ตอนที่ 2 กลิ่นประหลาด
ตอนที่ 2 กลิ่นประหลาด
คฤหาสน์หลังใหญ่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่เบื้องหน้า หลังจากทายาทเพียงคนเดียวกลับจากสวนสนุก ชายหนุ่มผู้ที่แต่งกายด้วยเสื้อแขนยาว กางเกงขายาวอยู่เป็นนิตย์ก็รีบวิ่งเข้าไปในตัวคฤหาสน์ทันที
“แด๊ดดด แด๊ดช่วยด้วย!”
เสียงนายน้อยของบ้านตะโกนดังลั่น เป็นที่คุ้นชินของเหล่าแม่บ้านและคนรับใช้ ทุกคนต่างส่ายหน้าไปมาให้กับการกระทำนั้น เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็น
“มีอะไรภวินท์”
เสียงกร้าวของนายท่านใหญ่ หรือก็คือบิดาของผู้ที่ถูกเรียกว่าอัลฟ่าไร้ค่าดังมาจากทางด้านในของห้องนั่งเล่น ทำให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนต้องวิ่งปรี่เข้าไปนั่งประชิด
“แด๊ด มีคนจะแทงผม ฮือออ”
“อะไรนะ!”
ดวงตาคมกล้าแม้อายุจะย่างเข้าเลขห้าไปแล้ว ทว่าก็ยังคงฉายประกายแห่งความน่าเกรงขามและทรงอำนาจ ตวัดมองไปทางผู้ติดตามของลูกชายอย่างต้องการคำอธิบาย
“ผมขอโทษที่ปล่อยนายน้อยไว้คนเดียวครับ ดีที่การ์ดของสวนสนุกเห็นเหตุการณ์เลยไล่พวกมันไปได้”
“เหลวไหล! ทำไมปล่อยภวินท์อยู่คนเดียว ฮะ!”
ก้องภพก้มหน้านิ่งขอลุแก่โทษ ทำให้คนที่วิ่งแจ้นเข้ามาฟ้องต้องขยับไปกระซิบใกล้ ๆ ผู้เป็นบิดา
“แด๊ด เบาหน่อย หนวกหูน่า”
“เงียบไปเลย เดี๋ยวไม่สมจริง”
สองพ่อลูกกระซิบกระซาบกันโดยเสียงเหล่านั้นก็ลอดเข้ามาในโสตประสาทของก้องภพ ส่งผลให้คนที่ก้มหน้านิ่งต้องกลั้นขำจนมุมปากกระตุก
“อะแฮ่ม! ครั้งหน้าอย่าให้หละหลวมอีก เข้าใจไหม ไม่อย่างนั้นฉันจะเปลี่ยนคนดูแลลูกฉัน”
“รับทราบครับท่าน”
ก้องภพก้มหน้ารับคำเสียงหนักแน่น เพราะเขาก็ไม่คิดจะปล่อยให้เจ้านายอยู่ตามลำพังอีก
ภวินท์มองพี่เลี้ยงของตน เรื่องนี้ก้องภพไม่ผิด เป็นเขาเองที่ดื้อดึงจะอยู่คนเดียว แต่ว่าให้บิดาเขาแสดงละครต่อไปอีกสักหน่อยแล้วกัน เผื่อหนอนที่แฝงการอยู่ในบ้านจะคาบข่าวไปบอกเจ้านายตัวจริงของมัน หึ!
“คืนนี้ไปคุยกับแด๊ดที่ห้องลับ”
“ครับ”
เมื่อนัดแนะเวลากันเรียบร้อยสองพ่อลูกการละครก็แยกย้ายกันไปทำภารกิจของตัวเอง ภวินท์เลือกจะถือไอแพดออกมานั่งเล่นทางสวนด้านหลัง โดยมีก้องภพตามมาติด ๆ
“นายน้อยครับ”
“ว่า”
“ตอนอยู่ที่สวนสนุก ผมเห็นนายน้อยเหม่อ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
พอได้ยินคนสนิทถามเรื่องนี้ขึ้นมา ใจก็เผลอเต้นไม่เป็นจังหวะไปชั่วขณะ นึกทวนคำถามก้องภพซ้ำไปซ้ำมาว่าเขาเป็นอะไร หรือเพราะกลิ่นนั่น…กลิ่นหอมประหลาดทว่าก็คุ้นเคยจนต้องเผลอสูดดมเข้าไป
“ก้องภพ”
“ครับนายน้อย”
ท่าทางเก้กัง อ้าปากจะถามแต่ก็ไม่ถามของผู้เป็นนายทำให้ร่างสูงของบอดีการ์ดอย่างเขาเผลอขยับกายเข้าไปใกล้อีกนิด ในที่สุดคำถามที่หลุดออกมาจากปากชายหนุ่มก็ทำเอาเขาสำลักน้ำลายยกใหญ่
“นายเจอคู่แห่งโชคชะตาหรือยัง”
“แค่ก ๆ นายน้อย ถามอะไรครับเนี่ย”
“ช่างเถอะ ถือว่าฉันไม่ได้ถามก็แล้วกัน”
ภวินท์ขมวดคิ้วมุ่น นึกถึงความเป็นไปได้ของการที่เขาได้กลิ่นหอมประหลาดที่สวนสนุก กลิ่นนั่นส่งผลต่อจังหวะการเต้นของหัวใจเขาไม่น้อยเลย แต่ก็ยังหาที่มาของมันไม่ได้
ทว่าคนแปลกหน้าคนเดียวที่อยู่กับเขา ณ เวลานั้นก็มีแต่การ์ดของสวนสนุก คนที่เข้ามาไล่พวกชั่วนั่นไป…
“แต่ว่า การ์ดคนนั้นไม่ได้ใส่ปลอกคอ”
“อะไรนะครับ ใครไม่ได้ใส่ปลอกคอ”
ก้องภพที่ได้ยินเจ้านายพูดไม่ถนัดจึงเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง ทำให้คนที่หลุดเข้าไปในห้วงภวังค์ได้สติคืนมา
“นายคิดว่าโอเมก้าเวลาทำงานใส่ปลอกคอกันไหม”
“ใส่สิครับ ไม่ใส่คงอันตรายแย่”
นั่นสินะ…สงสัยเขาจะคิดมาไปเอง กลิ่นที่โชยมาอาจจะเป็นความบังเอิญก็ได้
แม้ความคิดจะได้ข้อสรุปแล้ว ทว่ากลิ่นหอมประหลาดที่ได้สัมผัสแค่เพียงเสี้ยววิ ก็ลอยวนเวียนอยู่ในความรู้สึกของอัลฟ่าร่างสูงไม่ไปไหน จวบจนถึงเวลานัดหมายกับผู้เป็นบิดา
“เป็นอะไรไปเจ้าวิน หน้าตาเหมือนหมาเมาตดแมว”
“แด๊ด หมาเหมออะไรล่ะ ลูกแด๊ดออกจะหล่อขนาดนี้”
นายใหญ่แห่งตระกูลหัวเราะเสียงพร่าในลำคอ ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าจากผ่อนคลายมาเป็นจริงจังทันทีเมื่อหวนคิดไปถึงเรื่องเมื่อกลางวัน
“เรื่องวันนี้น่ะ แด๊ดอยากให้แกจ้างบอดีการ์ดส่วนตัวเพิ่มอีกคน”
“แด๊ด ผมไม่เป็นอะไร ก้องภพก็ดูแลผมได้”
ภวินท์เอ่ยแย้ง เขาไม่อยากให้เป็นที่ผิดสังเกต อัลฟ่าไร้ค่าอย่างเขาจะมีบอดีการ์ดประกบสองคนไม่ได้ หากคนพวกนั้นผิดสังเกตแผนที่วางมาหลายปีจะล่มไม่เป็นท่าแน่
“ดูวันนี้สิ แด๊ดไม่โทษเจ้าก้องนะ เพราะก้องภพต้องไปหาข้าวมาให้แกกิน แต่มันจะดีกว่าไหมถ้ามีการ์ดอีกสักคนมาคอยสลับ แกไม่สงสารลูกน้องแกหรือไงวิ่งรอกทุกงานแบบนี้น่ะ”
คำพูดยืดยาวของผู้เป็นบิดาทำเอาปากที่จะเอ่ยค้านหัวชนขวาหยุดชะงัก เมื่อทบทวนดี ๆ ก็เป็นอย่างที่ผู้เป็นบิดากล่าว ก้องภพทำงานหนักไปแล้วจริง ๆ
“นายน้อย ผมไหวครับ”
“ไหวบ้าอะไรล่ะ ดูลูกตาแกด้วยก้อง”
ก้องภพยกมือจับดวงตา ก่อนจะสะดุ้งเมื่อลืมไปว่าวันนี้ตัวเองไม่ได้ทารองพื้นใต้ดวงตา สภาพที่ไม่ต่างจากหมีแพนด้าจึงปรากฏให้ผู้เป็นนายได้เห็น
“เอาล่ะ แด๊ดให้เวลาแกตัดสินใจวันนึง พรุ่งนี้แด๊ดต้องได้คำตอบว่าแกจะหาบอดีการ์ดเพิ่ม”
“ถ้าแด๊ดจะล็อกคำตอบขนาดนี้ จะให้เวลาผมไปตัดสินใจทำไมครับ”
อัลฟ่าคนลูกกลอกตามองเพดานอย่างเซ็ง ๆ หาการ์ดน่ะไม่ยาก แต่หาคนที่จะกุมความลับของพวกเขาน่ะยากยิ่งกว่าอะไร เผลอ ๆ อาจจะได้หนอนตัวใหม่แฝงกายมาในคราบบอดีการ์ดก็เป็นได้
“พรุ่งนี้ผมจะลองไปสวนสนุกอีกครั้ง”
“จะไปทำไมอีก หรือจะไปล่อไอ้พวกนั้น”
“ใช่ครับ” อีกอย่างเขาต้องการกลับไปพิสูจน์กลิ่นหอมประหลาดนั่นด้วย
แววตาคนผ่านโลกมานานนับห้าสิบปี ทอดมองไปยังลูกชายเพียงคนเดียวอย่างนึกเป็นห่วง หวังว่าการที่พวกเขาซุ่มเก็บหลักฐานทั้งหมดมาสิบกว่าปี จะได้ใช้ในไม่ช้าก็แล้วกัน
“ไปพักเถอะ พรุ่งนี้ก็ระวังตัวด้วย ก้องภพดูแลนายน้อยให้ดีล่ะ”
“รับทราบครับท่าน”
……………….
“เข้าไปเล่นม้าหมุน จำไว้ว่าอย่าเผยพิรุธเด็ดขาด”
เสียงทุ้มเอ่ยกำชับลูกน้องที่บิดาส่งมาให้ ภวินท์จัดการให้ชายผู้นั้นปลอมตัวเป็นเขา และให้ไปนั่งล่อเป้าอยู่บนม้าหมุน ส่วนตัวเองและก้องภพจะคอยจับตาคนของฝั่งนั้นอยู่ในมุมมืด รอมันออกมาและตั้งใจจะจับเป็น
“วางใจครับนายน้อย ถ้ามันมาจริง ผมไม่เอามันไว้แน่”
“ขอบใจ ไปเถอะ”
ระหว่างทางที่นั่งรถมาที่สวนสนุก ภวินท์ก็ลอบสังเกตรอบกายอยู่เสมอ และเป็นจริงดังคาด คนพวกนั้นส่งคนมาตามรังควานเขาไม่เลิก นับวันยิ่งหนักข้อขึ้นเพราะใกล้วันรับตำแหน่งผู้นำตระกูลเข้าไปทุกที
“อีกสองเดือนจะถึงวันรับตำแหน่ง ไม่แปลกที่มันจะกล้าลงมือถี่แบบนี้”
“รอดูต่อไปว่ามันจะเล่นงานฉันยังไงอีก เอ๊ะ…”
จู่ ๆ ภวินท์ก็อุทานขึ้นมาทำให้ก้องภพต้องรีบหันกลับไปมองผู้เป็นนาย แต่แล้วก็เห็นเจ้าของร่างสูงยืนนิ่งหลับตาพริ้ม แหงนเงยหน้าไปตามทิศทางลม สูดหายใจเจ้าปอดครั้งแล้วครั้งเล่าก็ทำให้ก้องภพขมวดคิ้วมุ่น
“นายน้อย…สูดกลิ่นอะไรอยู่ครับ หรือว่า!”
“ไม่แน่ใจ กลิ่นเหมือนเมื่อวานเลย หอมเหมือนองุ่นผสมใบชาอ่อน ๆ นายไม่ได้กลิ่นหรือ”
ก้องภพกล่าวปฏิเสธทันควัน เขาไม่ได้กลิ่นอะไรทั้งนั้น จะมีก็แค่กลิ่นโอเมก้าที่เดินไปมา แต่ก็ไม่ได้หอมแรงขนาดทำให้เขาควบคุมตัวเองไม่ได้
“แต่นายน้อยไม่ได้กลิ่นโอเมก้าที่ไม่ใช่คู่แห่งโชคชะตานี่ครับ”
“อืม ปกติไม่เคยได้กลิ่นอะไรแบบนี้ แต่เมื่อวานกับตอนนี้…กลิ่นเดียวกันเลย”
พลันคำพูดของภวินท์ที่ถามเขาเมื่อวานก็แล่นเข้ามาในสมอง ส่งผลให้ดวงตารีเรียวของบอดีการ์ดหนุ่มเบิกกว้างฉับพลัน
“หรือว่านายน้อยจะเจอคู่แห่งโชคชะ…”
พลั่ก!
“หยุดนะ! จะหนีไปไหน!”
ยังไม่ทันที่ก้องภพจะได้พูดจบประโยค เสียงของแข็งกระทบกับอะไรบางอย่างก็ดังมาพร้อมกับเสียงหวานใสของใครบางคนตะโกนขึ้นเสียก่อน
“ไป ไปดูเร็ว”
ผู้เป็นนายกระโดดออกมาจากมุมอับ กะจะเข้าไปช่วยร่างบอบบางของคนที่หันหลังต่อสู้กับคนร้าย แต่แล้วขาแกร่งก็ต้องชะงักงันเมื่อเห็นภาพตรงหน้าในเวลาต่อมา
“อุก โอ๊ย!”
เสียงร้องโหยหวนของชายในชุดมาสคอต ดังลั่นไปทั่วลานหน้าม้าหมุน ภวินท์และก้องภพเบิกตาโพลง อ้าปากค้างเมื่อเห็นร่างหนาของคนร้ายที่คาดว่าน่าจะเป็นอัลฟ่าลอยละลิ่วลงไปกองอยู่ที่พื้น โดยฝีมือของคนตัวเล็กในชุดการ์ดของสวนสนุก
“แกเป็นใคร เมื่อวานก็ครั้งนึงแล้วนะ”
“ปะ ปล่อย โอ๊ยยย อุก!”
เสียงร้องดังขึ้นอีกระลอกเมื่อคนถามไม่ได้รับคำตอบที่ต้องการ ทั้งแขนและขาของมันถูกบิดจนผิดรูป หากได้ยินไม่ผิดเหมือนกระดูกจะหักไปมากกว่าสามท่อนแล้วด้วย
“ซี้ดดด ตัวแค่นั้นแต่แรงดีจริง ๆ”
ภวินท์จ้องร่างเล็กที่ยกคนร้ายทุ่มเป็นครั้งที่สองไม่วางตา เห็นทีบอดีการ์ดคนใหม่ของเขาคงจะหาไม่ยากเสียแล้ว…หึ!
โปรดติดตามตอนต่อไป
#อัลฟ่าการละคร
เฮ้ยยยย ไอ้หนุ่ม เอาเลอเหรอ เริ่มเลอเหรอเธอ เห็นน้องมันวาดลวดลายหน่อยก็ล็อกเป้าไปเลยสิค้าา นายน้อยของเรารู้แล้วนะว่าน้องคือคู่แห่งโชคชะตา แต่ยัยน้องน่ะ อืม ฮ่า ๆ รอลุ้นกันต่อไปนะคะ นี่แค่เริ่มต้น!!
ขอบคุณหัวใจทุกดวง ยอดกดเข้าชั้นและคอมเมนต์ โดเนตเป็นกำลังใจกันนะคะ เหมือนเดิมคือ จะมาตอบทุกคอมเมนต์เช่นเคยค่า เราอ่านหมดน้า มามะ มาเมนต์คุยกันเค้าเหงา
แล้วพบกันใหม่ตอนหน้า (เที่ยงคืน)
-กาลกวี-