจ๋อเรากลับกันเถอะ! จะสอบอยู่แล้ว นายเครียดไหม…แหะๆ …” อันซย่าซย่าถามเขาพร้อมกับเอียงศีรษะ แต่เธอไม่รู้ว่าสิ่งนี้ยิ่งทำให้เขาเข้าใจผิดมากยิ่งขึ้น

 

 

เขาสะบัดมือเธอออกโดยไม่พูดอะไร ใบหน้ามืดมนราวกับพายุกำลังจะเข้า

 

 

เปลี่ยนเรื่องใช่ไหม…

 

 

ไม่อยากให้เขารู้ใช่ไหม…

 

 

เหอะ แต่เขารู้เเล้ว

 

 

ผู้หญิงทุกคนล้วนมีสัญชาตญาณ การกระทำนิดๆ หน่อยๆ นี้ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่อันซย่าซย่ากลับรู้สึกผิดปกติอย่างมากกับท่าทีแบบนี้ของเซิ่งอี่เจ๋อ

 

 

“เซิ่งอี่เจ๋อ! นายเป็นอะไรกันแน่! มีอะไรทำไมไม่พูดออกมา! ฉันไม่รู้ว่านายกำลังโมโหอะไร นายทั้งหยิ่งทั้งทำตัวน่าอึดอัดแบบนี้ มีเรื่องอะไรก็ไม่ยอมพูด…นายจะให้ฉันเดาไปถึงไหนว่านายกำลังต้องการอะไร…” ในขณะที่อันซย่าซย่าพูดก็มีน้ำจางๆ ไหลออกมาจากขอบตา เธอพยายามกลั้นมันไว้

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อยังไม่สนใจเธอ

 

 

คนหยิ่งผยองอย่างเขาก็ย่อมมีมาดเป็นธรรมดา

 

 

เขาทั้งเอาใจและทะนุถนอมอันซย่าซย่า แต่ไม่ได้แปลว่าเขาจะหึงเธอไม่ได้

 

 

แม้รู้ว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่พอหลังจากที่เกิดเรื่อง เขาก็พบว่าระยะห่างระหว่างเขากับอันซย่าซย่านับวันก็ยิ่งห่างกันเรื่อยๆ

 

 

ในตอนนี้เขารู้สึกว่าความรักของพวกเขาทั้งสองไม่สามารถข้ามผ่านอุปสรรคไปได้เลย มันเปราะบางเหลือเกิน!

 

 

“เซิ่งอี่เจ๋อ…นายบอกฉันสิว่าฉันผิดตรงไหน ฉันขอโทษนายยังไม่พออีกหรือ…” อันซย่าซย่าดึงชายเสื้อของเขา ทั้งยังทำเสียงออดอ้อน

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อใจอ่อนลงบ้างแล้ว แต่สติสัมปัชชัญญะกลับไม่รู้ว่าไปไหนแล้ว “เธอยังไม่รู้ตัวอีกหรือ? งั้นก็ค่อยๆ คิดเถอะ”

 

 

หากคำพูดนี้อยู่ในสถานการณ์ปกติก็เป็นเพียงคำพูดกระทบกระทั่งทั่วไปสำหรับคู่รัก แต่ขณะนี้อันซย่าซย่ากลับฟังแล้วรู้สึกว่าทำไมมันบาดหูถึงเพียงนี้

 

 

เธอเริ่มโมโหแล้ว “ไม่พูดก็ช่าง! ฉันไม่ฟังแล้ว! ทำไมฉันต้องเป็นฝ่ายรับผิดทุกครั้งด้วย เซิ่งอี่เจ๋อ คราวนี้ฉันไม่เข้าใจนายจริงๆ!”

 

 

เธอจ้องไปที่เซิ่งอี่เจ๋อด้วยความโมโห เซิ่งอี่เจ๋อพูดอย่างเย็นชา “เธอโง่เอง โทษฉันได้ไง?”

 

 

“ใช่! ฉันมันโง่! ฉันโง่เองถึงได้โดนนายหลอกไง! เต็มใจให้นายหลอก…ฉัน…ฉันไม่พูดกับนายแล้ว!!” อันซย่าซย่ากระทืบเท้าอย่างแรงและหันกลับไป

 

 

บนท้องถนนคราคร่ำไปด้วยผู้คน ยิ่งเธอคิดถึงเรื่องนี้ เธอก็ยิ่งโกรธมากขึ้น ขอบตาเริ่มแดง และแล้วเธอก็ร้องไห้ในที่สุด

 

 

เธอยอมรับว่าเธอเป็นคนที่มีความรู้สึกช้า แต่เธอเกลียดที่เซิ่งอี่เจ๋อเป็นแบบนี้

 

 

ความรัก นอกจากจะหอมหวานแล้ว ยังเจ็บปวดขนาดนี้เลยหรือ?

 

 

ชายหนุ่มที่อยู่ข้างหลังเดินตามเธอไปอย่างเงียบๆ เธอร้องไห้ตลอดทางและเขาก็ตามมาเช่นเคย

 

 

พอกลับมาถึงบ้าน อันซย่าซย่าที่กำลังร้องไห้เสียใจก็บังเอิญชนกับอันอี้เป่ยที่เพิ่งกลับมาจากการทำงานล่วงเวลาเข้าพอดี เขาจับตัวน้องสาวไว้และดันกรอบเเว่นตา พลางพูดด้วยเสียงเย็นชาจนทำให้คนตกใจกลัว “ร้องไห้ทำไม? ใครรังแกเธอ? บอกมา”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 317 อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย (2)

 

 

พอเจอพี่ชายตัวเอง อันซย่าซย่าก็รู้สึกเหมือนได้พักพิงและระบายออกมา

 

 

“พี่…ฮึกฮึก…พี่คะ…” เธอร้องไห้สะอึกสะอื้นและชี้เซิ่งอี่เจ๋อที่อยู่ทางด้านหลัง “เขา เขา เป็นเขา!”

 

 

“ฮีโร่ นา…นาจาของพวกเราน่ะหรือ?” อันอี้เป่ยถามติดตลก

 

 

“…” เสียงร้องไห้ของอันซย่าซย่าหยุดลงกะทันหันเนื่องจากมุกตลกของอันอี้เป่ย

 

 

เซิ่งอี้เจ๋อที่เดินตามมาก็อดมีสีหน้าบึ้งตึงไม่ได้

 

 

พอเห็นว่าอันซย่าซย่าหยุดร้องแล้ว อันอี้เป่ยก็ทำสีหน้ารังเกียจ “ซย่าซย่า เธอคิดว่าตัวเองเป็นนางเอกซีรีส์เกาหลีหรือไง? ร้องไห้สวยๆ ก็ได้ ไม่เห็นต้องมีขี้มูกไหลออกมาเลยนี่? รู้ตัวไหมว่าตอนนี้หน้าเธอดูน่าเกลียดขนาดไหน?”

 

 

อันซย่าซย่าสูดจมูกและถามอย่างน่าสงสาร “น่าเกลียดมากเลยหรือ? ฮึกฮึกฮึก…”

 

 

“น่าเกลียดสิ น่าเกลียดจะแย่อยู่แล้ว” อันอี้เป่ยยังคงยืนยันหนักแน่น พอเขาเห็นว่าอันซย่าซย่าที่เพิ่งโดนเขาพูดแหย่กำลังจะร้องไห้ออกมา เขาก็ผลักอันซย่าซย่า “ขึ้นไปล้างหน้าล้างตาข้างบนเถอะ ที่นี่ปล่อยให้เป็นหน้าที่พี่เอง”

 

 

อันซย่าซย่ารีบวิ่งขึ้นไปชั้นบน เหลือเพียงเซิ่งอี่เจ๋อกับอันอี้เป่ยอยู่ชั้นล่างกันสองคน

 

 

ภายในร้านกาแฟเปิดไฟเพียงสองดวงเท่านั้น แสงอบอุ่นสาดลงมา แต่ยังไม่อาจปิดกั้นลมหายใจเย็นๆ ของทั้งสองคนได้

 

 

“เซิ่งอี่เจ๋อ ใกล้จะหมดสัญญาเช่าของพวกนายแล้ว” นิ้วเรียวยาวของอันอี้เป่ยดันกรอบแว่นตาขึ้น เขายิ้มอย่างเย็นชา

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อยังคงเงียบ อันอี้เป่ยจึงพูดต่อ “พวกนายย้ายออกเถอะ”

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อมองเขาพลางขยับริมฝีปาก แต่ไม่พูดอะไรมาก เพียงแค่พูดอย่างเรียบๆ “อืม”

 

 

“ดีมาก” อันอี้เป่ยหันกลับขึ้นไปชั้นบน พอขึ้นไปยังชั้นบนก็เดินไปที่หน้าประตูห้องของอันซย่าซย่า

 

 

ภายในห้องไม่มีเสียงร้องไห้ แต่กลับมีเสียงวุ่นวายของรายการวาไรตี้

 

 

ไม่ร้องไห้อีกก็ดีแล้ว

 

 

ในฐานะที่เป็นพี่ชายของอันซย่าซย่า เขาก็คงทำได้เพียงเท่านี้

 

 

ก็ได้แต่หวังว่าพอถึงเวลา อันซย่าซย่าจะไม่โทษเขา

 

 

 

 

เพียงพริบตาเดียวก็ถึงเวลาสอบปลายภาคแล้ว

 

 

อันซย่าซย่ากับเซิ่งอี่เจ๋อกำลังอยู่ในภาวะสงครามเย็นเป็นเวลาหลายวัน ทั้งสองฝ่ายต่างมีท่าทีเย็นชาต่อกันโดยที่ไม่มีใครยอมใคร

 

 

อันซย่าซย่าเปลี่ยนความเศร้าโศกของเธอให้กลายเป็นแรงจูงใจเพื่อขยันทบทวนบทเรียน ในช่วงที่สอบเธอกับเซิ่งอี่เจ๋อนั่งอยู่ข้างๆ กัน

 

 

แม้ระหว่างการสอบใบหน้าของเซิ่งอี่เจ๋อยังคงดูเย็นชา แต่หลังจากเขียนคำตอบเสร็จแล้ว เขาก็วางกระดาษคำตอบไว้ในตำแหน่งที่อันซย่าซย่าสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนในพริบตาเดียว

 

 

เนื่องจากเขากลัวว่าอันซย่าซย่าจะสอบมาได้ไม่ดี

 

 

แต่อันซย่าซย่าก็ไม่ยอมลอกด้วยความหยิ่งในศักดิ์ศรี

 

 

เธอพยายามอย่างหนักในการเขียนคำตอบทั้งหมดลงไป ทั้งยังเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ส่งกระดาษคำตอบช้าที่สุดในชั้นเรียน

 

 

และหนึ่งในนั้นก็รวมถึงเซิ่งอี่เจ๋อด้วย

 

 

เขาตอบคำถามเร็วมาก แต่เหตุผลที่เขาไม่ยอมส่งกระดาษก็เพราะรออันซย่าซย่า

 

 

เขาทำเสียงกระแอมเพื่ออยากให้บรรยากาศผ่อนคลาย แต่ถึงอย่างไรอันซย่าซย่าก็ไม่ยอมมองมาที่เขา เธอเพียงย่ำเท้าเดินผ่านเขาไป

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อถอนหายใจ คราวนี้เขาเป็นคนผิดเอง

 

 

เฮ้อ ทำไมคำขอโทษมันถึงได้พูดยากขนาดนี้นะ?

 

 

เขาลังเล พลางขมวดคิ้วแน่น

 

 

ไหนเขาจะต้องบอกเธอเรื่องที่เขาจะย้ายออกในเร็วๆ นี้อีก…

 

 

ยัยตัวป่วนคนนี้…เกรงว่าไม่เพียงแต่จะไม่ใส่ใจ อีกทั้งยังคงปรบมือโห่ร้องด้วยความดีใจอีกเป็นแน่

 

 

เขายิ้มหดหู่อย่างจนปัญญา จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงอ่อนหวานของหลีฝานซิงลอยมาจากทางด้านหลัง “อี่เจ๋อ ห้องนายก็สอบเสร็จแล้วหรือ?”

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อพยักหน้าให้เธอโดยไม่มีท่าทีจะสนใจ หลีฝานซิงจับชายแขนเสื้อของเขาอย่างสนิทสนม “ปีใหม่ปีนี้นายจะกลับไปฉลองที่บ้านตระกูลเซิ่งไหม? พอถึงตอนนั้นฉันจะได้ไปเยี่ยมคุณปู่เซิ่งกับคุณย่าเซิ่งด้วย…พวกเราจะได้เจอกันยังไงล่ะ!”

 

 

หลีฝานซิงยังคงรักษารอยยิ้มที่งดงาม เธอไม่เคยคิดว่าเซิ่งอี่เจ๋อจะไม่ชอบมันเลย

 

 

“คุณหนูหลี รบกวนอย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย”

Related

ตอนที่ 316 อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย (1)

 

 

“อันซย่าซย่า!” เซิ่งอี่เจ๋อหรี่ตาลงมา รับรู้ได้ถึงรังสีอันตรายที่มาจากในตัวของเขา

 

 

ไม่อยากจะบอกว่าข้อความนั้นยังส่งผลกระทบต่อจิตใจเขา

 

 

“ระหว่างเธอกับฉีเหยียนซี มีอะไรปิดบังฉันอยู่หรือเปล่า?” เขาถามอย่างเย็นชา

 

 

ในหัวอันซย่าซย่านึกถึงภาพสัญญาฉบับนั้นที่เธอเคยเซ็น “ยินยอมเป็นสมบัติส่วนตัวของฉีเหยียนซี” หลังจากยืนเก้อเป็นเวลาสองวิ เธอก็ส่ายหน้าด้วยความรู้สึกผิด “ไม่มีนี่…”

 

 

ถ้าเล่าให้เซิ่งอี่เจ๋อฟัง เขาจะต้องโมโหไปมากกว่านี้แน่ๆ …

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อมองเธออย่างเงียบๆ หลังจากที่รู้จักกับอันซย่าซย่ามานาน เขาก็สังเกตเห็นความผิดปกติจากการเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆ ของเธอ

 

 

ตอนที่อันซย่าซย่ากำลังโกหก เธอจะหลบสายตา น้ำเสียงอ่อนลงผิดปกติ และพยายามเปลี่ยนเรื่อง

 

 

“เซิ่งอี่เจ๋อเรากลับกันเถอะ! จะสอบอยู่แล้ว นายเครียดไหม…แหะๆ …” อันซย่าซย่าถามเขาพร้อมกับเอียงศีรษะ แต่เธอไม่รู้ว่าสิ่งนี้ยิ่งทำให้เขาเข้าใจผิดมากยิ่งขึ้น

 

 

เขาสะบัดมือเธอออกโดยไม่พูดอะไร ใบหน้ามืดมนราวกับพายุกำลังจะเข้า

 

 

เปลี่ยนเรื่องใช่ไหม…

 

 

ไม่อยากให้เขารู้ใช่ไหม…

 

 

เหอะ แต่เขารู้เเล้ว

 

 

ผู้หญิงทุกคนล้วนมีสัญชาตญาณ การกระทำนิดๆ หน่อยๆ นี้ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่อันซย่าซย่ากลับรู้สึกผิดปกติอย่างมากกับท่าทีแบบนี้ของเซิ่งอี่เจ๋อ

 

 

“เซิ่งอี่เจ๋อ! นายเป็นอะไรกันแน่! มีอะไรทำไมไม่พูดออกมา! ฉันไม่รู้ว่านายกำลังโมโหอะไร นายทั้งหยิ่งทั้งทำตัวน่าอึดอัดแบบนี้ มีเรื่องอะไรก็ไม่ยอมพูด…นายจะให้ฉันเดาไปถึงไหนว่านายกำลังต้องการอะไร…” ในขณะที่อันซย่าซย่าพูดก็มีน้ำจางๆ ไหลออกมาจากขอบตา เธอพยายามกลั้นมันไว้

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อยังไม่สนใจเธอ

 

 

คนหยิ่งผยองอย่างเขาก็ย่อมมีมาดเป็นธรรมดา

 

 

เขาทั้งเอาใจและทะนุถนอมอันซย่าซย่า แต่ไม่ได้แปลว่าเขาจะหึงเธอไม่ได้

 

 

แม้รู้ว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่พอหลังจากที่เกิดเรื่อง เขาก็พบว่าระยะห่างระหว่างเขากับอันซย่าซย่านับวันก็ยิ่งห่างกันเรื่อยๆ

 

 

ในตอนนี้เขารู้สึกว่าความรักของพวกเขาทั้งสองไม่สามารถข้ามผ่านอุปสรรคไปได้เลย มันเปราะบางเหลือเกิน!

 

 

“เซิ่งอี่เจ๋อ…นายบอกฉันสิว่าฉันผิดตรงไหน ฉันขอโทษนายยังไม่พออีกหรือ…” อันซย่าซย่าดึงชายเสื้อของเขา ทั้งยังทำเสียงออดอ้อน

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อใจอ่อนลงบ้างแล้ว แต่สติสัมปัชชัญญะกลับไม่รู้ว่าไปไหนแล้ว “เธอยังไม่รู้ตัวอีกหรือ? งั้นก็ค่อยๆ คิดเถอะ”

 

 

หากคำพูดนี้อยู่ในสถานการณ์ปกติก็เป็นเพียงคำพูดกระทบกระทั่งทั่วไปสำหรับคู่รัก แต่ขณะนี้อันซย่าซย่ากลับฟังแล้วรู้สึกว่าทำไมมันบาดหูถึงเพียงนี้

 

 

เธอเริ่มโมโหแล้ว “ไม่พูดก็ช่าง! ฉันไม่ฟังแล้ว! ทำไมฉันต้องเป็นฝ่ายรับผิดทุกครั้งด้วย เซิ่งอี่เจ๋อ คราวนี้ฉันไม่เข้าใจนายจริงๆ!”

 

 

เธอจ้องไปที่เซิ่งอี่เจ๋อด้วยความโมโห เซิ่งอี่เจ๋อพูดอย่างเย็นชา “เธอโง่เอง โทษฉันได้ไง?”

 

 

“ใช่! ฉันมันโง่! ฉันโง่เองถึงได้โดนนายหลอกไง! เต็มใจให้นายหลอก…ฉัน…ฉันไม่พูดกับนายแล้ว!!” อันซย่าซย่ากระทืบเท้าอย่างแรงและหันกลับไป

 

 

บนท้องถนนคราคร่ำไปด้วยผู้คน ยิ่งเธอคิดถึงเรื่องนี้ เธอก็ยิ่งโกรธมากขึ้น ขอบตาเริ่มแดง และแล้วเธอก็ร้องไห้ในที่สุด

 

 

เธอยอมรับว่าเธอเป็นคนที่มีความรู้สึกช้า แต่เธอเกลียดที่เซิ่งอี่เจ๋อเป็นแบบนี้

 

 

ความรัก นอกจากจะหอมหวานแล้ว ยังเจ็บปวดขนาดนี้เลยหรือ?

 

 

ชายหนุ่มที่อยู่ข้างหลังเดินตามเธอไปอย่างเงียบๆ เธอร้องไห้ตลอดทางและเขาก็ตามมาเช่นเคย

 

 

พอกลับมาถึงบ้าน อันซย่าซย่าที่กำลังร้องไห้เสียใจก็บังเอิญชนกับอันอี้เป่ยที่เพิ่งกลับมาจากการทำงานล่วงเวลาเข้าพอดี เขาจับตัวน้องสาวไว้และดันกรอบเเว่นตา พลางพูดด้วยเสียงเย็นชาจนทำให้คนตกใจกลัว “ร้องไห้ทำไม? ใครรังแกเธอ? บอกมา”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 317 อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย (2)

 

 

พอเจอพี่ชายตัวเอง อันซย่าซย่าก็รู้สึกเหมือนได้พักพิงและระบายออกมา

 

 

“พี่…ฮึกฮึก…พี่คะ…” เธอร้องไห้สะอึกสะอื้นและชี้เซิ่งอี่เจ๋อที่อยู่ทางด้านหลัง “เขา เขา เป็นเขา!”

 

 

“ฮีโร่ นา…นาจาของพวกเราน่ะหรือ?” อันอี้เป่ยถามติดตลก

 

 

“…” เสียงร้องไห้ของอันซย่าซย่าหยุดลงกะทันหันเนื่องจากมุกตลกของอันอี้เป่ย

 

 

เซิ่งอี้เจ๋อที่เดินตามมาก็อดมีสีหน้าบึ้งตึงไม่ได้

 

 

พอเห็นว่าอันซย่าซย่าหยุดร้องแล้ว อันอี้เป่ยก็ทำสีหน้ารังเกียจ “ซย่าซย่า เธอคิดว่าตัวเองเป็นนางเอกซีรีส์เกาหลีหรือไง? ร้องไห้สวยๆ ก็ได้ ไม่เห็นต้องมีขี้มูกไหลออกมาเลยนี่? รู้ตัวไหมว่าตอนนี้หน้าเธอดูน่าเกลียดขนาดไหน?”

 

 

อันซย่าซย่าสูดจมูกและถามอย่างน่าสงสาร “น่าเกลียดมากเลยหรือ? ฮึกฮึกฮึก…”

 

 

“น่าเกลียดสิ น่าเกลียดจะแย่อยู่แล้ว” อันอี้เป่ยยังคงยืนยันหนักแน่น พอเขาเห็นว่าอันซย่าซย่าที่เพิ่งโดนเขาพูดแหย่กำลังจะร้องไห้ออกมา เขาก็ผลักอันซย่าซย่า “ขึ้นไปล้างหน้าล้างตาข้างบนเถอะ ที่นี่ปล่อยให้เป็นหน้าที่พี่เอง”

 

 

อันซย่าซย่ารีบวิ่งขึ้นไปชั้นบน เหลือเพียงเซิ่งอี่เจ๋อกับอันอี้เป่ยอยู่ชั้นล่างกันสองคน

 

 

ภายในร้านกาแฟเปิดไฟเพียงสองดวงเท่านั้น แสงอบอุ่นสาดลงมา แต่ยังไม่อาจปิดกั้นลมหายใจเย็นๆ ของทั้งสองคนได้

 

 

“เซิ่งอี่เจ๋อ ใกล้จะหมดสัญญาเช่าของพวกนายแล้ว” นิ้วเรียวยาวของอันอี้เป่ยดันกรอบแว่นตาขึ้น เขายิ้มอย่างเย็นชา

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อยังคงเงียบ อันอี้เป่ยจึงพูดต่อ “พวกนายย้ายออกเถอะ”

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อมองเขาพลางขยับริมฝีปาก แต่ไม่พูดอะไรมาก เพียงแค่พูดอย่างเรียบๆ “อืม”

 

 

“ดีมาก” อันอี้เป่ยหันกลับขึ้นไปชั้นบน พอขึ้นไปยังชั้นบนก็เดินไปที่หน้าประตูห้องของอันซย่าซย่า

 

 

ภายในห้องไม่มีเสียงร้องไห้ แต่กลับมีเสียงวุ่นวายของรายการวาไรตี้

 

 

ไม่ร้องไห้อีกก็ดีแล้ว

 

 

ในฐานะที่เป็นพี่ชายของอันซย่าซย่า เขาก็คงทำได้เพียงเท่านี้

 

 

ก็ได้แต่หวังว่าพอถึงเวลา อันซย่าซย่าจะไม่โทษเขา

 

 

 

 

เพียงพริบตาเดียวก็ถึงเวลาสอบปลายภาคแล้ว

 

 

อันซย่าซย่ากับเซิ่งอี่เจ๋อกำลังอยู่ในภาวะสงครามเย็นเป็นเวลาหลายวัน ทั้งสองฝ่ายต่างมีท่าทีเย็นชาต่อกันโดยที่ไม่มีใครยอมใคร

 

 

อันซย่าซย่าเปลี่ยนความเศร้าโศกของเธอให้กลายเป็นแรงจูงใจเพื่อขยันทบทวนบทเรียน ในช่วงที่สอบเธอกับเซิ่งอี่เจ๋อนั่งอยู่ข้างๆ กัน

 

 

แม้ระหว่างการสอบใบหน้าของเซิ่งอี่เจ๋อยังคงดูเย็นชา แต่หลังจากเขียนคำตอบเสร็จแล้ว เขาก็วางกระดาษคำตอบไว้ในตำแหน่งที่อันซย่าซย่าสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนในพริบตาเดียว

 

 

เนื่องจากเขากลัวว่าอันซย่าซย่าจะสอบมาได้ไม่ดี

 

 

แต่อันซย่าซย่าก็ไม่ยอมลอกด้วยความหยิ่งในศักดิ์ศรี

 

 

เธอพยายามอย่างหนักในการเขียนคำตอบทั้งหมดลงไป ทั้งยังเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ส่งกระดาษคำตอบช้าที่สุดในชั้นเรียน

 

 

และหนึ่งในนั้นก็รวมถึงเซิ่งอี่เจ๋อด้วย

 

 

เขาตอบคำถามเร็วมาก แต่เหตุผลที่เขาไม่ยอมส่งกระดาษก็เพราะรออันซย่าซย่า

 

 

เขาทำเสียงกระแอมเพื่ออยากให้บรรยากาศผ่อนคลาย แต่ถึงอย่างไรอันซย่าซย่าก็ไม่ยอมมองมาที่เขา เธอเพียงย่ำเท้าเดินผ่านเขาไป

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อถอนหายใจ คราวนี้เขาเป็นคนผิดเอง

 

 

เฮ้อ ทำไมคำขอโทษมันถึงได้พูดยากขนาดนี้นะ?

 

 

เขาลังเล พลางขมวดคิ้วแน่น

 

 

ไหนเขาจะต้องบอกเธอเรื่องที่เขาจะย้ายออกในเร็วๆ นี้อีก…

 

 

ยัยตัวป่วนคนนี้…เกรงว่าไม่เพียงแต่จะไม่ใส่ใจ อีกทั้งยังคงปรบมือโห่ร้องด้วยความดีใจอีกเป็นแน่

 

 

เขายิ้มหดหู่อย่างจนปัญญา จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงอ่อนหวานของหลีฝานซิงลอยมาจากทางด้านหลัง “อี่เจ๋อ ห้องนายก็สอบเสร็จแล้วหรือ?”

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อพยักหน้าให้เธอโดยไม่มีท่าทีจะสนใจ หลีฝานซิงจับชายแขนเสื้อของเขาอย่างสนิทสนม “ปีใหม่ปีนี้นายจะกลับไปฉลองที่บ้านตระกูลเซิ่งไหม? พอถึงตอนนั้นฉันจะได้ไปเยี่ยมคุณปู่เซิ่งกับคุณย่าเซิ่งด้วย…พวกเราจะได้เจอกันยังไงล่ะ!”

 

 

หลีฝานซิงยังคงรักษารอยยิ้มที่งดงาม เธอไม่เคยคิดว่าเซิ่งอี่เจ๋อจะไม่ชอบมันเลย

 

 

“คุณหนูหลี รบกวนอย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย”

Related

ตอนที่ 316 อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย (1)

 

 

“อันซย่าซย่า!” เซิ่งอี่เจ๋อหรี่ตาลงมา รับรู้ได้ถึงรังสีอันตรายที่มาจากในตัวของเขา

 

 

ไม่อยากจะบอกว่าข้อความนั้นยังส่งผลกระทบต่อจิตใจเขา

 

 

“ระหว่างเธอกับฉีเหยียนซี มีอะไรปิดบังฉันอยู่หรือเปล่า?” เขาถามอย่างเย็นชา

 

 

ในหัวอันซย่าซย่านึกถึงภาพสัญญาฉบับนั้นที่เธอเคยเซ็น “ยินยอมเป็นสมบัติส่วนตัวของฉีเหยียนซี” หลังจากยืนเก้อเป็นเวลาสองวิ เธอก็ส่ายหน้าด้วยความรู้สึกผิด “ไม่มีนี่…”

 

 

ถ้าเล่าให้เซิ่งอี่เจ๋อฟัง เขาจะต้องโมโหไปมากกว่านี้แน่ๆ …

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อมองเธออย่างเงียบๆ หลังจากที่รู้จักกับอันซย่าซย่ามานาน เขาก็สังเกตเห็นความผิดปกติจากการเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆ ของเธอ

 

 

ตอนที่อันซย่าซย่ากำลังโกหก เธอจะหลบสายตา น้ำเสียงอ่อนลงผิดปกติ และพยายามเปลี่ยนเรื่อง

 

 

“เซิ่งอี่เจ๋อเรากลับกันเถอะ! จะสอบอยู่แล้ว นายเครียดไหม…แหะๆ …” อันซย่าซย่าถามเขาพร้อมกับเอียงศีรษะ แต่เธอไม่รู้ว่าสิ่งนี้ยิ่งทำให้เขาเข้าใจผิดมากยิ่งขึ้น

 

 

เขาสะบัดมือเธอออกโดยไม่พูดอะไร ใบหน้ามืดมนราวกับพายุกำลังจะเข้า

 

 

เปลี่ยนเรื่องใช่ไหม…

 

 

ไม่อยากให้เขารู้ใช่ไหม…

 

 

เหอะ แต่เขารู้เเล้ว

 

 

ผู้หญิงทุกคนล้วนมีสัญชาตญาณ การกระทำนิดๆ หน่อยๆ นี้ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่อันซย่าซย่ากลับรู้สึกผิดปกติอย่างมากกับท่าทีแบบนี้ของเซิ่งอี่เจ๋อ

 

 

“เซิ่งอี่เจ๋อ! นายเป็นอะไรกันแน่! มีอะไรทำไมไม่พูดออกมา! ฉันไม่รู้ว่านายกำลังโมโหอะไร นายทั้งหยิ่งทั้งทำตัวน่าอึดอัดแบบนี้ มีเรื่องอะไรก็ไม่ยอมพูด…นายจะให้ฉันเดาไปถึงไหนว่านายกำลังต้องการอะไร…” ในขณะที่อันซย่าซย่าพูดก็มีน้ำจางๆ ไหลออกมาจากขอบตา เธอพยายามกลั้นมันไว้

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อยังไม่สนใจเธอ

 

 

คนหยิ่งผยองอย่างเขาก็ย่อมมีมาดเป็นธรรมดา

 

 

เขาทั้งเอาใจและทะนุถนอมอันซย่าซย่า แต่ไม่ได้แปลว่าเขาจะหึงเธอไม่ได้

 

 

แม้รู้ว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่พอหลังจากที่เกิดเรื่อง เขาก็พบว่าระยะห่างระหว่างเขากับอันซย่าซย่านับวันก็ยิ่งห่างกันเรื่อยๆ

 

 

ในตอนนี้เขารู้สึกว่าความรักของพวกเขาทั้งสองไม่สามารถข้ามผ่านอุปสรรคไปได้เลย มันเปราะบางเหลือเกิน!

 

 

“เซิ่งอี่เจ๋อ…นายบอกฉันสิว่าฉันผิดตรงไหน ฉันขอโทษนายยังไม่พออีกหรือ…” อันซย่าซย่าดึงชายเสื้อของเขา ทั้งยังทำเสียงออดอ้อน

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อใจอ่อนลงบ้างแล้ว แต่สติสัมปัชชัญญะกลับไม่รู้ว่าไปไหนแล้ว “เธอยังไม่รู้ตัวอีกหรือ? งั้นก็ค่อยๆ คิดเถอะ”

 

 

หากคำพูดนี้อยู่ในสถานการณ์ปกติก็เป็นเพียงคำพูดกระทบกระทั่งทั่วไปสำหรับคู่รัก แต่ขณะนี้อันซย่าซย่ากลับฟังแล้วรู้สึกว่าทำไมมันบาดหูถึงเพียงนี้

 

 

เธอเริ่มโมโหแล้ว “ไม่พูดก็ช่าง! ฉันไม่ฟังแล้ว! ทำไมฉันต้องเป็นฝ่ายรับผิดทุกครั้งด้วย เซิ่งอี่เจ๋อ คราวนี้ฉันไม่เข้าใจนายจริงๆ!”

 

 

เธอจ้องไปที่เซิ่งอี่เจ๋อด้วยความโมโห เซิ่งอี่เจ๋อพูดอย่างเย็นชา “เธอโง่เอง โทษฉันได้ไง?”

 

 

“ใช่! ฉันมันโง่! ฉันโง่เองถึงได้โดนนายหลอกไง! เต็มใจให้นายหลอก…ฉัน…ฉันไม่พูดกับนายแล้ว!!” อันซย่าซย่ากระทืบเท้าอย่างแรงและหันกลับไป

 

 

บนท้องถนนคราคร่ำไปด้วยผู้คน ยิ่งเธอคิดถึงเรื่องนี้ เธอก็ยิ่งโกรธมากขึ้น ขอบตาเริ่มแดง และแล้วเธอก็ร้องไห้ในที่สุด

 

 

เธอยอมรับว่าเธอเป็นคนที่มีความรู้สึกช้า แต่เธอเกลียดที่เซิ่งอี่เจ๋อเป็นแบบนี้

 

 

ความรัก นอกจากจะหอมหวานแล้ว ยังเจ็บปวดขนาดนี้เลยหรือ?

 

 

ชายหนุ่มที่อยู่ข้างหลังเดินตามเธอไปอย่างเงียบๆ เธอร้องไห้ตลอดทางและเขาก็ตามมาเช่นเคย

 

 

พอกลับมาถึงบ้าน อันซย่าซย่าที่กำลังร้องไห้เสียใจก็บังเอิญชนกับอันอี้เป่ยที่เพิ่งกลับมาจากการทำงานล่วงเวลาเข้าพอดี เขาจับตัวน้องสาวไว้และดันกรอบเเว่นตา พลางพูดด้วยเสียงเย็นชาจนทำให้คนตกใจกลัว “ร้องไห้ทำไม? ใครรังแกเธอ? บอกมา”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 317 อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย (2)

 

 

พอเจอพี่ชายตัวเอง อันซย่าซย่าก็รู้สึกเหมือนได้พักพิงและระบายออกมา

 

 

“พี่…ฮึกฮึก…พี่คะ…” เธอร้องไห้สะอึกสะอื้นและชี้เซิ่งอี่เจ๋อที่อยู่ทางด้านหลัง “เขา เขา เป็นเขา!”

 

 

“ฮีโร่ นา…นาจาของพวกเราน่ะหรือ?” อันอี้เป่ยถามติดตลก

 

 

“…” เสียงร้องไห้ของอันซย่าซย่าหยุดลงกะทันหันเนื่องจากมุกตลกของอันอี้เป่ย

 

 

เซิ่งอี้เจ๋อที่เดินตามมาก็อดมีสีหน้าบึ้งตึงไม่ได้

 

 

พอเห็นว่าอันซย่าซย่าหยุดร้องแล้ว อันอี้เป่ยก็ทำสีหน้ารังเกียจ “ซย่าซย่า เธอคิดว่าตัวเองเป็นนางเอกซีรีส์เกาหลีหรือไง? ร้องไห้สวยๆ ก็ได้ ไม่เห็นต้องมีขี้มูกไหลออกมาเลยนี่? รู้ตัวไหมว่าตอนนี้หน้าเธอดูน่าเกลียดขนาดไหน?”

 

 

อันซย่าซย่าสูดจมูกและถามอย่างน่าสงสาร “น่าเกลียดมากเลยหรือ? ฮึกฮึกฮึก…”

 

 

“น่าเกลียดสิ น่าเกลียดจะแย่อยู่แล้ว” อันอี้เป่ยยังคงยืนยันหนักแน่น พอเขาเห็นว่าอันซย่าซย่าที่เพิ่งโดนเขาพูดแหย่กำลังจะร้องไห้ออกมา เขาก็ผลักอันซย่าซย่า “ขึ้นไปล้างหน้าล้างตาข้างบนเถอะ ที่นี่ปล่อยให้เป็นหน้าที่พี่เอง”

 

 

อันซย่าซย่ารีบวิ่งขึ้นไปชั้นบน เหลือเพียงเซิ่งอี่เจ๋อกับอันอี้เป่ยอยู่ชั้นล่างกันสองคน

 

 

ภายในร้านกาแฟเปิดไฟเพียงสองดวงเท่านั้น แสงอบอุ่นสาดลงมา แต่ยังไม่อาจปิดกั้นลมหายใจเย็นๆ ของทั้งสองคนได้

 

 

“เซิ่งอี่เจ๋อ ใกล้จะหมดสัญญาเช่าของพวกนายแล้ว” นิ้วเรียวยาวของอันอี้เป่ยดันกรอบแว่นตาขึ้น เขายิ้มอย่างเย็นชา

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อยังคงเงียบ อันอี้เป่ยจึงพูดต่อ “พวกนายย้ายออกเถอะ”

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อมองเขาพลางขยับริมฝีปาก แต่ไม่พูดอะไรมาก เพียงแค่พูดอย่างเรียบๆ “อืม”

 

 

“ดีมาก” อันอี้เป่ยหันกลับขึ้นไปชั้นบน พอขึ้นไปยังชั้นบนก็เดินไปที่หน้าประตูห้องของอันซย่าซย่า

 

 

ภายในห้องไม่มีเสียงร้องไห้ แต่กลับมีเสียงวุ่นวายของรายการวาไรตี้

 

 

ไม่ร้องไห้อีกก็ดีแล้ว

 

 

ในฐานะที่เป็นพี่ชายของอันซย่าซย่า เขาก็คงทำได้เพียงเท่านี้

 

 

ก็ได้แต่หวังว่าพอถึงเวลา อันซย่าซย่าจะไม่โทษเขา

 

 

 

 

เพียงพริบตาเดียวก็ถึงเวลาสอบปลายภาคแล้ว

 

 

อันซย่าซย่ากับเซิ่งอี่เจ๋อกำลังอยู่ในภาวะสงครามเย็นเป็นเวลาหลายวัน ทั้งสองฝ่ายต่างมีท่าทีเย็นชาต่อกันโดยที่ไม่มีใครยอมใคร

 

 

อันซย่าซย่าเปลี่ยนความเศร้าโศกของเธอให้กลายเป็นแรงจูงใจเพื่อขยันทบทวนบทเรียน ในช่วงที่สอบเธอกับเซิ่งอี่เจ๋อนั่งอยู่ข้างๆ กัน

 

 

แม้ระหว่างการสอบใบหน้าของเซิ่งอี่เจ๋อยังคงดูเย็นชา แต่หลังจากเขียนคำตอบเสร็จแล้ว เขาก็วางกระดาษคำตอบไว้ในตำแหน่งที่อันซย่าซย่าสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนในพริบตาเดียว

 

 

เนื่องจากเขากลัวว่าอันซย่าซย่าจะสอบมาได้ไม่ดี

 

 

แต่อันซย่าซย่าก็ไม่ยอมลอกด้วยความหยิ่งในศักดิ์ศรี

 

 

เธอพยายามอย่างหนักในการเขียนคำตอบทั้งหมดลงไป ทั้งยังเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ส่งกระดาษคำตอบช้าที่สุดในชั้นเรียน

 

 

และหนึ่งในนั้นก็รวมถึงเซิ่งอี่เจ๋อด้วย

 

 

เขาตอบคำถามเร็วมาก แต่เหตุผลที่เขาไม่ยอมส่งกระดาษก็เพราะรออันซย่าซย่า

 

 

เขาทำเสียงกระแอมเพื่ออยากให้บรรยากาศผ่อนคลาย แต่ถึงอย่างไรอันซย่าซย่าก็ไม่ยอมมองมาที่เขา เธอเพียงย่ำเท้าเดินผ่านเขาไป

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อถอนหายใจ คราวนี้เขาเป็นคนผิดเอง

 

 

เฮ้อ ทำไมคำขอโทษมันถึงได้พูดยากขนาดนี้นะ?

 

 

เขาลังเล พลางขมวดคิ้วแน่น

 

 

ไหนเขาจะต้องบอกเธอเรื่องที่เขาจะย้ายออกในเร็วๆ นี้อีก…

 

 

ยัยตัวป่วนคนนี้…เกรงว่าไม่เพียงแต่จะไม่ใส่ใจ อีกทั้งยังคงปรบมือโห่ร้องด้วยความดีใจอีกเป็นแน่

 

 

เขายิ้มหดหู่อย่างจนปัญญา จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงอ่อนหวานของหลีฝานซิงลอยมาจากทางด้านหลัง “อี่เจ๋อ ห้องนายก็สอบเสร็จแล้วหรือ?”

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อพยักหน้าให้เธอโดยไม่มีท่าทีจะสนใจ หลีฝานซิงจับชายแขนเสื้อของเขาอย่างสนิทสนม “ปีใหม่ปีนี้นายจะกลับไปฉลองที่บ้านตระกูลเซิ่งไหม? พอถึงตอนนั้นฉันจะได้ไปเยี่ยมคุณปู่เซิ่งกับคุณย่าเซิ่งด้วย…พวกเราจะได้เจอกันยังไงล่ะ!”

 

 

หลีฝานซิงยังคงรักษารอยยิ้มที่งดงาม เธอไม่เคยคิดว่าเซิ่งอี่เจ๋อจะไม่ชอบมันเลย

 

 

“คุณหนูหลี รบกวนอย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย”

Related

ตอนที่ 316 อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย (1)

 

 

“อันซย่าซย่า!” เซิ่งอี่เจ๋อหรี่ตาลงมา รับรู้ได้ถึงรังสีอันตรายที่มาจากในตัวของเขา

 

 

ไม่อยากจะบอกว่าข้อความนั้นยังส่งผลกระทบต่อจิตใจเขา

 

 

“ระหว่างเธอกับฉีเหยียนซี มีอะไรปิดบังฉันอยู่หรือเปล่า?” เขาถามอย่างเย็นชา

 

 

ในหัวอันซย่าซย่านึกถึงภาพสัญญาฉบับนั้นที่เธอเคยเซ็น “ยินยอมเป็นสมบัติส่วนตัวของฉีเหยียนซี” หลังจากยืนเก้อเป็นเวลาสองวิ เธอก็ส่ายหน้าด้วยความรู้สึกผิด “ไม่มีนี่…”

 

 

ถ้าเล่าให้เซิ่งอี่เจ๋อฟัง เขาจะต้องโมโหไปมากกว่านี้แน่ๆ …

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อมองเธออย่างเงียบๆ หลังจากที่รู้จักกับอันซย่าซย่ามานาน เขาก็สังเกตเห็นความผิดปกติจากการเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆ ของเธอ

 

 

ตอนที่อันซย่าซย่ากำลังโกหก เธอจะหลบสายตา น้ำเสียงอ่อนลงผิดปกติ และพยายามเปลี่ยนเรื่อง

 

 

