แต่ไม่มีใครสนใจอิ๋งจื่อจิน พวกเขาต่างกำลังคิดหนักเรื่องศาสตราจารย์เกอร์เวนกับเครื่องพ่นรูปตัวแอล
เผยเทียนอี้กดเบอร์ที่เป็นตัวเลขยาวๆ ส่วนอาจารย์คนอื่นๆ ก็แยกย้ายกันไปติดต่อหลายคน
มีอาจารย์คนหนึ่งยืนขึ้นแล้วเหลือบไปมองหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างไม่ตั้งใจ
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที ร้องออกมาด้วยความตกใจ
อาจารย์คนอื่นๆ ในคณะวิจัย รวมถึงเผยเทียนอี้ ต่างไม่คิดว่าฝีมือทางด้านคอมพิวเตอร์ของอิ๋งจื่อจินจะเก่งถึงขั้นสามารถหาพิกัดของเกอร์เวนได้
ที่เผยเทียนอี้ติดตามคณะวิจัยมาได้ก็เป็นเพราะเขาเก่งทางด้านคอมพิวเตอร์มาก ไม่ด้อยไปกว่าโปรแกรมเมอร์ หรืออาจจะเก่งกว่าด้วยซ้ำ
อีกทั้งเขายังเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย ค่อนข้างมีเวลาพอสมควร
แต่ขนาดเผยเทียนอี้ยังระบุพิกัดของศาสตราจารย์เกอร์เวนไม่ได้ คนอื่นจะทำได้เหรอ
นักเรียนมัธยมปลายคนเดียวจะเก่งคอมพิวเตอร์กว่าเผยเทียนอี้อีกเหรอ
แต่ความจริงประจักษ์อยู่ตรงหน้า อิ๋งจื่อจินอาศัยเครื่องระบุพิกัดขนาดจิ๋วที่เผยเทียนอี้ใส่ติดตัวเกอร์เวนในการหาพิกัดของเกอร์เวน
พอได้ยินเสียงอาจารย์คนนั้นร้อง เผยเทียนอี้ก็หันมาด้วยความหงุดหงิด
เดิมทีเขาอยากตวาดเสียงดุ แต่กลับเห็น ‘ระบุพิกัดเป้าหมายเสร็จเรียบร้อย’ ดวงตาเบิกโพลงขึ้นมาทันที
มือของเผยเทียนอี้ที่กำลังกดเบอร์หยุดชะงัก รีบเข้าไปที่คอมพิวเตอร์อย่างรวดเร็ว เขารู้สึกเหลือเชื่อ
เขาใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงยังระบุพิกัดไม่ได้ว่าเกอร์เวนอยู่ที่ไหน
แต่อิ๋งจื่อจินเพิ่งมาใช้คอมพิวเตอร์แค่หนึ่งถึงสองนาทีเท่านั้น
เผยเทียนอี้นึกถึงคำพูดของตัวเองก่อนหน้านี้ ตัวเริ่มแข็งทื่อ
นักเรียนมอปลายมีฝีมือทางด้านคอมพิวเตอร์ไม่แพ้แฮกเกอร์จริงๆ เหรอ
เผยเทียนอี้เม้มริมฝีปากแน่น รู้สึกเพียงว่าหน้าต่างที่ปรากฏบนหน้าจอคอมพิวเตอร์กำลังตบหน้าเขา รู้สึกลนลานไปหมด
เขาคิดว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะ แถมยังไม่เคยถูกใครหักหน้าเท่านี้มาก่อน
เวลานี้ได้มีอีกหน้าต่างปรากฏขึ้นบนหน้าจอ
[อีกสิบวินาทีอุปกรณ์จะถูกทำลาย]
[สิบ เก้า แปด…]
“เร็วเข้า” เผยเทียนอี้รีบร้อน “นี่เป็นโปรแกรมที่ตั้งไว้ พวกเราต้องรีบบันทึกโลเคชั่นไว้”
อิ๋งจื่อจินไม่สนใจเขา เธอขยายแผนที่ มองแวบเดียวก็เข้าใจแล้ว
เผยเทียนอี้เป็นลูกหลานชาวจีนโพ้นทะเล อาศัยอยู่ที่ยุโรปตั้งแต่เด็ก ไม่คุ้นเคยกับประเทศจีนเท่าไร และก็ไม่รู้ด้วยว่าโลเคชั่นที่ว่านี้คืออาคารไหน
“เธอ…” เผยเทียนอี้เงยหน้า อยากเรียกอิ๋งจื่อจิน
แต่เขาเพิ่งพูดได้คำเดียวอิ๋งจื่อจินก็ยืนขึ้น ออกไปจากคอมพิวเตอร์
เธอเดินไปหาอาจารย์อีกคน “เครื่องพ่นรูปตัวแอลคืออะไรคะ”
อาจารย์คนนั้นอึ้ง รีบหันมาบอกทันที “เครื่องพ่นรูปตัวแอลเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดของห้องทดลอง วิจัยมาห้าปีเต็มๆ มันสามารถช่วยฟื้นฟูสภาพผิวกับพวกเส้นเลือดฝอยได้อย่างรวดเร็ว”
“พ่นไปในปริมาณที่ต่างกันตามขนาดของบาดแผล ตราบใดที่ไม่ใช่แผลที่เป็นอันตรายถึงชีวิตก็จะช่วยฟื้นฟูบาดแผลได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องผ่านกระบวนการอะไรทั้งนั้น”
อิ๋งจื่อจินฟังจบก็ครุ่นคิดเล็กน้อย “แค่นี้เหรอคะ”
แค่เครื่องพ่นเครื่องเดียว ฝ่ายนั้นถึงขั้นต้องลงทุนลงแรงลักพาตัวเกอร์เวนเลยเหรอ
ถ้าเกิดเรื่องขึ้นกับเกอร์เวนก็จะทำให้คนทั้งวงการวิชาการโกรธมาก
ต่อให้อีกฝ่ายหลบซ่อนได้ดีแค่ไหนก็ต้องถูกเอาตัวออกมาได้ในไม่ช้าก็เร็ว
อาจารย์คนนั้นที่ถูกถามรู้สึกอึ้ง “แค่นี้…ยังไม่พอเหรอ”
ทำให้บาดแผลหายได้โดยไม่ต้องผ่าตัด ฟื้นฟูสภาพผิว เมื่อไรที่ประสิทธิภาพของเครื่องพ่นรูปตัวแอลถูกเปิดเผยก็จะเป็นที่ฮือฮาไปทั้งโลก
แต่ตอนนี้เครื่องพ่นรูปตัวแอลเพิ่งผลิตออกมาได้สามเครื่อง กอปรกับวัสดุที่ใช้เป็นของหายาก ทางห้องทดลองจึงยังไม่ประกาศต่อโลกภายนอก
เนื่องจากอิ๋งจื่อจินระบุพิกัดของศาสตราจารย์เกอร์เวนได้สำเร็จ น้ำเสียงของเผยเทียนอี้จึงอ่อนลง เขาอธิบาย “เธออาจไม่เข้าใจพวกการรักษาทางชีวภาพ เรียกได้ว่าเครื่องพ่นรูปตัวแอลเป็นการค้นพบอันยิ่งใหญ่”
อิ๋งจื่อจินนวดศีรษะ
เธอกลับลืมไปเรื่องหนึ่ง
ยาแบบนี้มีในวงการเล่นแร่แปรธาตุกับวงการแพทย์แผนโบราณนานแล้ว แต่คนที่รู้มีน้อยมาก
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่า ทั้งสองวงการนี้ได้แยกออกจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง
ไม่ว่าจะนักเล่นแร่แปรธาตุหรือแพทย์แผนโบราณ ต่างก็ไม่มีทางเปิดเผยเทคโนโลยีสำคัญของพวกเขา
โดยเฉพาะวิชาเล่นแร่แปรธาตุที่เหนือธรรมชาติไปแล้ว ย่อมต้องเก็บเป็นความลับ
เมื่อเป็นแบบนี้เครื่องพ่นรูปตัวแอลก็ดูจะสำคัญมากจริงๆ
อิ๋งจื่อจินไม่พูดอะไรอีก เธอออกจากห้องประชุม
เผยเทียนอี้ขมวดคิ้ว ไม่มีเวลาตามไป
เขาเอาพิกัดที่จดมายื่นให้อาจารย์อีกคน จากนั้นถึงได้กดโทรหาห้องทดลองทางยุโรป
เนื่องจากเครื่องพ่นรูปตัวแอลสำคัญมาก งานวิจัยชิ้นนี้ลงทุนโดยมหาเศรษฐีชาวยุโรป พวกเขาต้องใช้เครื่องพ่นรูปตัวแอลไปแลกตัวเกอร์เวน ก็ต้องขอความเห็นจากมหาเศรษฐีคนนี้ก่อน
หลังจากเผยเทียนอี้พูดจบ ทางห้องทดลองก็รีบรายงานเรื่องนี้ขึ้นไป
ตอบกลับมาเร็วกว่าที่เผยเทียนอี้คิด ห้านาทีต่อมาก็โทรมา คนที่โทรก็คือมหาเศรษฐีคนนั้น
“ขอโทษด้วย พวกเราจะไม่เอาเครื่องพ่นรูปตัวแอลไปแลกตัวศาสตราจารย์เกอร์เวน พวกคุณคิดหาทางเอาเองแล้วกัน”
คำพูดเย็นชา ไม่มีความเห็นใจใดๆ
ยังไม่ทันที่เผยเทียนอี้จะได้พูดอะไร อีกฝ่ายก็วางสายไปแล้ว
เขาช็อกสุดขีด
อาจารย์คนอื่นๆ ก็ส่ายหน้า ต่างถอนหายใจ
ก็จริง สำหรับมหาเศรษฐีคนนั้นแล้ว เห็นได้ชัดว่าชีวิตของเกอร์เวนไม่สำคัญเท่าเครื่องพ่นรูปตัวแอลที่เพิ่งคิดค้นขึ้นมาได้นี้
“ให้ตายเถอะ” เผยเทียนอี้โมโหมาก ใส่เสื้อเดินออกไป “ผมจะไปพบตำรวจของฮู่เฉิง ไปรอที่นั่นก่อน”
เขาขอเพียงว่าทางนั้นอย่าเพิ่งพลั้งมือฆ่าด้วยความโมโหแล้วกัน
…
อีกด้านหนึ่ง
อิ๋งจื่อจินยืนพิงต้นไม้คุยโทรศัพท์ “คุณชายเนี่ย มีเรื่องรบกวนหน่อยค่ะ ฉันต้องการทีมยอดฝีมือ”
พอได้ยินคำว่า ‘ยอดฝีมือ’ เนี่ยอี้ก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ เขาพูดเสียงขรึม “เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอครับ”
หน่วยอีจื้อมีทั้งหมดสิบทีม แต่นี่ก็เป็นเพียงภายนอก
ยังมีทีมลับๆ อีกสองทีม
ซึ่งสองทีมนี้ถูกเรียกว่า ‘ทีมยอดฝีมือ’
เพราะสมาชิกของสองทีมนี้ต่างเป็นจอมยุทธ์ที่เก่งกาจมาก กำลังภายในแข็งแกร่ง ไม่ต่างอะไรกับในละครที่จอมยุทธ์ขั้นสูงเหาะไปมาบนหลังคาได้ หรือแม้กระทั่งอาจเก่งกว่านั้น
“ศาสตราจารย์ชั้นแนวหน้าของโลกคนหนึ่งถูกลักพาตัวไปค่ะ” อิ๋งจื่อจินหลุบตาลง “ฉันต้องการลูกน้อง”
ถึงแม้ร่างกายของเธอจะฟื้นกลับมาแล้ว แต่ระยะนี้กลับไม่เหมาะที่จะใช้วิทยายุทธ์
และเธอเองก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครมาจากไหน
แต่เธอคิดว่า ในบรรดาคนที่ลักพาตัวเกอร์เวนไปจะต้องมีนักสะกดจิตอยู่ด้วยแน่นอน
ไม่อย่างนั้นบอดี้การ์ดที่คุ้มกันเกอร์เวนไม่มีทางไม่มีความทรงจำในตอนนั้น
“ได้ครับ” เนี่ยอี้ตอบ “ผมจะส่งคนไปเดี๋ยวนี้”
วงการวิชาการไม่มีพรมแดนเรื่องประเทศ หากสูญเสียศาสตราจารย์ชั้นแนวหน้าไปสักคนก็ถือเป็นความสูญเสียของทั้งโลก
เนี่ยอี้วางสายแล้วไปจัดการทันที
…
เวลาห้าโมงเย็น จั่วหลีก็เดินทางมาจากตี้ตู
เขารีบตามไปสมทบกับเผยเทียนอี้ทันที ทางตำรวจก็อยู่ด้วย
ที่นี่อยู่ห่างจากจุดที่เกอร์เวนถูกลักพาตัวไปไว้แค่หนึ่งร้อยเมตร
พวกเขาไม่กล้าเข้าไปใกล้มากเกินไป กลัวจะถูกสังเกตเห็น
เผยเทียนอี้ขมวดคิ้วแน่น ตะโกนเรียก “ศาสตราจารย์จั่วหลี”
“เป็นยังไงบ้างแล้ว” จั่วหลีก็ร้อนใจมาก “ทางนั้นได้บอกหรือเปล่าว่าต้องการอะไรถึงจะยอมปล่อยตัว”
เผยเทียนอี้เงียบไปชั่วครู่แล้วถึงตอบ “พวกเขาต้องการเครื่องพ่นรูปตัวแอลครับ แต่ว่า…”
เขาเล่าเรื่องก่อนหน้านี้ให้ฟัง
จั่วหลีโมโหมาก “ในสายตามีแต่ผลประโยชน์ ไม่ใช่คน!”
“ตอนนี้พวกเรายังติดต่อทางนั้นไม่ได้” เผยเทียนอี้ถอนหายใจ มองตรงไปข้างหน้า “ได้แต่รอพวกเขาติดต่อมาเองครับ”
จั่วหลีพบว่าเขาช่วยอะไรไม่ได้เลย และก็ร้อนใจมาก จนกระทั่งเขาเห็นคนคุ้นเคย
ก็ไม่รู้เพราะอะไร อยู่ๆ เขาก็โล่งใจขึ้น “นักเรียนอิ๋ง”
เผยเทียนอี้อึ้ง หันตัวไป
“ไม่สิๆ” จั่วหลีได้สติกลับมา “ที่นี่อันตรายเกินไป เธออยู่ที่นี่ไม่ได้”
อิ๋งจื่อจินเลิกคิ้ว ตอบอย่างใจเย็น “กำจัดคนชั่ว”
จั่วหลี “…”
เขาลืมไปว่าเด็กสาวคนนี้สามารถสู้กับผู้ชายตัวใหญ่ได้ อย่างน้อยก็เก่งกว่าเขา
“เธอไม่ควรมาอยู่ที่นี่” เผยเทียนอี้ขมวดคิ้วพลางพูด “ถ้าอีกเดี๋ยวเกิดอะไรขึ้น พวกเราแบ่งสมาธิมาคุ้มกันเธอไม่ได้ เธอกับศาสตราจารย์จั่วหลีกลับไปรอฟังข่าวดีกว่า”
“ไม่ต้องๆ” จั่วหลีส่ายมือ พูดแทนอิ๋งจื่อจิน “ผมไม่ใช่ศาสตราจารย์ชั้นแนวหน้าอะไร ไม่มีใครอยากลักพาตัวผมหรอก”
อิ๋งจื่อจินหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดูเวลา
อีกสิบนาทีทีมยอดฝีมือก็จะมาถึงแล้ว
เธอเงียบไป สุดท้ายก็ตัดสินใจลองตั้งกระทู้ถามในเว็บบอร์ดเอ็นโอเค
เผยเทียนอี้กวาดตามองแล้วก็ต้องชะงัก
เขาเห็นไอคอนที่คุ้นเคยบนโทรศัพท์มือถือของอิ๋งจื่อจิน
เป็นไพ่ใบที่สิบของไพ่ทาโรต์สำรับใหญ่ ไพ่นักพรต
ซึ่งก็คือรูปไอคอนของเว็บบอร์ดเอ็นโอเค
เผยเทียนอี้อึ้ง สายตามองไปที่ชื่อไอดีสำหรับล็อกอินอย่างควบคุมไม่ได้