บทที่ 337 : หลินเจี๋ยและแมลงสาบยักษ์อเมริกัน
“ค…ค…ค…คุณ…! คุณมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรเนี่ย?!”
เด็กหนุ่มใบหน้าขึ้นกระมองหลินเจี๋ยที่กำลังเปิดประตูบนทางเดินด้วยสีหน้าตกใจกลัว เขาดูราวกับแมวที่ถูกเหยียบหางหรือเห็นแตงกวาอยู่ข้างตัวกะทันหันแล้วกระโดดโหยง แถมยังพูดตะกุกตะกัก เม็ดเหงื่อเย็น ๆ ผุดเต็มหน้าผากจนมองเห็นได้ชัด
เขาเอื้อมมือไปคว้าอาวุธโดยไม่รู้ตัว แต่ในสถานการณ์ไม่คาดฝันนี้เขาพกอาวุธเสียที่ไหน ฝ่ามือของเขาจึงคว้าได้เพียงความว่างเปล่า
อวสานแล้วตูข้า!
เกร็กรู้สึกเหมือนดวงตาของเขามืดดำจากความสิ้นหวัง
หลายเดือนก่อนหน้านี้ เขาใช้คาถาแปลงกายเป็นแมวดำไปตรวจสอบร้านหนังสือแล้วเห็นโจเซฟที่เป็นไอดอลของเขาถูกปราบลงอย่างง่ายดายในค่ำคืนฝนกระหน่ำ ภาพแห่งความกลัวที่เกาะกุมจิตใจของเขายังคงชัดเจนจนทุกวันนี้
ปีศาจที่น่ากลัวตนนี้มาโผล่ในงานเลี้ยงของบริษัทโรลล์ได้อย่างไร ไม่ใช่ว่าจากข้อมูลแล้ว เขาแทบไม่ออกมาจากร้านหนังสือหรอกเหรอ??
หรือวันนี้เขาจะชะตาขาดที่นี่หรือเปล่า?
ไม่เอาน่า เขายังไม่ได้เป็นศิษย์ของโจเซฟอย่างเป็นทางการเลย เขาจะยอมตายที่นี่ได้อย่างไร!
นักเวทหนุ่มกัดฟัน เขายอมแพ้ไม่ได้ แม้ว่าคนข้าง ๆ เขาจะดูเหมือนคนธรรมดา ๆ แต่ปัจจัยที่เขาสามารถควบคุมได้ที่นี่มีไม่มาก…เขาสำรวจทั้งคฤหาสน์มาก่อนแล้ว ทางเดินเส้นนี้มีท่อระบายอากาศสามท่อ ท่อที่ใกล้ที่สุดอยู่ในหลืบห่างออกไปสิบเมตร ตราบใดที่เขาวิ่งด้วยความเร็วสูงสุด เขาก็ยังมีโอกาสหนีรอด!
แล้วเขาก็จะได้บอกหอพิธีกรรมต้องห้ามให้เตรียมตัว…เกร็กคิดมาถึงตรงนี้ก็พลันชะงัก ความคิดที่จะเปลี่ยนร่างเป็นแมวหายไปทันที
เดี๋ยวนะ เรื่องใหญ่อย่างเรื่องที่ปีศาจตนนี้ออกมาจากร้านหนังสือ หอพิธีกรรมเนี่ยนะจะไม่รู้?
“…?”
หลินเจี๋ยมองเด็กหนุ่มที่ดูตกใจราวเห็นผีตรงหน้าเขาที่รีบเผ่นถอยหลังพิงกำแพงอย่างงุนงง
สีหน้าของเด็กหนุ่มเปลี่ยนไปอย่างซับซ้อนและรวดเร็ว เขาดูเหมือนคนที่กินผลไม้แล้วเจอหนอนอยู่ข้างใน แล้วก็ค้นพบเรื่องน่ากลัวว่าหนอนเหลืออยู่เพียงครึ่งตัวเท่านั้น หน้าของเขาซีดเซียว ร่างสั่นราวใบไม้
“เอ่อ…คุณน้องครับ ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ? ผมเห็นคุณเหมือนไม่ค่อยสบาย ต้องการความช่วยเหลือไหมครับ?”
หลินเจี๋ยถามไถ่อย่างมีมนุษยธรรม ก้าวมาข้างหน้าสองก้าวแล้วยื่นมือออกไป หวังช่วยประคองเด็กหนุ่มแปลกหน้าที่จู่ ๆ ก็เหมือนป่วยกะทันหันคนนี้
ม่านตาของเกร็กสั่นไหวอย่างรุนแรง เขาพลาดโอกาสที่ดีที่สุดไปแล้ว เชื่อได้เลยว่าในระยะใกล้ขนาดนี้ อีกฝ่ายจะสามารถควบคุมหรือฆ่าเขาได้อย่างง่ายดายแน่ ๆ
หนีไม่ทันแล้ว รอความตายสถานเดียว…
อย่าเข้ามา!!!!
หลินเจี๋ยวางมือลงบนบ่าของเด็กหนุ่ม ขณะที่อีกฝ่ายหลับตาปี๋ ริมฝีปากสั่นระริก หัวจรดเท้าเหมือนเขียนคำว่า ‘กลัวแล้ว’ ตัวโต ๆ แปะไว้ และนั่นทำให้หลินเจี๋ยแปลกใจ
เขาดูเหมือนจะไม่ได้ป่วย แต่เหมือนเขาเห็นแมลงสาบยักษ์อเมริกันขนาดยาวสิบเซนติเมตรโฉบลงมาต่อหน้ามากกว่า…
ยิ่งกว่านั้น เหมือนว่าวัตถุที่เขากลัวจะเป็นตัวเขาเองเสียด้วย?
นี่เขาน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ?
หลินเจี๋ยส่ายหน้าในใจ เขาเชื่อมั่นว่าตนเองทำตัวน่ารักใจดีมาโดยตลอด ไม่ได้ตีหน้ายักษ์เสียจนทำให้คนที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกกลัวได้หรอก
แต่อย่างน้อยที่สุด เขาต้องไม่ถึงจุดที่สามารถนำไปเทียบกับแมลงสาบยักษ์อเมริกันได้แน่ ๆ…ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตัวเขาหรอก แต่เป็นปัญหาของเด็กหนุ่มแปลกหน้าคนนี้เองมากกว่า
เป็นไปได้หรือเปล่าว่าพ่อหนุ่มน้อยที่ดูเหมือนผู้ดีคนนี้จะถูกประคบประหงมอยู่แต่ในห้อง ไม่ได้ออกมาติดต่อกับใครเท่าไรนัก เขาเลยเกิดภาวะวิตกจริตต่อสังคมอย่างรุนแรง?
หลินเจี๋ยคิดแล้วก็รู้สึกว่าการคาดเดาของเขาสมเหตุสมผลอยู่หลายส่วน
เพราะถึงอย่างไร อีกฝ่ายก็ดูจะพูดคุยผ่านอุปกรณ์สื่อสารได้อย่างลื่นไหล แต่จู่ ๆ เขาก็กลายเป็นแบบนี้ไปเสียได้…ใช้อาการป่วยมาบรรยายเรื่องนี้ไม่ได้หรอก
ถ้าอย่างนั้น ในเมื่อเขาอยู่ในห้อง ก็หมายความว่าเขาเป็นแขกรับเชิญคนหนึ่งด้วย แต่เขาก็ไม่ได้เห็นหน้าอีกฝ่ายในงานเลี้ยงเต้นรำเมื่อครู่เลย คาดว่าเขาคงซ่อนตัวอยู่ในห้องนี้มาแต่แรกเพราะอุปสรรคทางสังคม
แต่จากชุดคำพูดที่เขาได้ยินก่อนหน้านี้ เหมือนเขาจะถูกครอบครัวบังคับให้เข้าร่วมงานเลี้ยงนี้หรือเปล่านะ?
ช่างเป็นเด็กที่น่าสงสารจริง ๆ
หลินเจี๋ยแสดงสีหน้าเห็นอกเห็นใจ ลดมือลงแล้วก้าวถอยไปเล็กน้อย ในขณะเดียวกันก็ยิ้มอย่างอบอุ่นและอ่อนโยนที่สุดพลางกล่าวขึ้นอย่างใจดี “ขอโทษครับ ผมช่วยพาคุณไปหาหมอให้ไหมครับ? เอ่อ…ถึงแม้ว่าจะดูโอ้อวดไปนิด แต่ผมพอมีประสบการณ์ในการรับมือสถานการณ์แบบนี้อยู่ พอจะช่วยให้คุณผ่อนคลายแบบง่าย ๆ ได้นะครับ…”
เกร็กสัมผัสได้ว่าในที่สุด มือที่จับบ่าเขาไว้แน่นราวคีมเหล็กก็คลายตัวออกแล้ว แต่แล้วเขาก็ได้ยินเจ้าปีศาจเสนอช่วยให้เขา ‘ผ่อนคลาย’
หัวใจของเขาหล่นวูบ ไอ้การ ‘ผ่อนคลาย’ นี่ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆ!
ที่ว่า ‘รับมือสถานการณ์แบบนี้’ เนี่ย หมายถึงการรับมือเวลาที่มีใครรู้จักธาตุแท้ของตัวเองเข้าหรือเปล่า? ถ้าแบบนั้นก็มีวิธีเดียว คือปิดปากเขาซะ!
