บทที่ 361 : คำตอบแก่เจ้าของร้านหลิน
หนังสือที่เปลี่ยนเป็นมวลเลือดเนื้อกลายเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายชาร์ล็อตต์ในทันที
ความตื่นเต้นและความปรารถนาที่อยู่ในชีพจรค่อย ๆ สอดประสานเป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้น
ทันทีที่ลิ้นหนา ๆ ที่น่าหวาดหวั่นเสียบเข้าไปในอกของไดแอนน์ ชาร์ล็อตต์ก็ฉวยโอกาสจากสถานการณ์โอบกอดอีกฝ่ายไว้
ร่างกายด้านหน้าของทั้งสองแนบติดกันแน่น ไร้ช่องว่างใด ๆ และดูไม่มีความผิดปกติอะไรเลย
“ไดแอนน์ เธออิจฉาฉันเหรอ?”
ชาร์ล็อตต์บีบแก้มไดแอนน์แน่น ไร้ซึ่งความสง่างามแตกต่างจากชนชั้นผู้ดีแม้เพียงเสี้ยว ดวงตาและการวางตัวของเธอเย็นชาอย่างยิ่ง มันเต็มไปด้วยความมาดร้ายที่เห็นได้อย่างชัดเจน
“อิจฉาที่ฉันมีหน้าตาสวยกว่าเธอ มีภูมิหลังวงศ์ตระกูลที่ดีกว่า เธออิจฉาที่ฉันไม่ต้องทำอะไรแต่ก็ได้รับความนิยมมากกว่าเธอ อิจฉาที่ฉันสามารถเป็นจุดศูนย์รวมความสนใจของผู้คนได้ง่าย ๆ…ใช่ไหมล่ะ?”
นี่คือความปรารถนาฆ่าฟันที่เธอซ่อนเอาไว้ใต้รูปลักษณ์ผู้ดีที่สง่างาม และในที่สุดตอนนี้เธอก็แสดงมันออกมาอย่างเต็มที่ มันช่างดูน่าสะพรึงกลัวราวกับฉลามที่อ้าปากเผยแถวซี่เขี้ยว
ดวงตาของเธอไม่ได้ดูเหมือนกำลังมองคน แต่เป็นการจับจ้องอาหารอันเลิศรส
หากต้องมาเผชิญกับดวงตาข่มขู่แบบนี้ กระทั่งผู้มีพลังเหนือธรรมชาติโดยทั่วไปก็อาจจะแข้งขาอ่อนอย่างช่วยไม่ได้ อย่าว่าแต่ไดแอนน์ที่เป็นแค่คนธรรมดาเลย
ยิ่งกว่านั้น ในตอนนี้ ไดแอนน์ก็ไม่ใช่แค่รู้สึกในใจว่าตนเหมือนเป็นอาหารที่จ่อปากนักล่าที่เผยเขี้ยวเล็บออกมาเท่านั้น แต่ก็ตระหนักลึกซึ้งถึงความจริงนี้จากร่างกายของเธอเองด้วย…
“อุ…อึก…เอื๊อก…!”
ไดแอนน์เบิกตาที่เหลือกขึ้นอย่างต่อเนื่อง อ้าปากส่งเสียงอู้อี้ออกมาเบา ๆ แล้วระเบิดสัญชาตญาณเอาตัวรอดออกมาเป็นครั้งสุดท้าย ยกมือสั่นเทาของเธอขึ้นพยายามผลักชาร์ล็อตต์ออกไป
เธอหอบหายใจอย่างแรง อกของเธอสั่นกระเพื่อม แต่เธอก็ยังหายใจไม่ออก กระทั่งจะส่งเสียงให้ฟังรู้เรื่องยังทำไม่ได้เลย
หากมีใครมองเข้าไปในช่องปากที่พะงาบเปิดของเธอ…ก็จะเห็นว่ามีบางอย่างยุกยิกอยู่ในลำคอลาง ๆ
แล้วก็จะสรุปได้ว่าเป็นเพราะลิ้นที่เสียบเข้าไปในอกนั้นเลื้อยเข้าลำคอแล้วบิดเส้นเสียงของเธอ ทำให้ไดแอนน์ไม่สามารถส่งเสียงได้
ชาร์ล็อตต์ไม่ได้ใส่ใจการดิ้นรนของไดแอนน์ เธอเอื้อมไปคว้ามือที่อ่อนแรงนั้นมาแนบไว้กับแก้มของเธอ ก่อนจะโน้มตัวเข้าไปใกล้ขึ้นพร้อมกระซิบ “ทำไมล่ะ เจ็บเหรอ?”
