บทที่ 1723 สวัสดีทุกคน ฉันชื่อเป่ยโต่ว
เวลานี้ เหลียงหวั่นจวินหยิบเงินหนึ่งหมื่นกว่าหยวนในกระเป๋าออกมาส่งให้ชายวัยกลางคนอย่างไม่เต็มใจอยู่บ้าง
เห็นดังนั้น ชายวัยกลางคนก็ยิ้มน้อยๆ เหลือบตามองแล้วเก็บเงินทั้งหมดมา
“คืนเงินพวกคุณหมดแล้วก็น่าจะไม่มีปัญหาแล้วมั้ง…ถ้าไม่มีปัญหาแล้วพวกคุณก็ออกไปตอนนี้ได้เลย” เหลียงหวั่นจวินมองพวกชายวัยกลางคนพร้อมเอ่ยไล่แขก
ได้ยินคำพูดของเหลียงหวั่นจวิน ชายวัยกลางคนก็พยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “คุณนายเหลียงหวั่นจวิน ถ้าคุณไม่มีธุระอะไรแล้วก็ออกไปตอนนี้ได้เลย”
“คะ คุณว่าอะไรนะ!” เหลียงหวั่นจวินมองชายวัยกลางคนอย่างอธิบายไม่ถูก ชายวัยกลางคนนี้จะให้เธอออกไป?
“ผมบอกว่า คุณเอาโฉนดของคฤหาสน์หลังนี้ออกมา จากนั้นก็ออกไปได้แล้ว” ชายวัยกลางคนจ้องเหลียงหวั่นจวินพลางหัวเราะน้อยๆ
“หมายความว่ายังไง บ้านนี้เป็นของฉันนะ!” เหลียงหวั่นจวินเอ่ย
“อืม เมื่อก่อนเป็นของคุณ แต่ตอนนี้ไม่น่าใช่ของคุณแล้ว บ้านนี้เป็นค่าดอกเบี้ย” ชายวัยกลางคนยิ้มเอ่ย
“ดอกเบี้ย!?” เหลียงหวั่นจวินไม่อยากเชื่อ “เงินที่ติดพวกคุณก็คืนหมดแล้วไม่ใช่เหรอ”
“หึๆ คุณนายเหลียงหวั่นจวิน ที่คุณคืนคือเงินต้นนะ เงินต้นคือเงินต้น ดอกเบี้ยคือดอกเบี้ย บ้านหลังนี้ก็คือดอกเบี้ย” ชายวัยกลางคนเอ่ย
“เงินหมื่นกว่า จะเอาบ้านหนึ่งหลังเป็นดอกเบี้ย…ทำไมพวกคุณไม่แย่งไปเลยล่ะ!” เหลียงหวั่นจวินโกรธจนตัวสั่น
“ฮ่าๆๆ คุณนายเหลียงหวั่นจวิน คำพูดนี้ของคุณน่าสนใจจริงๆ พวกเราคือผู้ปล่อยเงินกู้ ตอนนั้นสามีคุณยืมเงินของพวกเราไป ก็รู้ว่าพวกเราเป็นบริษัทปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยสูงนะ…แล้วอะไรเรียกว่าผู้ปล่อยเงินกู้ล่ะ ยืมหนึ่งหมื่นใช้บ้านเป็นดอกเบี้ย นี่ก็คือดอกเบี้ยสูง ไม่เห็นมีปัญหาสักนิด” ชายวัยกลางคนหัวเราะเสียงเย็น
“พวกคุณ…พวกคุณมันคิดเพ้อเจ้อ!”
เหลียงหวั่นจวินหันตัวไปหยิบมือถือออกมาทำท่าจะแจ้งตำรวจ
“หึ! ผมว่าคุณไม่รู้จักชั่วดี! ให้หน้าไม่เอาหน้า อยากตายใช่ไหม!”
ชายวัยกลางคนเห็นเหลียงหวั่นจวินเตรียมแจ้งตำรวจก็หน้าทะมึน แย่งมือถือมาขว้างแตกละเอียดทันที
“พวกแกมันพวกหัวขโมย โจรชั่ว เศษสวะ!”
เวลานี้เหลียงหวั่นจวินถูกมัดอยู่บนเก้าอี้ เธอต่อว่าด่าตวาดพวกชายวัยกลางคน
“หึๆ คุณนายเหลียงหวั่นจวิน คุณเข้าใจผิดแล้ว พวกเราไม่ใช่โจรหัวขโมยเศษสวะ พวกเราคือผู้ปล่อยเงินกู้” ชายวัยกลางคนไม่โกรธแม้แต่น้อย เขาหัวเราะเบาๆ เอ่ย
เหลียงหวั่นจวินเพิ่งคิดอยากพูดอะไรต่อ แต่กริ่งประตูกลับพลันดังขึ้นมา
ได้ยินดังนั้น ชายวัยกลางคนชะงักเล็กน้อย
แม้แต่เหลียงหวั่นจวินก็งุนงงเล็กน้อย ตัวเองไม่รู้จักเพื่อนบ้านใกล้เคียง ไม่เคยมีใครมาเยี่ยมเยียนมาก่อน และเวลานี้ก็มีแค่ตัวเองอยู่ในบ้าน
“เอ๊ะ…แปลกจัง พี่เฟิงบอกว่าหลังนี้ไม่ผิดนี่นา ทำไมไม่มีคนอยู่”
ไม่นานก็มีเสียงดังมาจากที่ประตู
“เหล่าชี เข้าใจผิดแล้วหรือเปล่า…พี่เฟิงก็นะ ซื้อนู่นซื้อนี่จนตอนนี้ยังไม่มา…”
…
“มีคนอยู่ไหม ถ้าอยู่ก็เปิดประตูด้วย!”
เสียงด้านนอกดังขึ้นเรื่อยๆ
เวลานั้นชายวัยกลางคนขมวดคิ้วน้อยๆ ก่อนให้ลูกไปเปิดประตู
เมื่อประตูถูกเปิดออก เป่ยโต่วกับชีซิงทั้งสองคนก็เดินเข้ามาในคฤหาสน์อย่างรวดเร็ว
“คนเยอะจัง…สวัสดีทุกคน ฉันชื่อเป่ยโต่ว หมอนี่ชื่อชีซิง พี่เฟิงให้พวกเรามาก่อนน่ะ”
เป่ยโต่วมองพวกชายวัยกลางคนพร้อมยิ้มเอ่ย
“พี่เฟิง…พวกเธอคือ…”
เหลียงหวั่นจวินมองชีซิงกับเป่ยโต่ว สีหน้างุนงงเล็กน้อย
——————————————————————————-
บทที่ 1724 ลูกสาวกลับมาแล้ว
เวลานั้น เป่ยโต่วกับชีซิงมองไปยังเหลียงหวั่นจวินที่ถูกมัดอยู่บนเก้าอี้
“คุณน้า มัดตัวเองบนเก้าอี้ทำไมเหรอ” เป่ยโต่วจ้องเหลียงหวั่นจวินอย่างสงสัย สีหน้าเปี่ยมด้วยความไม่เข้าใจ
ชีซิงที่อยู่ด้านข้างเหล่มองเป่ยโต่ว นี่ยังไม่ชัดเจนพอเหรอ?
“ทุกคนไม่ต้องเกรงใจ ยืนอยู่ทำไมนั่งลงสิ เดี๋ยวพี่เฟิงก็กลับมาแล้ว” เป่ยโต่วยิ้มพูดกับทุกคนในห้องโถงใหญ่ของคฤหาสน์
ทุกคนได้ยินก็มองหน้าสบตากัน ไอ้โง่นี่โผล่มาจากไหนกันเนี่ย
“หึๆ เด็กน้อย เธอมาจากไหน”
ชายวัยกลางคนที่เป็นหัวหน้าจ้องเป่ยโต่ว หัวเราะหยันเอ่ยขึ้น
“มาจากไหน? ก็สนามบินไง” เป่ยโต่วตอบ
ยังไม่รอให้ชายวัยกลางคนพูดต่อ เป่ยโต่วก็กลับพลันมองไปที่ประตู
เวลานี้ เยี่ยหวันหวั่นกำลังถือถุงเล็กถุงใหญ่เดินเข้ามาในคฤหาสน์ ผู้อาวุโสใหญ่กับผู้อาวุโสสามที่ใส่สีแดงฉูดฉาดทั้งตัวเดินตามหลังเยี่ยหวันหวั่นมา
ในถุงเล็กถุงใหญ่ทั้งหมดใส่ของขวัญที่ซื้อมาให้มารดาเหลียงหวั่นจวิน ที่รัฐอิสระไม่มีของอะไรน่าเอามา ดังนั้นเธอจึงซื้อของที่ห้างนอกคฤหาสน์ พาเป่ยโต่วกับชีซิงไปด้วยเตะตาเกินไป ดังนั้นเยี่ยหวันหวั่นจึงให้ที่อยู่ทั้งสองให้พวกเขามารอที่ประตูก่อน
เพิ่งเข้าคฤหาสน์มาก็เห็นความวุ่นวายนี้ในบ้าน แม้แต่เยี่ยหวันหวั่นก็งงงันเล็กน้อย นี่กำลังทำอะไรกันอยู่…
“หวันหวั่น…”
เหลียงหวั่นจวินเห็นเยี่ยหวันหวั่นที่ไม่ได้เห็นนานพลันกลับมาก็พลันตะลึง จากนั้นในดวงตาก็ผุดแววตื่นเต้นเต็มเปี่ยม กระทั่งว่าไม่ค่อยอยากเชื่อ
เห็นเหลียงหวั่นจวินถูกมัดอยู่บนเก้าอี้ ใบหน้าดีใจนั้นของเยี่ยหวันหวั่นสลายหายไปในพริบตา
“หึๆ ผมก็นึกว่าใคร…ที่แท้ลูกสาวคุณก็กลับมาแล้ว”
ชายวัยกลางคนมองเยี่ยหวันหวั่น หน้ายิ้มแต่ใจไม่ยิ้มเอ่ย
“หวันหวั่น รีบไป…รีบไปแจ้งตำรวจเร็ว คนพวกนี้เป็นโจร!” เหลียงหวั่นจวินตะโกนบอกเยี่ยหวันหวั่นทันที
“โจร?” ได้ยินดังนั้นชายวัยกลางคนก็จิ๊ปากส่ายหัว “ดูคุณพูดเข้าสิ พวกเราจะเป็นโจรได้ยังไง คนอย่างพวกเราคุยเหตุผลที่สุด ติดหนี้ก็ต้องคืนเงินเป็นสัจธรรม…พวกคุณติดเงินพวกเรา ตอนนี้ทำไมพวกเราเป็นโจรไปแล้วล่ะ ผมคิดว่าพวกคุณต่างหากที่เป็นโจร ฮ่าๆ”
“โอ้…พวกคุณคือผู้ปล่อยเงินกู้เหรอ” เยี่ยหวันหวั่นกวาดสายตามองพวกชายวัยกลางคน
“ทำไม ไม่ชัดเจนพอเหรอ” ชายวัยกลางคนยิ้มเอ่ย
“ดีมาก ฉันชอบคุยเหตุผลกับคนอื่นที่สุดแล้ว” ทันใดนั้นเยี่ยหวันหวั่นหันไปหาผู้อาวุโสสาม “ปิดประตู วันนี้พวกเราจะคุยเหตุผลกับพวกเขาดีๆ”
ได้ยินดังนั้น ผู้อาวุโส ก็ปิดประตูใหญ่อย่างแรงดัง ‘ปัง’ เสียงปิดประตูดังสนั่นหู
“ช้าหน่อย…นายทำประตูสะเทือนพังหมดแล้ว…” เยี่ยหวันหวั่นมุมปากกระตุก มองผู้อาวุโสสามพลางบอก
ผู้อาวุโสสามพูดไม่ออก
“ฮ่าๆๆ น่าสนใจ พวกคุณชอบคุยเหตุผล งั้นก็ดีที่สุดแล้ว” ชายวัยกลางคนจ้องเยี่ยหวันหวั่นขณะเอ่ยด้วยรอยยิ้มเปี่ยมความสนใจราวกับว่าพวกเยี่ยหวันหวั่นเป็นเนื้อบนเขียง
“ว่ามา ติดเงินพวกคุณเท่าไร” เยี่ยหวันหวั่นแก้เชือกบนตัวของเหลียงหวั่นจวินออกก่อน จากนั้นดึงเหลียงหวั่นจวินนั่งลงบนโซฟาในโถงใหญ่ตามอำเภอใจ
“ไม่มาก แค่ติดคฤหาสน์นี้พวกเรา เอาคฤหาสน์คืนพวกเราก็พอแล้ว พวกเราคุยกันด้วยเหตุผลมากนะ” ชายวัยกลางคนว่า
“หวันหวั่น…อย่าไปฟังเขาพูดเพ้อเจ้อ เงินกู้ดอกเบี้ยสูงที่พ่อลูกติดพวกนี้ว่า ก่อนหน้านี้เกือบจะคืนหมดแล้ว ยังขาดเงินอีกแค่หมื่นกว่า เมื่อกี้แม่ก็ให้พวกเขาไปแล้ว…” เหลียงหวั่นจวินรีบเอ่ยปาก