หัวใจของเกร็กเต้นไม่เป็นจังหวะ ดวงตาเบิกกว้างแล้วรีบพูดเสียงดัง “ม…ม…ไม่ ไม่ต้อง ไม่ต้องครับ! ผมสบายดี สบายดีมาก ๆ!”
หลินเจี๋ยตะลึง “ไม่เป็นไรจริง ๆ เหรอครับ? ผมว่า…”
“ไม่ต้องเลยครับ!”
เกร็กมีสีหน้าจริงจังพลางไขว้แขนเป็นกากบาท “ขอบคุณมากครับสำหรับความเป็นห่วง ตอนนี้ผมรู้สึกดีขึ้นมากแล้วครับ”
ถึงจะไม่รู้ว่าทำไม แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะดูไม่มีความคิดเชือดเขาในตอนนี้ แต่แค่เตือนไม่ให้เขาเปิดโปงตัวจริงของเขาออกมา…
ถ้าเป็นแบบนั้นก็ทำใจดี ๆ เข้าไว้ ตอบตกลงไป อย่าเพิ่งลุกลี้ลุกลน เอาชีวิตรอดไว้ก่อน แล้วค่อยหาโอกาสคิดให้ออกว่าเขาต้องการอะไรกันแน่!
นี่ไม่ใช่ความกลัว แต่เป็นความเป็นมืออาชีพของนักสืบ!
“จริงเหรอครับ?” หลินเจี๋ยมองเขาอย่างเคลือบแคลง แต่แล้วก็พบว่าใบหน้าซีดเซียวของอีกฝ่ายกลับเป็นปกติอย่างรวดเร็ว เขาจึงละความกังวลลงไปได้บ้าง ทว่าเขาก็ยังพูดเสริมอย่างปรารถนาดี “อาการที่คุณแสดงออกมาเมื่อครู่อาจจะร้ายแรงมากก็ได้ ถ้าเกิดปัญหาอะไร ขอให้บอกออกมาตรง ๆ เลยนะครับ อย่าหลอกตัวเองนะ”
เกร็กกลืนน้ำลายเอื๊อกขณะที่มองหลินเจี๋ยที่ดูจริงใจสุด ๆ… ไอ้คำว่า ‘อย่าหลอกตัวเอง’ นั่นเป็นคำขู่! เป็นคำขู่แน่ ๆ!
ถ้าเขาเปิดโปงฐานะของหลินเจี๋ยหรือแพร่งพรายข้อมูลอะไรอีก เจ้าปีศาจนี่ลงมือแน่ ๆ!
เขาส่ายหัวรัวราวกลองป๋องแป๋งพลางตอบเสียงสั่น “ไม่เป็นไรแล้วจริง ๆ ครับ! ก่อนหน้านี้จู่ ๆ ผมก็ตกใจขึ้นมา นั่นเป็นอาการที่เคยเป็นเมื่อก่อนที่ทำให้ผมตกใจแรงกว่าชาวบ้านนิดหน่อยน่ะ ฮะ ๆ…”
หลินเจี๋ยเข้าใจทันที “อย่างนี้นี่เอง”
เฮ้อ…เกร็กแอบปาดเหงื่อ รอดแล้วเรา
จู่ ๆ เฟจที่อยู่ข้าง ๆ ก็พูดอย่างขุ่นเคืองว่า “ผมว่าไม่ใช่นะครับ เด็กคนนี้ดูเหมือนจะกลัวคุณหลินมากเลย บางทีเขาอาจจะมีความคิดอื่นซ่อนอยู่ก็ได้นะครับ”
“!” เกร็กมองชายที่เขานึกว่าเป็นคนธรรมดาในตอนแรก แล้วสบตาที่มองตอบมาอย่างแข่งขันและเป็นปรปักษ์
หลังจากเบนความสนใจจากหลินเจี๋ยได้ เขาก็พลันพบว่าที่จริงแล้ว คน ๆ นี้ก็เป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติเหมือนกัน!
ยิ่งกว่านั้น ปฏิกิริยาอีเธอร์รอบ ๆ ตัวเขายังดูแปลก ๆ ผิดปกติด้วย…
หลินเจี๋ยส่ายหน้าแล้วพูดกลั้วหัวเราะ “ได้อย่างไรล่ะครับ? ผมปกติออกขนาดนี้ จะดูน่ากลัวได้อย่างไร? ใช่ไหมครับคุณน้อง?”
ดวงตาของเขาเบนไปมองเกร็กซึ่งขนลุกซู่ขึ้นมาทันที จากนั้นเขาก็รีบพยักหน้าอย่างทื่อ ๆ ภายใต้สายตานั้น “อืม ใช่ครับ! ไม่น่ากลัวหรอก”