บทที่ 1731 ไปมีหมาข้างนอกแล้ว
ได้ยินเสียงพึมพำอย่างหมดอาลัยตายอยากแล้ว ในห้องก็ตกเข้าสู่ความเงียบงันหยุดนิ่ง
ใช่…ทำไมนึกไม่ถึงนะ…
หญิงสาวที่สว่างไสวเจิดจ้าคนนั้น
ราวกับว่าไม่มีอะไรที่เธอทำไม่ได้ ราวกับว่าไม่ว่าตอนไหนเธอก็สามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้ ราวกับว่าขอแค่มีเธออยู่ก็ไม่มีอะไรที่เอาชนะไม่ได้ สามารถสลายความมืดมิดทั้งปวง
ไม่ต้องถามเลยว่าในใจของทุกคน เธอคือจิตวิญญาณของจูเสินสือไต้
เฟ่ยหยางย้อนนึกถึงหญิงสาวที่สว่างเจิดจ้าในหัวสมองก่อนถอนหายใจเสียงเบา “เกรงว่าครั้งนี้…ปัญหาของพี่น้องตระกูลเยี่ยคงไม่เล็ก…คงยุ่งปัญหาของตัวเองจนไม่มีเวลา…”
ลั่วเฉินเอ่ย “ช่วงนี้พี่เยี่ยได้ติดต่อพวกคุณไหม”
ทุกคนในห้องล้วนส่ายหน้า
เจียงเยียนหรานมีสีหน้าหนักอึ้ง “หวังว่าหวันหวั่นจะไม่เป็นไรนะ”
ต่อให้เก่งกาจมีความสามารถขนาดไหนก็เป็นแค่หญิงสาวคนหนึ่ง พ่อกับพี่ชายต่างเข้าคุก ทางฝั่งบ้านรองยังสานสัมพันธ์กับอำนาจมืดพวกนั้น เธอปกป้องตัวเองได้ก็ลำบากมากแล้ว ไม่มีข่าวคราวน่ะเป็นข่าวดีที่สุด
จนถึงตอนนี้ เยี่ยหวันหวั่นก็หายตัวไปหลายเดือนแล้ว คนทั้งคนเหมือนหายตัวไปในกลางอากาศ เงียบไร้ข่าวคราว ไม่ว่าพวกเขาจะติดต่อยังไงก็ติดต่อไม่ได้
มีคนบอกว่าเธอขนเงินทุนลักลอบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว กระทั่งบางคนยังบอกว่าเธอตายแล้ว…
กงซวี่กดความร้อนใจและกังวลในดวงตา เอ่ยอย่างโมโหดุเดือดว่า “นั่นคือคนที่คุณชายตกหลุมรักนะ! ไม่เกิดเรื่องง่ายขนาดนั้นหรอกน่า ต้องมีสักวันที่พี่เยี่ยฉันจะขี่เมฆวิเศษสายรุ้งมารับฉัน!”
ในตอนนี้เอง กริ่งประตูที่นอกประตูใหญ่พลันดังขึ้น
“ฉันจะไปเปิดเอง!” เสี่ยวฉิงรีบวางเสื้อผ้าในมือ ลุกขึ้นวิ่งไปที่ประตูใหญ่
“ใครคะ” เสี่ยวฉิงเปิดประตู เงยหน้ามองโดยสัญชาตญาณ จากนั้นพริบตาที่เห็นคนตรงหน้าประตูชัดเจน ทั้งตัวคนก็ค้างเติ่งอยู่ตรงหน้า “ยะ…เยี่ย…กรี๊ดดด”
เสียงกรี๊ดของเสี่ยวฉิงดึงดูดความสนใจของเหล่าคนในห้องได้สำเร็จ
พวกหานเซี่ยนอวี่กับลั่วเฉินรีบลุกขึ้นเดินไปที่ประตู ยังนึกว่าคนพวกนั้นมาหาเรื่องอีกแล้ว
“เสี่ยวฉิง! เกิดอะไรขึ้น” หานเซี่ยนอวี่มีสีหน้าเย็นชาเล็กน้อย
“พี่เยี่ย! พี่เยี่ย! พี่เยี่ยละ!” เสียงร้องดีใจของเสี่ยวฉิงแทบจะทะลุหลังคา
ในขณะเดียวกัน หลายคนก็เดินมาถึงหน้าประตูแล้ว ทุกคนเห็นแค่ว่าที่ประตู หญิงสาวสวมชุดลำลองสีดำ กำลังยืนอยู่ตรงนั้นอย่างอย่างเพิ่งกลับจากเดินทางไกล
“อะแฮ่ม เบบี๋ ดีใจที่เห็นเธอเห็นฉันแล้วกระตือรือร้นขนาดนี้นะ~” หญิงสาวมองเสี่ยวฉิงที่ตื่นเต้นจะเหมือนจะสลบไปพลางหัวเราะเบาๆ
จากนั้นเธอก็ช้อนตามองเหล่าคนที่มีใบหน้าตกใจ ยืนตะลึงค้างอยู่ตรงหน้าที่ด้านหลัง “ไง ไม่เจอกันนานเลย!”
ยังคงเป็นใบหน้าเจิดจ้าน่าประทับใจนั้น แต่ก็เหมือนเปลี่ยนไปตรงไหนสักแห่ง ดูแปลกตาอยู่บ้าง ทว่าพริบตาที่หญิงสาวยิ้มบางเอ่ยปาก ความรู้สึกคุ้นเคยก็พลันกลับมา คุ้นเคยจนถึงขั้น…ทำให้คนน้ำตาไหล…
“พี่เยี่ย!”
“หวันหวั่น!”
“แง…พี่เยี่ย! ปากคุณชายนี่แม่งศักดิ์สิทธิ์จริงๆ! พี่ขี่เมฆวิเศษสายรุ้งกลับมาหาผมแล้ว!” กงซวี่ผลักลั่วเฉินกับเจียงเยียนหราน ก่อนจะพุ่งใส่เยี่ยหวันหวั่นเหมือนกับฮัสกี้ที่เสียการควบคุม
แต่พริบตาที่กงซวี่ถลาเข้าอ้อมกอดของเยี่ยหวันหวั่น ที่ด้านหลังเยี่ยหวันหวั่น ชายหนุ่มหน้าเย็นชาคนหนึ่งก็พุ่งขึ้นมาด้วยความรวดเร็ว ขัดขวางกงซวี่เข้าใกล้เยี่ยหวันหวั่นประดุจเทพประตู
กงซวี่มองหนุ่มงามหน้าเย็นชาที่ขัดขวางเขาทันที เขาตะลึงก่อน จากนั้นก็มีสีหน้าช็อกราวกับถูกสายฟ้าห้าสายฟาด สีหน้าท่าทางราวกับภรรยาผู้อาภัพที่สามีไปมีชู้ข้างนอก เจ็บปวดหัวใจจวนจะเป็นลมไปเสียเดี๋ยวนั้น “พี่เยี่ย! พี่! พี่ถึงกับไม่มีหมาข้างนอกลับหลังผมด้วย!”
——————————————
บทที่ 1732 เพ้อมั่วอะไร
“พี่ถึงกับมีหมาข้างนอกลับหลังผมด้วย…”
เสียงดังสนั่นปะทะเข้าหน้า เยื่อแก้วหูของเยี่ยหวันหวั่นแทบจะทะลุแล้ว
ในตอนที่กงซวี่แตกสลาย ตำแหน่งข้างไหล่ของเยี่ยหวันหวั่นก็พลันมีอีกหัวหนึ่งยื่นออกมา เป่ยโต่วกะพริบตาปริบๆ “เอ๊? หมา? อยู่ไหนๆ?”
กงซวี่จ้องใบหน้าของเป่ยโต่ว ชะงักไปอีกหนึ่งวินาที ก่อนจะระเบิดอารมณ์ตรงนั้นทันใด “พี่มีหมาสองตัวเลย!”
เยี่ยหวันหวั่นหมดคำจะพูด
พอได้แล้ว…
ชีซิงไม่วางใจให้เยี่ยหวันหวั่นเดินทางคนเดียว เพราะกลัวว่าคนในประเทศพวกนั้นจะเอาเปรียบเธอ เขาจึงมาด้วยกัน ส่วนเป่ยโต่วพอได้ยินว่าจะได้เห็นเทพธิดา เขาก็ย่อมต้องตามมาด้วย
ถ้ารู้ว่าจะโกลาหลวุ่นวายแบบนี้…เธอก็มาคนเดียวแล้ว
อย่าว่าแต่กงซวี่ที่เข้าใจผิด แม้แต่พวกลั่วเฉินที่อยู่ด้านหลัง เมื่อเห็นเด็กหนุ่มแปลกหน้าที่หน้าตาดึงดูดสายตาสองคนด้านข้างเยี่ยหวันหวั่น ก็ต่างตกใจอยู่บ้างเหมือนกัน
“พี่เยี่ย สองคนนี้คือ…” ลั่วเฉินเอ่ยปากถามอย่างสงสัย
หรือว่าพี่เยี่ยรับศิลปินใหม่มา
ปฏิกิริยาแรกของทุกคนเป็นอย่างนี้
หลังกลับมาประเทศจีน แม้แต่ผู้อาวุโสใหญ่กับผู้อาวุโสสามก็ต่างถูกเยี่ยหวันหวั่นแปลงโฉม ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเป่ยโต่วกับชีซิงสองหน่อนี้เลย
ด้วยโรคจากอาชีพของเยี่ยหวันหวั่น เธอจัดการเสื้อผ้าของสองคนนี้ไม่น้อย เวลานี้ยืนอยู่ข้างเธอ ภาพลักษณ์ก็ไม่ด้อยไปกว่าศิลปิน บนตัวยังมีบุคลิกที่มีเอกลักษณ์และความชัดเจนมาก ยากจะหลีกเลี่ยงไม่ให้คนเข้าใจผิด
เฟ่ยหยางพิจารณาทั้งสองคน ดวงตาวาววับ “ผู้อำนวยการเยี่ย พี่รับศิลปินใหม่ที่ข้างนอกมาเหรอ”
กงซวี่ยังคงมีสีหน้าเหมือนสาวน้อยที่เจ็บปวดจากการถูกหักหลังนอกใจ “พี่เยี่ย ไหนพี่ว่านอกจากผมกับเจ้าโง่จะไม่รับใครอีกไง! แต่แป๊บเดียวก็พากลับมาสองคนแล้ว!”
เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยอย่างหมดคำจะพูด “เพ้อมั่วอะไร! สองคนนี้คือเพื่อนของฉัน ไม่ใช่ศิลปินที่ฉันเก็บมา”
“เพื่อน…” กงซวี่ได้ยินดังนั้นก็มองๆ เป่ยโต่วแล้วก็มองๆ ชีซิง จ้องใบหน้าสองคนนั้นอยู่เนิ่นนาน จากนั้นก็พูดอย่างมั่นใจ “หน้าตาพวกเขาไม่มีความน่าเชื่อถือสักนิด!”
เยี่ยหวันหวั่นทำหน้าหน่ายใจ ก่อนจะขยี้หัวรังนกของกงซวี่ “ไม่เจอกันตั้งนาน ทำไมอายุนายถึงไม่เพิ่มขึ้นสักนิดเลยนะ”
ยัง…เด็กน้อยซะไม่มี
กงซวี่ได้ยินคำพูดนี้ ก็ไม่รู้ว่าเข้าใจเพี้ยนไปตรงไหน เมื่อครู่นี้ยังโกรธก็พลันเปลี่ยนเป็นดีใจขึ้นมา “นั่นมันแหงอยู่แล้ว ผมคุณชายดูแลตัวเองดีมาก!”
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก
หลังจากวุ่นวายกันหนึ่งรอบ เยี่ยหวันหวั่นก็พาเป่ยโต่วกับชีซิงเข้าไปในบ้าน
“หวันหวั่น…” เจียงเยียนหรานตาแดงขณะโอบกอดเยี่ยหวันหวั่นไว้ “ค่อยยังชั่ว…เธอไม่เป็นไรก็ดี! ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว! เธอหายตัวไปนานขนาดนี้ พวกเราเป็นห่วงเธอจะตายอยู่แล้วนะ!”
“ขอโทษที ตอนนั้นฉันเจอเรื่องบางอย่าง เลยติดต่อพวกเธอไม่ได้น่ะ”
“ไม่เป็นไรๆ เธอกลับมาก็ดีแล้ว”
“จริงสิ แนะนำหน่อย สองคนนี้เป็นเพื่อนที่ฉันรู้จักที่ต่างประเทศ เป่ยโต่วกับชีซิง” เยี่ยหวันหวั่นแนะนำคนอย่างง่ายๆ
“ชื่อเป็นเอกลักษณ์มาก…สวัสดี!” พวกเจียงเยียนหรานต่างพากันทักทาย แนะนำตัวเองกันคนละรอบ มีแค่กงซวี่ที่ยังทำเสียงฮึดฮัดเหล่ตามอง ยังคงมีสีหน้าระแวดระวัง
เป่ยโต่วมองเจียงเยียนหรานอย่างตื่นเต้น “สวัสดีเทพธิดา! ไม่น่าเชื่อว่าจะได้เห็นตัวจริงจริงๆ! เทพธิดา ผมเป็นแฟนคลับของคุณ! คุณเป็นศิลปินภายใต้สังกัดของพี่เฟิง…พี่หวั่นจริงๆ เหรอ”
ส่วนชีซิงแค่พยักหน้าเล็กน้อย เห็นเยี่ยหวันหวั่นสนิทสนมกับคนพวกนี้มาก จึงค่อยคลายความระวังลง เป่ยโต่วเข้าสังคมเป็นพิเศษอยู่แล้ว ไม่นานก็คุ้นเคยกับทุกคน