“เซิ่งอี่เจ๋อเรากลับกันเถอะ! จะสอบอยู่แล้ว นายเครียดไหม…แหะๆ …” อันซย่าซย่าถามเขาพร้อมกับเอียงศีรษะ แต่เธอไม่รู้ว่าสิ่งนี้ยิ่งทำให้เขาเข้าใจผิดมากยิ่งขึ้น

 

 

เขาสะบัดมือเธอออกโดยไม่พูดอะไร ใบหน้ามืดมนราวกับพายุกำลังจะเข้า

 

 

เปลี่ยนเรื่องใช่ไหม…

 

 

ไม่อยากให้เขารู้ใช่ไหม…

 

 

เหอะ แต่เขารู้เเล้ว

 

 

ผู้หญิงทุกคนล้วนมีสัญชาตญาณ การกระทำนิดๆ หน่อยๆ นี้ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่อันซย่าซย่ากลับรู้สึกผิดปกติอย่างมากกับท่าทีแบบนี้ของเซิ่งอี่เจ๋อ

 

 

“เซิ่งอี่เจ๋อ! นายเป็นอะไรกันแน่! มีอะไรทำไมไม่พูดออกมา! ฉันไม่รู้ว่านายกำลังโมโหอะไร นายทั้งหยิ่งทั้งทำตัวน่าอึดอัดแบบนี้ มีเรื่องอะไรก็ไม่ยอมพูด…นายจะให้ฉันเดาไปถึงไหนว่านายกำลังต้องการอะไร…” ในขณะที่อันซย่าซย่าพูดก็มีน้ำจางๆ ไหลออกมาจากขอบตา เธอพยายามกลั้นมันไว้

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อยังไม่สนใจเธอ

 

 

คนหยิ่งผยองอย่างเขาก็ย่อมมีมาดเป็นธรรมดา

 

 

เขาทั้งเอาใจและทะนุถนอมอันซย่าซย่า แต่ไม่ได้แปลว่าเขาจะหึงเธอไม่ได้

 

 

แม้รู้ว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่พอหลังจากที่เกิดเรื่อง เขาก็พบว่าระยะห่างระหว่างเขากับอันซย่าซย่านับวันก็ยิ่งห่างกันเรื่อยๆ

 

 

ในตอนนี้เขารู้สึกว่าความรักของพวกเขาทั้งสองไม่สามารถข้ามผ่านอุปสรรคไปได้เลย มันเปราะบางเหลือเกิน!

 

 

“เซิ่งอี่เจ๋อ…นายบอกฉันสิว่าฉันผิดตรงไหน ฉันขอโทษนายยังไม่พออีกหรือ…” อันซย่าซย่าดึงชายเสื้อของเขา ทั้งยังทำเสียงออดอ้อน

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อใจอ่อนลงบ้างแล้ว แต่สติสัมปัชชัญญะกลับไม่รู้ว่าไปไหนแล้ว “เธอยังไม่รู้ตัวอีกหรือ? งั้นก็ค่อยๆ คิดเถอะ”

 

 

หากคำพูดนี้อยู่ในสถานการณ์ปกติก็เป็นเพียงคำพูดกระทบกระทั่งทั่วไปสำหรับคู่รัก แต่ขณะนี้อันซย่าซย่ากลับฟังแล้วรู้สึกว่าทำไมมันบาดหูถึงเพียงนี้

 

 

เธอเริ่มโมโหแล้ว “ไม่พูดก็ช่าง! ฉันไม่ฟังแล้ว! ทำไมฉันต้องเป็นฝ่ายรับผิดทุกครั้งด้วย เซิ่งอี่เจ๋อ คราวนี้ฉันไม่เข้าใจนายจริงๆ!”

 

 

เธอจ้องไปที่เซิ่งอี่เจ๋อด้วยความโมโห เซิ่งอี่เจ๋อพูดอย่างเย็นชา “เธอโง่เอง โทษฉันได้ไง?”

 

 

“ใช่! ฉันมันโง่! ฉันโง่เองถึงได้โดนนายหลอกไง! เต็มใจให้นายหลอก…ฉัน…ฉันไม่พูดกับนายแล้ว!!” อันซย่าซย่ากระทืบเท้าอย่างแรงและหันกลับไป

 

 

บนท้องถนนคราคร่ำไปด้วยผู้คน ยิ่งเธอคิดถึงเรื่องนี้ เธอก็ยิ่งโกรธมากขึ้น ขอบตาเริ่มแดง และแล้วเธอก็ร้องไห้ในที่สุด

 

 

เธอยอมรับว่าเธอเป็นคนที่มีความรู้สึกช้า แต่เธอเกลียดที่เซิ่งอี่เจ๋อเป็นแบบนี้

 

 

ความรัก นอกจากจะหอมหวานแล้ว ยังเจ็บปวดขนาดนี้เลยหรือ?

 

 

ชายหนุ่มที่อยู่ข้างหลังเดินตามเธอไปอย่างเงียบๆ เธอร้องไห้ตลอดทางและเขาก็ตามมาเช่นเคย

 

 

พอกลับมาถึงบ้าน อันซย่าซย่าที่กำลังร้องไห้เสียใจก็บังเอิญชนกับอันอี้เป่ยที่เพิ่งกลับมาจากการทำงานล่วงเวลาเข้าพอดี เขาจับตัวน้องสาวไว้และดันกรอบเเว่นตา พลางพูดด้วยเสียงเย็นชาจนทำให้คนตกใจกลัว “ร้องไห้ทำไม? ใครรังแกเธอ? บอกมา”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 317 อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย (2)

 

 

พอเจอพี่ชายตัวเอง อันซย่าซย่าก็รู้สึกเหมือนได้พักพิงและระบายออกมา

 

 

“พี่…ฮึกฮึก…พี่คะ…” เธอร้องไห้สะอึกสะอื้นและชี้เซิ่งอี่เจ๋อที่อยู่ทางด้านหลัง “เขา เขา เป็นเขา!”

 

 

“ฮีโร่ นา…นาจาของพวกเราน่ะหรือ?” อันอี้เป่ยถามติดตลก

 

 

“…” เสียงร้องไห้ของอันซย่าซย่าหยุดลงกะทันหันเนื่องจากมุกตลกของอันอี้เป่ย

 

 

เซิ่งอี้เจ๋อที่เดินตามมาก็อดมีสีหน้าบึ้งตึงไม่ได้

 

 

พอเห็นว่าอันซย่าซย่าหยุดร้องแล้ว อันอี้เป่ยก็ทำสีหน้ารังเกียจ “ซย่าซย่า เธอคิดว่าตัวเองเป็นนางเอกซีรีส์เกาหลีหรือไง? ร้องไห้สวยๆ ก็ได้ ไม่เห็นต้องมีขี้มูกไหลออกมาเลยนี่? รู้ตัวไหมว่าตอนนี้หน้าเธอดูน่าเกลียดขนาดไหน?”

 

 

อันซย่าซย่าสูดจมูกและถามอย่างน่าสงสาร “น่าเกลียดมากเลยหรือ? ฮึกฮึกฮึก…”

 

 

“น่าเกลียดสิ น่าเกลียดจะแย่อยู่แล้ว” อันอี้เป่ยยังคงยืนยันหนักแน่น พอเขาเห็นว่าอันซย่าซย่าที่เพิ่งโดนเขาพูดแหย่กำลังจะร้องไห้ออกมา เขาก็ผลักอันซย่าซย่า “ขึ้นไปล้างหน้าล้างตาข้างบนเถอะ ที่นี่ปล่อยให้เป็นหน้าที่พี่เอง”

 

 

อันซย่าซย่ารีบวิ่งขึ้นไปชั้นบน เหลือเพียงเซิ่งอี่เจ๋อกับอันอี้เป่ยอยู่ชั้นล่างกันสองคน

 

 

ภายในร้านกาแฟเปิดไฟเพียงสองดวงเท่านั้น แสงอบอุ่นสาดลงมา แต่ยังไม่อาจปิดกั้นลมหายใจเย็นๆ ของทั้งสองคนได้

 

 

“เซิ่งอี่เจ๋อ ใกล้จะหมดสัญญาเช่าของพวกนายแล้ว” นิ้วเรียวยาวของอันอี้เป่ยดันกรอบแว่นตาขึ้น เขายิ้มอย่างเย็นชา

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อยังคงเงียบ อันอี้เป่ยจึงพูดต่อ “พวกนายย้ายออกเถอะ”

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อมองเขาพลางขยับริมฝีปาก แต่ไม่พูดอะไรมาก เพียงแค่พูดอย่างเรียบๆ “อืม”

 

 

“ดีมาก” อันอี้เป่ยหันกลับขึ้นไปชั้นบน พอขึ้นไปยังชั้นบนก็เดินไปที่หน้าประตูห้องของอันซย่าซย่า

 

 

ภายในห้องไม่มีเสียงร้องไห้ แต่กลับมีเสียงวุ่นวายของรายการวาไรตี้

 

 

ไม่ร้องไห้อีกก็ดีแล้ว

 

 

ในฐานะที่เป็นพี่ชายของอันซย่าซย่า เขาก็คงทำได้เพียงเท่านี้

 

 

ก็ได้แต่หวังว่าพอถึงเวลา อันซย่าซย่าจะไม่โทษเขา

 

 

 

 

เพียงพริบตาเดียวก็ถึงเวลาสอบปลายภาคแล้ว

 

 

อันซย่าซย่ากับเซิ่งอี่เจ๋อกำลังอยู่ในภาวะสงครามเย็นเป็นเวลาหลายวัน ทั้งสองฝ่ายต่างมีท่าทีเย็นชาต่อกันโดยที่ไม่มีใครยอมใคร

 

 

อันซย่าซย่าเปลี่ยนความเศร้าโศกของเธอให้กลายเป็นแรงจูงใจเพื่อขยันทบทวนบทเรียน ในช่วงที่สอบเธอกับเซิ่งอี่เจ๋อนั่งอยู่ข้างๆ กัน

 

 

แม้ระหว่างการสอบใบหน้าของเซิ่งอี่เจ๋อยังคงดูเย็นชา แต่หลังจากเขียนคำตอบเสร็จแล้ว เขาก็วางกระดาษคำตอบไว้ในตำแหน่งที่อันซย่าซย่าสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนในพริบตาเดียว

 

 

เนื่องจากเขากลัวว่าอันซย่าซย่าจะสอบมาได้ไม่ดี

 

 

แต่อันซย่าซย่าก็ไม่ยอมลอกด้วยความหยิ่งในศักดิ์ศรี

 

 

เธอพยายามอย่างหนักในการเขียนคำตอบทั้งหมดลงไป ทั้งยังเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ส่งกระดาษคำตอบช้าที่สุดในชั้นเรียน

 

 

และหนึ่งในนั้นก็รวมถึงเซิ่งอี่เจ๋อด้วย

 

 

เขาตอบคำถามเร็วมาก แต่เหตุผลที่เขาไม่ยอมส่งกระดาษก็เพราะรออันซย่าซย่า

 

 

เขาทำเสียงกระแอมเพื่ออยากให้บรรยากาศผ่อนคลาย แต่ถึงอย่างไรอันซย่าซย่าก็ไม่ยอมมองมาที่เขา เธอเพียงย่ำเท้าเดินผ่านเขาไป

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อถอนหายใจ คราวนี้เขาเป็นคนผิดเอง

 

 

เฮ้อ ทำไมคำขอโทษมันถึงได้พูดยากขนาดนี้นะ?

 

 

เขาลังเล พลางขมวดคิ้วแน่น

 

 

ไหนเขาจะต้องบอกเธอเรื่องที่เขาจะย้ายออกในเร็วๆ นี้อีก…

 

 

ยัยตัวป่วนคนนี้…เกรงว่าไม่เพียงแต่จะไม่ใส่ใจ อีกทั้งยังคงปรบมือโห่ร้องด้วยความดีใจอีกเป็นแน่

 

 

เขายิ้มหดหู่อย่างจนปัญญา จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงอ่อนหวานของหลีฝานซิงลอยมาจากทางด้านหลัง “อี่เจ๋อ ห้องนายก็สอบเสร็จแล้วหรือ?”

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อพยักหน้าให้เธอโดยไม่มีท่าทีจะสนใจ หลีฝานซิงจับชายแขนเสื้อของเขาอย่างสนิทสนม “ปีใหม่ปีนี้นายจะกลับไปฉลองที่บ้านตระกูลเซิ่งไหม? พอถึงตอนนั้นฉันจะได้ไปเยี่ยมคุณปู่เซิ่งกับคุณย่าเซิ่งด้วย…พวกเราจะได้เจอกันยังไงล่ะ!”

 

 

หลีฝานซิงยังคงรักษารอยยิ้มที่งดงาม เธอไม่เคยคิดว่าเซิ่งอี่เจ๋อจะไม่ชอบมันเลย

 

 

“คุณหนูหลี รบกวนอย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย”

Related

ยัยจอมกวนป่วนหัวใจนายไอดอล

ยัยจอมกวนป่วนหัวใจนายไอดอล

Status: Ongoing
อันซย่าซย่า แอนตี้แฟนของกลุ่มไอดอลวงสตาร์รี่ไนต์ชอบหาเรื่องมาฉะด่าว่าร้าย เซิ่งอี่เจ๋อ นักร้องนำของวงไม่เว้นวัน นี่จะนับว่าเป็นงานอดิเรกสุดโปรดของเธอเลยก็ว่าได้ ทว่าเหมือนโชคชะตาเล่นตลก พอเธอเข้าเรียนมัธยมวันแรก สามหนุ่มวงสตาร์รี่ไนต์ก็กลับกลายมาเป็นเพื่อนร่วมชั้นเธอเสียได้ ซ้ำร้ายยังมาเช่าบ้านเธออยู่อีก! ถ้าเธอไม่เผลอไปเฉี่ยวชนรถคันหรูราคาแพงของเซิ่งอี่เจ๋อเข้าจนเป็นหนี้หัวโตก็คงจะมีข้อแม้มาไล่เขาออกจากบ้านได้ สุดท้ายก็ได้แต่ยอมจำนน แถมยังตกปากรับคำเป็นผู้ช่วยศิลปินจำเป็น ทำงานใช้หนี้ทั้งที่เธอยังอยู่แค่มัธยมปลายแท้ๆ จะว่าไปแล้ว เจ้าหน้าหล่อนั่นดูท่าทางจะสนใจเธอเป็นพิเศษด้วยสิ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset