เยวี่ยเจ๋อ กับองครักษ์เงาของตระกูลมู่นั้นไม่เหมือนกัน องครักษ์เงานั้นตัวคนเดียว ตระกูลมู่ก็คือบ้านของพวกเขา
แต่เยวี่ยเจ๋อ เขามีญาติพี่น้องอยู่ที่แคว้นจื่อเยี่ย
เยวี่ยเจ๋อกล่าว “ถึงแม้ว่าสัญญาที่ตกลงกันไว้จะหมดแล้ว แต่ข้าก็ยังอยากจะติดตามพี่ใหญ่ เพราะฉะนั้นข้าเลือกที่จะไป ท่านพ่อกับท่านแม่ก็คงจะเข้าใจข้า”
“ยากระดูกมังกรเม็ดนี้ เจ้ารับไว้ พวกเจ้ามีพลังแข็งแกร่งพอที่จะไปแดนใต้ ข้าถึงจะวางใจ!”
“ขอรับ!”
หลังจากที่จัดการเรื่องของตระกูลมู่กับหอหมอปีศาจเสร็จ จากนั้นก็คิดหาวิธีจัดการเรื่องของเชียนอ้าวเซี่ย
ไม่มีทุ่งน้ำแข็งที่เหมาะสมให้เชียนอ้าวเซี่ยอยู่แล้ว
ในเมื่อสุสานถูกทำลายไปแล้ว มู่เฉียนซีจึงตัดสินใจสร้างวังน้ำแข็งหิมะขึ้นมาใหม่
จำนวนคน วัสดุที่ใช้ หรือจะเป็นกำลังทรัพย์ล้วนแต่ไม่ต้องสนใจ ขอเพียงแค่ดี เร็ว และปลอดภัยก็พอ!
ดูเหมือนว่ามู่เฉียนซีจะสนใจคนที่นอนหลับใหลอยู่ในหิมะน้ำแข็งนี้มากเกินไป สีหน้าของจิ่วเยี่ยจึงเย็นชามากถึงเพียงนี้
เป็นผลให้ทำให้จิ่วเยี่ยทำท่าทีทรมานอย่างไร้เหตุผล มู่เฉียนซีสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา
“จิ่วเยี่ย คำสาปของเจ้ากำเริบเหรอ!”
จิ่วเยี่ยส่ายหน้าพลางกล่าว “ดูเหมือนว่าข้าจะโดนคำสาปอีกอย่างหนึ่ง”
สีหน้าของมู่เฉียนซีพลันเปลี่ยนไป “นี่เจ้าว่าอะไรนะ?”
เขาจูบไปที่ดวงตาของมู่เฉียนซีและกล่าวว่า “หากสายตาของซีไปสนใจคนอื่น ตัวข้าก็อดไม่ได้ที่จะทำให้ทุกอย่างที่อยู่รอบ ๆ ว่างเปล่า นี่นับว่าใช่คำสาปหรือไม่”
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกขึ้นเล็กน้อย “เจ้า……”
“แต่คำสาปนี้มีประโยชน์อย่างหนึ่งนั่นก็คือ ข้าจะไม่ทำร้ายซี!”
มู่เฉียนซีรู้สักราวกับมีอีกานับไม่ถ้วนบินอยู่บนหัวนาง นี่คือคำสาปอย่างนั้นเหรอ ใช่คำสาปเหรอ
อือ! มู่เฉียนซีถูกจูบอีกครั้ง
นางอยากจะถามเจ้าหมอนี่เสียจริงว่าเขาหึงหวงใช่หรือไม่
หึงหวงกับคำสาปแยกไม่ออกแล้วอย่างนั้นเหรอ แบบนี้ก็มีด้วย
วังของเชียนอ้าวเซี่ยถูกสร้างขึ้นแล้ว กินอิ่มดื่มด่ำสำราญอย่างพึงพอใจองค์ชายจิ่วเยี่ยก็ไม่โกรธเกรี้ยวแล้ว องค์ชายจิ่วเยี่ยอย่างเขาไม่ได้ตระหนี่ถี่เหนียวกับผู้ที่หลับใหลไม่รู้ว่ากี่ร้อยปีจะฟื้นขึ้นมาผู้นั้น
รอหลังจากนี้หลายร้อยปีกว่าเจ้าหมอนี่จะฟื้นขึ้นมา ซีก็คงจะกลายเป็นผู้หญิงของเขาอย่างสมบูรณ์แล้ว
เพื่อไม่ให้มู่เฉียนซีพะว้าพะวง จิ่วเยี่ยจึงให้มู่เฉียนซีส่งเขากลับไป
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเป็นฝ่ายขอให้มู่เฉียนซีส่งเขากลับไป มู่เฉียนซีรู้สึกตกใจเล็กน้อย แต่ชั่วครู่หนึ่งเขาก็ได้ลากผู้เฒ่าท่านหนึ่งกลับมา
เมื่อเห็นหญิงสาวผู้งดงามอย่างไร้ที่ติตรงหน้า ผู้เฒ่าท่านนี้ก็รีบคุกเข่าลงทันที และกล่าวว่า “ข้าน้อยคาราวะหวังเฟย!”
มู่เฉียนซีเหลือบมองจิ่วเยี่ยและกล่าวว่า “เจ้าพาท่านลุงผู้นี้มาทำไม?”
“นี่คือปรมาจารย์ค่ายกลที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งคุกโลหิต สามารถสร้างค่ายกลปกป้องวังแห่งนี้ได้ ต่อให้เป็นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าก็อย่าคิดที่จะบุกเข้ามา เช่นนี้เจ้าก็วางใจได้แล้ว แล้วก็ไม่ต้องเป็นห่วงคนตายผู้นี้อีกแล้ว!”
อย่างไรเสีย เพื่อไม่ให้หญิงสาวที่ผู้เป็นที่รักของตนเองเป็นห่วง และกังวลความปลอดภัยของผู้อื่น องค์ชายจิ่วเยี่ยจึงพาปรมาจารย์ค่ายกลที่แข็งแกร่งที่สุดจากคุกโลหิตมา
เช่นนี้นางก็วางใจได้แล้ว
มู่เฉียนซีกล่าว “เช่นนั้นก็รบกวนท่านแล้ว!”
ปรมาจารย์ท่านนี้รีบกล่าวว่า “ไม่รบกวนเลย ไม่รบกวนเลย ได้รับใช้องค์ชายกับหวังเฟยไม่ถือเป็นการรบกวนแน่นอน!”
อันที่จริงเขาน้ำตาคลอเบ้าแล้ว!
ให้เขามาสร้างค่ายกลง่าย ๆ เช่นนี้ ช่างเป็นการเสียแรงโดยใช่เหตุจริง ๆ
เรื่องแค่นี้ให้ปรมาจารย์ค่ายกลทั่ว ๆ ไปในแดนนรกสักคนหนึ่งมาก็ได้แล้ว พวกเขาก็สามารถทำได้ องค์ชายไม่จำเป็นต้องพาเขามาเลย
ท่านปรมาจารย์ค่ายกลท่านนี้ไม่ธรรมดา ไม่นานนักก็สามารถจักการค่ายกลได้สำเร็จ
มู่เฉียนซียังตั้งใจจะให้มู่อีและพวกบุกเข้าในไปค่ายกลนี้ แต่ผลลัพธ์ก็คือไม่มีผู้ใดเข้าไปได้ ปลอดภัยและสมบูรณ์แบบมากจริง ๆ
เดิมทีเขายังคิดอยากจะคุยกับหวังเฟยสักหน่อย แต่ภายใต้สายตาอันเย็นชาขององค์ชายจิ่วเยี่ยนั้น เขาจำต้องฉีกมิติตนเองและไสหัวกลับไปแต่โดยดี
ทว่า การที่ได้เห็นหวังเฟย ก็นับว่าเป็นเรื่องที่โชคดีมากแล้ว
มิเช่นนั้นได้เห็นเจ้าเด็กจื่อโยวนั่นเกี้ยวพาราสีทุกวัน เขาอิจฉาริษยาจะตายอยู่แล้ว!
อาการของซวนหยวนหลี่เทียนนั้นดีขึ้นมาก ส่วนเรื่องอื่น ๆ ก็จัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว มู่เฉียนซีจึงเตรียมตัวจะกลับไป
น่าหลานอวี้กล่าว “เฉียนซี พาข้าไปด้วยเป็นเช่นไร?”
มู่เฉียนซีตกใจผงะไปครู่หนึ่ง “เจ้าอยากออกไปจากเซี่ยโจวเหรอ?”
น่าหลานอวี้จ้องมองจิ่วเยี่ยผู้ที่มีแววตาจิตสังหารผู้นั้น และกล่าวว่า “เซี่ยโจวเล็กเกินไป เงินที่ควรจะเก็บก็เก็บมาพอสมควรแล้ว ข้าอยากจะออกไปท้าทายโลกภายนอกเซี่ยโจวหน่อย กำลังคน เงินทองได้เตรียมพร้อมทุกอย่างแล้ว หากเจ้าพาข้าไปด้วย ข้าก็จะได้ไปชมทะเลอันไร้ขอบเขตแล้ว”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยจะดีนักว่า “นี่ เจ้าจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ นี่เจ้าวางแผนเอาไว้แล้วใช่หรือไม่!”
นางจะวางใจให้เขาเดินเส้นทางที่อันตรายเช่นนั้นได้อย่างไรกันเล่า ให้เขาไปกับหอฉงโหลวบนเมฆาจะสะดวกกว่า
น่าหลานอวี้นั้นมีความสามารถ สุขุมและมีแผนสูง แผ่นดินเซี่ยโจวแห่งนี้สำหรับเขาแล้วมันยังเล็กไปจริง ๆ
อีกทั้งค่ายกลส่งระยะไกลของเซี่ยโจวก็ถูกทำลายเสียหายไปอย่างสมบูรณ์ ช่วงเวลาหนึ่งไม่มีผู้ใดสามารถซ่อมแซมให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้
“ขึ้นมา!”
“เยี่ยมไปเลย!” น่าหลานอวี้ดีอกดีใจเป็นอย่างยิ่ง
ครั้นแล้วมู่เฉียนซีก็ได้พาคนของตนเองกับคนของบ้านประมูลอันดับหนึ่งเดินทางออกจากเซี่ยโจว
ตอนนี้ซวนหยวนหลี่เทียนสามารถลุกจากเตียงและเดินได้แล้ว และเมื่อเขาได้รู้ข่าวของมู่เฉียนซีก็ตกใจขึ้น
“ไปแล้วเหรอ?” ในใจรู้สึกหดหู่ลง มีเพียงแค่ตอนที่เขาใกล้ตายตอนนั้นที่ได้เห็นหน้านางแวบเดียว หลังจากนั้นก็ไม่ได้เจอนางเลย
ยาที่ให้เขา นางก็ให้คนเอามาส่งให้
เพราะไม่ได้สนใจจึงไม่เคยกล่าวคำร่ำลา เขาถูกกำหนดให้เป็นคนแปลกหน้าสำหรับนาง
ลาก่อน ซีเอ๋อร์……
ในหอฉงโหลวบนเมฆา มู่เฉียนซียิ้มกับน่าหลานอวี้พลางกล่าวว่า “โลกภายนอก มีทั้งความท้าทาย มีทั้งโอกาส แล้วก็มีอันตรายอีกด้วย ยากระดูกมังกรนี้สามารถทำให้พวกเจ้าเลื่อนขั้นพลังวิญญาณถึงขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหกได้ พลังความแข็งแกร่งขั้นนี้นับว่าอยู่อันดับต้น ๆ ของแดนใต้แล้ว เจ้ามีพลังความแข็งแกร่งนี้ไว้ เจ้าถึงจะมีสิทธิ์พูดมีอำนาจได้!”
“อ้อ อีกอย่างหอหมอปีศาจกับบ้านประมูลอันดับหนึ่งจะเป็นผู้ร่วมการค้ากันตลอดไป เจ้าอย่าลืมล่ะ!”
น่าหลานอวี้ยิ้มพลางกล่าว “หากจะกล่าวขอบคุณ มันก็ดูเสแสร้งเกินไป ข้าไม่ทำให้ผู้ร่วมการค้าที่ข้าสนิทที่สุดผิดหวังแน่นอน!”
ห่างกันเป็นเวลานานแล้ว น่าหลานอวี้จึงอยากจะเข้าใจสถานการณ์ในแดนใต้จากมู่เฉียนซีมากสักหน่อย
แต่สุดท้ายมู่เฉียนซีก็ถูกจิ่วเยี่ยผู้อดทนไม่ได้กอดและพาไป พวกเขาได้เข้าไปในมิติส่วนตัว และเริ่มอยู่ในโลกของคนสองคน
รอยยิ้มของน่าหลานอวี้แข็งทื่อไป เขากัดฟันกรอดพลางพึมพำเสียงเบาว่า “พลังแข็งแกร่งมาก แต่ใจกลับเสาะเสียจริง!”
ไม่นานนักมู่เฉียนซีก็มาถึงดินแดนเสียโจวอย่างราบรื่น ภายใต้สายตาการเข่นฆ่าของจิ่วเยี่ยนั้น ทำให้น่าหลานอวี้จำต้องปลีกตัวออกไป คิดหาวิธีสร้างความมั่งคั่งในแดนใต้
“อาจารย์……” ในตอนนี้เองชายหนุ่มชุดขาวผู้หนึ่งได้ปรากฏตัวต่อหน้ามู่เฉียนซี
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “จี้เหิน ไม่เลวเลย! นึกไม่ถึงว่าเจ้าก็ออกมาแล้ว”
หวงฝู่จี้เหินกล่าว “อาจารย์ ข้าเข้าใจแล้ว ท่านก็เกินไปจริง ๆ พวกเราล้วนแต่ถูกอาจารย์หลอก การทดสอบในหอโอสถนั่น ช่าง…….”
เมื่อนึก ๆ ดู หวงฝู่จี้เหินก็ตัวสั่นขึ้น
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “หากไม่โหดสักหน่อย พวกเจ้าจะได้เติบโตอย่างไรเล่า”
หวงฝู่จี้เหินกล่าว “ใช่ แม้แต่ท่านปู่ก็คิดไม่ถึงว่าข้าจะเติบโตได้มาถึงจุดนี้ได้ เพียงแต่ว่า อาจารย์ ข้าทำให้ท่านผิดหวังแล้ว……”
มู่เฉียนซีกล่าวถาม “เป็นอะไร?”
“ข้าท้าประลองกับหัวหน้านักปรุงยาจวินแล้วแพ้ประลอง” ซูเซิงเอาชนะราชาแห่งพิษได้ และได้กลายเป็นหัวหน้านักพิษของหอหมอปีศาจ
หลังจากที่เขาออกจากการบำเพ็ญฝึกฝน และได้รู้ข่าวนี้ก็ได้ไปท้าประลองกับจวินโม่ซีทันที
สุดท้ายถูกจวินโม่ซีซ้อมจนยับเยิน!
เจ้าหมอนั่นเหมือนกับอาจารย์ไม่มีผิด ล้วนแต่ผิดวิปริตเหมือนกัน!
มู่เฉียนซีกล่าว “หัวหน้านักปรุงยาต้องเป็นเจ้าตะกละนั่นอยู่แล้ว ถึงอย่างไรเสีย ค่าแรงของเจ้านั่นก็ถูกที่สุดแล้ว แต่หอหมอปีศาจยังขาดหัวหน้านักปรุงยาแผนปัจจุบันอยู่ (ยาน้ำใช้เข็มฉีด) ไม่ทราบว่านักเรียนหวงฝู่จี้เหินยอมรับตำแหน่งนี้หรือไม่!”
ดวงตาของหวงฝู่จี้เหินเปล่งประกายขึ้น และกล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “ข้ายอมรับ!”
มู่เฉียนซีกล่าวถามโม่จิ่นว่า “โม่จิ่น ค่ายกลส่งระยะไกลของแดนใต้ซ่อมแซมเสร็จหรือยัง?”
โม่จิ่นยังไม่ทันตอบ หอหมอปีศาจของพวกเขาก็ได้รับข่าวข่าวหนึ่ง โม่จิ่นหันไปมอง “นายท่าน ทางด้านค่ายกลส่งระยะไกลดูเหมือนว่าจะไม่ได้ราบรื่นเหมือนที่ได้จินตนาการเอาไว้”