Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 1066 : ชื่อที่คุ้นเคย

เมื่อได้ยินข้อเสนอของมิสจัสติส ไคลน์ไตร่ตรองสักพักก่อนจะตอบ

“ชักนำความฝันของพวกเขาไปยังทิศทางของยุคสมัยที่สอง ประวัติศาสตร์ของ ‘ราชินีแห่งภัยธรรมชาติ’ โคฮีเน็ม อุปนิสัยและการดำรงชีวิตของเอลฟ์ ภาษาที่เก่าแก่ที่สุดของเอลฟ์ รวมถึงตำนานของทวีปตะวันตก”

“…ตกลง” ออเดรย์กลอกตาเล็กน้อยพร้อมกับเผยสีหน้าครุ่นคิดพลางย่อยคำสั่งของมิสเตอร์เวิร์ล

จากนั้นเธอเดินไปยืนข้างๆ ผู้ขับขานแห่งเอลฟ์

ภายใต้การชักนำของหญิงสาว ร่างของโมเบธหายไปจากความฝันเซียธาส

เกลียวคลื่นในดวงตาสีเขียวของออเดรย์เริ่มหมุนวนขณะริมฝีปากขยับแผ่วเบาประหนึ่งกำลังท่องคาถาบางชนิด

โลกแห่งความฝันเริ่มสั่นสะเทือน สวนที่ดูคล้ายกับผิวทะเลสาบพลันแตกละเอียดราวกับถูกหินยักษ์ล่องหนกระแทกจากด้านบน

เศษผิวทะเลสาบกระจัดกระจายก่อนจะกลับมารวมตัวใหม่ แต่ครั้งนี้ไม่ใช่สวนตามเดิม หากแต่เป็นพระราชวังที่สร้างจากปะการัง

ทุกองค์ประกอบของพระราชวงศ์นั้นโอ่อ่าและวิจิตรตระการตา โครงสร้างภาพรวมสูงโปร่งและสง่างาม แต่เนื่องจากถูกปกคลุมด้วยกระแสน้ำหลายชั้น ท้องฟ้าด้านบนจึงมองเห็นได้ไม่ชัดเจน สีออกไปในทางมืดหม่นและอึมครึม

ภายในวังมีเสาปะการังคอยเรียงรายค้ำจุนโดมสูง และเหนือกำแพงทั้งสองฝั่งเต็มไปด้วยจิตรกรรมฝาผนังที่แสดงถึงความน่าสะพรึงของพายุ

เหนือจิตรกรรมฝาผนังและเสาปะการังมีแหล่งกำเนิดสายฟ้าสีเงินที่ผ่าลงมาอย่างต่อเนื่องราวกับมีชีวิต ปลายทางที่สายฟ้าผ่าลงไปคือขั้นบันไดสูงเก้าขั้นซึ่งประดับประดาไปด้วยไข่มุก เพชร มรกต และไพลิน

เซียธาสกำลังยืนอยู่ปลายขั้นบันไดล่างสุดโดยมีเอลฟ์จำนวนมากยืนฝั่งตรงข้าม

บนขั้นบันไดเก้าขั้นมีเก้าอี้ตัวใหญ่ที่ดูคล้ายกับถูกสร้างจากสายฟ้าบริสุทธิ์วางอยู่สองตัว ตัวหนึ่งวางอยู่กึ่งกลางลานราวกับเป็นที่นั่งของผู้ปกครองพระราชวังแห่งนี้ ส่วนอีกตัวหนึ่งวางอยู่ฝั่งซ้ายมือของเก้าอี้ตัวกลาง ส่งผลให้ดึงดูดสายตาน้อยกว่า

ชายที่นั่งอยู่บนบัลลังก์กึ่งกลางสวมชุดคลุมสบายๆ ปลายหูแหลม เส้นผมดกหนา และใบหน้าค่อนข้างอ่อนโยน สีผมเป็นการผสมผสานระหว่างดำและฟ้า ไม่เพียงใบหน้าจะสง่างามและเลอโฉม แต่ยิ่งทวีความหล่อเหลาเมื่อนำทุกองค์ประกอบมารวมกัน อย่างไรก็ตาม บรรยากาศรอบตัวกลับเกรี้ยวกราดและไม่เป็นมิตร ราวกับพร้อมจะหยิบหอกสายฟ้าข้างบัลลังก์ออกมาขว้างได้ทุกเมื่อโดยไม่ต้องบอกกล่าว

สตรีที่นั่งอยู่ข้างๆ มีใบหน้างดงามและเส้นผมสีดำขลับถูกเกล้ามวยสูง ปลายหูแหลมเล็กๆ และใบหน้าหมดจดไร้จุดตำหนิ ดวงตาสีน้ำตาลของเธอลุ่มลึกราวกับก้นมหาสมุทร ในมือของเธอกำลังหยอกเย้าแก้วไวน์ทองคำ

โดยไม่ต้องให้เซียธาสอธิบาย ไคลน์และที่เหลือเข้าใจได้ทันทีว่าฝ่ายชายคือหนึ่งในเทพบรรพกาล ราชาเอลฟ์ซอนญาธริมและฝ่ายหญิงคือ ‘ราชินีแห่งภัยธรรมชาติ’ ราชินีเอลฟ์โคฮีเน็ม

“ไอ้คนทรยศเออเมียร์!” ทันใดนั้นเสียงคำรามที่คล้ายกับฟ้าร้องดังกังวานจนวังปะการังสั่นไหวรุนแรง ส่งผลให้เซียธาสและข้าราชบริพารต่างพากันก้มศีรษะด้วยความกลัว

นี่คือเสียงคำรามของเทพบรรพกาล

เออเมียร์… ชื่อของราชาคนยักษ์สินะ… เมื่อไม่นานมานี้เราเพิ่งมีโอกาสได้ดื่มไวน์ที่ตั้งตามชื่อเจ้านั่น ต้องยอมรับตามตรงว่ารสชาติของมันพิเศษกว่าไวน์ใดในโลก ราคาก็แพงกว่าปรกติแค่เล็กน้อย… หลังจากได้ฟัง ไคลน์ปล่อยให้ความคิดล่องลอย

มันยังไม่ลืมเรื่องที่เดอะซันน้อยเคยเล่าให้ฟังว่า ราชาคนยักษ์เออเมียร์ ราชาเอลฟ์ซอนญาธริม และต้นตระกูลผีดูดเลือดลิลิธ เทพบรรพกาลกึ่งมนุษย์ทั้งสามจับมือเป็นพันธมิตรกัน ฝ่ายศัตรูคือขั้วอำนาจที่เกิดจากการรวมตัวระหว่างมังกรจินตภาพแอนเคอร์เวล ต้นตระกูลฟีนิกซ์เกรจารี และราชามนุษย์กลายพันธุ์เควาสทูน ในส่วนของราชาปีศาจฟาโบธีและราชาหมาป่าอสูรเฟรเกีย พวกมันเป็นเอกเทศและคิดเพียงจะกัดกร่อนทำลายล้างโลก

หมายความว่าพันธมิตรฝ่ายเทพกึ่งมนุษย์พังทลายลงในตอนหลัง? ไคลน์สร้างข้อสันนิษฐานพร้อมกับรอให้ความฝันเกิดการเปลี่ยนแปลง

เนื่องจากเคยฟังประสบการณ์ของ ‘เดอะซัน’ เดอร์ริค ออเดรย์ไม่ใช้คนแปลกหน้าสำหรับประวัติศาสตร์ยุคสมัยที่สอง จึงรีบชักนำความฝันของเซียธาสโดยปราศจากความลังเล

แม้จะนั่งใกล้กับเสียงคำราม แต่ราชินีแห่งภัยธรรมชาติโคฮีเน็มก็มิได้หวั่นไหว ยังคงกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชาและเรียบเฉย

“ก็พอจะเดาได้ตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่หรือ? ความน่าเชื่อถือของเจ้านั่นตรงข้ามกับร่างกายโดยสิ้นเชิง”

พร้อมกันนั้น เทพบรรพกาลซอนญาธริมที่ร่างกายปกคลุมไปด้วยเส้นสายฟ้าเริ่มเปล่งเสียงคำราม

“ข้าคิดว่าหลังจากผ่านไปร่วมร้อยปี เจ้านั่นจะเริ่มเข้าใจสถานการณ์ภาพรวมมากขึ้น แต่ดูเหมือนว่าจะประเมินสติปัญญาของมันสูงไป! หากไม่ใช่เพราะมันหักหลังลิลิธ หล่อนจะร่วงหล่นได้อย่างไร?”

เห… ต้นตระกูลผีดูดเลือดลิลิธร่วงหล่นไปก่อนใคร? เปลือกตาไคลน์ขยับเล็กน้อยขณะตั้งใจฟัง

หลังจากราชาเอลฟ์คำรามเสร็จ ราชินีแห่งภัยธรรมชาติกล่าวโดยยังคงรักษาภาพลักษณ์เดิม

“แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเสียทีเดียว เพราะอย่างน้อยก็ทำให้เควาสทูนและเฟรเกียตกตายไปพร้อมลิลิธได้… เหล่าทวยเทพมิได้เชื่อใจกันอย่างแน่นแฟ้นเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ต่อให้พวกเรามิได้จับพันธมิตรกับใคร แต่ก็สามารถปกครองมหาสมุทร ทะเลสาบ และแม่น้ำได้สบาย”

ได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ ผู้ชมออเดรย์อดไม่ได้ที่จะหัวใจเต้นแรง จำเป็นต้องรีบใช้พลันปลอบโยนกับตัวเอง

หมายความว่าต้นตระกูลผีดูดเลือดลิลิธ ราชามนุษย์กลายพันธุ์เควาสทูน และราชาหมาป่าอสูรร่วงหล่นในสงครามระหว่างเทพบรรพกาลเนื่องจากการทรยศของราชาคนยักษ์เออเมียร์ มิได้เกิดจากฝีมือการ ‘ทวงคืนอำนาจ’ ของเทพสุริยันบรรพกาล?

นี่คือเหตุผลที่ลิลิธยังไม่ร่วงหล่นโดยสมบูรณ์และสามารถส่งวิวรณ์ให้เหล่าทายาทได้เป็นระยะ? และเพราะเหตุนี้ มารดาแห่งผืนนภาของตระกูลอันทีโกนัสและเทือกเขาโฮนาซิสจึงสามารถดำรงตนได้จนถึงยุคสมัยที่สี่… ไคลน์เริ่มเชื่อมากขึ้นว่าประวัติศาสตร์ที่บันทึกไว้ในเมืองเงินพิสุทธิ์ถูกแต่งเติมให้เกินจริงไปหลายเรื่อง โชคดีที่มันยังย่อยโอสถจอมเวทพิสดารไม่เสร็จ จึงยังไม่ต้องคิดเรื่องเลื่อนลำดับกลายเป็น ‘ปราชญ์โบราณ’ ไม่อย่างนั้นประวัติศาสตร์ที่มันยืมมาใช้งานอาจไม่ใช่ของจริง

ในยุคสมัยบรรพกาล ต้นตระกูลผีดูดเลือดลิลิธและราชามนุษย์กลายพันธุ์เควาสทูนต่างร่วงหล่นด้วยฝีมืออีกฝ่าย… แต่เมื่อไม่นานมานี้ตระกูลผีดูดเลือดเพิ่งร่วมมือกับผู้วิเศษเส้นทาง ‘มนุษย์กลายพันธุ์’ ที่อยู่ฝ่ายระงับแรงปรารถนา… กาลเวลาช่างเล่นกล… หึหึ… ถ้าเอ็มลินรู้เรื่องนี้จะทำหน้ายังไงกันนะ… ‘เดอะสตาร์’ เลียวนาร์ดถอนหายใจพลางตั้งใจฟัง

ขณะความคิดของทุกคนกำลังล่องลอย เทพบรรพกาลซอนญาธริมพ่นลมหายใจและพูดต่อ

“เมื่อไม่นานมานี้ เออเมียร์เริ่มวางแผนจะร่วมมือกับบางนิกายลับของมนุษย์เพื่อจัดการกับเรา กล่าวกันว่าเรื่องนี้ถูกชักใยโดย ‘ฤดูเก็บเกี่ยว’ และ ‘รุ่งอรุณ’ … ข้าถึงกับคิดจะร่วมมือกับแอนเคอร์เวลเพื่อทำลายพวกคนยักษ์และวังของมัน แต่น่าเสียดาย ทุกครั้งที่ข้าได้เห็นหน้ามังกรนั่น ความคิดเดียวในหัวคือการจับมันมาเสียบไม้ย่างบนตะแกรง เป็นความรู้สึกอันแรงกล้าที่มิอาจหักห้ามได้ง่ายนัก!”

ทันทีที่กล่าวจบ เทพบรรพกาลตนดังกล่าวพลันเลือนหายพร้อมกับการสั่นสะเทือนของวังปะการัง ส่งผลให้เกิดรอยแยกขนาดใหญ่

ขณะฉากทั้งหมดยังไม่เลือนหายไปโดยสมบูรณ์ แสงสีเงินสว่างขึ้นอีกครั้งพร้อมกับการกลับมาปรากฏตัวบนบัลลังก์ของซอนญาธริม โดยที่คราวนี้ในมือกำลังถือหอกสายฟ้าบริสุทธิ์

“ท่านไปที่วังราชาคนยักษ์มาหรือ?” โคฮีเน็มถาม

“ข้าไปมอบบทเรียนเล็กๆ น้อยๆ ให้เออเมียร์” ซอนญาธริมตอบโดยไม่ปิดบัง

เซียธาสและเอลฟ์ตนอื่นต่างก้มหน้าต่ำยิ่งกว่าเก่า พวกมันมองต่างเห็นหนวดรยางค์ที่ใหญ่กว่าร่างกายตนอย่างเลือนราง หนวดดังกล่าวเลื้อยไปมาบนพื้นวังพร้อมกับอสรพิษสายฟ้าจำนวนมาก

จากนั้นทุกคนก็หลับตา

ฉากความฝันเปลี่ยนผันไปเป็นความสัมพันธ์ระหว่างเซียธาสและเอลฟ์ตนอื่น

พิจารณาจากคำพูดและการกระทำ ไคลน์ เลียวนาร์ด และออเดรย์ยืนยันได้ว่าเซียธาสมีชีวิตที่ค่อนข้างสงบสุขในยุคสมัยที่สอง เผ่าพันธุ์คนยักษ์ เอลฟ์ มังกร ปีศาจ และฟีนิกซ์อาศัยอยู่ร่วมกันโดยแบ่งเขตการปกครองออกเป็นหลายแห่ง ไม่ว่าจะทวีปเหนือใต้ รวมไปถึงห้าห้วงสมุทร ส่วนแวมไพร์ หมาป่าอสูร มนุษย์ต้นไม้ สัตว์ทะเล มนุษย์กลายพันธุ์ และมนุษย์ต่างอาศัยอยู่ในฐานะทาสของแต่ละเผ่าพันธุ์ปกครอง เป็นได้เพียงชนชั้นกลางไปจนถึงล่าง

“ไม่ตรงกับบันทึกของศาสนจักร… แม้แต่ตำนานของเมืองเงินพิสุทธิ์ก็ไม่ใช่แบบนี้” เลียวนาร์ดถอนหายใจหลังจากฟังจบ “บางทีตาแก่ก็คงไม่รู้ลึกขนาดนี้เช่นกัน”

“เรื่องนี้อาจไม่ใช่ความจริงเสมอไป” ไคลน์ส่ายหน้าแผ่วเบา “มีตัวตนจำนวนไม่น้อยที่ดำรงชีวิตตั้งแต่ยุคสมัยที่สองมาจนถึงยุคสมัยที่สี่ หรือแม้กระทั่งปัจจุบัน”

“อย่างเช่นเทวทูตปัญญา?” เลียวนาร์ดคาดเดา

“อาจจะ” ไคลน์ไม่ยืนยันคำตอบ เพียงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ในตอนที่คุยกับโมเบธ ผมนึกว่าคุณจะขอร้องให้มิสจัสติสยืนห่างๆ”

เลียวนาร์ดจ้องหน้าชายหนุ่มพร้อมกับอ้าปากหาว

“คุณเคยบอกต่อหน้าทุกคนว่าผมรู้จักตัวตนที่อาจเคยเห็นศิลาเย้ยเทพแผ่นที่สอง… ดังนั้นในตอนที่ผมสนทนากับโมเบธ·โซโรอาสเตอร์ ต่อให้เธอยืนห่างๆ ก็คงคาดเดาความเชื่อมโยงได้อยู่ดีไม่ใช่หรือ? นอกจากนั้นคุณยังเคยเล่าให้ผมฟังว่า ในตอนที่จัดการกับร่างโคลนของอามุนด์ทั้งหมดภายในกรุงเบ็คลันด์ มิสจัสติสมีส่วนร่วมในการเก็บกวาด สำหรับผู้ชมลำดับ 5 ข้อมูลเพียงเท่านี้ก็มากพอจะให้คาดเดาอย่างแม่นยำ และถ้ายิ่งเธอได้ทราบข้อมูลของตระกูลโซโรอาสเตอร์ นั่นคงไม่ต่างอะไรกับการยืนเล่าความจริงทั้งหมดให้เธอฟัง… เมื่อเป็นแบบนี้ การกีดกันเธอออกไปรังแต่จะเหนื่อยเปล่า วิธีที่ดีที่สุดหากต้องการรักษาความลับคือการให้ทุกคนสาบานว่าจะไม่แพร่งพรายโดยขอให้มิสเตอร์ฟูลช่วยเป็นสักขีพยาน”

“และถ้าคุณบอกให้มิสจัสติสช่วงยืนห่างๆ การขอให้มิสเตอร์ฟูลช่วยเป็นสักขีพยานก็คงไม่มีน้ำหนักมากพอ…” ไคลน์พยักหน้ารับ

ทันใดนั้นเซียธาสเริ่มกล่าวต่อ

“หลังจากการร่วงหล่นของต้นตระกูลผีดูดเลือด ราชาหมาป่าอสูรจอมทำลายล้าง และราชามนุษย์กลายพันธุ์ ‘เทพรับใช้’ บางส่วนถูกสังหารในสงคราม บางส่วนยอมจำนนและคอยรับใช้เทพตนอื่นต่อไป และมีบางส่วนที่หายเข้าไปในความมืด”

ออเดรย์ที่จำแลงกายตัวเองเป็นเอลฟ์ยังคงถามชักนำ

“ใครยอมจำนนต่อใคร? แล้วมีใครบ้างที่ร่วงหล่น?”

เซียธาสพยายามนึก

“ข้าเองก็ไม่เคยเห็นด้วยตัวเอง แต่ได้ยินว่า ‘เทพธิดาแห่งชีวิต’ ของต้นตระกูลผีดูดเลือดและ ‘เทพสงคราม’ ของราชามนุษย์กลายพันธุ์ถูกสังหาร ไม่มีใครทราบแม้กระทั่งชื่อของพวกท่าน… ส่วน ‘เทพแห่งวิญญาณมรณะ’ ซาลินเจอร์ของราชาหมาป่าอสูรกลายมาเป็นเทพรับใช้ของต้นตระกูลฟีนิกซ์ ‘เทพแห่งความงาม’ ออร์นีญ่าของต้นตระกูลผีดูดเลือดเลือกที่จะเข้ากับฝ่ายเรา… แต่ทางด้าน ‘เทพแห่งสัตว์วิญญาณ’ ทอซน่าและ ‘เทพธิดาแห่งเคราะห์กรรม’ อมานีซิสได้หายตัวไป…”

ซาลินเจอร์… ออร์นีญ่า… สองชื่อนี้ทำให้หน้าผากไคลน์กระตุกแผ่วเบา ต้องรีบใช้พลังตัวตลกเพื่อยับยั้งสีหน้า

ออร์นีญ่าคือราชินีแห่งจันทราโลหิต ภรรยาของจักรพรรดิในยุคสมัยที่สี่ จักรพรรดินีแห่งจักรวรรดิทรันซอสต์!

และสำหรับซาลินเจอร์ ท่านผู้นี้คือผู้ก่อตั้งจักรวรรดิไบลัม จักรพรรดิแห่งโลกหลังความตาย เทพมรณา!

……………………….

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

LotM, Quỷ bí chi chủ, ราชันเร้นลับ, ราชันโลกพิศวง, 序列的戰爭 (old), 诡秘之主 (new)
Score 9.4
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2018 Native Language: Chinese
ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset