ด้านล่างเป็นรูปยาว อีกทั้งยังมีการเทียบลำดับเหตุการณ์อย่างชัดเจน
ปลายปีคริสศักราชสองพันสิบเจ็ด ผู้เฒ่าซูกับผู้เฒ่าฟู่หมั้นหมายซูหร่วนกับฟู่อวิ๋นเซิน
ต้นปีคริสศักราชสองพันสิบแปด ซูหร่วนวางแผนเข้าหาฟูอี้หัน
ทั้งสองตระกูลต่างนึกไม่ถึง เพื่อเป็นการปกป้องชื่อเสียง จึงจำเป็นต้องให้ซูหร่วนแต่งงานกับฟู่อี้หัน
ปลายปีคริสศักราชสองพันสิบเก้า ฟู่อวิ๋นเซินกลับมาจากยุโรป
ตอนนี้เป็นปลายปีคริสศักราชสองพันยี่สิบ ก็สามปีพอดี
อีกทั้งในรูปนี้ยังได้ขุดวีรกรรมจำนวนมากที่ซูหร่วนกับซูเหลียงฮุยเคยทำ
หลังจากที่ซูหร่วนแต่งงานกับฟู่อี้หันเคยว่าร้ายฟู่อวิ๋นเซินอย่างไร แถมยังพูดกับคุณหนูไฮโซคนอื่นๆ ในวงการว่าตัวเองไม่ชอบฟู่อวิ๋นเซิน บอกกับคนอื่นๆ ว่าฟู่อวิ๋นเซินตามตื๊อ
เรื่องที่ซูเหลียงฮุยเอาของต่างหน้าของผู้เฒ่าฟู่มาบีบบังคับฟู่อวิ๋นเซินก็รวมอยู่ในนั้นด้วย
เดิมทีส่วนใหญ่เรื่องแฉจะเป็นเรื่องแต่ง ชาวเน็ตที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายครั้งต่างระมัดระวังตัวกันมาก
แต่ความเด็ดอยู่ที่แอคเคาท์ทางการของวีนัสกรุ๊ปได้แชร์โพสต์นี้ของจอมแฉสะท้านโลกไซเบอร์
พร้อมทั้งพิมพ์ว่า ‘ยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง’
[อื้อหือ จอมแฉออกมาโพสต์แล้ว แม่ประทับใจ]
[เห็นแก่ความรวยจริงๆ สินะ ทีตอนเขาตกอับกลับไม่เห็นแม้แต่เงา ตอนนี้ทำมาเป็นเสนอหน้า ฉันล่ะขยะแขยงสองพ่อลูกคู่นี้จริงๆ!]
[…แม่งใช่ยังใช่คนอยู่หรือเปล่า! เอาของดูต่างหน้าของปู่เขามาบีบบังคับ แต่ตอนนี้อยากจะไปเป็นพ่อตาเขา คู่ควรเหรอ]
[พี่คนโตก็น่าสงสาร หย่าเถอะ ทนดูไม่ไหว]
[ตระกูลซูคือตระกูลไหนเหรอ ทำไมตอนนี้พวกตระกูลเล็กๆ ขยันก่อความวุ่นวายจังเลย ตระกูลมู่กับตระกูลเนี่ยไม่เห็นจะมีเรื่องอะไร]
พอซูเหลียงฮุยอ่านข้อความพวกนี้ก็เริ่มจับโทรศัพท์ไม่ไหวแล้ว
เดิมทีเขาคิดว่าผลลัพธ์คงไม่มีทางเลวร้ายไปกว่านี้
แต่ที่ไหนได้ฟู่อวิ๋นเซินทำได้เด็ดขาดถึงขั้นนี้!
ทำให้เขากับซูหร่วนกลายเป็นตัวตลกของชาวเน็ต
“คุณพ่อไปทำอะไรไว้กันแน่ครับ” น้ำเสียงปลายสายไม่พอใจอย่างรุนแรง
“ทำไมไม่ใช่แค่ลุงรองกับอาสี่ที่เล่นงาน แม้แต่คุณปู่ก็จะลบชื่อคุณพ่อออกจากตระกูลซูแล้ว!”
ซูเหลียงฮุยตัวสั่น เกือบประคองตัวไม่ไหว
“แกว่าอะไรนะ!”
ผู้เฒ่าซูจะลบชื่อของเขาออกจากตระกูลซูงั้นเหรอ
ในขณะที่สมองของซูเหลียงฮุยกำลังตื้อไปหมด ปลายสายก็เปลี่ยนเป็นอีกคน
เป็นผู้เฒ่าซู
“ซูเหลียงฮุย ตอนนั้นฉันเคยพูดกับแกไว้ว่าอย่างไร” เสียงของชายชราฟังดูโมโหมาก
“ฉันบอกว่าถ้าอี้ชางตาย ตระกูลฟู่จะจัดการอย่างไรก็เรื่องของพวกเขา อย่าเอาคนตายมาหาผลประโยชน์อีก แล้วแกทำอย่างไร ฉันบอกให้แกเอาของต่างหน้าของอี้ชางไปให้ฟู่อวิ๋นเซิน แต่แกกลับเอาเรื่องอวี้เซียงฟังมาข่มขู่เขา!”
ซูเหลียงฮุยย่อมไม่มีทางมีของของผู้เฒ่าฟู่ เขาเอามาจากผู้เฒ่าซู
เมื่อก่อนผู้เฒ่าซูเป็นเพื่อนร่วมสงครามกับผู้เฒ่าฟู่ถึงได้มีของของอีกฝ่าย
ซูเหลียงฮุยพูดไม่ออกสักคำ เหงื่อออกเต็มหลัง
เขารู้แค่ว่าครั้งนี้เขาทำทุกอย่างพังสิ้นเชิงแล้ว!
…
ความวุ่นวายในตระกูลซูไม่ได้ส่งผลต่ออิ๋งจื่อจิน
พูดให้ถูกก็คือ เธอไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว เธอยอมเดินไปที่ถนนอีกเส้นเพื่อกินขนมหวานออกใหม่
“ผู้บัญชาการ งานเข้าแล้ว” มือข้างหนึ่งของอิ๋งจื่อจินยันศีรษะ มืออีกข้างตักสาคูมะม่วง
ดวงตาหงส์เหลือบขึ้น ทอประกายวูบไหว มีมนต์สะกด
เพียงชั่วเวลาสั้นๆ เป็นความงามแบบที่ชวนให้วิญญาณหลุดออกจากร่างกาย
ฟู่อวิ๋นเซินหันมา แววตาขรึมลงเล็กน้อย
เขาต้องยอมรับจริงๆ ว่า เด็กน้อยของเขาเติบโตได้ดี
เมื่อก่อนมองข้ามไปหลายครั้งมาก ตอนนี้ให้ความสนใจอย่างพิถีพิถันแล้ว
อิ๋งจื่อจินตั้งใจกินขนมหวาน “ชูกวงมีเดียบอกฉันว่า โปรดิวเซอร์ใหญ่ของรายการวัยรุ่นสร้างฝัน 202 อยากชวนคุณไปปลุกปั้นบอยแบนด์”
เลขาสาวบอกเธอตอนรายงานไปตามหน้าที่
แต่ก็แค่พูดลอยๆ ให้ฟัง อย่างไรเสียเลขาสาวก็คิดว่าเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องเหลวไหล วงการบันเทิงจะไปเกี่ยวข้องกับวีนัสกรุ๊ปได้อย่างไร
รอบสัมภาษณ์ของรายการวัยรุ่นสร้างฝัน 202 เสร็จสิ้นลงแล้ว เด็กฝึกที่ชูกวงมีเดียส่งไปต่างเข้ารอบทั้งหมด
ช่วงเวลาการแข่งขันเหมือนกับตอนรายการวัยรุ่นสร้างฝัน 101 อยู่ในช่วงปิดเทอมฤดูหนาวเดือนมกราคม
ผู้ปลุกปั้นวงเกิร์ลกรุ๊ปของรายการวัยรุ่นสร้างฝัน 101 คือดาราชายชั้นแนวหน้า
แน่นอนว่าเชิญซังเย่าจือไม่ไหว ไม่เพียงแต่เขาจะเป็นดาราชั้นแนวหน้า ยังเป็นราชาภาพยนตร์อีกด้วย มีศักยภาพ และดึงดูดความสนใจได้ ทั่วทั้งวงการบันเทิงก็มีแค่เขาคนเดียว
หากว่ากันตามเหตุผล ผู้ปลุกปั้นวงบอยแบนด์ของรายการวัยรุ่นสร้างฝัน 202 ควรเป็นดาราหญิงชั้นแนวหน้า
แต่เนื่องจากใบหน้านี้ของฟู่อวิ๋นเซิน สามารถฆ่าทุกคนในวงการบันเทิงได้ในเสี้ยววินาที คว้าอันดับหนึ่งเทพบุตรขวัญใจมหาชนของปีนี้ได้สำเร็จ
อีกทั้งเขายังหนุ่ม ร่ำรวย ประเด็นร้อนในช่วงหลายวันนี้ก็ได้รับความสนใจสูงขึ้นเกินกว่าใครจะมาเทียบได้ โปรดิวเซอร์ใหญ่ย่อมเกิดความคิดนี้ แม้จะไม่อยู่กับความเป็นจริงก็ตาม แต่ก็เริ่มติดต่อไปทางวีนัสกรุ๊ปแล้ว
“หืม?” ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบตาขึ้น ยิ้มเจ้าเล่ห์ พูดเสียงเนือย “คลั่งกันเร็วขนาดนี้เลยเหรอ”
“ช่วยไม่ได้ คุณมันหน้าตาดีเกินไป” อิ๋งจื่อจินเลิกคิ้ว “คุณมีกลุ่มแฟนคลับคู่จิ้นในเวยปั๋วหลายกลุ่มแล้ว”
ฟู่อวิ๋นเซินไม่สนใจเรื่องแบบนี้เท่าไร เขาถาม “เด็กน้อย ไปดิสนีย์แลนด์หรือไม่”
“วันนี้ไม่ได้” อิ๋งจื่อจินกินสาคูมะม่วงคำสุดท้ายเสร็จก็พูดขึ้น
“ตอนบ่ายต้องไปช่วยอาจารย์ต้อนรับคณะนักวิจัย เลยต้องกลับไป”
“งั้นก็ยุ่งพอสมควร” ฟู่อวิ๋นเซินลูบหัวเธอ “อย่าหักโหมล่ะ”
เขารู้ว่าเธอรับปากใครไว้ก็ต้องทำให้ได้
หลังจากที่ฟู่อวิ๋นเซินไปส่งอิ๋งจื่อจินกลับเข้าโรงเรียนเสร็จก็กลับไปที่คอนโดของตัวเอง
จากนั้นเขาก็ดาวน์โหลดเวยปั๋วแล้วเสิร์ชชื่อตัวเอง
ข้อความที่เข้ามาในสายตาคือแฟนคลับคู่จิ้นสารพัด ซึ่งในนั้นมีผู้ชายอยู่ไม่น้อย
“…”
สีหน้าของฟู่อวิ๋นเซินชะงัก เขาส่งข้อความบอกเอียนให้ลบกลุ่มแฟนคลับคู่จิ้นพวกนี้ทิ้งเสีย
จนกระทั่งเห็นโพสต์เวยปั๋วอีกโพสต์หนึ่ง
แอทฉันคือแฟนคลับตัวยงของคู่จิ้นยาวิเศษ : [มีใครจิ้นคู่นี้ไหม! ท่านประธานXนักเรียน หน้าตาดีทั้งคู่เลยนะ! ส่องมาหมดละ มีแค่เทพอิ๋งกับท่านประธานที่ดูเหมาะสมกัน อายุก็ไม่ได้ห่างกันเยอะด้วย คู่สร้างคู่สม มีใครสนใจไหมๆ]
เวยปั๋วโพสต์นี้ถูกกลืนอยู่ในโพสต์จำนวนมาก แต่ก็มีคนมา
[อื้อหือ คิดเหมือนกันเลย ลงเรือด้วยคน เม้าท์ด้วยๆ สักวันหนึ่งทีมของพวกเราจะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ในไม่ช้าก็เร็ว]
[จับมือ!]
ฟู่อวิ๋นเซินครุ่นคิด
เขาเลิกคิ้ว ลงทะเบียนแอคเคาท์แล้วพิมพ์คอมเมนต์
[ยาวิเศษคืออะไร]
แอทฉันคือแฟนคลับตัวยงของคู่จิ้นยาวิเศษ : [พ้องเสียงไง ฟู่อวิ๋นเซิน(เสิน)xเยาเยา(เย่า)[1] ชมฉันสิชมฉัน เพราะจะตาย!]
ตอนนั้นรายการฉลาดแบบนี้ยกนิ้วให้เลย! ยังมีการไปสัมภาษณ์คนในครอบครัวของเด็กที่เข้าร่วมอีกด้วย
ชาวเน็ตที่ติดตามอิ๋งจื่อจินมาตลอดก็เลยรู้ว่าเธอมีชื่อเล่นว่า ‘เยาเยา’
ฟู่อวิ๋นเซินเลิกคิ้ว แบบนี้ก็ได้เหรอ
จากนั้นเขาก็เห็นแอคเคาท์นี้โพสต์ขึ้นอีก
แอทฉันคือแฟนคลับตัวยงของคู่จิ้นยาวิเศษ : [ฉันเป็นคนแรกที่ยื่นขอตั้ง ‘กลุ่มแฟนคลับคู่รักยาวิเศษ’ ยิ่งมีคนสนับสนุนเยอะ โอกาสได้เปิดกลุ่มก็มีมากขึ้น! ทุกคนมาช่วยกันกดนี่หน่อย >>>ลิงก์ ช่วยเร่งให้เปิดได้ไวขึ้น]
ฟู่อวิ๋นเซินค่อยๆ กดลิงก์นั้น
เวลานี้เอียนได้ส่งข้อความเข้ามา
[พี่ กลุ่มคู่จิ้น 384 กลุ่มปิดหมดเลยไหม]
[เหลืออันนี้ไว้ ฉันอยู่ในนั้น]
เอียนที่ดูภาพแคปหน้าจอ “?”
บริษัทไม่มาดู หนีไปส่องกลุ่มคู่จิ้นของตัวเองซะงั้น!
ทำตัวให้มันเป็นผู้เป็นคนได้ไหมเนี่ย
…
โรงเรียนมัธยมชิงจื้อ
ตอนบ่ายสองโมง คณะนักวิจัยที่มาจากยุโรปก็มาถึงตามเวลานัด
อาจารย์เติ้งออกไปต้อนรับก่อน เธอกับศาสตราจารย์หัวหน้าคณะจับมือกัน พูดด้วยสำเนียงอังกฤษแบบมาตรฐาน “ยินดีต้อนรับค่ะ อีกเดี๋ยวจะมีนักเรียนมาช่วยฉันต้อนรับด้วยนะคะ”
ศาสตราจารย์พยักหน้า ดีใจมากเช่นกัน
แต่เด็กหนุ่มหน้าตาดีที่อยู่ด้านหลังของเขาพอได้ยินแบบนี้ก็เงยหน้าขึ้น พูดด้วยภาษาจีน “ขอถามหน่อยครับ นักเรียนคนนั้นใช่อิ๋งเย่ว์เซวียนหรือไม่ครับ”
อาจารย์เติ้งอึ้งไปเล็กน้อย เธอนึกไม่ถึงว่าในคณะนักวิจัยนี้จะมีคนที่รู้จักอิ๋งเย่ว์เซวียนด้วย
เธอส่ายหน้า “ไม่ใช่ค่ะ เป็นนักเรียนอีกคน”
เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว กระซิบคุยกับศาสตราจารย์เล็กน้อยแล้วเดินขึ้นหน้ามายื่นนามบัตรให้ใบหนึ่ง
“ผมชื่อเผยเทียนอี้ เป็นรุ่นพี่ของอิ๋งเย่ว์เซวียนครับ อาจารย์เติ้งน่าจะรู้ว่าเธอเคยไปเรียนที่ยุโรปหนึ่งปี”
อาจารย์เติ้งพยักหน้า “ทราบค่ะ สวัสดีค่ะ”
“อาจารย์เติ้งอาจไม่ทราบว่าที่พวกเรามาครั้งนี้เพราะมีภารกิจ” เผยเทียนอี้พูด “พวกเรานำหนังสือโบราณของก่อนศตวรรษที่สิบห้ามาด้วย ในนั้นเป็นภาษาอังกฤษยุคกลาง ต้องการแปลออกมาครับ”
อาจารย์เติ้งฟังแล้วก็ขมวดคิ้ว “ภาษาอังกฤษยุคกลางเหรอคะ”
ภาษาอังกฤษที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันมีการวิวัฒนาการให้ง่ายขึ้นจากภาษาอังกฤษยุคกลาง
ศัพท์บางคำเหมือนกัน แต่บางคำแตกต่างกันมาก อีกทั้งไวยากรณ์ก็เปลี่ยนแปลงอยู่ไม่น้อย
ถ้าไม่ใช่คนที่วิจัยภาษาอังกฤษยุคกลางอยู่แล้วก็มีไม่กี่คนที่จะเรียน
“นักเรียนคนที่อาจารย์เติ้งหามาเธอรู้ภาษาอังกฤษยุคกลางไหมครับ” เผยเทียนอี้พูด
“น่าเสียดายนะครับ ตอนเย่ว์เซวียนอยู่ยุโรปเคยศึกษากับพวกเราอยู่บ้าง อย่างน้อยเธอก็เข้าใจ ช่วยงานได้ รบกวนให้เธอมาดีกว่าครับส่วนนักเรียนคนนั้นพวกเราไม่เอา ช่วยอะไรไม่ได้”
[1] เสินเย่า สองคำนี้เอามาต่อกันความหมายคือยาวิเศษ