Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 1056 : ปีศาจตัวจริง

หลังจากทำความเข้าใจสถานการณ์ ไคลน์จ้องกระจกบานใหญ่ภายในห้อง จากนั้นก็ถาม

“ความลับของกษัตริย์คืออะไร?”

บนกระจกที่ดูคล้ายเชื่อมต่อกับโลกอีกใบ คลื่นน้ำกระเพื่อมอ่อนโยนพร้อมกับสร้างฉาก

เป็นฉากของโบราณสถานภายในความมืดสนิท ปกคลุมไปด้วยฝุ่นผงแห่งกาลเวลา ราวกับไม่เคยถูกแตะต้องแม้เพียงเล็กน้อย

กำลังจะบอกว่า ความลับของกษัตริย์คือโบราณสถานจักรพรรดิโลหิต? อาโรเดสไม่กล้ามอบคำตอบกับเราตรงๆ หรือเป็นเพราะเจ้านั่นมองเห็นได้แค่นี้? ไคลน์ครุ่นคิดสักพัก จ้องกระจกวิเศษพร้อมกับกล่าว

“ตาเจ้าถามแล้ว”

ฉากบนกระจกบานใหญ่ยังคงไม่แปรเปลี่ยน เพียงมีตัวอักษรสีเงินเพิ่มเข้ามา

“นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ ยังมีคำถามอื่นอีกไหม?”

“มี” ไคลน์ตอบไม่อ้อมค้อม “นักบุญขาวคาร์เทอริน่าอยู่ที่ไหน?”

ภายในกระจก ข้อความสีเงินจางลงก่อนจะหายไป แต่ฉากหลังที่เป็นโบราณสถานเทพสงครามยังคงอยู่

ถ้าไม่ใช่เพราะตัวอักษรเปลี่ยนไป เราคงคิดว่ากระจกวิเศษบานนี้ชำรุด… คาร์เทอริน่ากำลังซ่อนตัวอยู่ในโบราณสถานจักรพรรดิโลหิต? โบราณสถานที่เป็นของจริง? ไคลน์พยักหน้าตรึกตรอง

“ตาเจ้าถาม”

บนฉากเดิม ข้อความสีเงินปรากฏขึ้นใหม่และควบแน่น

“นายท่านผู้เปี่ยมไปด้วยเมตตา เหตุใดท่านจึงยังไม่ออกจากเบ็คลันด์?”

เป็นคำถามที่ดี เราเคยคิดจะทำแบบนั้น… เดิมที เราสืบสวนโศกนาฏกรรมมหาหมอกควันแห่งเบ็คลันด์เพราะความโกรธที่คนบริสุทธิ์อย่างโคห์เลอร์ต้องตายไปเป็นจำนวนมาก นอกจากนั้นยังเป็นเพราะเราสูญเสียเป้าหมายใหญ่ในชีวิตไป แต่ในภายหลัง เราถูกผูกมัดด้วยตัวตนข้ารับใช้แห่งเทพธิดา และหลังจากนั้น ด้วยความทะเยอทะยานอันสูงส่ง เราอยากปกป้องไม่ให้หายนะบังเกิด เราหวังช่วยเหลือคนที่รู้จักให้รอดพ้นจากความเจ็บปวด ไม่ตกเป็นเหยื่อของกระแสแห่งเวลา นั่นเป็นที่มาของการเอาตัวเข้าไปเสี่ยง…

แต่สำหรับปัจจุบัน ทั้งที่รู้ว่าโลกกำลังจะบังเกิดสงครามกวาดล้างครั้งใหญ่ แต่เมื่อพิจารณาว่าพิธีกรรมเลื่อนลำดับของปราชญ์โบราณราวกับ ‘เกิดมาเพื่อเรา’ และตระหนักว่าชะตากรรมของเราอาจถูก ‘จัดเตรียม’ ไว้ล่วงหน้าแล้ว ต่อให้คิดหลบหนี แต่เกรงว่านั่นอาจไม่ประสบความสำเร็จ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง ต่อให้เราหนีไปจากเบ็คลันด์ แต่ก็คงหนีจากชะตากรรมของตัวเองไม่ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ คงดีกว่าหากจะเผชิญหน้ากับมันตรงๆ เพื่อควานหาโอกาสค้นพบความจริง เพื่อช่วงชิงโชคชะตาของตัวเองกลับคืนมา… ท่ามกลางกระแสความคิดอันหลากล้น ไคลน์วางแผนในใจ

หลังจากนั้น ชายหนุ่มตอบเยือกเย็น

“การหลบหนีอาจไม่ช่วยแก้ปัญหา”

กล่าวจบ ไคลน์เริ่มถามใหม่

“ตอนนี้ทริสซี่อยู่ที่ไหน”

ภายในกระจกเงาบานใหญ่ ฉากหลังเปลี่ยนผันอีกครั้ง คราวนี้กลายเป็นสีดำสนิท ในบางครั้งก็มีวัตถุหนาๆ ไถลไปบนพื้นผิว

อาโรเดสเองก็มองไม่เห็นสถานการณ์ฝั่งทริสซี่เหมือนกัน… ไคลน์พยักหน้าและเสริม

“ตาเจ้าถาม”

เฉกเช่นทุกครั้ง เกิดแสงน้ำกระเพื่อมบนผิวกระจกและข้อความสีเงินที่เรียงตัวเป็นคำ

“นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ ข้าขอกล่าวบางสิ่งกับท่านได้ไหม?”

“ว่ามา” ไคลน์ตอบทันที

ตัวอักษรสีเงินแปรเปลี่ยนเป็นคำใหม่

“ท่านต้องระวังสิ่งที่จะเกิดขึ้นให้ดี!”

ถึงขั้นใช้เครื่องหมายตกใจ… กระจกวิเศษอาโรเดสสัมผัสได้ถึงกลิ่นไม่ดี? ไคลน์ไตร่ตรองสักพัก

“สิ่งใดจะเป็นภัยคุกคามต่อเรา?”

“ข้าไม่ทราบ เป็นแค่ความรู้สึกส่วนตัว” อาโรเดสเรียงเป็นคำใหม่ แต่คราวนี้เปลี่ยนจากสีเงินสว่างเป็นสีเทาหม่น บอกเป็นนัยว่ากำลังผิดหวังและตำหนิตัวเอง

โดยไม่รอให้ไคลน์ตอบสนอง ข้อความสีเทาชุดใหม่ถูกละเลงบนกระจกทีละคำ

“นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ ข้ามีอีกฉากหนึ่งต้องการแสดงให้เห็น ท่านอยากดูไหม?”

“แน่นอน” ไคลน์พูดช้าลง

บนผิวกระจกบานใหญ่ คลื่นน้ำกระเพื่อมพร้อมกับฉากหลังสีดำที่แปรเปลี่ยน

ความดำมืดลุ่มลึกมากขึ้นเรื่อยๆ แต่มีจุดแสงจำนวนหนึ่งสว่างแซมขึ้นมาคล้ายกับประกายเพชร

เป็นภาพของค่ำคืนอันงดงามและกว้างใหญ่

ภาพที่อาโรเดสแสดงหมายถึงเทพธิดาที่มีแก่นเป็นดวงดาว หรือแทนการจ้องมองจาก ‘อวกาศ’ ? ดูเหมือนว่ามันจะไม่กล้าบอกตรงๆ … ไคลน์ไตร่ตรองสักพัก แต่คราวนี้ไม่ถามเพิ่มเติม

“วันนี้พอแค่นี้ก่อน”

“ตกลงขอรับ!” ตัวอักษรกลับไปเป็นสีเงินสว่างอีกครั้งด้วยความเร็วที่ค่อนข้างช้า “นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ ห… หากมีคำถามในอนาคต ท่านยังจะขอความช่วยเหลือจากข้า อาโรเดส ข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของท่านหรือไม่?”

เป็นกระจกที่เคร่งกฎอะไรขนาดนี้… ไคลน์หัวเราะและกล่าว

“แน่นอน เราจะเรียกหาเจ้าเมื่อมีข้อสงสัยในอนาคต”

“ขอรับนายท่าน! ลาก่อนนายท่าน!” บนผิวกระจก ตัวอักษรสีเงินกลับมาเขียนด้วยความเร็วปรกติอีกครั้งพร้อมกับวาดตัวก้างปลากำลังโบกมือ

รอจนกระทั่งทุกสิ่งกลับสู่ความสงบ ไคลน์เผากระดาษอัญเชิญมีสัญลักษณ์ถูกวาดไว้ เปิดผ้าม่าน จ้องออกไปยังท้องฟ้าสีหม่นที่มาพร้อมบรรยากาศเย็นเยียบ

เขตราชินี ภายในวิหารเล็กๆ ของโบสถ์รัตติกาล

ทั้งซิลและฟอร์สต่างได้รับข้อความจากมิสจัสติสผ่านมิสเตอร์ฟูล และนั่นช่วยให้พวกเธอทราบว่าปัญหาถูกสะสางแล้ว รวมถึงความลับบางส่วนของกษัตริย์

“…สุดยอดมาก” ฟอร์สที่นับถือเทพจักรกลไอน้ำลืมตาขึ้นท่ามกลางโถงสวดมนต์ที่ค่อนข้างกว้าง จากนั้นก็หันศีรษะพร้อมกับกล่าวเสียงต่ำ

เดิมที เธอต้องการจะพูดว่าเกอร์มัน·สแปร์โรว์หรือเดอะเวิร์ลนั้นยอดเยี่ยมมาก แต่หลังจากไตร่ตรอง เธอไม่อยากกล่าวสิ่งใดที่ผิดพลาดออกไป

เหตุการณ์ในสัปดาห์ที่ผ่านมาทำให้เธอรู้สึกราวกับได้อยู่ในโลกผู้วิเศษมานานนับสิบปี

ซิลเองก็ลืมตาเช่นกัน แต่อันดับแรกเธอรีบวาดพระจันทร์สีแดงกึ่งกลางหน้าอก เพื่อสารภาพบาปที่แสดงพฤติกรรมลบหลู่เทพธิดาจนถึงเมื่อครู่

“ใช่ เขาช่าง…” ยังไม่ทันกล่าวจบ ความนัยที่สอดคล้องกันก็แล่นเข้าไปในสมองฟอร์ส

สิ่งที่เธอต้องการจะกล่าวก็คือ เฮอร์วิน·แรมบิสเป็นถึงครึ่งเทพตัวจริง แต่ทั้งเธอและฟอร์สเข้ามาในวิหารเทพธิดายังไม่ถึงสิบนาที เกอร์มัน·สแปร์โรว์กับสะสางปัญหาอย่างหมดจดเรียบร้อย

ในฐานะนักบุญทั้งคู่ หากจะทำเรื่องแบบนี้ได้ ระดับพลังของต่างกันมาก!

“บางที… อาจเป็นเพราะพรจากเทวทูต” ฟอร์สปะติดปะต่อประสบการณ์ส่วนตัวในโลกผู้วิเศษพร้อมกับคาดเดา

เนื่องจากโถงสวดมนต์ใหญ่ทั้งเงียบและมืด ไม่เหมาะแก่การสนทนา ซิลจึงไม่พูดคุยกับเพื่อนสนิทนานนัก รีบลุกขึ้นและเดินออกมายังทางเดิน

ทั้งสองออกจากโถงสวดมนต์ จนกระทั่งมาถึงประตูทางเข้าหลัก ซิลถอนหายใจและกล่าว

“ฉันอยากจะแข็งแกร่งแบบนั้นได้ในสักวัน…”

“ฉันก็มีความคิดแบบนี้บ่อยครั้งเหมือนกัน” ฟอร์สยิ้ม “เอ่อ… แต่ว่านะ เธอได้ข้อมูลที่ต้องการแล้วไม่ใช่หรือ? ถึงความลับเบื้องลึกของกษัตริย์จะยังมีให้ขุดคุ้ยอีกมาก แต่ถ้าเป็นข้อมูลผิวเผินก็นับว่าชัดเจนแล้ว”

ซิลจ้องประตูตรงหน้า เงียบงันหลายวินาทีก่อนจะกล่าว

“แต่แบบนี้จะรู้ไปเพื่ออะไร? ฉันทำอะไรกับข้อมูลไม่ได้อยู่ดี”

“ผิดแล้ว เมื่อเทียบกับศัตรูที่เราเคยได้ยินชื่อ ชายคนนั้นไม่ได้ยิ่งใหญ่สักเท่าไร อย่างน้อยก็สามารถจ้องหน้าตรงๆ ได้อย่างปลอดภัย” ฟอร์สปลอบประโลมเพื่อนสนิท “รอจนกว่าเธอจะได้รับการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพ เธอจะรู้ตัวเองดีว่าควรมีส่วนร่วมกับเรื่องนี้อย่างไรโดยไม่ต้องปะทะกับตัวตนระดับสูง”

ฟอร์สซึ่งเข้าร่วมชุมนุมทาโรต์ก่อนซิลมานานย่อมเคยเห็นความสำเร็จมากมายของมิสเตอร์ฟูล ยกตัวอย่างเช่นการใช้ข้ารับใช้และสมาชิกเพื่อทำลายการเสด็จลงมาเยือนของ ‘พระผู้สร้างแท้จริง’ เปิดโปงความลับของเกาะแบนชี ช่วงชิงอำนาจบางส่วนในขอบเขตพายุมาเป็นของตน แทรกแซงสิทธิ์การเป็นเจ้าของของ 0-08 และเมื่อเทียบกับเหตุการณ์เหล่านี้ซึ่งมีเทพ ราชาเทวทูต และเทวทูตเข้ามาเกี่ยวข้องมากมาย ลำพังตัวตนกษัตริย์จอร์จที่สามนั้นไม่ได้ยิ่งใหญ่แต่อย่างใด

ซิลเดินไปทางประตูอย่างเชื่องช้า เงียบงันสักพักก่อนจะกล่าว

“ฉันเข้าใจความหมายของเธอ… ก่อนอื่น พวกเราจะกลับไปยังเขตตะวันออกและหลบอยู่เงียบ หลังจากฉันได้รับสูตรโอสถผู้พิพากษาเมื่อไร เราสองคนจะกลับไปซ่อนตัวอีกครั้ง… ฉันคิดว่าหลังจากเหตุการณ์วันนี้ พวกเขาคงไม่กล้าเสี่ยงสืบสวนเราแล้ว”

“แน่นอนอยู่แล้ว ทางนั้นจะทำได้แค่ซ่อนตัวในเงามืด ไม่ได้ออกมาเห็นเดือนเห็นตะวันอีกเลย” ฟอร์สรีบเสริม ก่อนจะถอนหายใจและกล่าว “แต่ก่อนจะย้ายที่อยู่ใหม่ ฉันอยากส่งจดหมายให้อาจารย์”

ซิลยกมือขึ้นมาสางเส้นผมสีทอง ตามด้วยก้าวเดินออกจากวิหารและกล่าวหน้าขรึม

“หลังจากได้รับสูตรโอสถ ฉันจะซื้อกระดุมเม็ดนั้นและเลื่อนขั้นโดยเร็ว”

“ไม่เลว ไฟแห่งการต่อสู้ของเธอกลับมาลุกโชนอีกแล้ว” ได้เห็นภาพดังกล่าว ฟอร์สยิ้มพลางยุแหย่

ซิลไม่กล่าวคำใดต่อ เพียงเดินตรงไปข้างหน้าด้วยสายตาเคร่งขรึม

ผ่านไปราวสิบเก้า เธอชะงักฝีเท้าพร้อมกับหันมาพูด

“ง…เงินเก็บของฉันคงยังไม่มากพอที่จะซื้อกระดุมเม็ดนั้น… เมื่อถึงเวลา ฉันคงต้องยืมเงินเธอก่อน… จะรีบคืนให้แน่นอน”

ฟอร์สผงะสองสามวินาที ตามด้วยระเบิดเสียงหัวเราะ

“ตกลง… ถ้าไม่ผิดจากที่คาด ฉันใกล้จะได้รับวัตถุที่เกี่ยวข้องจากอาจารย์แล้ว”

วันพฤหัสบดีตอนบ่าย ไคลน์ที่ใช้ข้ออ้างเป็นการงีบ กลับมายังห้องนอนใหญ่และเข้าห้องน้ำ เดินถอยหลังสี่ก้าวส่งตัวเองเข้าสู่มิติหมอก

มันเชื่อว่าขวดแก้วที่บรรจุ ‘โอสถ’ น่าจะดูดซับเสร็จเรียบร้อยแล้ว

เมื่อกลับมานั่งบนเก้าอี้พนักสูงของเดอะฟูล ไคลน์ตวัดแขนเพื่อสลายบาเรียกีดกัน จากนั้นก็ดึงวัตถุเข้าหาตัว

ขวดแก้วสีใสถูกปนเปื้อนด้วยสีดำเรียบร้อยแล้ว บนพื้นผิวเต็มไปด้วยลวดลายตาข่ายที่ส่องแสง มอบบรรยากาศงดงามแก่สภาพแวดล้อม

ภายในขวดว่างเปล่าโดยสิ้นเชิง ไม่มีโอสถหลงเหลือแม้แต่หยดเดียว ปากขวดกว้างๆ ถูกปกคลุมด้วยหมอกแสงที่ล่องลอย ดึงดูดสายตาไคลน์เป็นอย่างมาก ราวกับจิตใจกำลังถูกดูดกลืน

เสียงแผ่วเบาดังมาจากขวดแก้ว

“ถ้านำเหรียญทองหนึ่งร้อยเหรียญมาใส่ ความปรารถนาของเจ้าจะเป็นจริง…”

“ถ้านำเหรียญทองหนึ่งร้อยเหรียญมาใส่ ความปรารถนาของเจ้าจะเป็นจริง…”

ไปเรียนของแบบนี้มาจากไหน? แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า น้ำเสียงโทนเดียวของมันช่วยในการสะกดจิตอย่างมาก… การนำเหรียญทองหนึ่งร้อยเหรียญไปยัดใส่นั้นเท่ากับเป็นการเปิดประตูกายปัญญาของตัวเอง จากนั้นก็จะถูกขวดดังกล่าวบงการและกลายเป็นทาส… หลังจากวิเคราะห์เบื้องต้น ไคลน์เสกไม้กางเขนเจิดจรัสออกจากกองขยะพร้อมกับระดมพลังของสายหมอกเพื่อ ‘ยัด’ มันลงไปในปากขวด

“ไอ้ปีศาจ!” เสียงภายในขวดคำราม แต่หลังจากนั้นก็ถูกปิดกั้นโดยบาเรียสายหมอกทันที

…………………..

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset