บทที่ 142 ต้านจนกว่าท่านเซียนจะพลิกกลับมาชนะ
เมืองหมอกลับแล พระราชวังแห่งอาณาจักรอู้อิ่น
ค่ายกลยักษ์ปกคลุมทั้งวังและกำลังสั่นไหวไม่หยุด
โดยรอบค่ายกลเป็นเถาจองจำเซียนสิบกว่าต้นกำลังฟาดโจมตีอย่างบ้าคลั่ง ส่วนในค่ายกลมีผู้บำเพ็ญยืนกันเต็มไปหมด เงยหน้ามองเถาจองจำเซียนด้วยความสิ้นหวัง
ช่วงที่เดินทางไปหาสมบัติในที่ราบหมอกลับแล ผู้บำเพ็ญพวกนี้คิดว่าเถาจองจำเซียนคือมหาโชคลิขิตฟ้าประทาน
ถึงอย่างไรเถาจองจำเซียนทุกต้นก็ถือว่าเป็นสมบัติล้ำค่าระดับสูงสุดในระดับเดียวกัน หลอมเป็นโซ่จองจำเซียนแล้วขายได้ราคาสูงยิ่ง
และที่สำคัญกว่านั้นคือถ้าเจอเถาจองจำเซียนข้างนอกป่า สู้ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แค่ออกห่างจากรัศมีโจมตีของมันก็รอดแล้ว
แต่วันนี้ เถาจองจำเซียนที่จู่ๆ ก็บุกเมืองหมอกลับแลพร้อมกับเมล็ดพันธุ์กลับล้มล้างความคิดของทุกคน เมื่อก่อนนี้หลายร้อยปีกว่าจะเจอเถาจองจำเซียนระดับดวงจิตดรุณสักครั้ง แต่ครั้งนี้ปรากฏทีเดียวสิบกว่าต้น อีกทั้งทุกต้นยังมีกำลังรบแข็งแกร่งยิ่ง กระทั่งแกร่งกว่าผู้บำเพ็ญระดับดวงจิตดรุณปกติด้วย
พระราชวังอาณาจักรอู้อิ่นที่รับมือกับพวกมันยังรู้สึกตึงมือ
ถ้าไม่ใช่เพราะสตรีศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ลงมือช่วยในช่วงเวลาสำคัญ เกรงว่าพระราชวังคงตกอยู่ในอันตรายแล้ว
ตอนนี้ประมุขอาณาจักรอู้อิ่นยืนอยู่กลางกลุ่มคน ร่างสั่นเทาโดยไม่รู้ตัว “สะ…สตรีศักดิ์สิทธิ์ หลายพันปีมานี้ที่ราบหมอกลับแลสงบสุขปกติมาตลอด เหตุใดครั้งนี้กระแสหมอกถึงเปลี่ยนไปน่าสะพรึงเช่นนี้”
จางอวิ๋นซีส่ายหน้าอย่างเฉยชา “ข้าเองก็ไม่รู้ แต่ที่มั่นใจได้คือเถาจองจำเซียนพวกนี้ต้องมีคนบงการอยู่เบื้องหลังแน่นอน”
ระหว่างพูดนางก็มองไปกลางหมอกลับแลหนาด้วยแววตาจริงจัง ‘ไม่รู้ว่าศิษย์น้องจะปลอดภัยหรือไม่’
ประมุขแห่งอาณาจักรอู้อิ่นกลับขัดจางอวิ๋นซีไว้ “ค่ายกลของอาณาจักรอู้อิ่นคงต้านไว้ได้อีกไม่นานแล้วขอรับ”
นางหยิบถาดออกมาจากแหวนมิติทีละถาด “ข้าอยากให้ผู้สูงศักดิ์ผู้จริงแท้ทุกคนร่วมมือกันอย่างเต็มที่ มีเพียงรวมกำลังของทุกคนวางยอดค่ายกลอัสนีพิทักษ์เทพสวรรค์เท่านั้น เราถึงจะมีโอกาสรอด”
จางอวิ๋นซีวางถาดไว้ทุกมุมของพระราชวังอย่างรวดเร็ว ก่อนชี้แนะให้ผู้สูงศักดิ์กับผู้จริงแท้จำนวนมากร่วมมือกันวางค่ายกล
ขณะเดียวกัน นางยังให้กำลังใจเสิ่นเทียนเงียบๆ ในใจ ‘ศิษย์น้องต้องยืนหยัดเอาไว้ อีกเดี๋ยวข้าจะไปหาเจ้า!’
……..
อีกด้านหนึ่ง พวกฉินอวิ๋นตี๋กับฉินเกาตอนนี้หนีเข้ามาในพระราชวังแล้ว ทุกคนไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเพราะมียันต์ระเบิดอัสนีจำนวนมากกับปืนพิฆาตอสูรเบิกทางมา
ตอนนี้พวกเขายืนอยู่กับเหล่าผู้บำเพ็ญที่หนีตายเข้ามาจำนวนมาก กำลังดูดซับศิลาวิญญาณพักผ่อนอยู่
ในผู้บำเพ็ญเหล่านั้น คนส่วนใหญ่ร้องไห้น้ำมูกไหลด้วยความตื่นเต้นดีใจที่รอดพ้นจากความตายมาได้
แม้ผู้บำเพ็ญจะมีความรู้สึกเย็นชา นั่นก็แค่เฉพาะกับคนธรรมดาเท่านั้น ก็เหมือนกับอารมณ์เวลาสิงโตมองกระต่ายด้วยความเฉยชา
แต่เมื่อการทดสอบเป็นตายมาถึงตัวเองจริงๆ ก็มีผู้บำเพ็ญแค่ไม่กี่คนที่ยังเฉยชาไหว ส่วนใหญ่ไม่ต่างอะไรกับคนธรรมดาเลย
ตอนนี้หนีรอดมาได้ คนส่วนใหญ่ก็นึกไปถึงเรื่องสนทนาในเมืองช่วงสองวันมานี้
ใช่ ท่านเซียนที่ส่องความลับสวรรค์ได้ในตำนานเคยกล่าวเตือนเช่นนี้ไว้ก่อนแล้วนี่
เขาบอกว่าอีกไม่นานเมืองหมอกลับแลแห่งนี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ทั้งยังพูดโน้มน้าวให้ผู้มีวาสนาทุกคนออกจากที่นี่
น่าเสียดายก็แต่ทุกคนโดน ‘โชคลิขิต’ บดบังดวงตา ปกติจึงไม่ได้หนีออกไปไกล
แม้จะมีส่วนหนึ่งเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แค่ออกจากเมืองเล็กหมอกลับแลถอยกลับมาในเมืองหมอกลับแล กระทั่งยังมีคนจำนวนมากสร้างข่าวลือปลุกปั่นว่าท่านเซียนวางอุบายจะฮุบมหาโชคลิขิตไว้คนเดียว
ปรากฏว่าความจริงพิสูจน์แล้ว ที่ราบหมอกลับแลเกิดมหันตภัยร้ายแรงน่าสะพรึงขึ้นจริงๆ
ผู้บำเพ็ญที่อยู่ในเมืองเล็กหมอกลับแลเหล่านั้นต่างแตกพ่ายย่อยยับไปแล้ว ต่อให้อยู่ในเมืองหมอกลับแล ตอนนี้ก็ยังถูกปิดล้อมอย่างหนัก
เวลานี้คนมากมายเกิดความสำนึกเสียใจ เสียใจที่ไม่ควรทำเช่นนี้!
ในกลุ่มคนนั้นมีผู้บำเพ็ญหลายคนมองยันต์ระเบิดอัสนีที่ยังเหลืออยู่ในมือ กระบอกตาร้อนผ่าวแล้ว
พวกเขาคือผู้มีวาสนาที่ฟังคำโน้มน้าวของเสิ่นเทียน ทั้งยังแลกโชควาสนาครึ่งหนึ่งเป็นยันต์ระเบิดอัสนี
สรุปคือก่อนหน้านี้เผชิญหน้ากับเถาจองจำเซียนในโกลาหล พวกเขาก็ใช้ยันต์ระเบิดอัสนีเอาตัวรอดมาได้ แม้จะไม่ได้ระเบิดเถาจองจำเซียนพวกนั้นตาย แต่ยันต์ระเบิดอัสนีจำนวนมากก็ชะลอไม่ให้เถาจองจำเซียนตามมาติดๆ ได้
สำหรับคนที่หนีรอดมาจากความตายแล้ว ช่วงเวลาสั้นๆ แค่นี้มีความสำคัญยิ่งกว่า
สุดท้ายผู้มีวาสนาพวกนี้หนีเข้ามาในพระราชวังอู้อิ่นสำเร็จ ได้อยู่รอดปลอดภัยไปชั่วคราว
ตอนนี้สำหรับพวกเขาแล้ว ท่านเซียนคือผู้มีพระคุณช่วยชีวิต! ขณะเดียวกันท่านเซียนผู้ลึกลับยากจะคาดเดาท่านนั้นยังกลายเป็นความหวังสุดท้ายของพวกเขาเช่นกัน
“ท่านเซียนส่องความลับสวรรค์และโน้มน้าวเพื่อช่วยชีวิตพวกเรา แต่เรากลับไม่เชื่อเขา”
“พวกเรามันสมควรตาย! ท่านเซียนยอมทนสวรรค์แว้งกัดเพื่อขอเสี้ยวชีวิตให้พวกเรา คุณธรรมสั่นสะเทือนสวรรค์!”