ไดแอนน์ตัวสั่นมากขึ้นอีก พยายามส่ายหน้า
แต่ชาร์ล็อตต์ตรึงการเคลื่อนไหวของเธอไว้ด้วยเรี่ยวแรงมหาศาล ทำให้เธอไม่สามารถขยับตัวได้เลย
เด็กสาวสูดหายใจลึกแล้วพบว่าผู้คนรอบ ๆ จุดทานอาหารเที่ยงเกือบจะหายไปหมดแล้ว ดังนั้นเธอจึงเอนหลังเล็กน้อย ปากจากก้อนเลือดเนื้อที่อ้าอยู่ที่อกของเธอถูกเผยออกมากึ่งหนึ่ง และในขณะเดียวกันก็สามารถเห็นได้ชัดเจนว่าบริเวณที่ตรงกันของไดแอนน์ถูกกัดออกจนแหว่งโหว่ เศษเลือดเนื้อถูกฉีกออกมาเป็นเส้นใยที่ไม่ได้ขาดลงจากการเคลื่อนไหวของชาร์ล็อตต์
ภายในร่างของไดแอนน์เหลือเพียงเศษอวัยวะภายในนิดหน่อย และลิ้นที่เสียบเข้าร่างของเธอก็ดูราวกับเป็นเส้นเลือดที่เหลืออยู่เส้นเดียวซึ่งแทงขึ้นคอเข้าไปในหัวและยังปั่นวน
ดวงตาของไดแอนน์เหลือกสุดขีด ปากของเธอมีน้ำลายไหลย้อย ผิวของเธอเริ่มย่นเป็นสีคล้ำดำ และดูเหมือนลูกตาของเธอจะถูกแยกออกจากเนื้อหนังแล้ว
ชาร์ล็อตต์เลียปาก บทร่ายที่สักไว้บนลิ้นของเธอโผล่มาราง ๆ ดวงตาของเธอหรี่ลงด้วยสีหน้าพึงพอใจ “ชู่…! ไม่ต้องพูดหรอก ฉันได้ยินหัวใจของเธอแล้วล่ะ”
จากที่เห็น ทั้งสองในตอนนี้สนิทชิดเชื้อในฐานะเพื่อนสาวที่สนิทกันโดยแท้จริง ผู้คนที่ผ่านไปมาก็แค่มองพวกเธอด้วยสายตาแปลก ๆ แล้วรีบร้อนจากไป ไม่มีใครสังเกตเห็นความผิดปกติเลยสักนิด
อันที่จริง…พวกเขาก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกเชิงลบจากระยะไกลเช่นกัน
“ที่จริงแล้วเธอทนรับเรื่องนี้ไม่ได้มานานแล้ว เห็นได้ชัดว่าเธอพยายามอย่างมากที่จะแสดงด้านดีของเธอและมีความสัมพันธ์อันดีกับทุกคน แต่ทำไมพอเธออยู่กับฉัน ทุกคนก็ดูจะเหมือนไม่เห็นเธอในสายตากันเลยล่ะ?”
“เห็นได้ชัดว่าฉันดูเฉยเมยมากและเมินทุกคนไปสนิท แต่ทำไมคนเหล่านี้ถึงพยายามเอาอกเอาใจฉันที่นิสัยไม่ดีนักล่ะ? ส่วนตัวเธอก็ทำได้แค่เก็บความไม่พอใจแล้วแสร้งทำยินดีที่คนอื่น ๆ เข้ากันได้ดีกับฉัน ดังนั้นเราสองคนจึงเป็นเพื่อนที่อยู่ร่วมกันได้อย่างกลมเกลียว…ความอิจฉาก็เหมือนวัชพืช ตราบใดที่เกิดสายลมแห่งความขัดแย้งพัดผ่าน มันก็จะงอกงาม”
ชาร์ล็อตต์ยกมือขึ้นลูบหน้าเธอเบา ๆ ราวกับเป็นห่วงว่าเพื่อนสนิทของเธอจะไม่สบาย จากนั้นก็ออกแรงดึงตัวอีกฝ่ายที่ร่างถูกขบหายเป็นรูใหญ่จากทั้งซ้ายและขวา
เพราะผิวหนังและซี่โครงส่วนกลางหายไปแล้วเช่นกัน การดึงที่รุนแรงขนาดนี้ย่อมทำให้เด็กสาวผู้สูงศักดิ์ที่แต่เดิมก็สะโอดสะองสง่างามอยู่แล้วดูผอมลงไปอีกจนแปลกตา
การเคลื่อนไหวนี้ทำให้ร่างของไดแอนน์กระตุกอย่างรุนแรงอีกครั้ง น้ำตาหยดรินจากหางตาซึ่งสูญเสียแววตาไปโดยสิ้นเชิง บ่งบอกว่าสติของเธอกำลังจะหลุดลอย
“ดังนั้น เธอก็เลยตัดสินใจทำลายคนที่ทำให้เธอสติแตกเพราะความอิจฉา”
“แล้วทำอย่างไรล่ะ? ไม่มีทางที่จะมอบหมายงานนี้ให้กับคนธรรมดาแน่นอน ภูมิหลังชาติตระกูลของอีกฝ่ายแข็งแกร่งยิ่งกว่าของเธออีก แผนนี้จะต้องถูกเปิดโปงอย่างแน่นอน”
“ดังนั้นวิธีที่ดีกว่าก็คือไหว้วานให้องค์กรลึกลับที่เธอเพิ่งจะสามารถติดต่อด้วยในงานเลี้ยงโลหิตช่วยทำ…”
“แม้ว่าโครงสร้างระดับบนขององค์กรจะมีการเปลี่ยนแปลงเมื่อเร็ว ๆ นี้ แต่เพราะโครงสร้างที่หลวมเป็นพิเศษของมัน นี่จึงไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินงานในภาพรวม ไม่นานผู้มีพลังเหนือธรรมชาติคนใหม่ก็จะโผล่มาบริหารองค์กร และองค์กรที่แตกสลายก็จะกลับมาเป็นปึกแผ่น เป็นขุมกำลังใหญ่อีกครั้ง”
“การใช้องค์กรแบบนั้นมาทำลายบุตรีสูงศักดิ์ธรรมดา ๆ สักคนต้องไม่มีช่องโหว่ใด ๆ แน่ เธอคิดแบบนั้นใช่ไหม เธอเลยออกภารกิจให้กับอีกฝ่าย”
“แต่ทำไมล่ะ?”
