ตอนที่ 313 กรรมตามสนองผู้ร้าย ปราบปรามเขตตอนเหนือ (5)
เว่ยจางเห็นเหยาเหยียนอี้โมโหจึงตัดสินใจสะบัดชุดคลุมแล้วคุกเข่าลงหนึ่งข้างพร้อมคารวะ “เรื่องนี้ข้าผิดเอง แต่ได้โปรดพี่รองครุ่นคิดอย่างละเอียด และได้โปรดฝากบอกพ่อตาด้วย หากข้าเว่ยจางกลับมาได้อย่างปลอดภัย ชาตินี้ข้าจะปฏิบัติดีกับเยี่ยนอวี่ จะไม่มีใครอื่นใด หากกลับมาไม่ได้ ทุกอย่างในจวนเว่ยจะตกเป็นของเยี่ยนอวี่ทั้งหมด ได้โปรดพ่อตาและพี่รองเลือกบุรุษที่ดีให้แก่นาง แล้วให้นางมีชีวิตที่สันติสุขไปถึงตอนแก่เฒ่า”
“เจ้า…” เหยาเหยียนอี้กลืนคำพูดเข้าไปในลำคอแล้วชี้หน้าเว่ยจาง ผ่านไปสักพักก็พูดอะไรไม่ออก
ผ่านไปสักพัก สุดท้ายเหยาเหยียนอี้ก็กลั้นน้ำตาที่กำลังจะไหลออกมาแล้วก่นด่าด้วยความโมโห “ไสหัวไปเดี๋ยวนี้!”
เว่ยจางผงกหัวให้เหยาเหยียนอี้ “พี่รอง ข้าเองที่กระทำผิดต่อตระกูลเหยา กระทำผิดต่อเยี่ยนอวี่”
เหยาเหยียนอี้ยังคงเดินไปเดินมาที่เดิมแล้วโบกแขนพลางพูดด้วยความขุ่นเคืองใจ “ข้าไม่สน! เจ้ามีปัญญาก็ไปคุยกับนางเอง!”
เหยาเยี่ยนอวี่นั่งอยู่ในรถม้าแล้วกำลังรีบเดินทางมาโรงงานผลิตสมุนไพร มาถึงกลับเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ใต้ต้นเชียวขนาดใหญ่มีตั่งไม้วางอยู่ บนตั่งไม้วางโต๊ะเตี้ย ด้านข้างกำลังต้มน้ำด้วยหม้อดิน เสียงน้ำเดือดดังขึ้น เหมือนจะเดือดมาสักพักแล้ว บนโต๊ะเตี้ยวางชุดน้ำชากระจกที่พี่รองของนางชื่นชอบที่สุดทว่ากลับไม่มีกะจิตกะใจชงชา พี่รองกลับเอนกายไปด้านหลัง สีหน้าดูย่ำแย่ยิ่งนัก ส่วนเว่ยจางที่อยู่ในชุดลำลองสีแดงกลับกอดต้นเชียวไว้แล้วหันหลังให้พี่รองของนางพร้อมทั้งเงยหน้ามองท้องฟ้าที่มืดครึ้มเล็กน้อย สีหน้ากลับดูหม่นหมองอย่างยากจะพบเห็น
เหยาเยี่ยนอวี่ค่อยๆ เดินเข้าไป ทั้งสองคนกลับไม่มีใครพูดอะไรและไม่ขยับไปไหน
“พี่ชาย?” เหยาเยี่ยนอวี่เดินไปยกหม้อดินที่ต้มน้ำร้อนพลางเดินมา “รีบตามข้ามามีเรื่องอะไรหรือ”
“ไม่ใช่ข้าตามเจ้ามา” เหยาเหยียนอี้ทำท่าทางเด็ดเดี่ยว คำพูดพวกนั้นสุดท้ายก็ไม่ได้เอ่ยออกมา แค่ลุกขึ้นแล้วลงมาจากตั่งไม้พร้อมชี้ไปยังเว่ยจาง “เขามีธุระกับเจ้า” พูดจบก็หันจากไปโดยไม่หวนกลับมา
“เอ๋?” คุณหนูเหยาตกตะลึงมาก นี่พี่ชายกำลังโกรธอะไรอยู่หรือ หรือว่าบุรุษของตนไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจ? ดังนั้นเหยาเยี่ยนอวี่จึงวางเหยือกน้ำกลับไปบนเตาแล้วหันหลังเดินไปใกล้เว่ยจางพร้อมโบกมือตรงหน้าเขา กลับถูกเขาจับมือไว้ทันที
จู่ๆเขาก็ก้มศีรษะลงต่ำ นัยน์ตาสีนิลเคล้าด้วยความความรู้สึกที่มิอาจอธิบาย เขามองนางเช่นนี้จนทำให้นางไม่สบายใจ ด้วยเหตุนี้จึงเอ่ยถาม “พวกเจ้าเป็นอะไรไป”
เว่ยจางเม้มปาก เขาคิดคำพูดมากมายแต่กลับพูดออกมาไม่ได้
นี่คือสตรีที่เขาหมายปองมานานมากแล้ว รูปลักษณ์หน้าตางดงามเช่นนี้กลับไม่จำเป็นต้องไปแย่งชิงมาจากใคร นางมีนัยน์ตาแววใสที่สุดในใต้หล้านี้ นางมีหัวใจที่เมตตากรุณาและสองมือที่กอบกู้คนทั้งใต้หล้า ต่อให้ทั้งร่างของจะแปดเปื้อนด้วยหยาดเลือดและสังหารผู้คนมานับไม่ถ้วน ทว่าตอนอยู่ต่อหน้านางก็มักจะรู้สึกถึงความเงียบสงบ ราวกับว่าแค่ได้อยู่เคียงข้างนางก็จะได้รับความสุข
เรือนผมดำสนิทของนางทัดบุษบาสีแดง ดูนางรื่นเริงยินดีอย่างยิ่ง
สินเดิมของนางไปอยู่ในจวนเขาแล้ว สามวันหลังจากนี้นางก็จะได้กลายเป็นภรรยาของตนอย่างเป็นทางการ
นางเงยหน้ามองตน นัยน์ตาบริสุทธิ์ผุดผ่องแววตาเคล้าด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
เขาจะเอ่ยปากพูดได้อย่างไร บอกนางว่าจะไปรบในเขตตอนเหนือ วันกำหนดงานสมรสต้องถูกเลื่อนไปโดยไม่มีกำหนดการ และสุดท้ายนางอาจจะรอคอยเขาที่กลายเป็นศพกลับมา?
“นี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่” เหยาเยี่ยนอวี่รู้สึกถึงความผิดปกติทว่ากลับเดาไม่ออกว่าเป็นเพราะเหตุใด
“งานสมรสของพวกเรา…อาจต้องเลื่อนไปก่อน” เว่ยจางเอ่ยด้วยความลำบากใจ น้ำเสียงไม่เหมือนที่ผ่านมา กลับกลายเป็นคนละคน
“เพราะเหตุใด” เหยาเยี่ยนอวี่ขมวดคิ้ว “เพราะจวนเฉิงอ๋องหรือ”
เว่ยจางส่ายหน้า “ข้าจะไปสู้รบ”
เหยาเยี่ยนอวี่แค่นเสียง ‘อ๋า’ ด้วยความตกตะลึงแล้วยิ้มอย่างสบายใจ “เป็นเช่นนี้นี่เอง ข้ายังนึกว่าอวิ๋นเหยาจวิ้นจู่แย่งเจ้าไปเสียอีก”
“เยี่ยนอวี่” เว่ยจางกุมมือนางไว้แล้วค่อยๆ ดึงเหมือนกำลังจะดึงนางให้ได้สติกลับมา
“อืม ไหนๆ ก็ไปออกรบ เช่นนั้นต้องระวังตัวด้วยล่ะ!” เหยาเยี่ยนอวี่ปรับอารมณ์ของตนเองแล้วไม่ได้พูดถึงจวนเฉิงอ๋องอีก กลับไม่ให้โอกาสเว่ยจางได้พูด “ต้องพกยาไปเยอะๆ หน่อย ต่อให้เจ้าไม่ใช้ก็รับรองไม่ได้ว่าทหารของเจ้าจะไม่ได้รับบาดเจ็บ อย่างไรก็คือการออกรบ จะไม่เห็นเลือดได้อย่างไร อ้อ…ใช่แล้ว อุปกรณ์ถ่ายเลือดข้าสั่งให้พวกเขาทำขึ้นไม่น้อย แต่ว่าเจ้าใช้เป็นหรือ อีกอย่างเจ้าเป็นกลุ่มเลือดเจี๋ยอี่ เลือดที่คนทั่วไปให้เจ้าได้แต่เจ้าให้เลือดผู้อื่นไม่ได้ มีเพียงคนกลุ่มเลือดเจี๋ยอี่เท่านั้นที่ให้ได้ ใช่แล้ว…”
“เยี่ยนอวี่!” เว่ยจางฝืนทนไม่ได้ ทว่าจะไม่ขัดจังหวะนางที่กำลังจู้จี้กับเขาไม่ได้
“อ๋า?” เหยาเยี่ยนอวี่มองเว่ยจาง “ไม่เช่นนั้นเจ้าสั่งให้หมอทหารของเจ้ารวมตัวกัน ข้าจะสอนพวกเขา การถ่ายเลือดเป็นเรื่องใหญ่ ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ…”
“พอเถอะ อย่าเพิ่งพูดเรื่องพวกนี้เลย” เว่ยจางจับไหล่ทั้งสองข้างของนางไว้แล้วก้มหน้ามองนาง
“เจ้าตื่นเต้นหรือ” เหยาเยี่ยนอวี่มองเขาด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน “นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจ้าไปออกรบเสียหน่อย กลัวอะไรหรือ”
เว่ยจางคลี่ยิ้มขมขื่น ใช่ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาออกรบ เขาผ่านสถานการณ์นองเลือดมามากมาย มีอะไรน่ากลัวอีก
แต่เหตุใดภายในใจของตนถึงรู้สึกกระวนกระวายเช่นนี้
เขายกมือจับมวยผมของนางแล้วดึงที่ติดผมบุษบาสีแดงลงกุมไว้ในมือพลางพูดขึ้นด้วยเสียงต่ำ “ให้ข้าพกอันนี้ไปด้วยเถอะ”
“ได้สิ” เหยาเยี่ยนอวี่พยักหน้า “เจ้ายังอยากได้อะไร พูดมาเลย”
เว่ยจางส่ายหัวด้วยรอยยิ้มจางๆ แล้วมองนางด้วยความจริงจังพร้อมทั้งเอ่ยถาม “เจ้ากลัวไหม”
“ต้องกลัวอยู่แล้วสิ” เหยาเยี่ยนอวี่หุบยิ้มแล้วยื่นมือไปวางตรงหน้าอกของเขา “ข้าเป็นสตรีอ่อนปวกเปียกจะไม่กลัวการสู้รบได้อย่างไร แต่อย่างไรยังมีเจ้า ข้ารู้ว่าเจ้าคือนักรบที่กล้าหาญที่สุดในเมืองหลวงต้าอวิ๋น มีเจ้าอยู่ข้าก็ไม่กลัวแล้ว”
มีเจ้าอยู่ข้าก็ไม่กลัวแล้ว
เว่ยจางทวนคำพูดนี้อย่างเงียบๆ และรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองอย่างมาก
ใช่ เขาเคยใช้ชีวิตอยู่ในเขตชายแดน สังหารศัตรูนับไม่ถ้วน มีบาดเจ็บนับไม่ถ้วน และผ่านประตูยมโลกมาหลายครั้งจนนับไม่ถ้วน
การสังหารศัตรูในก่อนหน้านี้เขาไม่เคยคิดว่าทำเพื่ออะไร
เพื่อแคว้น? ต้าอวิ๋นใหญ่เยี่ยงนี้ ประชากรหลายสิบล้านคน ที่ดินหลายหมื่นลี้ วีรบุรุษเฉกเช่นเขามีนับไม่ถ้วน
เพื่อตระกูล? ตระกูลเว่ยล้มไปนานแล้ว ถึงแม้ปู่ของเขาจะทิ้งแบบอย่างของการเป็นบุรุษที่แข็งแกร่งให้เขา ทว่ามนุษย์สูญสิ้นก็เหมือนไฟดับ เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องราวต่อจากนี้
เพื่อชาวบ้าน? ทว่าชาวบ้านจะรู้จักเขาเว่ยจางได้อย่างไร
ดังนั้นเขาเพียรพยายามในค่ายทหารมาแปดปีกลับตกต่ำดำดิ่งเช่นนั้น ไม่รู้ว่าทำเพื่อใครกันแน่
ครั้งนี้เขารู้แล้ว
เขาทำเพื่อนาง เพื่อที่นางจะไม่หวาดกลัวอีก
มือของเว่ยจางค่อยๆ ขยับขึ้นจากหัวไหล่ของเหยาเยี่ยนอวี่ไปยังลำคอ สองมือประคองหน้าของนางไว้แล้วพูดด้วยเสียงต่ำ “รอให้ข้ากลับมาสู่ขอเจ้าดีไหม”
เหยาเยี่ยนอวี่พยักหน้าแล้วหลับตาพลางยิ้มจาง
เว่ยจางมองดวงหน้าของนาง นัยน์ตาค่อยๆ จดจำรูปลักษณ์หน้าตาของนางไว้ราวกับว่าภาพนี้ได้ฝังลึกเข้าไปในใจของเขา ผ่านไปสักพัก เขาก็ก้มหน้าจุมพิตลงบนหว่างคิ้วของนางเบาๆ