จนกระทั่งหน้าผากเสมอกับอิ๋งจื่อจิน ทั้งสองคนอยู่ห่างกันไม่ถึงหนึ่งนิ้ว
หายใจรดกันอย่างแผ่วเบา
ลมค่อนข้างหนาว ร่างกายของอิ๋งจื่อจินขดตัวเข้าหาอ้อมอกของเขาตามสัญชาตญาณ ซบเข้ากับแผงอกของเขา
ฟู่อวิ๋นเซินกอดเธอแน่นกว่าเดิม
เขาหัวเราะเล็กน้อย เสียงทุ้มต่ำค่อยๆ หายไปพร้อมสายลม
“ฝันดีนะเด็กน้อย”
เขาอุ้มเธอไปส่งชั้นบน เพียงแต่พอไปถึงหน้าประตูก็วางเธอลง
เวินเฟิงเหมียนรออยู่ในบ้านตลอด พอได้ยินเสียงกริ่งประตูก็รีบลุกไปเปิด
ฟู่อวิ๋นเซินประคองบ่าของอิ๋งจื่อจิน พยักหน้าเล็กน้อย “คุณลุง”
“เด็กคนนี้นี่” เวินเฟิงเหมียนถอนหายใจ รู้สึกกลุ้มใจ “ชอบทำให้เป็นห่วงจริงๆ”
โชคดีที่ฟู่อวิ๋นเซินไปรับ ถ้าเป็นคนอื่นเธอหลับไปแบบนี้เดี๋ยวได้ถูกเอาไปขาย
“ผมไปก่อนนะครับคุณลุง” ฟู่อวิ๋นเซินพูด
“พอเธอตื่นมาตอนเช้าเอาน้ำผสมเกลือให้เธอดื่มหน่อยนะครับ ช่วยขับพิษ”
“ได้” เวินเฟิงเหมียนพยักหน้า “ขับรถระวังนะ”
…
ฟู่อวิ๋นเซินเดินลงมาจากชั้นบน
เขายังไม่ไปไหน หันไปมองทางพุ่มไม้ด้านขวา
“เลิกซ่อนได้แล้ว ออกมา”
มีเงาของใครคนหนึ่งเดินออกมาจากด้านหลังจริงๆ เป็นเนี่ยเฉา
“คุณชายเจ็ด นายนี่มันสัตว์ป่าจริงๆ!” พอได้เห็นกับตา เนี่ยเฉาก็ยิ่งปวดใจ
“ไม่ว่าอย่างไรนายก็เลี้ยงดูบอสมาเกือบปีแล้วหรือเปล่า นายกล้าลงมือจริงๆ ได้อย่างไร หน้าไม่อาย!”
ถ้าไม่ติดว่าเขากลัวฟู่อวิ๋นเซินจริงๆ เขาคงเข้าไปปลุกอิ๋งจื่อจินให้ตื่นแล้วบอกว่ามีสัตว์ป่ากำลังฉวยโอกาสกับเธอ
ฟู่อวิ๋นเซินหันมามองเนี่ยเฉา คล้ายกับมองอะไรออก เขาพูดกึ่งยิ้ม “ขึ้นรถ”
เนี่ยเฉารู้สึกได้ถึงสายตาอาฆาต เขาเดินตัวสั่นตามไปขึ้นรถ
“เพื่อน นายจะฆ่าปิดปากฉันเหรอ”
ฟู่อวิ๋นเซินไม่พูดอะไร หลีกทางตรงที่นั่งคนขับให้ “นายขับ”
“หา? ทำไมล่ะ ดื่มเหล้ามาเหรอ”
“เหนื่อยแล้ว”
“…”
เนี่ยเฉาจำต้องขับรถอย่างไม่เต็มใจเท่าไร
“ตอนนี้นายมันเห็นสาวดีกว่าเพื่อน”
“คิดมากแล้ว” ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบตาขึ้น “ฉันไม่เคยเห็นนายดี”
“…”
เนี่ยเฉาหมดแรงจะสู้ต่อ เขาถาม
“กลับคอนโดนายเหรอ หรือจะไปไหน”
ฟู่อวิ๋นเซินตอบ “ไปบาร์สตาร์รี่ไนท์”
เนี่ยเฉารู้ที่ตั้งของบาร์แห่งนี้ อยู่ที่ตลาดใต้ดิน
เวลากลางคืนมีคนมาที่บาร์สตาร์รี่ไนท์เยอะมาก แต่เมื่อเทียบกับบาร์อื่น ที่นี่ยังถือว่าสงบ
พอฟู่อวิ๋นเซินเข้ามาก็เป็นที่สนใจ
เขาเป็นสเปคแบบที่พวกผู้หญิงชอบ ไหล่กว้าง เอวคอด ขายาวแข็งแรง มีผู้หญิงคนหนึ่งทนไม่ไหว เดินเข้าไปหา เธอถือแก้วเหล้าเข้าไปพร้อมรอยยิ้มยั่วยวน
“พี่ชาย เล่นด้วยกันไหม”
ฟู่อวิ๋นเซินไม่เงยหน้าขึ้น ดวงตาดอกท้อฉายแววเย็นชา พูดสั้นๆ “ออกไป”
ไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อย
รอยยิ้มของหญิงสาวค้างเติ่ง ใบหน้าร้อนผ่าว มีเหรอจะกล้าจีบต่อ รีบออกไปทันที เนี่ยเฉาทำเสียงจึ๊
“ตามคาด นายพูดเพราะแต่กับบอสคนเดียว”
เขาเองก็เพิ่งรู้สึกถึงความผิดปกติหลังจากที่รู้ว่าฟู่อวิ๋นเซินเป็นผู้บริหารระดับสูงของวีนัสกรุ๊ป โคตรจะผิดปกติ ดูเหมือนว่าจะมีแค่เขาที่ไม่เอาไหนจริงๆ แถมยังเป็นแบบที่ไม่มีความรู้อะไรเลย
“คุณชายเจ็ด นายมันแล้งน้ำใจ” เนี่ยเฉาบ่น
“ไหนว่าจะเสเพลไปด้วยกัน แต่นายกลับไปสร้างกิจการลับหลังฉัน”
“อืม มีกิจการแล้ว ขาดแค่ครอบครัว” ฟู่อวิ๋นเซินนั่งพิงโซฟา ท่าทางเหนื่อยหน่าย
“ฉันให้ภารกิจนายหนึ่งอย่าง”
เนี่ยเฉาจิบเหล้าหนึ่งคำ หูผึ่งขึ้นมาทันที “อะไรๆ”
“ช่วงนี้ฉันค่อนข้างยุ่ง ถ้านายพบเห็นว่ามีผู้ชายที่น่าสงสัยปรากฏตัวข้างกายเด็กน้อยของฉัน…” ดวงตาดอกท้อของฟู่อวิ๋นเซินเหลือบขึ้น
“อย่างเช่นคนแบบเจียงมั่วหย่วน นายต้องมาบอกฉัน”
“…”
…
เช้าตรู่วันต่อมา
เกอร์เวนออกไปข้างนอก
เมื่อเผยเทียนอี้แน่ใจแล้วว่ามีบอดี้การ์ดออกไปด้วย เขาก็ไม่ได้ตามไป
เขาไปที่ชิงจื้ออีกครั้ง เอาของให้อิ๋งเย่ว์เซวียน
ตอนเที่ยงขณะที่เผยเทียนอี้กำลังจะชวนอิ๋งเย่ว์เซวียนกินข้าวก็มีสายด่วนโทรหาเขา
“เทียนอี้ เกิดเรื่องแล้ว” คนที่โทรหาเขาเป็นอาจารย์คนหนึ่งในคณะ
“ศาสตราจารย์เกอร์เวนหายตัวไปแล้ว!”
เผยเทียนอี้สีหน้าเปลี่ยน
“เกิดอะไรขึ้น แล้วบอดี้การ์ดพวกนั้นล่ะครับ”
บอดี้การ์ดที่อยู่ข้างกายเกอร์เวนก็มาพร้อมกันจากยุโรป มีแต่ยอดฝีมือทั้งนั้น
“พวกบอดี้การ์ดถูกพบหมดสติอยู่ในซอยแห่งหนึ่ง” อาจารย์คนนั้นก็ร้อนใจมาก
“พอถามพวกเขา พวกเขาก็ไม่รู้สักอย่าง”
“ผมจะกลับไปเดี๋ยวนี้ครับ” เผยเทียนอี้วางสายแล้วรีบพูด
“เย่ว์เซวียน เกิดเรื่องแล้ว พี่ต้องไปก่อน”
อิ๋งเย่ว์เซวียนยังไม่ทันได้พูดอะไร เผยเทียนอี้ก็รีบร้อนออกไปแล้ว
เขากลับโรงแรมโดยเร็วที่สุด เห็นบอดี้การ์ดห้าคนนั้น “ศาสตราจารย์หายตัวที่ไหน”
พวกบอดี้การ์ดก็รู้สึกงง เพราะพวกเขาถึงขั้นที่ไม่รู้ว่าตัวเองหมดสติไปตอนไหน
พอพวกเขาฟื้นขึ้นมาเกอร์เวนก็หายไปแล้ว
เผยเทียนอี้กัดฟัน “ถูกลักพาตัวไปแน่นอน”
เกอร์เวนเป็นศาสตราจารย์ชั้นแนวหน้าก็จริง แต่คนทั่วไปที่ไม่ได้สนใจวงการวิชาการไม่มีทางจำเขาได้
“เทียนอี้ ตอนนี้จะทำอย่างไรดี” อาจารย์คนนั้นถาม
“พวกเราต้องติดต่อทางยุโรปแล้วนะ บอกให้พวกเขาส่งคนมา”
“ตอนนี้ไม่ทันครับ” เผยเทียนอี้ดูเวลา
“ติดต่อตำรวจก่อน ผมจะลองหาพิกัดของศาสตราจารย์”
อาจารย์พยักหน้าแล้วรีบออกไปโทรศัพท์
เกอร์เวนหายตัวไป นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ
…
อีกด้านหนึ่ง
ขณะที่อิ๋งจื่อจินกำลังกินข้าว จั่วหลีก็โทรหาเธอ
น้ำเสียงของเขาก็ร้อนรนมาก “นักเรียนอิ๋ง ศาสตราจารย์เกอร์เวนหายตัวไปแล้ว หลังจากเมื่อคืนเธอก็ไม่ได้เจอเขาอีกใช่หรือไม่”
“เปล่าค่ะ” แววตาของอิ๋งจื่อจินเพ่งมอง
“เขาหายตัวไปเหรอคะ เกิดอะไรขึ้น”
ถึงแม้เกอร์เวนจะเป็นคนพูดมาก แต่เธอก็ชอบชายสูงวัยคนนี้
เกอร์เวนเป็นคนมีความรู้เยอะ ทำให้เธอเห็นมุมมองใหม่ๆ ของกลศาสตร์ควอนตัม
“กลัวว่าจะไม่ใช่การหายตัวไปธรรมดาๆ น่ะสิ แต่เป็นการลักพาตัว” จั่วหลีถอนหายใจ
“อาจารย์จะบินไปฮู่เฉิงตอนนี้ นักเรียนอิ๋ง เธอไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนี้ เธอเองก็ทำอะไรไม่ได้ด้วย”
เอาตัวเกอร์เวนไปได้อย่างเงียบเชียบขนาดนี้ อีกฝ่ายต้องไม่ธรรมดาแน่นอน
อิ๋งจื่อจินหลุบตาลง วางสาย
เธอเช็ดมือ ลุกออกจากโรงอาหาร
…
ภายในโรงแรม
เผยเทียนอี้ยังคงตามหาว่าเกอร์เวนไปที่ไหนกันแน่
เขาใส่เครื่องมือระบุพิกัดขนาดจิ๋วไว้ในกระเป๋าเสื้อ โทรศัพท์มือถือ และสิ่งของอื่นๆ ของเกอร์เวน
ขนาดเล็กเท่าฝุ่น ยากที่จะสังเกตเห็น
เขาทำแบบนี้ก็เพื่อป้องกันการเกิดเหตุการณ์แบบนี้
แต่สิ่งที่ทำให้เผยเทียนอี้หงุดหงิดคือ เขาใส่เครื่องระบุพิกัดขนาดจิ๋วไว้ทั้งหมดสิบอัน แต่ผ่านไปสิบนาทีแล้วกลับยังคงระบุพิกัดที่แน่นอนของเกอร์เวนไม่ได้
สัญญาณอาจถูกปิดกั้นหรือไม่ก็เครื่องระบุพิกัดอาจพังไปแล้ว แต่อย่างหลังมีความเป็นไปได้ไม่สูง เพราะเผยเทียนอี้เชื่อมต่อเครื่องระบุพิกัดได้ เพียงแต่สัญญาณไม่นิ่ง
“ทางตำรวจของฮู่เฉิงได้ออกปฏิบัติการแล้ว” อาจารย์ที่อยู่ข้างๆ พูดขึ้น
“ไม่รู้ว่าจะหาตัวศาสตราจารย์เจอหรือไม่”
“ความหวังมีไม่มาก” เผยเทียนอี้ขมวดคิ้วแน่น
“ศาสตราจารย์ไม่ได้หายตัวไปธรรมดาๆ ไม่มีใครโทรมาเหรอครับ”
ราวกับเป็นการยืนยันความคิดนี้ของเขา ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือที่อยู่บนโต๊ะก็ดังขึ้น เป็นโทรศัพท์มือถือของเกอร์เวน ถูกพบอยู่กับพวกบอดี้การ์ดที่หมดสติ
เผยเทียนอี้รับสายทันที “ฮัลโหล”
“เกอร์เวนอยู่ในมือพวกเรา” ฟังไม่ออกว่าเสียงของปลายสายเป็นชายหรือหญิง
“เอาเครื่องพ่นรูปตัวแอลมาแลก ให้เวลาพวกแกสามวัน” พูดจบก็วางสายทันที
พอเผยเทียนอี้โทรกลับไปกลับเป็นเบอร์เปล่า
เขาทุบโต๊ะอย่างแรง เส้นเลือดขึ้นตุบๆ บนหน้าผาก “ไอ้บ้าเอ๊ย!” เป็นคดีลักพาตัวตามที่คิด
จุดประสงค์ของอีกฝ่ายคือเครื่องพ่นรูปตัวแอล ให้เวลาพวกเขาสามวันเพราะคำนวณไว้แล้วว่าขนเครื่องพ่นรูปตัวแอลมาจากห้องทดลองที่ยุโรปก็ต้องใช้เวลานานขนาดนั้น
แต่สิทธิ์ในเครื่องพ่นรูปตัวแอลกลับไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาจะตัดสินใจได้ เผยเทียนอี้ขมวดคิ้ว เริ่มหาพิกัดต่อ แต่ก็ยังคงไม่ได้เรื่องอะไร
เขาผละออกจากคอมพิวเตอร์ด้วยความร้อนใจ
เครื่องพ่นรูปตัวแอลก็สำคัญมากเหมือนกัน เป็นสิ่งที่ทางห้องทดลองเพิ่งคิดค้นได้ล่าสุด
ประตูห้องประชุมเปิดออกในเวลานี้ พวกอาจารย์จำเด็กสาวคนนี้ได้ในทันที
เดิมทีเผยเทียนอี้ก็หงุดหงิดมากอยู่แล้ว พอเห็นอิ๋งจื่อจินก็ยิ่งอารมณ์เสีย “เธอมาทำอะไร”
“หาพิกัด” อิ๋งจื่อจินเดินตรงเข้าไปที่หน้าคอมพิวเตอร์ มองหน้าจอแล้วนั่งลง
เผยเทียนอี้โมโหจนแสยะยิ้ม “อย่าบอกนะว่าเธอเป็นแฮกเกอร์ด้วย”
ขนาดเขายังหาพิกัดของเกอร์เวนไม่เจอ อิ๋งจื่อจินจะหาเจอเหรอ
เผยเทียนอี้ถอนหายใจ มองแถบความคืบหน้าที่ยังคงไม่เคลื่อนไหวใดๆ เขาจำต้องหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาติดต่อไปที่ห้องทดลองในยุโรป
เวลานี้อิ๋งจื่อจินพิมพ์สัญลักษณ์ตัวสุดท้ายแล้วกดเอนเทอร์
แถบความคืบหน้าขึ้นเต็มในชั่วพริบตา มีหน้าต่างสีดำปรากฏขึ้น
[ระบุพิกัดเป้าหมายเสร็จเรียบร้อย]