“ท่านเซียน พวกเราสำนึกผิดแล้ว ขอร้องให้ท่านรีบมาจัดการปีศาจพวกนี้ที! แม่ข้าที่บ้านอายุแปดสิบแล้วนะ!”
“สหายซ่ง สหายหลิว สหายเจิน สหายสยง พวกเจ้าไม่ใช่ผู้อาวุโสของกลุ่มสวรรค์พิทักษ์หรือ พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าท่านเซียนอยู่ที่ใด”
…….
พอทุกคนสอบถามมา พวกเถ้าแก่ซ่งก็ปวดหัว
พวกเขาจะบอกเจ้าพวกนี้ได้หรือว่าท่านเซียนหลงกับพวกเขาไปแล้ว
ทันใดนั้นเอง จางอวิ๋นซีในชุดเกราะแสงสว่างพยัคฆ์ขาวมือถือกระบี่พยัคฆ์ขาวข้างหนึ่งเดินเข้ามาอย่างเฉยชา ในตัวนางแผ่พลังแกร่งกล้าออกมา ก่อนจะพูดนิ่งๆ “ท่านเซียนเดินทางไปส่วนลึกที่ราบหมอกลับแลเพียงลำพังแล้ว พวกเจ้าเองก็คงจะมองออกว่าเหตุโกลาหลครั้งนี้ต้องมีมือดำคอยบงการอยู่เบื้องหลังอย่างแน่นอน ท่านเซียนได้เดินทางเข้าไปปะทะแล้ว
ตอนนี้เราต้องเชื่อท่านเซียน ขณะเดียวกันก็ต้องปกป้องพระราชวังฐานที่มั่นสุดท้ายนี่เอาไว้ ตอนนี้คนที่ไม่อยากตายปลุกจิตใจตัวเองขึ้นมา ร่วมมือกับข้าวางค่ายกันอย่างสุดกำลัง!”
ต้องบอกว่าจางอวิ๋นซีคือเทพีสงครามที่ไม่ด้อยไปกว่าบุรุษจริงๆ ไม่เพียงแค่มีกำลังรบสูงมาก แต่ยังชำนาญการบัญชาการผู้ใต้บังคับบัญชา
ในยามที่เจออันตรายน่าสะพรึง สิ่งที่สำคัญที่สุดเสมอคือคุมจิตใจของกองทัพให้มั่นคง
มีเพียงคุมจิตใจของกองทัพให้มั่นคงเท่านั้นถึงจะรวมพลังของทุกคนสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมาได้
ถ้าไม่อย่างนั้น หากลุยไปภายใต้ความสิ้นหวังและหวาดกลัว ทุกคนจะมีแต่ต้องตาย
ถึงจางอวิ๋นซีจะไม่รู้ว่าเสิ่นเทียนอยู่ที่ใด แต่นางต้องใช้เสิ่นเทียนเป็นเสาหลักให้ทุกคนฮึกเหิมขึ้นมา และคำพูดของนางก็ทำให้ผู้บำเพ็ญที่เดิมทีหวาดกลัวจนตัวสั่นฮึกเหิมขึ้นมาใหม่อีกครั้งได้จริงๆ
พวกเขาลืมสภาพอนาถาของผู้บำเพ็ญที่โดนสูบพลังปราณเดิมจนแห้งเหล่านั้นไป ลืมความกลัวตายไป
ใช่ เดิมทีท่านเซียนไม่จำเป็นต้องเสี่ยงอันตรายเลย แต่ตอนนี้กลับยืนหยัดต่อสู้ด้วยหัวใจแกร่ง
แล้วพวกเขาจะไปยอมแพ้ไม่คิดสู้ได้อย่างไร!
จะต้องต้านเอาไว้ จะไม่ยอมให้ปราการถูกตีแตกเด็ดขาด!
แค่รอท่านเซียนสังหารปีศาจที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังเสร็จ พวกเราก็รอดแล้ว!
หลังจากเกิดความหวังในการมีชีวิตรอดขึ้นแล้ว ผู้บำเพ็ญทั้งหมดก็คึกคักขึ้นมาอีกครั้ง กระทั่งระเบิดพลังที่แข็งแกร่งกว่าเดิม
นี่คือพลังแฝงแห่งชีวิต!
…………….
สิ่งที่พวกเขาไม่รู้คือท่านเซียนที่ตนเฝ้าใฝ่หาและตอนนี้กำลังมุ่งหน้าไปส่วนลึกที่ราบหมอกลับแลนั้น กลับไม่ได้สู้เพื่อชีวิตคนอื่น ไปฆ่าสุดยอดปีศาจอะไรนั่นเลย
แต่โดนเถาจองจำเซียนเก้าต้นมัดไว้ราวกับบ๊ะจ่าง…
กำลังจะถวายตัวเป็นนายบำเรอของสนมเซียนมารดาเถาคนนั้น
เขาในตอนนี้กำลังตึงเครียดอย่างหนัก!
………………………………………..……