การคุกเข่าทำความเคารพของหลิงตันกับหลิงซวงทำให้มือของสือเฟิ่งอี๋ที่จับเข็มเงินเริ่มอ่อนแรง เกือบทิ่มเข้าร่างกายตัวเอง
“เดาแม่นจริงนะ รู้ได้อย่างไรว่าเขาเป็นนายใหญ่ตระกูลหลิง” เจียงฮว่าผิงจัดให้สือเฟิ่งอี๋อีกหนึ่งดอก
“คนไม่รู้คงคิดว่าป้าเป็นปรมาจารย์ทำนายดวงชะตาของตระกูลตี้อู่นะเนี่ย”
เยี่ยซู่เหอที่อยู่บนพื้นถูกเจียงฮว่าผิงเหยียบไว้ขยับไม่ได้ หูมีแต่เสียงอื้ออึง
ไม่ว่าจะตระกูลหลิงหรือตระกูลตี้อู่ก็ล้วนแต่เกินขอบเขตความรู้ของเยี่ยซู่เหอ
เธอไม่เคยได้ยินแม้แต่ชื่อของสองตระกูลนี้ แต่เจียงฮว่าผิงกลับพูดออกมาได้
ต่อให้เยี่ยซู่เหอจะโง่แค่ไหนก็มองออกว่าตระกูลหลิงเป็นตระกูลจอมยุทธ์ที่แข็งแกร่งมาก
ส่วนเจียงฮว่าผิงที่เธอคิดมาตลอดว่าไม่มีความสามารถอะไรกลับเป็นถึงนายหญิงของตระกูลหลิง!
เธอยังคิดจะแทนที่ด้วยซ้ำ
นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน
เยี่ยซู่เหอเริ่มหายใจลำบาก เธอรู้สึกเพียงว่าความอับอายปกคลุมร่างกาย สภาพย่ำแย่ขั้นสุด เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า เจียงฮว่าผิงที่เธอดูถูกจะมีตัวตนที่น่ากลัวแบบนี้
สือเฟิ่งอี๋มองผู้ชายวัยกลางคนด้วยสีหน้าหวาดกลัว
“แก…แกก็คือหลิงฉงโหลว!”
นายใหญ่ตระกูลหลิง หลิงฉงโหลว!
ถึงแม้สือเฟิ่งอี๋จะออกจากวงการแพทย์แผนโบราณมาหลายสิบปีแล้ว แต่เพื่อเป็นการหลบพวกตระกูลแพทย์แผนโบราณที่ตามล่าตัวเธอ เธอจึงไม่มีทางไปที่วงการจอมยุทธ์
แต่ข่าวบางอย่างก็พอจะรู้ได้ เป็นต้นว่าการเปลี่ยนถ่ายอำนาจของตระกูลจอมยุทธ์กับตระกูลแพทย์แผนโบราณ
ที่ตัวชายวัยกลางคนมีความน่าเกรงขามแบบที่สะสมบารมีมานานหลายปี แรงกดดันแบบนี้ไม่ใช่จอมยุทธ์ทั่วไปจะมีได้
สือเฟิ่งอี๋นึกไม่ถึงว่า นายใหญ่ตระกูลหลิงจะมาที่ฮู่เฉิงด้วยตัวเอง
“เสี่ยวฮว่า” หลิงฉงโหลวเดินเข้ามา เมื่อแน่ใจแล้วว่าเจียงฮว่าผิงไม่ได้รับบาดเจ็บ สายตาถึงกลับไปมองสือเฟิ่งอี๋อีกครั้ง
เขาเอามือไพล่หลัง พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ฉันคือหลิงฉงโหลว”
“เป็นไปไม่ได้!” สือเฟิ่งอี๋ถอยหลังหนึ่งก้าว ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมเชื่อ เธอเป็นพวกแข็งนอกแต่ข้างในใจเสาะ
“ถ้าแกเป็นนายใหญ่ตระกูลหลิงจริง แกจะแต่งงานกับคนธรรมดาเหรอ ล้อเล่นอะไรน่ะ!”
เป็นนายใหญ่ของตระกูลจอมยุทธ์ได้ ย่อมเป็นอันดับหนึ่งในบรรดาคนรุ่นเดียวกัน
อย่างไรเสียวงการจอมยุทธ์ก็วัดกันที่ฝีมือ ถ้าไม่เก่งจริง สถานะนายใหญ่ย่อมไม่มั่นคง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการคุมทั้งตระกูล อย่าว่าแต่นายใหญ่ ต่อให้เป็นลูกหลานคนสำคัญที่มีความสามารถก็ไม่มีทางแต่งงานกับคนนอก
จอมยุทธ์ที่มีพรสวรรค์มีแต่จะแต่งงานกับจอมยุทธ์ที่มีพรสวรรค์ด้วยกัน แบบนี้พรสวรรค์ของลูกที่ออกมาก็จะยิ่งสูงขึ้น
หลิงฉงโหลวแต่งงานกับผู้หญิงธรรมดาที่ฝึกจอมยุทธ์ไม่ได้ จะแตกต่างอะไรกับการสิ้นสุดทายาทสืบสกุล
“สือเฟิ่งอี๋ ซ่อนตัวเก่งจริงนะ” หลิงฉงโหลวไม่ตอบคำถาม แต่พูดขึ้น
“ถ้าไม่ใช่เพราะลูกสาวของเธอเปิดเผยร่องรอยของเธอ เกรงว่าวงการแพทย์แผนโบราณคงจับเธอไม่ได้ตลอดไป”
คำพูดนี้ราวกับเป็นการตบหน้าเยี่ยซู่เหออีกครั้ง
เธอแทบไม่อยากเชื่อ “ลูกสาวเหรอ”
เธอเป็นลูกสาวของสือเฟิ่งอี๋เหรอ มิน่า หมอแผนโบราณอย่างสือเฟิ่งอี๋ถึงถ่ายทอดความรู้ให้เธอ แถมยังจะช่วยเหลือเธอ หน้าผากของสือเฟิ่งอี๋มีเหงื่อผุดขึ้นมาเรื่อยๆ ใกล้สติแตกเต็มที
“พอได้ถุงหอมใบนั้นมาฉันก็ให้ฉงโหลวไปหาวงการแพทย์แผนโบราณ” เจียงฮว่าผิงมองสือเฟิ่งอี๋ด้วยสายตาเย็นชา
“ทางนั้นยืนยันว่านี่เป็นสูตรยาสมุนไพรของป้า”
“ครั้นแล้วฉันกับฉงโหลวก็เลยวางแผนกัน ยืมมือเยี่ยซู่เหอล่อป้าออกมา”
วงการแพทย์แผนโบราณสั่งห้ามใช้สมุนไพรที่ส่งผลต่อประสาทและการรับรู้แบบนี้มาตลอดวิธีการเลวร้ายอย่างเปลี่ยนโฉมหน้ายิ่งไม่ต้องพูดถึง
แต่สือเฟิ่งอี๋เป็นหนึ่งในคนที่ทำ ถึงแม้สภาพภายนอกของเธอจะดูอายุหกสิบกว่า แต่อายุจริงของเธอเกินหนึ่งร้อยปีแล้ว
เหมือนกับวิชาเล่นแร่แปรธาตุ แพทย์แผนโบราณก็สามารถยืดอายุได้ด้วยการใช้วิธีต่างๆ เช่น ใช้สมุนไพร การฝังเข็ม เป็นต้น แต่ได้มากสุดก็แค่ขีดจำกัดของมนุษย์
นักวิทยาศาสตร์วิจัยออกมาแล้วว่า เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่เจริญก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ อีกหน่อยอายุเฉลี่ยของมนุษย์มีความเป็นไปได้ว่าจะเกินหนึ่งร้อยห้าสิบปี
แต่อันที่จริงแพทย์แผนโบราณในตอนนี้สามารถทำอนาคตนี้ให้เป็นจริงได้แล้ว
เจียงฮว่าผิงยิ้ม ก้มมองเยี่ยซู่เหอที่หน้าซีดอีกครั้ง
“ฉันจงใจพูดเยาะเย้ยเธอแบบนั้น นึกไม่ถึงว่าเธอจะหลงกลเข้าจริงๆ” จากรอยยิ้มกลายเป็นสีหน้าเย็นชา “ขนาดเจียงมั่วหย่วนยังถูกลากเข้าคุกได้ เธอคิดเหรอว่าเธอทำเรื่องเลวร้ายไปตั้งมากขนาดนั้น ฉันจะปล่อยเธอไปง่ายๆ”
มันเป็นกับดักตั้งแต่ต้นจนจบ
แค่ต้องการล่อเสือออกจากถ้ำเท่านั้น
“หลิงตัน หลิงซวง ส่งตัวไปให้ตระกูลฝู” หลิงฉงโหลวพูด
“บอกพวกเขาว่าฉันต้องการยาคงความเยาว์ที่พวกเขาเพิ่งทำออกมา”
หลิงตันกับหลิงซวงมองหน้ากัน พวกเขารู้สึกตะลึง
ยาคงความเยาว์ที่ตระกูลฝูเพิ่งทำออกมา ไม่เพียงแต่จะคงความเยาว์วัยไว้ได้ ยังสามารถทำให้คนธรรมดาอายุยืนไปอีกยี่สิบปี
แต่มีเงื่อนไขที่ว่า ต้องให้ผู้หญิงกินเท่านั้นถึงจะมีผล
พวกผู้อาวุโสของตระกูลฝูคิดค้นมาหนึ่งปีเพิ่งทำออกมาได้เม็ดเดียว
หลิงฉงโหลวต้องการเอามาให้ใครไม่ต้องบอกก็รู้
“ตระกูลฝูเหรอ” คราวนี้สือเฟิ่งอี๋เริ่มตื่นตระหนก “ไม่ได้นะ พวกแกส่งฉันไปตระกูลฝูไม่ได้!”
ถ้าเธอถูกส่งกลับตระกูลฝูจะต้องถูกทรมานแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนแน่นอน
“เธอเลือกไม่ได้” หลิงฉงโหลวยกมือจับบ่าของสือเฟิ่งอี๋ ใช้กำลังภายในปิดผนึกลมปราณของเธอ
สือเฟิ่งอี๋เป็นแพทย์แผนโบราณ ย่อมมีกำลังภายในในร่างกาย
แต่ตอนนี้กำลังภายในของเธอถูกปิดผนึกแล้ว แม้แต่เข็มเงินก็ใช้ไม่ได้
สือเฟิ่งอี๋กลัวยิ่งกว่าเดิม “ฝีมือแก…”
หลิงฉงโหลวเพิ่งอายุสี่สิบกว่า ถ้าเป็นในวงการจอมยุทธ์ก็ถือว่ายังหนุ่มมาก
แต่สือเฟิ่งอี๋กลับสัมผัสได้ว่า กำลังภายในของหลิงฉงโหลวแก่กล้ายิ่งกว่าจอมยุทธ์ที่ฝึกมาแปดสิบปีที่เธอเคยเจอมา
หลิงฉงโหลวไม่พูดอะไรกับสือเฟิ่งอี๋อีก “เอาตัวไป”
หลิงตันกับหลิงซวงเดินเข้าไปล็อกตัวสือเฟิ่งอี๋ไว้
ทันใดนั้นประตูของห้องเช่าก็ถูกถีบออกอีกครั้ง
ไม่สิ ถีบพังเลยต่างหาก
มีเสียงพูดด้วยความโมโห
“ปล่อยแม่ฉันเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นฉันจะเด็ดหัวพวกแกให้หมด ฉัน…”
เจียงหรานชะงัก
“ตุบ” ค้อนในมือเขาหล่นลง ทับโดนเท้าของเขาเต็มๆ
ไอ้XX
ทำไมพอเขาเข้ามาอาหารหมาก็สาดใส่หน้าเขาเต็มๆ ล่ะ
เจียงหรานทำหน้าบึ้งใส่
“รบกวนเวลาคุณหลิงกับคุณนายเจียงจะเร่าร้อนกันก็ช่วยระวังว่าลูกจะเห็นด้วย”
“ไอ้ลูกบ้า มานี่” หลิงฉงโหลวปล่อยเจียงฮว่าผิงออก เขาหลุดยิ้ม
“โตแล้วจริงๆ สินะ รู้จักปกป้องแม่”
เจียงหรานทำเสียงฮึดฮัด ไม่อยากสนใจเขา
“ครั้งก่อนที่กำลังภายในของแกพลุ่งพล่าน อาการแย่มาก” หลิงฉงโหลวหยุดเล็กน้อยแล้วถามต่อ
“รู้หรือเปล่าว่าใครช่วยแกไว้”
สีหน้าของเจียงหรานหยุดชะงัก เขาเม้มริมฝีปาก “ไม่รู้”
เขาเชื่อใจหลิงฉงโหลว แต่เพื่อความปลอดภัย ไม่มีใครรู้ว่าจะสร้างความยุ่งยากให้อิ๋งจื่อจินในภายหลังหรือเปล่า
กำลังภายในที่พลุ่งพล่านของเขา แม้แต่พวกตระกูลในวงการแพทย์แผนโบราณก็ยังรักษาไม่ได้
เรื่องไหนควรพูดเรื่องไหนไม่ควรพูด เจียงหรานเข้าใจดี
“กะแล้วว่าแกต้องไม่รู้”
หลิงฉงโหลวลูบศีรษะของเจียงหราน อารมณ์เหมือนพี่น้อง มือใหญ่จับคอของเขา
“ไปเถอะ เดี๋ยวพ่อเลี้ยงข้าว เรียกพวกเพื่อนสนิทของแกมาด้วยสิ”
…
โรงเรียนมัธยมชิงจื้อ
ห้องสิบเก้า
ตอนเช้าเจียงหรานไม่ได้มาเรียน
นี่เป็นเรื่องปกติถ้าเป็นเมื่อก่อน แต่ตอนนี้ซิวอวี่สงสัยว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับเขาหรือเปล่า
เธอหน้านิ่ว “พ่ออิ๋ง หมอนี่ยืมรถแข่งของฉันไป คงไม่ได้รถคว่ำตายแล้วนะ”
อิ๋งจื่อจินก็ขมวดคิ้ว “ฉันจะลองโทรหา”
ญาณพยากรณ์ของเธอยังไม่ฟื้นกลับมา พยากรณ์ไม่ได้ว่าเจียงหรานอยู่ที่ไหน
พอปลายสายกดรับ น้ำเสียงตื่นเต้นก็ดังลอดมา
“พ่อ! พ่อบังเกิดเกล้า!”
อิ๋งจื่อจินกดตัดสายทิ้งอย่างไร้เยื่อใย
น้ำเสียงเริงร่าแบบนี้ ฟังดูก็รู้ว่าไม่เป็นอะไร
เธอถึงขั้นจินตนาการได้ว่าหางของเจียงหรานกระดิกอย่างมีความสุขขนาดไหน
ไม่กี่วินาทีต่อมาโทรศัพท์มือถือของอิ๋งจื่อจินก็ดังอีกครั้ง
ครั้งนี้เจียงฮว่าผิงโทรมา
“เสี่ยวจื่อจิน พ่อของเจียงหรานมา ถ้าเธอว่าง พวกเราจะเลี้ยงข้าวเธอกับเสี่ยวอวิ๋นเซินแล้วก็เสี่ยวอวี่ด้วย คิดเสียว่าครอบครัวนัดกินข้าวกัน เธอคิดว่าไงจ๊ะ”
“ได้ค่ะ” อิ๋งจื่อจินเลิกคิ้ว “บอกเวลากับสถานที่มาได้เลยค่ะ”
“เย็นนี้แล้วกัน” เจียงฮว่าผิงพูด