ทำไมชาร์ล็อตต์ที่น่าจะหายตัวไปและตายอย่างไม่คาดฝันไปเมื่อคืน กลับยังโผล่มางานเลี้ยงวันนี้ได้? ในช่วงครึ่งวันที่เธอหายไป เธอดีใจมากเลยนี่นา…!
สุดท้ายแล้ว อีกฝ่ายไม่เพียงโผล่มา แต่ยังได้สนทนาใกล้ชิดกับชายลึกลับที่สร้างคลื่นกระเพื่อมใหญ่ในงานเลี้ยง ดึงความสนใจที่เธอควรจะได้ไปอีกครั้ง
แสงสุดท้ายรวมตัวกันในดวงตาของไดแอนน์ เธอมองเด็กสาวตรงหน้าอย่างไม่ยินยอม นิ้วของเธองอเข้าหากัน บีบมืออีกฝ่ายไว้แน่นราวกับจะถามว่า ‘ทำไมล่ะ?’
ชาร์ล็อตต์ถอนหายใจ “ต่อให้ไม่มีหัวข้อที่เจ้าของร้านหลินมอบหมาย ฉันก็ค้นพบแผนของเธอแล้ว แต่ไม่ได้อยากจะร้อนใจไปกับมัน ฉันเลยทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะถึงอย่างไรฉันก็ยังต้องการเธอเพื่อช่วยให้ฉันเข้าสังคมได้อย่างราบรื่นอยู่ดี”
เธอพึมพำกับตัวเอง “แต่ตอนนี้ ฉันก็คิดว่าเจ้าของร้านหลินพูดถูก ฉันควรเผชิญหน้ากับตัวตนจริง ๆ ของตัวเอง ตราบใดที่ฉันแข็งแกร่งพอ เรื่องพวกนี้ก็เป็นแค่ตัวถ่วง การเข้าสังคมแบบนี้ไร้ประโยชน์สำหรับฉัน”
ไดแอนน์ตัวสั่นหนักกว่าเก่า หอบหายใจอย่างหนัก ม่านตาของเธอหดตัว
“อืม…เธออยากรู้ใช่ไหมล่ะว่าทำไมฉันถึงรู้แผนของเธอ?”
เด็กสาวแสดงรอยยิ้มจริงใจอย่างอารมณ์ดี “นั่นก็เพราะว่าผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่อยู่ในงานเลี้ยงโลหิตน่ะ…”
“คือฉันเองไงล่ะจ๊ะ!”
ไดแอนน์ตะลึง จากนั้นดวงตาของเธอก็แทบถลนจากเบ้า เธอดิ้นรนด้วยกำลังเฮือกสุดท้าย เอื้อมมือขึ้นมาคว้าตัวอีกฝ่ายไว้ แต่เธอก็ยกมือขึ้นได้เพียงครึ่งทาง ก่อนที่มันจะตกกลับลงไปอย่างอ่อนแรง
ชาร์ล็อตต์เก็บรอยยิ้มของเธอแล้วมองไดแอนน์ที่ตายตาไม่หลับอย่างเฉยเมย เธอรู้สึกว่าตนได้เป็นหนึ่งเดียวกับหนังสือ ‘บาปดั้งเดิมและมารผจญใจ’ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจังหวะการเต้นชีพจรของทั้งสองก็พร้อมเพรียงสม่ำเสมอ
อย่างนี้นี่เอง นี่คือ…‘มารผจญใจ’ ปีศาจที่กลืนกินบาปดั้งเดิมทั้งเจ็ด
นี่คือกระดาษคำตอบที่เธอมอบให้แก่เจ้าของร้านหลิน