จงมั่นหวาได้ยินเสียงแล้ว หน้าซีดทันที “เจิ้นถิง…เจิ้นถิง ทำไงดีคะ”
เมื่อกี้พวกเขาควรเข้าทางประตูหลัง
ถูกถ่ายไว้แบบนี้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
“ทำไงอะไร” อิ๋งเจิ้นถิงกลับตอบอย่างไร้เยื่อใย “ทำเรื่องที่ไม่ถูกต้องก็ต้องรับผลที่ตามมา”
“ตะ…แต่ว่า…” ขณะที่จงมั่นหวายังอยากพูดอะไรต่อ อิ๋งเจิ้นถิงก็สาวเท้าเดินเข้าไปแล้ว
เขาหยิบที่เขี่ยบุหรี่บนโต๊ะ ไม่พูดพล่ามทำเพลง โยนเข้าไปทันที
“พลั่ก”
ที่เขี่ยบุหรี่กระทบหน้าผากของผู้หญิงที่อยู่บนเตียงอย่างแม่นยำ ซูหร่วนสะดุ้งตื่นทันที
เวลานี้พวกนักข่าวกับปาปารัซซี่ถ่ายเสร็จไปหนึ่งรอบแล้ว ต่างวิ่งกรูเข้ามา
ห้องทำงานห้องนี้ของเจียงมั่วหย่วนเป็นห้องเพรสซิเด้นท์สวีท ขนาดใหญ่มาก จุคนได้สามสิบสี่สิบคนอย่างไม่มีปัญหา
พอเข้ามาใกล้ๆ พวกนักข่าวกับปาปารัซซี่ก็ยิ่งถ่ายอย่างเมามัน ถ่ายจากหลายมุมไปมากทีเดียว
อิ๋งเจิ้นถิงเอามือปิดปากถอยหลังหนึ่งก้าว ทำท่าทางรังเกียจ “ทำไมเป็นเธอ”
จงมั่นหวาก็อึ้ง
ไม่ใช่อิ๋งจื่อจินเหรอ
พอลืมตาก็เห็นคนจำนวนมากรายล้อมอยู่ ซูหร่วนกรี๊ดออกมาทันที รีบเอาผ้าห่มมาห่อตัวเองแน่น
“ออกไป ออกไปให้หมดนะ!”
พวกนักข่าวกับปาปารัซซี่กำลังถ่ายภาพอย่างสนุกสนาน มีเหรอจะฟัง กลับยิ่งถ่ายใบหน้าของซูหร่วนมากขึ้นด้วยซ้ำ
พวกเขาคิดพาดหัวข่าวไว้แล้ว
ท่านเจียงสามสมกับเป็นที่ ‘สาม’ เล่นชู้กับเมียคุณชายใหญ่ตระกูลฟู่ ไร้ยางอาย
ซูหร่วนใกล้คลั่งเต็มที “ออกไป! ออกไปให้พ้น!”
เสียงดังขนาดนี้ ในที่สุดเจียงมั่วหย่วนก็ตื่นแล้ว
เขารู้สึกแค่ว่าปวดหัวแทบระเบิด โดยเฉพาะแสงแฟลชที่แยงตาจนเขาปวดตา กว่าเขาจะได้สติเรื่องก็ไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
ความจริงอยู่ตรงหน้า ต่อให้เจียงมั่วหย่วนอยากแก้ตัวก็ทำไม่ได้ เขากับซูหร่วนอยู่บนเตียงเดียวกัน อีกทั้งซูหร่วนยังแนบชิดกับเขา ตัวสั่นไม่หยุด
ชั่วขณะนั้นเจียงมั่วหย่วนรู้สึกขยะแขยงแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ผลักซูหร่วนลงจากเตียงทันที “ออกไป!”
พวกนักข่าวกับปาปารัซซี่รีบกดชัตเตอร์รัวๆ
ซูหร่วนล้มไปกองบนพื้นอย่างไม่ทันตั้งตัว เจ็บจนหลังเป็นตะคริว อดร้องซี้ดไม่ได้
แต่ไหนแต่ไรมาซูหร่วนเป็นผู้หญิงที่รักความหรูหราฟุ่มเฟือย มิฉะนั้นเธอคงไม่พกบัตรดำทองของธนาคารลอเรนท์ที่ไม่ระบุชื่อเจ้าของบัตรเอาไว้เพียงเพื่ออยากให้ตัวเองมีหน้ามีตา
ตอนแรกเธอยังอยากออกจากห้องนี้ไป แต่ต่อมาก็คิดได้
ตระกูลเจียงด้อยกว่าตระกูลฟู่แค่นิดเดียว เธอเคยหย่าร้าง กลายเป็นตัวตลกในวงการไฮโซ คงไม่มีตระกูลไหนในตี้ตูต้องการเธอแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นเจียงมั่วหย่วนก็หน้าตาดี ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นผู้ชายที่พวกคุณหนูไฮโซในฮู่เฉิงใฝ่ฝันอยากแต่งงานด้วย
เธอไม่ขาดทุนเลยสักนิด
“เจียงมั่วหย่วน” ซูหร่วนกำมือแน่น
“จะมากเกินไปแล้วนะ คุณทำกับฉันขนาดนี้แล้วยังจะลงไม้ลงมืออีกเหรอ”
“คุณฉวยโอกาสขึ้นมาเองไม่ใช่เหรอ” เจียงมั่วหย่วนเริ่มใส่เสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ผู้หญิงแบบคุณ แถมให้ผมยังไม่เอาเลย น่าขยะแขยง”
“คุณ!” ซูหร่วนถูกหยามศักดิ์ศรีจนน้ำตาเริ่มไหล เธอกัดฟันพูด “คุณคิดว่าตัวเองดีนักเหรอ”
“ลบรูปให้หมด” เจียงมั่วหย่วนไม่สนใจเธอ ความเย็นชาแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย
“ไม่อย่างนั้นก็รอจดหมายจากทนายเจียงซื่อกรุ๊ปได้เลย”
เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ไม่ว่าอย่างไรรูปพวกนี้ก็ห้ามแพร่งพรายออกไป
เจียงมั่วหย่วนเม้มริมฝีปากแน่น โทรหาเลขา
เนื้อตัวสกปรกเกินไป เขาต้องรีบชำระล้างก่อน
…
เก้าโมงเช้า
ฟู่อวิ๋นเซินลงจากเครื่องบิน
เขาเองก็รู้แล้วว่าในชั่วเวลาข้ามคืนนี้เกิดเรื่องที่น่าตื่นตาตื่นใจมาก
รู้สึกเพียงว่าเด็กน้อยของเขายังโหดไม่มากพอ
วิธีที่เจียงมั่วหย่วนใช้มันต่ำช้าเกินไป
ถ้าปริมาณสมุนไพรมากกว่านี้ก็ยากที่จะรับประกันแล้วว่าอิ๋งจื่อจินจะไม่ตกเป็นเหยื่อ
วันนี้อิ๋งจื่อจินไม่ได้ไปโรงเรียน พักผ่อนอยู่บ้าน
ฟู่อวิ๋นเซินส่งข้อความหาเธอเสร็จก็ขับรถไปที่บ้านครอบครัวเวิน
เวินเฟิงเหมียนไม่อยู่
พอสุขภาพของเขาดีขึ้น เขาก็ชอบออกไปเดินข้างนอกเป็นเวลานี้ไปจ่ายตลาดพอดี
อิ๋งจื่อจินนั่งอยู่บนโซฟากำลังดูโทรทัศน์
พอได้ยินเสียงกริ่งประตูเธอก็ลุกไปเปิด
“อืม ขอพี่ชายดูหน่อย…” ครั้งนี้ฟู่อวิ๋นเซินใช้สองมือประคองใบหน้าของเธอ ก้มหน้าเล็กน้อย ยิ้มมุมปาก “ไม่เจอกันไม่กี่วัน ดูเหมือนเด็กน้อยจะสวยขึ้นนะ”
ดวงตาดอกท้อของเขานุ่มลึก เปล่งประกายวูบไหว ราวกับสายธารแห่งดวงดาว
ดวงตาสีอำพันเจือไปด้วยความอ่อนโยน คล้ายมีมนต์สะกดชวนให้จมอยู่ในห้วงนั้น
เป็นครั้งแรกที่อิ๋งจื่อจินเบือนหน้าเล็กน้อย หลบสายตาของเขา
“บอกแล้วว่าฉันสวยมาแต่เกิด”
ฟู่อวิ๋นเซินเลิกคิ้ว สีหน้ากึ่งหยอกล้อ พูดเสียงเนือย
“งั้นยิ่งต้องบำรุงให้ดีแล้วนะ”
สายตาของเขาเบนไปที่โทรทัศน์ด้านหลังเธอ ในนั้นเป็นละครน้ำเน่าของบริษัทเนี่ยเฉาที่เพิ่งออนแอร์
“…”
หลังจากฟู่อวิ๋นเซินนั่งลงก็ได้ข้อความจากอวิ๋นซาน
[คุณชายครับ ปล่อยรูปตอนนี้เลยไหมครับ]
นักข่าวกับปาปารัซซี่พวกนั้นกลัวเจียงซื่อกรุ๊ป จำต้องลบภาพกับคลิปวิดีโอทิ้ง แต่ยังมีอยู่ในมืออวิ๋นซานอีก
ฟู่อวิ๋นเซินหลุบตาลง ดวงตาดอกท้อฉายแววเย็นชาเล็กน้อย
[ปล่อยเลย ซื้ออันดับคำค้นยอดนิยมด้วย]
…
หลังจากฟู่อวิ๋นเซินกลับไปแล้ว
ณ อาคารสำนักงานใหญ่ไอบีไอ
ลิซิเนียสรินน้ำชา กดเปิดกลุ่มแชทส่วนตัวอย่างไม่รีบร้อน
กลุ่มนี้รวมเขาด้วยมีอยู่ห้าคน มีแต่ผู้บริหารระดับสูงของไอบีไอทั้งนั้น
[ลิซิเนียส : ข่าวลือในองค์กรเป็นเรื่องจริง ผู้บัญชาการมีแฟนแล้ว ไม่สิไม่ ยังไม่ถือว่าเป็นแฟน ผู้บัญชาการยังจีบไม่ติด เราที่เป็นลูกน้องก็แอบเศร้าไปด้วย]
[ลิซิเนียส : ขนาดผู้บัญชาการยังจีบไม่ติด งั้นพวกเราไม่โสดไปตลอดชีวิตเลยเหรอ ผู้บัญชาการสูงสุดของไอบีไอเป็นเหมือนเทพบุตรเชียวนะ]
[แอนโทนี่ : ไม่มีรูปอย่ามาโม้]
[ไดอา : รูปล่ะ]
[วาเลนส์ : เอารูปมาสิ นายอยากสนุกอยู่คนเดียวใช่ไหม]
[ลิซิเนียส : ถ้ามีรูปฉันเอาไปขายในเว็บบอร์ดเอ็นโอเคไม่ดีกว่าเหรอ ยังจะมาบอกพวกนายทำไม]
ในกลุ่มมีอยู่คนเดียวที่ไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ เงียบมาตลอด
ลิซิเนียสปล่อยข่าวที่น่าตกใจนี้เสร็จก็สะใจ
อย่างไรซะก็อยากรู้กันหมด ไม่ได้มีแค่เขาที่รู้สึกอึดอัดอยู่คนเดียวแล้ว
เวลานี้คนที่เงียบมาตลอดเริ่มเคลื่อนไหว เขาส่งเป็นข้อความส่วนตัว
[เขากำลังจีบสาวจริงเหรอ]
ลิซิเนียสหยิบเอกสารออกมาพลางตอบ
[ใช่ ยอดดวงใจเลยล่ะ]
ตอบเสร็จเขาก็เลิกสนใจ ออกจากห้องทำงานไปทำธุระ
…
ซูเหลียงฮุยนึกไม่ถึงว่าตัวเองจะได้มาที่ฮู่เฉิงอีก
ซูหร่วนกับเจียงมั่วหย่วนเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เขากลับมองว่าเป็นเรื่องดีด้วยซ้ำ
พอเขาได้รับแจ้งข่าวจึงรีบมาที่บ้านตระกูลเจียงทันที
…
ณ คฤหาสน์ตระกูลเจียง
ภายในห้องรับแขก เยี่ยซู่เหอสีหน้าย่ำแย่ บนพื้นเต็มไปด้วยเศษอุปกรณ์ชงชาที่แตกกระจาย
เธอนึกไม่ถึงจริงๆ ว่าเมื่อวานเธอแค่ไม่ได้โทรไปถามกลับเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
ไปนอนกับซูหร่วนงั้นเหรอ
แต่ไหนแต่ไรเจียงมั่วหย่วนเป็นคนทำอะไรมีสติมาตลอด ทำไมถึงทำเรื่องโง่เขลาแบบนี้ได้!
“ดูท่าคุณนายผู้เฒ่าน่าจะทราบเรื่องแล้วนะครับ” ซูเหลียงฮุยเดินเข้ามา พอเห็นเยี่ยซู่เหอเป็นแบบนี้ก็เข้าใจแล้ว “เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว นึกเสียใจไปก็ทำอะไรไม่ได้ พวกเรามาหารือเรื่องเกี่ยวดองระหว่างสองครอบครัวเถอะครับ”
เยี่ยซู่เหอวางถ้วยชากระแทก สีหน้าเย็นชา “ฝันไปเถอะ!”
ตระกูลซูอยู่ตี้ตูก็จริง แต่ก็อยู่ระดับเดียวกับสี่ตระกูลใหญ่แห่งฮู่เฉิง
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าซูเหลียงฮุยยังถูกลบชื่อออกจากตระกูลซูไปแล้ว
เยี่ยซู่เหอไม่มีทางยอมให้เจียงมั่วหย่วนแต่งงานกับผู้หญิงที่ช่วยอะไรเขาไม่ได้เลย
แล้วนับประสาอะไรกับซูหร่วน ผู้หญิงที่ถูกตระกูลฟู่ขับไล่ คู่ควรเข้ามาอยู่ในตระกูลเจียงงั้นเหรอ
ถ้าเจียงมั่วหย่วนแต่งงานกับซูหร่วนจริง ไม่เท่ากับประกาศให้ทุกคนรู้ว่าเขาเก็บรองเท้าผุพังที่ฟู่อี้หันทิ้งแล้วมาใส่หรอกเหรอ
เยี่ยซู่เหอแสยะยิ้ม “คุณก็ไม่รู้จักดูบ้างว่าลูกสาวตัวเองเป็นอย่างไร เป็นฝ่ายมาประเคนตัวถึงที่ ชั้นต่ำสิ้นดี มั่วหย่วนไม่มีทางแต่งด้วย เลิกคิดไปได้เลย”
ซูเหลียงฮุยไม่โกรธ กลับหัวเราะ “ไม่เป็นไรครับ ตระกูลเจียงของพวกคุณจะไม่แต่งก็ได้ แต่ก็รอดูแล้วกันว่าพอถึงเวลาชื่อเสียงจะเป็นอย่างไร เจียงมั่วหย่วนยังจะนั่งแท่นซีอีโอของเจียงซื่อกรุ๊ปได้อยู่หรือเปล่า”
เยี่ยซู่เหอโมโหจนมือสั่น “หน้าไม่อาย!”
“เฮ้อ คุณนายผู้เฒ่า แบบนี้จะเรียกหน้าไม่อายได้อย่างไรกันครับ” ซูเหลียงฮุยยิ้ม
“ลูกชายของคุณนายห้ามใจไม่ไหวเอง หลงไปกับสิ่งยั่วยวน จะมาโทษเสี่ยวหร่วนทั้งหมดไม่ได้นะครับ”
“สรุปตามนี้นะครับ ผมเอาทะเบียนบ้านมาด้วยแล้ว ไว้พวกเขาพักผ่อนเสร็จเมื่อไรก็ไปจดทะเบียนสมรสที่สำนักงานเขตกัน”
ซูเหลียงฮุยครุ่นคิดแล้วพูดต่อ “จัดงานแต่งแบบเรียบง่ายไม่ได้นะครับ ต้องเอาให้ยิ่งใหญ่ อย่างน้อยก็ต้องดีกว่าครั้งแรกของเสี่ยวหร่วน”
“เป็นไปไม่ได้!” เยี่ยซู่เหอยังคงปฏิเสธ สายตาเย็นชา ถึงขั้นเกิดความคิดอาฆาต
“ฉันขอเตือนให้คุณตัดใจจะดีกว่า”
ซูเหลียงฮุยไม่รีบร้อน นั่งรอที่เก้าอี้
เยี่ยซู่เหอเริ่มข่มอารมณ์ได้ ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์บ้านก็ดังขึ้น
“แย่แล้วครับคุณนายผู้เฒ่า” ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ของเจียงซื่อกรุ๊ปโทรมา น้ำเสียงร้อนรน
“ท่านสามติดอันดับคำค้นแล้วครับ”
ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์มองชาร์ตคำค้นยอดนิยม อดเหงื่อแตกไม่ได้
แฮชแท็กเจียงมั่วหย่วนชู้รัก
แฮชแท็กเจียงมั่วหย่วนคั่วสาวไม่ดูหน้า
แฮชแท็กซูหร่วนชั้นต่ำ
แต่ละแฮชแท็กต่างมีคำว่า ‘hot’ อยู่ข้างท้าย