“ร้านจุ้ยอิ่นเฟิงหลิน เป็นร้านอาหารมังสวิรัติ ถ้าเธอกินไม่ได้ พวกเราเปลี่ยนได้นะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูได้หมด” อิ๋งจื่อจินจดเวลากับสถานที่ไว้แล้วส่งวีแชทหาฟู่อวิ๋นเซิน
“ดูท่าเจียงหรานจะหนีไม่พ้นจากการไล่ฆ่าของพ่อ” ซิวอวี่ทำเสียงจึ๊
“วันนี้ได้กินข้าวฟรี มีความสุขจริงๆ”
พอเลิกเรียนตอนบ่าย อิ๋งจื่อจินก็เดินไปกับซิวอวี่
ตอนออกจากประตูโรงเรียน ทั้งสองคนบังเอิญเจออิ๋งเย่ว์เซวียน แต่ต่างก็ไม่สนใจ
อิ๋งเย่ว์เซวียนจับสายสะพายกระเป๋าแน่น เดินไปที่รถ
ตรงนั้นมีคุณนายคนหนึ่งยืนอยู่
อิ๋งเย่ว์เซวียนเรียก “คุณนายหยวน”
คราวก่อนหลังจากที่เธอส่งโค้ดที่เขียนให้คุณนายหยวนหรือเมิ่งหรู เมิ่งหรูก็มาที่ฮู่เฉิงด้วยตัวเอง
เมิ่งหรูก็รู้สึกชื่นชมอิ๋งเย่ว์เซวียน เตรียมฝึกฝนเธอ
“เลิกเรียนแล้วเหรอจ๊ะ” เมิ่งหรูพยักหน้า ท่าทีถือว่าเป็นกันเอง
“ฉันจะพาไปเจอศาสตราจารย์สาขาคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยตี้ตู ขึ้นรถสิ”
“เดี๋ยวก่อนค่ะคุณนายหยวน” ในที่สุดอิ๋งเย่ว์เซวียนก็ตัดสินใจได้ “หนูมีเรื่องอยากถามน้องสาวค่ะ”
“ลูกเลี้ยงคนนั้นน่ะเหรอ” เมิ่งหรูมองตามสายตาของอิ๋งเย่ว์เซวียน และก็ต้องตะลึง “หน้าตาสวยจริงๆ”
ขณะพูดเธอก็ส่ายหน้า
สวยแล้วจะมีประโยชน์อะไร
ไม่เหมือนอิ๋งเย่ว์เซวียนที่เขียนโปรแกรมได้
เมิ่งหรูมองเล็กน้อยก็หมดความสนใจ
อิ๋งเย่ว์เซวียนรีบเดินเข้าไปขวางอิ๋งจื่อจิน
“น้องจื่อจิน ได้เจอพี่ใหญ่บ้างหรือเปล่า พี่มีเรื่องอยากคุยกับเขา เธอช่วยไปบอกหน่อยได้ไหม”
นับตั้งแต่วันนั้นที่อิ๋งเทียนลี่ว์ไล่พ่อบ้านออก อีกทั้งยังพูดแบบนั้น อิ๋งเย่ว์เซวียนก็รู้สึกได้ถึงความกลัวแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน
เธอรู้สึกว่าเธอได้สูญเสียญาติสนิทคนหนึ่งไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว
อิ๋งเย่ว์เซวียนรู้สึกแย่จริงๆ
เมื่อก่อนอิ๋งเทียนลี่ว์ดีกับเธอมาก ความรู้สึกหดหู่แบบนี้ไม่มีใครทนไหว
อิ๋งจื่อจินไม่แม้แต่จะชายตามอง เดินผ่านอิ๋งเย่ว์เซวียนไป
ซิวอวี่ก็ขี้เกียจจะสนใจ
เมิ่งหรูหรี่ตามอง เดินเข้าไปหาอิ๋งจื่อจิน
“พี่สาวทักทาย ขอความช่วยเหลือ แต่เธอกลับไม่สนใจ ไร้มารยาทขนาดนี้ ที่บ้านสั่งสอนมาแบบนี้เหรอ”