พอได้ยินแบบนี้เจียงฮว่าผิงก็เงียบไปอีกครั้ง
ฟู่อวิ๋นเซินพูดขึ้นมา อยู่ๆ เธอก็ตระหนักได้ว่าเรื่องในตอนนั้นมีความเป็นไปได้สูงที่จะมีความไม่ชอบมาพากล
แต่ตอนนั้นเธอเคยถามผู้เฒ่าเจียงหลายครั้ง ผู้เฒ่าเจียงก็ไม่ยอมปริปาก
เธอรู้สึกผิดหวังหมดใจ จึงเลือกที่จะไม่เจอเขาอีก
แต่ตอนผู้เฒ่าเจียงจากไป เธอกลับมาเฝ้าศพอยู่หลายคืน
ก่อนที่เยี่ยซู่เหอจะเข้ามา ตระกูลเจียงมีความสุขมาก
“พรุ่งนี้แล้วกัน” เจียงฮว่าผิงพึมพำ “ขอฉันคิดให้ดีๆ ก่อน”
ทั้งสี่คนกินข้าวเสร็จ อิ๋งจื่อจินกับฟู่อวิ๋นเซินก็กลับ
เจียงหรานล้างชามด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียด
ล้างเสร็จเขาก็เห็นเจียงฮว่าผิงนั่งอยู่ที่โซฟาคนเดียว “แม่ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมกลับโรงเรียนแล้วนะ”
เจียงฮว่าผิงเงยหน้า กวักมือเรียกเขา
เจียงหรานเดินเข้าไป
เจียงฮว่าผิงลูบศีรษะลูกชายพลางพูดเสียงเบา “ลูกแม่ จำไว้ให้ดีนะ พ่อกับแม่รักลูกเสมอ ยอมเสียสละทุกอย่างได้เพื่อลูก”
คำพูดที่มาอย่างกะทันหันแบบนี้ทำให้เจียงหรานทำตัวไม่ถูกเป็นครั้งแรก “แม่?”
เขารู้สึกซาบซึ้งกินใจ
แต่ซึ้งอยู่ได้สามวินาทีเจียงฮว่าผิงก็เตะเขาหนึ่งที “ออกไปก็ปิดประตูด้วย วันนี้ไม่ต้องกลับมารบกวนการพักผ่อนของแม่”
เจียงหราน “…”
ฮึ่ย
เขาไม่ควรซาบซึ้ง
…
สมดังความตั้งใจของซูเหลียงฮุย หลังจากเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์บนเวยปั๋ว เยี่ยซู่เหอก็ให้ซูหร่วนกับเจียงมั่วหย่วนรีบไปจดทะเบียนสมรสทันที
งานแต่งยังอยู่ในขั้นตอนจัดเตรียม จะจัดขึ้นในภายหลัง
เกี่ยวดองกับตระกูลเจียงได้สำเร็จ หลังจากที่ได้เป็นนายหญิงของบ้านอีกครั้ง ซูหร่วนก็กลับมาทำตัวเชิดหยิ่ง
เธอแต่งตัวอย่างพิถีพิถัน นั่งรถไปที่เจียงซื่อกรุ๊ป
ซูหร่วนต้องการตรวจดูบริษัท
เธออยากทำแบบนี้มานานแล้ว เพียงแต่ตอนนั้นเข้าไปในฟู่ซื่อกรุ๊ปไม่ได้
ครั้งนี้ในที่สุดก็ไม่มีใครกล้าขวางเธออีก
แต่เรื่องที่ทำให้ซูหร่วนคาดไม่ถึงคือ เธอก็เข้าไปในเจียงซื่อกรุ๊ปไม่ได้เหมือนกัน
พนักงานที่อยู่ตรงโถงกลางชั้นหนึ่งต่างมองเธอด้วยสายตารังเกียจ ราวกับเห็นเธอเป็นสัตว์เลื้อยคลาน
เจียงมั่วหย่วนไม่ถูกเห็นค่า ซูหร่วนยิ่งแล้วใหญ่
“ขวางฉันเหรอ” ซูหร่วนแสยะยิ้ม “ฉันเป็นนายหญิงตระกูลเจียง พวกคุณขวางฉัน อยากโดนไล่ออกเหรอ”
“ขอโทษด้วยค่ะคุณนายเจียง” พนักงานหน้าเคาน์เตอร์พูดประชด “ตอนนี้ไม่เพียงแต่ท่านสามจะไม่ใช่ซีอีโอของที่นี่แล้ว ยังสร้างความเสียหายให้บริษัทอย่างมหาศาล คุณไม่มีสิทธิ์เข้าไปค่ะ”
คิดว่าตัวเองเป็นนายหญิงของตระกูลเจียงจริงๆ เหรอ
ไม่รู้จักประมาณตน
ซูหร่วนสีหน้าเปลี่ยน “เธอว่าไงนะ!”
เจียงมั่วหย่วนไม่ใช่ซีอีโอของเจียงซื่อกรุ๊ปแล้วงั้นเหรอ
งั้นเธอแต่งกับเขาไม่เท่ากับเอาตะกร้าสานไปตักน้ำหรอกเหรอ
แล้วเธอจะได้อะไร
พนักงานรักษาความปลอดภัยสองคนเดินตรงมา ไม่สนว่าซูหร่วนจะดิ้นอย่างไร ลากเธอออกไปข้างนอกทั้งแบบนั้น
มีคนที่เดินผ่านไปมาหยุดดูและชี้มาทางเธอ
ภาพเหตุการณ์แบบนี้คุ้นเคยดีเหลือเกิน
ซูหร่วนถูกหยามเกียรติจนตัวสั่น เธอเองก็ไม่มีหน้าจะอยู่ที่นี่ต่อแม้วินาทีเดียว รีบนั่งรถกลับบ้านตระกูลเจียง
…
เวลานี้ภายในคฤหาสน์ตระกูลเจียง
เจียงมั่วหย่วนนั่งอยู่ที่โซฟา เขาดูโทรมไปมาก ไม่มีสง่าราศีแบบเมื่อก่อน
ไม่ว่าอย่างไรเขาก็นึกไม่ถึงว่าเรื่องจะเลวร้ายลงได้เร็วขนาดนี้
อีกทั้งในเน็ตยังมีคนขุดเรื่องโครงการช่วยเหลือเด็กยากจนของตระกูลเจียง ขุดเจอว่าเขาเป็นคนพาอิ๋งจื่อจินไปที่บ้านตระกูลอิ๋ง
เป็นหนึ่งในผู้สมรู้ร่วมคิดที่ทำให้อิ๋งจื่อจินกลายเป็นคลังเลือดมีชีวิต
พูดไปก็น่าตลก
เมื่อก่อนเขาไม่ชายตามองอิ๋งจื่อจินเลยสักนิด แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นเขาที่อาจเอื้อมไม่ถึงแล้ว
ลมเปลี่ยนทิศ ไม่มีใครหนีพ้น
ในขณะที่เจียงมั่วหย่วนกำลังเหม่อ ประตูบ้านก็ถูกเปิดออก
คนที่เดินเข้ามาคือเจียงฮว่าผิง
เธอยังคงสวมชุดกี่เพ้า ใส่รองเท้าส้นสูง สายตาเย็นชา “เจียงมั่วหย่วน จำได้ไหมว่าฉันเคยพูดว่าอะไร”
ไม่รอให้เจียงมั่วหย่วนตั้งตัว เจียงฮว่าผิงยกมือตบหน้าเขาหนึ่งที “ฉันบอกแล้วว่าห้ามมาแตะต้องจื่อจิน ไม่อย่างนั้นฉันไม่ปล่อยนายไว้แน่”
ตบนี้ของเจียงฮว่าผิงไม่มีออมแรง ทำเอาเจียงมั่วหย่วนปากแตก
เขาเช็ดเลือดที่ขอบปาก สีหน้าบึ้งตึงจนน่ากลัว “เจียงฮว่าผิง อยากตายเหรอ!”
“พี่สาวคนโตเปรียบเหมือนแม่ ไม่รู้จักเคารพ” เจียงฮว่าผิงตบเขาอีกหนึ่งฉาด “นายควรจะรู้สึกโชคดีที่ผลลัพธ์ไม่ใช่อย่างที่ฉันคิดไว้”
พูดจบเธอก็ไม่มองเจียงมั่วหย่วนอีก หันตัวเดินออกจากบ้าน
ที่ด้านนอก
ฟู่อวิ๋นเซินกำลังเล่นผมของอิ๋งจื่อจิน
เธอตีมือเขา แต่เขาก็ยังคงรั้นจะถักเปียให้เธอ
“อะ” เจียงฮว่าผิงเอาเส้นผมที่ดึงมาจากหัวเจียงมั่วหย่วนยื่นให้ฟู่อวิ๋นเซิน “ผมสั้นเกิน เกือบดึงไม่ได้แล้ว”
ระหว่างพี่น้องด้วยกันใช้การพิสูจน์ความเป็นพ่อแม่ลูกไม่ได้ ทำได้เพียงพิสูจน์สายเลือดจากโครโมโซม
ดังนั้นถ้าต้องการโน้มน้าวพวกผู้ถือหุ้นของเจียงซื่อกรุ๊ป แค่พิสูจน์ความสัมพันธ์ทางสายเลือดระหว่างเจียงฮว่าผิงกับเจียงมั่วหย่วนยังไม่พอ
ฟู่อวิ๋นเซินรับมา เก็บเส้นผมให้ดี “คุณป้า ลุงเจียงอยู่ที่มหาวิทยาลัยเหรอครับ”
“ใช่” เจียงฮว่าผิงพยักหน้า “ตอนนี้เขาดูแลนักศึกษาใหม่อยู่ ก็เลยไปที่วิทยาเขตใหม่แล้ว”
มหาวิทยาลัยฮู่เฉิงก็เป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศจีน
อีกทั้งยังเหนือกว่ามหาวิทยาลัยตี้ตูในเรื่องชีววิทยา
“อืม” ฟู่อวิ๋นเซินเปิดประตูรถ “ขึ้นรถ ไปกันตอนนี้เลยครับ”
ในที่สุดอิ๋งจื่อจินก็ช่วยชีวิตผมของตัวเองกลับมาได้ แถมยังเหยียบเท้าฟู่อวิ๋นเซินไปหนึ่งที
ซูหร่วนกลับมาจากบริษัทเจียงซื่อกรุ๊ปอย่างหมดอาลัยตายอยากในเวลานี้พอดี
ครั้งนี้ในที่สุดเธอก็ได้เจอฟู่อวิ๋นเซินแล้ว แต่กลับเป็นตอนที่ตัวเองสภาพย่ำแย่ที่สุด
ซูหร่วนทนอยู่ในสภาพนี้ไม่ไหว ทันใดนั้นเธอก็กรีดร้องออกมา “ฟู่อวิ๋นเซิน!”
ฟู่อวิ๋นเซินไม่หัน ก้มตัวเล็กน้อยหยิกแก้มอิ๋งจื่อจิน “ไปหาเจียงเฉิงจวินที่มหาวิทยาลัยฮู่เฉิงกับน้าเจียงนะ พี่ชายจะจัดการธุระนิดหน่อย”
อิ๋งจื่อจินเหลือบตาขึ้นมองเขา
ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ สีหน้าราบเรียบมาก
สีหน้าของฟู่อวิ๋นเซินชะงัก “เยาเยา สายตาแบบนี้…”
‘เหมือนอยากจะฆ่าพี่ชาย’ เขาไม่ได้พูดที่เหลือออกมา
อิ๋งจื่อจินไม่สนใจเขา หันตัวเดินหนี “ไปค่ะ”
เจียงฮว่าผิงมองสองคนนี้พลางครุ่นคิด โอบบ่าอิ๋งจื่อจิน “น้าก็ขับรถเก่งนะ ไม่ด้อยไปกว่าเขาหรอก สบายใจได้เลย”
ทั้งสองคนขึ้นรถแล้วออกไปอย่างรวดเร็ว
ฟู่อวิ๋นเซินเลิกคิ้ว อารมณ์ดีหายไปไม่น้อยในชั่วพริบตา เขาพึมพำ “คงไม่มั้ง…”
ซูหร่วนทนถูกมองข้ามไม่ได้ เธอพูดเสียงสูงขึ้นไปอีก “เห็นฉันเป็นอะไร ฉันเป็นอะไรกันแน่ในสายตาของนาย!”
ถ้าตอนนั้นไม่ใช่เพราะเขาเกิดความรู้สึกดีๆ กับเธอ ผู้เฒ่าฟู่จะให้หมั้นหมายกับตระกูลซูได้อย่างไร
“ดูเหมือนจะไม่เคยพูดเรื่องนี้กับเธอตรงๆ” ฟู่อวิ๋นเซินหันมา สายตาเรียบเฉย ไม่มีความอบอุ่นแม้แต่น้อย “เธอไม่ใช่อะไรทั้งนั้น”
ซูหร่วนอดถอยหลังหนึ่งก้าวไม่ได้ ไม่ว่าอย่างไรเธอก็รับไม่ได้ เธอชี้ไปทางที่รถมาเซราติขับออกไป “งั้นยัยนั่นล่ะ นายก็แค่เล่นๆ เหมือนกันไม่ใช่เหรอ”
ฟู่อวิ๋นเซินตอบ “เธอคือสิ่งล้ำค่า”
ขณะพูดดวงตาดอกท้อก็โค้งมน ยิ้มเล็กน้อย “ยอดดวงใจของฉัน”
คำพูดนี้ทำให้ขีดจำกัดความอดทนของซูหร่วนขาดผึง มีเสียงอื้ออึงดังอยู่ในหูไม่หยุด
อะไรที่สามารถทำให้ผู้ชายคนหนึ่งพูดว่า ‘ยอดดวงใจ’ ออกมาได้
ครั้งนี้เธอเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่า ทั้งหมดเมื่อก่อนนี้เธอมโนเพ้อพกไปเอง คิดเข้าข้างตัวเอง
ฟู่อวิ๋นเซินไม่พูดอะไรอีก ออกจากคฤหาสน์ตระกูลเจียง
เธอคือสิ่งล้ำค่า ยอดดวงใจของฉัน
อยู่เพื่อเธอ ตายเพื่อเธอ
กำจัดสิ่งชั่วร้ายเพื่อเธอ สร้างโลกที่สดใสขึ้นมาใหม่
…
อีกด้านหนึ่ง อิ๋งจื่อจินกับเจียงฮว่าผิงไปถึงมหาวิทยาลัยฮู่เฉิง
เจียงเฉิงจวินเป็นศาสตราจารย์ของสาขาชีววิทยา มากด้วยความรู้ เป็นที่นับหน้าถือตา
ตอนที่ทั้งสองคนไปถึง เขากำลังบรรยายให้นักศึกษาฟังอยู่
“ฮว่าผิง?” เจียงเฉิงจวินรู้สึกเซอร์ไพร้ส์มาก “กลับมาได้ยังไง”
เจียงฮว่าผิงพยักหน้า “พี่ใหญ่”
สองพี่น้องรักใคร่กันดี นิสัยก็คล้ายกัน พวกเขาไม่ได้อยากแย่งทรัพย์สมบัติของตระกูลเจียง
เจียงเฉิงจวินให้พวกนักศึกษาออกไปก่อน “เกิดอะไรขึ้นเหรอฮว่าผิง”
“พี่ใหญ่ ฉันมีเรื่องอยากให้ช่วยหน่อย” เจียงฮว่าผิงเล่าจุดประสงค์ที่มา “คือเรื่องเป็นแบบนี้”
ฟังจบสีหน้าของเจียงเฉิงจวินก็เปลี่ยนไป วางงานในมือลง “ไปโรงพยาบาลตอนนี้เลย”
พวกเขาไม่แย่ง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะปล่อยให้เจียงซื่อกรุ๊ปตกอยู่ในมือคนนอกได้
ทั้งสามคนขับรถไปที่โรงพยาบาล
เจียงฮว่าผิงกับเจียงเฉิงจวินเอาผมของทั้งสามคนให้หมอของศูนย์พิสูจน์สายเลือด พร้อมทั้งขอให้ออกผลโดยเร็วที่สุด
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ ทางโรงเรียนไม่มีเรื่องอะไร
อิ๋งจื่อจินนั่งรอที่เก้าอี้ ถือโอกาสหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาส่งคำท้าถึงผู้เข้าแข่งขันคนหนึ่งที่อยู่บนชาร์ตรวม
พอส่งออกไปก็มีหน้าต่างเด้งขึ้นมาบนหน้าจอ
[อีกฝ่ายยอมแพ้ คุณได้รับหนึ่งร้อยคะแนน]
“…”
ดีมาก
อิ๋งจื่อจินมองอันดับบนชาร์ต หลังจากแน่ใจแล้วว่าเธอจะได้รับเงินรางวัลมูลค่าสูง เธอก็ไม่ได้สนใจอีก
รอบสองก็แบบนี้ ยิ่งชนะต่อเนื่องมากเท่าไร แต้มที่เพิ่มให้ก็จะยิ่งมากขึ้น
จนถึงตอนนี้อิ๋งจื่อจินยังไม่เคยแพ้สักครั้ง
เทียบกับบอกว่าไม่แพ้ ไม่สู้บอกว่าเธอยังไม่เคยได้แข่งสักครั้งเลยดีกว่า
เจียงฮว่าผิงกับเจียงเฉิงจวินนั่งอยู่ข้างๆ สองพี่น้องดูร้อนใจ
สองชั่วโมงต่อมาผลพิสูจน์ก็ออก
เจียงฮว่าผิงรับเอกสารมาจากมือหมอแล้วเปิดออก