บทที่ 372 : ประกายเพลิง
ก่อนที่วินสตันจะทันไหวตัว เขาพลันยื่นมือออกไปคว้าความว่างเปล่าไว้ ปลายนิ้วของเขายังมีสัมผัสของเส้นผมสีแดงนุ่ม ๆ ของเด็กสาวหลงเหลืออยู่เลย
“เมลิสซ่า!”
วินสตันวิ่งตามไปแล้วร้องตะโกน แต่วินาทีต่อมา เส้นหนวดเหล่านั้นก็โผล่มาหยุดเขาไว้อีกครั้ง
เขาต้องหยุดลงเพื่อจัดการกับพวกมัน และสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือร่างที่ดูคล้ายมนุษย์ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นบนพื้นที่เหมือนปลักโคลน มันกลายเป็นสาวกนิกายกลืนศพที่สละชีวิตสังเวยตัวเองไปแล้วพุ่งเข้าใส่ผู้ที่ยังมีชีวิตเหลือรอดอย่างแค้นเคือง และในตอนนี้เมื่อไวลด์ได้เลื่อนขั้นเป็นระดับเหนือนภา เขาก็ควบแน่นร่างใหม่ขึ้นมาได้แล้ว
“บ้าเอ๊ย!”
วินสตันสังหารวิญญาณแค้นเหล่านั้น แต่ก็พบว่าเส้นทางที่เมลิสซ่าพุ่งออกไปได้ถูกเส้นหนวดกีดขวางไว้หมดแล้ว และเขตแดนก็ขยายเข้ามาใกล้เขามากขึ้นทุกที เขาจึงอดสบถออกมาไม่ได้
เขาทำได้เพียงมองเปลวเพลิงที่เหลือเพียงจุดเล็ก ๆ ไกล ๆ และถูกศัตรูที่โจมตีจากรอบด้านบังคับให้ต้องถอย
วินสตันสูดหายใจลึก ๆ แล้วรู้สึกว่าโลกนี้ช่างไร้สาระ สิ้นเหตุผลใด ๆ “พ่อลูกคู่นี้นี่มัน…เหมือนกันเปี๊ยบเลย! ช่างมันแล้ว! อยากช่วยก็ช่วยไป! อยากตายก็เชิญ…”
เขาปรามาสแล้วหันหน้าหนี แต่หลังจากก้าวไปได้สองก้าว เขาก็อดมองย้อนกลับมาไม่ได้
ต้องรอดกลับมาให้ได้นะ…!
เมลิสซ่ากำดาบยาวในมือของตัวเอง แล้วภาพรอบ ๆ ก็แล่นผ่านคลองจักษุอย่างรวดเร็ว
ดวงตาของเธอจ้องกองเพลิงสีขาวท่ามกลางความมืดอย่างแน่วแน่ พุ่งตรงไปข้างหน้า ทำลายทุกอุปสรรค ประกายเพลิงจากการเคลื่อนไหวลากยาวเป็นเส้น เห็นได้ชัดเจนท่ามกลางความมืด
ต่างจากสีขาวบริสุทธิ์ของโจเซฟ เปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำบนร่างของเมลิสซ่านั้นเป็นราวลำแสงสีแดงสด ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสีแดงบนผมของเธอ อีเธอร์ หรือชีวิตที่กำลังจะดับมอดของเธอกันแน่…
กร๊อบ…!
เมลิสซ่าได้ยินเสียงผิวหนังปริและเสียงกระดูกร้าวจากทั่วร่างของเธอ มันเป็นความเจ็บปวดแบบที่เจตจำนงของคนทั่วไปไม่มีวันรับได้ เธอทำได้เพียงตัวสั่นเทา กัดฟันเต็มแรง!
ที่จริงแล้วเธอเองก็ทนไม่ไหว และบอกไม่ได้ด้วยว่าเธอกัดฟันจริงหรือเปล่า? เพราะร่างทั้งร่างของเธอถูกหลอมแทบไม่เหลือในเปลวเพลิงแล้ว
แต่ในขณะเดียวกัน พลังแห่งกฎเกณฑ์ที่เธอได้รับจาก ‘กุญแจสู่ประตู’ ก็ชัดเจนขึ้น
การถือกำเนิดของเขตแดนใหม่ต้องใช้ความเข้าใจและการสร้าง ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ยาวนานสำหรับระดับเหนือนภา…
แต่ในศึกนี้ ไวลด์ได้รับความเข้าใจที่เพียงพอใน ‘จุดจบ’ จากตวามตายและการสละชีวิตของสาวกมากมายจากนิกายกลืนศพ เขาจึงนำหน้าไปก้าวหนึ่ง
โจเซฟยังขาดตัวต่อชิ้นสุดท้ายอยู่
และตอนนี้ เมลิสซ่าผู้เชี่ยวชาญรากฐานแห่งทุกความรู้และมีความสามารถเรียนรู้เกินความเร็วสมองของเธอได้รับตัวต่อชิ้นสุดท้ายมาจากพ่อของเธอ ชายผู้ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของแนวความคิดแห่งอัศวินแล้ว
ต่อจากนี้ เราก็แค่เอาความเข้าใจนี้ไปบอกพ่อซะ…
เมลิสซ่าคิด
เขตแดนใหม่ที่ไวลด์เปิดขึ้นแทบจะปกคลุมทั่วสนามรบแล้ว และกระทั่งใกล้แตะแนววางเครื่องจำลองนิมิตชั้นสองอยู่รอมร่อ
ขอเพียงมันแตะแนววางเกราะจำลองฝัน เครื่องจำลองนิมิตก็จะถูกทำลายทันที และจากกฎเกณฑ์ หอพิธีกรรมต้องห้ามเองก็อาจได้รับผลกระทบ อย่าว่าแต่เรื่องที่นอร์ซินจะได้รับหางเลข
เห็นได้ชัดว่าในหมู่ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับเหนือนภาด้วยกัน พลังของไวลด์ยังสูงกว่ามาตรฐานอยู่
“โจเซฟ ยอมแพ้เถอะ”
ไวลด์พูดเชิงกรุณา และใบหน้าที่ผุดขึ้นบนร่างใหญ่โตก็เผยรอยยิ้มเย้ยหยันออกมาบาง ๆ ซึ่งดูน่าเกลียดน่ากลัวมากเพราะเส้นหนวดสีม่วงดำที่ยุกยิกอยู่บนผิว
เสียงของเขากังวานไปทั่วสนามรบดั่งระฆังผุเปื่อย “นายรู้ดีมากว่าทั้งฉันและนายต่างถูกเจ้าของร้านหลินเลือก…นี่คือชะตากรรมของเรา เหมือนกับการที่ฝาแฝดแย่งสารอาหารกันอยู่ในครรภ์ของแม่นั่นแหละ มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะรอดออกไปจากสนามรบนี้ได้”
“ส่วนเงื่อนไขของการมีชีวิต จุดประสงค์ที่เจ้าของร้านหลินส่งเรามาเจอกันที่นี่ ก็คือการจุติของระดับเหนือนภาหนึ่งคน”
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
เปลวเพลิงสีขาวสั่นระริก ระเบิดออกอย่างต่อเนื่อง โอบล้อมร่างใหญ่ยักษ์ของไวลด์เอาไว้ มองจากไกล ๆ มันดูราวกับดวงดาวที่กะพริบไปมา
มันคือการระเบิดของเพลิงอีเธอร์ของโจเซฟ และอำนาจกฎเกณฑ์แห่งจุดจบของไวลด์ที่ปะทะกัน
“ย้ากกกก!!”
เส้นเลือดและกล้ามเนื้อของโจเซฟปูดโปนถึงขีดสุด และในขณะที่เขากำลังเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูง เขาก็คำรามพลางหั่นส่วนต่าง ๆ ของไวลด์อย่างต่อเนื่อง ร่างยักษ์ของเขายืนหยัด ทว่าก็พร้อมจะล้มลงได้ทุกเมื่อดั่งเปลวเทียนในสายลม
หลังจากได้ยินชื่อเจ้าของร้านหลิน โจเซฟก็เงยหน้าขึ้น สายตาโกรธเคืองของเขาทิ่มแทงหน้าของไวลด์ที่อยู่บนร่างกายใหญ่โตราวดาบที่แหลมคม
“แค่ว่า…มันมีความต่างอย่างหนึ่งระหว่างเรา…”
ไวลด์หัวเราะ ‘ชิ ๆ’ แล้วพูดต่อ “เจ้าของร้านหลินเลือกฉัน ให้ฉันเผยแพร่คำสอนของเขา และเขาก็เลือกนายแค่เพื่อให้นายเป็นบททดสอบของฉัน”
“นี่คือ ‘บททดสอบ’ ให้ฉันก้าวข้ามอดีต และหลังจากก้าวข้ามความกลัวและอดีตอันเหยาะแหยะ ฉันถึงจะเติบโตได้…นายไม่คิดแบบนั้นบ้างเหรอโจเซฟ?”
เปรี้ยง!
โจเซฟถูกเส้นหนวดที่ใหญ่โตเหมือนภูเขาฟาดจนกระเด็นออกไป เขากลิ้งหลุน ๆ กับพื้นอยู่หลายตลบ ขุดพื้นเป็นร่องลึกก่อนจะหยุดลงได้ด้วยแรงรั้งของดาบในมือ
อัศวินแห่งแสงผู้เกรียงไกรชักดาบขึ้นแล้วเงยหน้ามองไวลด์อย่างสงบนิ่ง จากนั้นก็พุ่งเข้าใส่อีกครั้ง
“ดูดีนะ…”
ไวลด์พูดยิ้ม ๆ “ถ้านายอยากฆ่าฉันก็เข้ามาเลย ฉันจะไม่ฆ่านาย แต่ฉันจะกลืนกินนายซะ ใช้นายเป็นสารอาหารของฉัน… กลายเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเหลือทรชนที่นายรังเกียจ…”
ไวลด์รู้จักโจเซฟดี และจุดจบเช่นนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเจ็บปวดยิ่งกว่าตาย และยังทำให้เขาได้ใช้อำนาจอย่างเต็มที่ที่สุดอีกด้วย
พฤติกรรมนี้ต่างจากรูปแบบดั้งเดิมของไวลด์ที่ระมัดระวังและเจ้าเล่ห์
ไวลด์มองไปรอบ ๆ สนามรบอีกครั้ง และทุกที่ที่ถูกเขตแดน ‘จุดจบ’ ของเขาปกคลุมก็ไปถึงจุดสิ้นสุดแล้ว
จุดจบของทุกสิ่งก็คือการสูญสลาย
สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงพอจะเรียกได้ว่าจีรังตลอดกาล หนีเขตแดนของเขาไม่พ้น แล้วสิ่งใดเล่าจะยืนหยัดสู้เขาได้?
ฉันมีทุกสิ่งแล้ว!
ไวลด์คิดเช่นนั้น แล้วจู่ ๆ ก็ขมวดคิ้ว…
เส้นแสงสีแดงปรากฏขึ้นในความมืดมิดของจุดจบ
เส้นแสงที่เล็กบางมาก แต่ไม่ดับลงเสียที
มันเป็นเพียงประกายเพลิงเล็ก ๆ เหมือนดอกไม้ไฟที่เผาไหม้อย่างรวดเร็ว
“นั่นมัน…”
ไวลด์ที่อยู่ในเขตแดนของเขาเองแทบจะเอื้อมถึงระดับไร้คู่ต่อกร เขาสัมผัสสถานการณ์จากทุกสารทิศและควบคุมทุกอย่างได้
แต่เขาพบว่าเขาไม่สามารถยุ่งกับประกายเพลิงนั้นได้
ไวลด์เบิกตากว้างแล้วมองไปใกล้ ๆ แล้วก็เห็นร่างที่เผาไหม้แตกสลายของเด็กสาวทะลวงการกีดขวางเข้ามาใกล้เขาอีกครั้ง
ลูกสาว…ของโจเซฟ? เมลิสซ่า?
ม่านตาของไวลด์หดตัว ความคิดของเขาแล่นเร็วจี๋แล้วบีบร่างของเด็กสาวที่เข้ามาใกล้เขาไว้ แต่ก็พบว่าเขตแดนของตัวเองใช้ไม่ได้ผล!
“เป็นไปไม่ได้! นั่นมันอะไร?! นั่นมัน…ออร่ากฎเกณฑ์ของโจเซฟเหรอ?!”
แม้ว่าไวลด์จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขาก็เข้าใจทันทีว่าต้องไม่ให้เธอแตะต้องโจเซฟได้!
สสารทำลายล้างสีดำถาโถมเข้าใส่เมลิสซ่าราวเกลียวคลื่นในทันที สสารนี้เป็นตัวแทนเขตแดนแห่งจุดจบเหมือนเงื้อมมือของปีศาจที่อยู่ทุกหนแห่งเหมือนสายลมโอบล้อมประกายเพลิงไว้เสียจนแสงทั้งหมดถูกบดบัง
แต่ทว่า!
คลื่นทมิฬโอบล้อมเมลิสซ่าไว้ราวกับเป็นกองกรวด แล้ววินาทีต่อมาก็แตกร้าวระเบิดออกราวกับภูเขาไฟที่เปิดทางให้ลาวาไหลทะลัก ส่งเพลิงสีแดงร้อนระอุออกมาภายนอก
ตู้ม!
จุดจบของไวลด์ที่ทำลายล้างได้ทุกสิ่งแตกสลายราวเปลือกไข่…
เปลวเพลิงถือกำเนิดขึ้นจากมัน
เส้นผมสีแดงนุ่มสลวยของเมลิสซ่าโบกไสวน้อย ๆ ในเปลวเพลิง สีของมันกลมกลืนไปกับเปลวไฟราวกับดอกบัวสีแดงที่เบ่งบานในขุมนรก
ผิวหนังของเธอถูกเผาไหม้ไปหมดแล้ว ร่างของเธอแตกสลายง่อนแง่น เกือบจะเปลี่ยนเป็นเปลวไฟไปทั้งตัว…
มีเพียงใบหน้าของเด็กสาวที่ยังคงเดิม และดวงตาสีฟ้าของเธอก็กระจ่างใสราวอัญมณี
“เมลิสซ่า?!”
โจเซฟที่ถูกดีดกระเด็นและเตรียมปักดาบลุกขึ้นอีกครั้งพลันสังเกตเห็นเปลวเพลิงที่ทะลวงการกีดขวางชั้นสุดท้ายรอบตัวเขาเข้ามา แล้วจากนั้นก็ตระหนักว่านั่นคือลูกสาวที่ควรอยู่นอกสนามรบของตัวเอง
สีหน้าของเขาบิดเบี้ยวสุด ๆ แล้วคำรามอย่างโกรธเคือง “ลูกมาทำอะไรตรงนี้?! กลับไป! กลับไปซะ!!!”
โจเซฟก้าวไปข้างหน้า แต่ก็เซไปสองก้าวเพราะอาการบาดเจ็บบนตัว เขากระอักเลือดคำโต แล้วดาบยาวก็ร่วงลงที่พื้น
เขาตัวสั่นอย่างรุนแรง
เขาเป็นนายแห่งกฎเกณฑ์ จะไม่สัมผัสได้ได้อย่างไร เขาจะไม่รู้ได้อย่างไร…
ว่าเปลวเพลิงบนตัวเมลิสซ่านั้นเกิดขึ้นจากการเผาไหม้อีเธอร์ และชีวิตของเธอเอง
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ไวลด์ควบคุมหนวดของตัวเองและสสารแห่งจุดสิ้นสุดสีดำให้พุ่งเข้าไปหาเมลิสซ่าราวกระแสน้ำเชี่ยว แต่เปลวเพลิงบนร่างเมลิสซ่าก็เผาผลาญมันไปหมด
เห็นได้อย่างคลุมเครือว่าทุกครั้งที่เขตแดนแห่งจุดสิ้นสุดโจมตีเธอ ร่างของเด็กสาวในเปลวเพลิงก็ระเบิดสลายไปครั้งแล้วครั้งเล่า
แต่ไม่ว่าจะใช้แรงแค่ไหน มันก็หยุดการเดินไปข้างหน้าของเมลิสซ่าไม่ได้
เธอทำเพียงมองพ่อของเธอ ลากเปลวเพลิงอันหนักหนาไปข้างหน้า เดินหน้าเข้ามาเรื่อย ๆ
โจเซฟลืมตากว้าง ความมั่นคงของอัศวินผู้ยิ่งใหญ่ในอดีตหายไปสิ้น เหลือเพียงแค่คนเป็นพ่อธรรมดา ๆ คนหนึ่งที่โซเซและกรีดร้องอย่างไร้เสียง
เสียงของเขาถูกกระแสแห่งจุดสิ้นสุดกลบทิ้ง หายไปสู่ความว่างเปล่า
“เมลิสซ่า!!!”
โจเซฟฉีกกระชากทุกอย่างที่ขวางทางเขาอย่างเดือดดาล และสุดท้ายก็ค่อย ๆ หยุดลงที่หน้าเปลวเพลิง
เพลิงอีเธอร์รอบ ๆ ที่สลายไป เหลือเพียงร่างของเด็กสาวที่ยังคงงดงามและยังฝืนยื่นมือออกไปหา
โจเซฟตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนจะอ้าแขนออกโอบกอดลูกสาวของเขาไว้
เพลิงสลายไปทันทีที่สัมผัส…
ในขณะเดียวกัน กฎเกณฑ์ที่ไม่สมบูรณ์ก็ปะติดปะต่อกัน และเด็กสาวที่เสียพลังชีวิตไปนานแล้ว…ก็สลายเป็นเถ้าลอยว่อนไปโดยสมบูรณ์
แขนที่อ้าออกของโจเซฟคว้าสิ่งใดไม่ได้นอกจากเถ้าธุลี