ทุกสายที่เขาโทรหา เขาจะพูดขึ้นต้นว่า “เฮ้เพื่อน ฉันมีข่าวลับเฉพาะ ขายราคาเดียวเลย หนึ่งแสน”
“ว่าไงนะ แพงไปเหรอ ล้อเล่นหรือเปล่า รู้ไหมว่าคนในข่าวคือใคร ท่านเจียงสามแห่งฮู่เฉิงกับซูหร่วนที่ก่อนหน้านี้ถูกตระกูลฟู่ไล่ออกจากบ้านเลยนะ ข่าวลับของตระกูลเศรษฐี ขายให้หนึ่งแสนยังจะถูกไปเลยนะ…”
ต่อมาหลังจากโทรเสร็จเนี่ยเฉาก็ได้เงินมาหนึ่งล้านแปดแสนในชั่วพริบตา
อวิ๋นซานกับอวิ๋นอู้ที่มองเขาโทรหาสิบแปดสาย “?”
แบบนี้ก็ได้เหรอ
แบบนี้มันทั้งหลอกลวงความรู้สึกทั้งหลอกเอาเงินเลยนะ
อิ๋งจื่อจินครุ่นคิด พยักหน้าเล็กน้อย “เริ่มมีอนาคตแล้ว”
“ใช่ไหมล่ะ” เนี่ยเฉาสะบัดผมอีกรอบ พูดด้วยความภูมิใจ “นี่ก็เพราะถูกตาแก่ที่บ้านฝึกฝนมาด้วยความลำบากยังไงล่ะ”
พูดถึงช่วงที่ท่านผู้เฒ่าเนี่ยอวิ๋นเจี้ยนขังเขาไว้ อันนั้นเรียกลำบากจริงๆ
ถ้าไม่อ่านหนังสือให้จบก็ไม่ต้องกินข้าว
ไม่เพียงแต่พ่อกับแม่จะไม่สงสารเขา กลับยังนั่งมองหน้าตาเฉยอีกด้วย
เนี่ยเฉาโศกเศร้าเหลือเกิน
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาคิดถึงพี่ใหญ่
ถ้าพี่ใหญ่ไม่ไปดูแลหน่วยอีจื้อ เขาก็คงไม่ถึงกับถูกทรมาน
เมื่ออวิ๋นซานแน่ใจว่าปิดประตูล็อกดีแล้วก็หันไปพูด “คุณอิ๋งจะไม่ทำอะไรหน่อยจริงๆ เหรอครับ”
ตอนที่อวิ๋นอู้ไปผสานกระดูกได้พบว่าเจียงมั่วหย่วนน่าเวทนามาก
กระดูกแขนขาของเขาแตกหักทุกจุด
เอาแค่นี้ก็น่าตะลึงมากแล้วที่ตอนนั้นไม่สลบไปทันที
ลำพังแค่ผสานกระดูกอวิ๋นอู้ก็ใช้เวลาไปมากทีเดียว
“อืม” อิ๋งจื่อจินพูด “ผลลัพธ์จะเป็นยังไงก็ขึ้นอยู่กับพวกเขา ไม่ต้องแทรกแซง ไม่จำเป็น”
บางครั้งสันดานมนุษย์น่ากลัวเกินกว่าจะจินตนาการ
“แต่ว่าพวกเขาสลบอยู่ทั้งคู่” อวิ๋นซานทำเสียงจึ๊ “ก็ไม่รู้ว่าคืนนี้จะได้เห็นผลลัพธ์หรือเปล่านะครับ”
“วางใจได้” อย่างน้อยเนี่ยเฉาก็เปิดบริษัทเอนเตอร์เทนเมนต์มาแล้ว เขาพูดอย่างมีเลศนัย “พวกสื่อสนใจข่าวฉาวของเศรษฐียิ่งกว่าชีวิตส่วนตัวของดาราเสียอีก พวกเขานั่งเฝ้าทั้งคืนแน่”
“ปิดข่าวไว้ก่อน” อิ๋งจื่อจินพูด “ปิดแค่ทางตระกูลเจียงก็พอ ส่วนตระกูลอื่นรอพวกเขาตื่นก่อนค่อยให้รู้”
“ครับ” อวิ๋นซานพยักหน้า “ผมจะส่งคนไปบอกทางตระกูลเจียงว่าเจียงมั่วหย่วนทำสำเร็จ พาคุณอิ๋งไปต่างประเทศก่อนแล้ว”
เยี่ยซู่เหอเจ้าเล่ห์แผนสูงก็จริง แต่ไม่ว่าอย่างไรก็สู้ลูกน้องของฟู่อวิ๋นเซินไม่ได้
“รบกวนด้วย” อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “ฉันขอตัวกลับบ้านก่อน”
“นี่ยังไม่สองทุ่มเลยนะ รีบกลับบ้านเร็วไปทำไม” เนี่ยเฉาพูด “บอส พวกเราไม่ได้เที่ยวด้วยกันนานแล้วนะ”
อวิ๋นซานคิดในใจ นี่ถ้าไม่ใช่เพื่อนของคุณชาย อีกทั้งยังดูต๊องหน่อยๆ พูดแบบนี้ออกมา เขาแทบอยากกำจัดศัตรูหัวใจทิ้ง
“ไปไม่ได้” อิ๋งจื่อจินสวมเสื้อคลุมแล้วเดินออก “พ่อไม่สบายใจ”
เนี่ยเฉา “?”
เขาลูบหัวตัวเอง ล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาส่งข้อความหาฟู่อวิ๋นเซิน
[เพิ่น! แย่แล้ว พี่ใหญ่ของฉันส่งคู่หูที่เหมือนเป็นฝาแฝดกันมาตีท้ายครัวนาย ร้ายกาจมาก! ถึงแม้จะไม่หล่อเท่านาย แต่ดูท่าทางว่านอนสอนง่าย แถมยังมีสองคน สถานะของนายสั่นคลอนแล้วนะ]
สามนาทีต่อมาฟู่อวิ๋นเซินก็ตอบกลับ
[ส่งคำพูดนี้ไปให้พี่ใหญ่ของนายแล้ว]
[(ภาพแคปหน้าจอ)]
ในภาพเป็นหน้าต่างสนทนาระหว่างฟู่อวิ๋นเซินกับเนี่ยอี้
เนี่ยเฉาช็อก “…”
ยังไม่ทันที่เขาจะส่งข้อความอะไรต่อก็มีคนโทรเข้ามา
เขาไม่กล้ากดตัดสาย กดรับด้วยมือสั่น
เสียงทุ้มต่ำของเนี่ยอี้ลอดมาตามสาย “ตีท้ายครัวเหรอ ร้ายกาจงั้นเหรอ”
“พะพะพะพี่ใหญ่ ผมผิดไปแล้ว” เนี่ยเฉาอยากร้องไห้ “เพราะตอนนี้ผมช่วยจับตาดูอยู่ไงล่ะ”
เขาเริ่มเจรจาประนีประนอม “ถ้าอีกหน่อยพี่หาพี่สะใภ้ใหญ่มาให้ผม ผมก็จะช่วยเหมือนกัน ปล่อยน้องชายคนนี้ไปเถอะนะ พลีสสส”
“…” ดูเหมือนเนี่ยอี้จะเงียบไปชั่วขณะแล้วถึงพูดขึ้น “ฉันไม่ต้องการ”
เนี่ยเฉา “?”
ให้ตายเหอะ มีแฟนแล้วจริงดิ
เขาครุ่นคิด จากนั้นก็รีบรายงานผู้เฒ่าเนี่ยด้วยความดีใจ
…
ตอนค่ำ ภายในห้องพระบ้านตระกูลเจียง
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกบูชาอยู่ในห้องพระคือพระโพธิสัตว์ ด้านหน้ามีกระถางธูป ขนม และผลไม้
เยี่ยซู่เหอคุกเข่าอยู่บนเบาะรอง ในมือมีลูกประคำ หลับตาอยู่
หลังจากที่สวดจบหนึ่งบท ทันใดนั้นก็ได้เอ่ยชื่อขึ้น “ตงซู่”
เจียงตงซู่คือชื่อจริงของผู้เฒ่าเจียง
“เป็นหม้ายจนชิน เกือบลืมชื่อของคุณไปแล้ว” เยี่ยซู่เหอถอนหายใจ “วันนี้ที่มาเพราะมีเรื่องอยากบอก มั่วหย่วนมีคนที่ชอบอยากจะแต่งงานแล้วนะคะ”
“ตอนนั้นคุณช่วยจัดการหมั้นหมายกับอิ๋งลู่เวยให้ สายตาไม่ดีเลยนะคะ อาจเพราะคุณไม่เคยเห็นเขาเป็นลูกแท้ๆ มาตลอด”
ภายในห้องพระเงียบสงบ ไม่มีแม้แต่เสียงลม
“ขอโทษจริงๆ ก่อนคุณตายคุณขอให้ฉันปล่อยลูกสาวของคุณไป แต่ฉันไม่อยากทำแล้ว” เยี่ยซู่เหอพูด ยังคงพึมพำอยู่คนเดียว “ไว้ฉันเอาหุ้นจากพวกคนสนิทของคุณกลับมาให้ได้ก่อน ฉันก็จะจัดการลูกสาวคุณ”
“เธอกับลูกชายของเธอขวางหูขวางตาจริงๆ”
เยี่ยซู่เหอไม่รู้สึกว่าเจียงหรานจะเป็นภัยต่อเจียงมั่วหย่วนได้ ขาใหญ่ประจำชิงจื้อ วันๆ เอาแต่มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้ง ไม่เป็นโล้เป็นพาย
แต่ไม่ว่าอย่างไรเจียงหรานก็มีสายเลือดของตระกูลเจียง ย่อมมีความเป็นไปได้ที่จะสืบทอดเจียงซื่อกรุ๊ป
เธอไม่มีทางยอมให้หุ้นของเจียงซื่อกรุ๊ปตกไปอยู่ในมือของเจียงฮว่าผิงแม้แต่นิดเดียว
“แต่คุณก็ตายมานานขนาดนี้แล้ว มองไม่เห็นแล้ว” เยี่ยซู่เหอหลับตาลงอีกครั้ง “อามิตตาพุทธ”
เธอกราบไหว้พระพุทธรูปอีกครั้งแล้วเดินออกไปฟังรายงานจากบอดี้การ์ดตระกูลเจียง
เยี่ยซู่เหอขมวดคิ้ว “เด็กคนนี้…ช่างเถอะ อุตส่าห์ได้มาแล้ว ยังไงก็ให้เขาได้มีความสุขเสียหน่อย ไม่ต้องไปยุ่งแล้ว”
เธอดูเวลา พบว่าสี่ทุ่มแล้ว จึงจัดการล้างหน้าล้างตาแล้วเข้าห้องนอนพักผ่อน
…
เช้าตรู่หกโมงครึ่งวันต่อมา
เจ็ดโมงสิบนาทีจะเริ่มการทบทวนบทเรียนด้วยตนเองตอนเช้า อิ๋งเย่ว์เซวียนลุกขึ้นมากินข้าวเช้า
เพิ่งกินไข่ทอดไปชิ้นเดียวโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น มีข้อความภาพเข้ามา
พออิ๋งเย่ว์เซวียนเปิดดูก็ตะลึง
“เสี่ยวเซวียน ดูอะไรอยู่เหรอลูก” จงมั่นหวาที่นั่งอยู่อีกฝั่งของโต๊ะอาหารเห็นอิ๋งเย่ว์เซวียนเอาแต่เหม่อจ้องโทรศัพท์จึงสงสัย เดินเข้าไปหา “มีอะไรเหรอ”
อิ๋งเย่ว์เซวียนรีบลบข้อความภาพนั้นทิ้งทันที แต่ก็ไม่ทันแล้ว
จงมั่นหวาเห็นภาพนั้นในมือถือ
เห็นภาพผู้ชายแค่ครึ่งเดียว แต่ใบหน้าด้านข้างของผู้หญิงกลับชัดเจนมาก
เป็นอิ๋งจื่อจิน
ฉากหลังของรูปนี้คือโรงแรมควีน
“มันคืออะไร” จงมั่นหวาสีหน้าเปลี่ยน “เสี่ยวเซวียน ลูกเอามาจากไหน”
“แม่คะ หนูก็ไม่รู้เหมือนกัน” อิ๋งเย่ว์เซวียนเม้มริมฝีปาก “ส่งมาจากเบอร์แปลกค่ะ”
“คงไม่ใช่…” ราวกับจงมั่นหวานึกอะไรขึ้นได้ สีหน้าเปลี่ยนไปอีกครั้ง
อิ๋งเจิ้นถิงลงมาจากชั้นบน ผูกเนกไทขณะเดินมา “มั่นหวา เมื่อกี้คู่ค้าทางธุรกิจของผมบอกว่าทางตระกูลเจียงเกิดเรื่องแล้ว มีข่าวเรื่องเจียงมั่วหย่วนคั่วผู้หญิง มีนักข่าวไปรอตั้งเยอะแยะ”
ถ้ารูปถ่ายแพร่งพรายออกไป หุ้นของเจียงซื่อกรุ๊ปจะต้องทิ้งดิ่งแน่นอน
อิ๋งเจิ้นถิงไม่พอใจเรื่องที่ตระกูลเจียงถอนหมั้นในตอนนั้นมาตลอด เขาจึงดีใจที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
จงมั่นหวารู้สึกมือเท้าเย็น “ฝะ ฝ่ายหญิงอาจจะเป็นจื่อจินค่ะ”
“ว่าไงนะ” อิ๋งเจิ้นถิงอึ้งก่อน รับมือถือมาจากอิ๋งเย่ว์เซวียน จากนั้นก็โมโหอย่างรุนแรง “ไร้ยางอาย!”
เขาลุกพรวด “รีบไปที่โรงแรมควีนเดี๋ยวนี้”
แม้อิ๋งจื่อจินจะไปจากบ้านตระกูลอิ๋งแล้ว ย้ายชื่อออกจากทะเบียนบ้านเรียบร้อย แต่ก็เป็นลูกแท้ๆ ของเขา เขามีสิทธิ์จัดการ
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการเกิดเรื่องสกปรกพรรค์นี้
สร้างจุดด่างพร้อยให้ตระกูลอิ๋ง!
“เสี่ยวเซวียน ให้คนขับรถไปส่งลูกที่โรงเรียนนะ แม่กับพ่อจะไปดูก่อนว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น” จงมั่นหวาก็รีบร้อนตามอิ๋งเจิ้นถิงออกจากบ้านไป
อิ๋งเย่ว์เซวียนขานรับด้วยท่าทางเหม่อลอย
เธอจ้องเบอร์นั้นแล้วบันทึกไว้
…
ด้านหน้าโรงแรมควีนมีนักข่าวและปาปารัซซี่จำนวนมากมาดักรออยู่ ยังมีสื่อจากที่อื่นอีกนอกเหนือจากที่เนี่ยเฉาเรียกมา
ข่าวของท่านเจียงสามแห่งฮู่เฉิง ใครล่ะจะไม่อยากชิงได้ข่าวเป็นคนแรก
แต่พนักงานรักษาความปลอดภัยของโรงแรมควีนขวางไว้อย่างเข้มงวด ไม่ให้พวกเขาเข้าไป
จนกระทั่งอิ๋งเจิ้นถิงกับจงมั่นหวามาถึง
“หลบไป” อิ๋งเจิ้นถิงสีหน้าเย็นชา “ผมมีธุระ”
แต่ไหนแต่ไรมาโรงแรมควีนเป็นตัวเลือกที่พักของบรรดาตระกูลน้อยใหญ่ พนักงานรักษาความปลอดภัยย่อมรู้จักอิ๋งเจิ้นถิงกับจงมั่นหวา
พวกเขาไม่กล้าขวางนายใหญ่กับนายหญิงของตระกูลอิ๋ง รีบหลบทันที
คราวนี้พวกนักข่าวกับปาปารัซซี่ยิ่งฮือฮาหนัก
คนของตระกูลอิ๋งก็มา หรือว่านอกจากซูหร่วนแล้วยังจะมีคุณหนูคนไหนในตระกูลอิ๋งอีกงั้นเหรอ
พนักงานรักษาความปลอดภัยขวางไม่อยู่แล้ว พวกนักข่าวกับปาปารัซซี่แบกกล้องรีบกรูกันเข้าไปข้างใน
อิ๋งเจิ้นถิงขึ้นไปที่ชั้นสิบเจ็ด ชี้ประตูห้องแล้วพูดกับพนักงานรักษาความปลอดภัย “ถีบประตูออก”
พนักงานรักษาความปลอดภัยลังเล แต่สุดท้ายก็ทำตามที่สั่ง
พวกเขามีปัญหากับตระกูลอิ๋งตระกูลเจียงไม่ได้
พวกนักข่าวกับปาปารัซซี่ก็มาถึงแล้ว หลังจากที่พนักงานรักษาความปลอดภัยพังประตู พวกเขาก็ปรับโฟกัสกล้อง ซูมเข้าไปใกล้ๆ จากนั้นก็เริ่มรัวชัตเตอร์