Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 1052 : สามต่อหนึ่ง

เปรี้ยง!

สายฟ้าผ่าลงมาจากกลางอากาศ เปลี่ยนพื้นที่อันกว้างขวางภายในดวงจันทร์ยักษ์ให้กลายเป็น ‘ผืนป่า’ สีเงินสว่าง

สายฟ้าแผ่ซ่านไปทุกทิศ ปกคลุมทุกซอกมุมด้วยอำนาจทำลายล้างที่รุนแรง

มังกรสีเทาที่มีหัวเป็นมนุษย์ปรากฏกายอีกครั้ง บนเกล็ดคล้ายหินบนผิวกายยังคงมีอสรพิษไฟฟ้าตัวเล็กแล่นไปมา บางจุดมีรอยปริแตก

‘ล่องหนทางใจ’ ของเฮอร์วิน·แรมบิสย่อมได้รับผลกระทบการโจมตีดังกล่าว เพราะท้ายที่สุด ตัวมันยังคงมีปฏิสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อม แค่ขจัดความรู้สึกของการดำรงอยู่ออกไป เป็นการซ่อนตัวอยู่ในจุดบอดของความสนใจ แต่เมื่อได้รับสิ่งเร้าที่แข็งแกร่งจากภายนอก ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกเปิดเผย

ขณะที่มันปรากฏตัว พายุสายฟ้าอ่อนกำลังลงอย่างมาก ร่างกายเกอร์มัน·สแปร์โรว์บนหลังคาพลันพร่ามัวในทันที จากนั้นก็หายตัวมาโผล่ด้านล่างมังกรที่ไม่สมบูรณ์ในแนวเฉียง

ทันทีหลังจากนั้น ผิวถุงมือข้างซ้ายของนักผจญภัยเสียสติแปรเปลี่ยนอนุภาคสีดำละเอียด มอบบรรยากาศลึกลับและมืดมน

ชายหนุ่มเปิดปากทันที พ่นคำชั่วร้ายที่เต็มไปด้วยความหมายที่สกปรกและเลวทราม:

“เชื่องช้า!”

เฮอร์วิน·แรมบิสย่อมทราบว่าศัตรูพกพายุบพองหิวโหย และยังตระหนักถึงความยอดเยี่ยมของสมบัติวิเศษชิ้นนี้อย่างทะลุปรุโปร่ง ในสายตามัน การโจมตีของเกอร์มัน·สแปร์โรว์จึงดูน่ารัก เฮอร์วิน·แรมบิสตอบโต้ด้วยการใช้อุ้งเท้าซ้ายยกกระบอกโลหะสีฟ้าน้ำแข็ง จากนั้นก็ฟาดใส่ศัตรูด้านล่าง

สิ่งนี้คือสมบัติปิดผนึกที่ไม่ทราบที่มา ชื่อของมันคือ ‘ดาวตกเน่าเปื่อย’ เฮอร์วิน·แรมบิสได้รับมาจากตัวตนลึกลับบางตน และทราบเพียงว่า บางส่วนของวัตถุชิ้นนี้มาจากท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว

กระบอกโลหะสีฟ้าน้ำแข็งสามารถยิงกระสุนปืนสีเขียวเข้ม ใครก็ตามที่โดนเข้าไปจะได้รับสารพิษทันที ผลของพิษจะทำให้เกิดการเน่าเปื่อยจากภายใน แม้แต่ร่างวิญญาณก็ไม่รอด และยังส่งผลกับครึ่งเทพ

ผลข้างเคียงเชิงลบของมันคือ ผู้ถือมีโอกาสถูก ‘เฝ้ามอง’ จากท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว และนั่นจะทำให้ได้รับสารพิษโดยไม่รู้ตัว ถ้าไม่ใช่เพราะมีตัวตนลึกลับช่วยผนึกให้ เฮอร์วิน·แรมบิสคงไม่กล้าเก็บไว้ใช้เองแน่นอน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังพยายามจำกัดการใช้งาน เพื่อหลีกเลี่ยงความตายหรือการกลายพันธุ์อันแปลกประหลาด เพราะนั่นคือจุดจบโดยส่วนมากของอดีตผู้ถือดาวตกเน่าเปื่อย

ณ ปัจจุบัน เฮอร์วิน·แรมบิสไม่คิดว่า ‘ถ้อยคำกัดกร่อน’ ในลำดับ 5 จะมีผลใดๆ ต่อตัวมันที่กำลังเผยร่างสัตว์ในตำนานที่ไม่สมบูรณ์ จึงตั้งใจจะใช้ ‘ดาวตกเน่าเปื่อย’ เพื่อปิดฉากศัตรูที่เป็นภัยคุกคามร้ายแรง

ทว่าในครั้งนี้ การเคลื่อนไหวของมันกลับช้าลง ร่างกายทั้งหมดเริ่มเฉื่อยชา

บนหลังคาที่มืดมิดใต้พระจันทร์สีแดงดวงใหญ่ เกอร์มัน·สแปร์โรว์อีกหนึ่งคนซึ่งสวมเสื้อกันลมสีดำและหมวกผ้าไหม ปรากฏตัวขึ้นตอนไหนไม่มีใครทราบ มือขวาถือปืนลูกโม่ประหลาดหกลำกล้อง มือซ้ายเล็งไปทางเกอร์มัน·สแปร์โรว์ด้านล่างเฮอร์วิน·แรมบิส กำหมัดแน่นและหมุนข้อมือแผ่วเบา

เคาต์แห่งการเสื่อมถอย ‘ขยาย’ !

นี่คืออีกหนึ่งหุ่นเชิดของไคลน์ ครึ่งเทพเส้นทาง ‘นักกฎหมาย’ โจนาส·โคลเกอร์!

และด้วยความช่วยเหลือจากพลัง ‘ขยาย’ พลังพิเศษจากยุบพองหิวโหยจึงถูกยกระดับจนเกือบทัดเทียมผู้วิเศษลำดับ 4 หรือขอบเขตของครึ่งเทพ!

แน่นอน พลัง ‘ขยาย’ ไม่สามารถใช้ได้มากกว่าหนึ่งครั้งต่อหนึ่งเป้า

เนื่องจากอยู่ในร่างสัตว์ในตำนาน พลัง ‘เชื่องช้า’ ที่ผ่านการ ‘ขยาย’ จึงส่งผลกับเฮอร์วิน·แรมบิสได้ไม่นานนัก ด้วยเหตุนี้ เกอร์มัน·สแปร์โรว์ซึ่งตัวจริงคือ ‘ผู้ชนะ’ เอ็นยูน รีบคว้าโอกาสอันแสนมีค่าเพื่อเข้าควบคุมด้ายวิญญาณของเฮอร์วิน·แรมบิส

ตามปรกติแล้ว ชายหนุ่มต้องใช้เวลาสามวินาทีในการเข้าควบคุมเบื้องต้น แต่เนื่องจากศัตรูกำลังเปิดเผยร่างสัตว์ในตำนาน ระยะเวลาย่อมต้องจะยืดออกไป อาจกลายเป็นหกหรือเจ็ดวินาที หรือแม้กระทั่งสิบวินาที กว่าจะเข้าควบคุมสำเร็จ เฮอร์วิน·แรมบิสคงหนีรอดจากอิทธิพลของ ‘เชื่องช้า’ นานแล้ว จากนั้นก็โต้กลับหลังจากกลายเป็นปรกติ

ในช่วงเวลาวิกฤติ โจนาส·โคลเกอร์ยกมือซ้ายและชี้ไปทาง ‘ผู้ชนะ’ เอ็นยูน บีบนิ้วทั้งห้าอย่างรวดเร็ว

ยังคงเป็น ‘ขยาย’ !

ขยายความสามารถในการเข้าควบคุมด้ายวิญญาณ!

เพียงพริบตา การเข้าควบคุมด้ายวิญญาณของ ‘ผู้ชนะ’ เอ็นยูนกลายเป็นเรื่องง่าย ราวกับอีกฝ่ายไม่ได้เปิดเผยร่างสัตว์ในตำนาน

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ใช้เวลาเพียงสามวินาที มันสามารถควบคุมด้ายวิญญาณเบื้องต้นสำเร็จ

นี่คือพลังที่น่าสะพรึงอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ปัญหาก็คือ เฮอร์วิน·แรมบิสในร่างมังกรสามารถหลุดพ้นจากอิทธิพลของ ‘เชื่องช้า’ ได้ภายในไม่ถึงหนึ่งวินาที

มันหลุดพ้นเรียบร้อยแล้ว!

ทันใดนั้น เสียงปืนดังกังวาน กระสุนที่สลักลวดลายประหลาดพุ่งปะทะร่างเฮอร์วิน·แรมบิสซึ่งเพิ่งหลุดพ้นจากสถานะ ‘เชื่องช้า’

ในอีกมุมหนึ่งของสวน เกอร์มัน·สแปร์โรว์อีกหนึ่งคนที่สวมเสื้อกันลมสีดำและหมวกผ้าไหมปรากฏตัว

ร่างของมังกรของเฮอร์วิน·แรมบิสกลับไปแข็งทื่ออีกครั้ง แต่หนนี้ไม่ใช่แค่ความคิดที่เฉื่อยชา แม้กระทั่งปีกมังกรด้านหลังก็ยังนิ่งสนิท สูญเสียธรรมชาติของมันจนลากมังกรร่วงหล่นกระแทกพื้น

กระสุนคุมวิญญาณ!

ไคลน์ใช้หนอนวิญญาณของตัวเองเป็นวัตถุดิบในการสร้าง และกระตุ้นด้วยการระดมพลังบางส่วนของมิติเหนือสายหมอก มีฤทธิ์ทำให้ผู้วิเศษลำดับ 3 เป็นอัมพาตชั่วคราว ราวหนึ่งถึงสองวินาที!

เฮอร์วิน·แรมบิสที่เผยร่างสัตว์ในตำนานไม่สมบูรณ์ คงไม่แข็งแกร่งไปกว่านักบุญลำดับ 3 มากนัก เลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกเล่นงาน เพราะแม่แต่ร่างโคลนของอามุนด์ก็ยังถูก ‘กระสุนคุมวิญญาณ’ เล่นงานนานกว่าหนึ่งวินาที

นอกจากนั้น ไคลน์ยังสามารถสั่งให้โจนาส·โคลเกอร์ ‘ขยาย’ พลังของกระสุนได้ด้วย แต่น่าเสียดายที่การยิงเมื่อครู่เกิดขึ้นเร็วเกินไป จึงคว้าโอกาสเอาไว้ไม่ทัน

เมื่อได้เห็นประสิทธิภาพของสามประสาท ไคลน์พลันรู้สึกทึ่งกับพลังของครึ่งเทพเส้นทางนักกฎหมาย และมองว่าเป็นหน่วยสนับสนุนที่ยอดเยี่ยมมาก แต่ในสถานการณ์ปรกติ พลังขยายของเคาต์แห่งการเสื่อมถอยมักถูกใช้เพื่อเพิ่มพลังให้กับตัวเอง ไม่ค่อยมีความร่วมมือกับเส้นทางอื่น แต่สำหรับในกรณีของไคลน์ โจนาส·โคลเกอร์นั้นเป็นหุ่นเชิดที่บังคับด้วยหนอนวิญญาณ เชื่อมต่อเป็นหนึ่งเดียวกับร่างต้น สามารถใช้พลังของร่างต้นได้ หรือกล่าวได้ว่า มันคือไคลน์ที่มีพลังสายสนับสนุนในตัวเอง!

ฉวยโอกาสที่เฮอร์วิน·แรมบิสให้ตกอยู่ในภาวะอัมพาต ‘ผู้ชนะ’ เอ็นยูนเสร็จสิ้นการเข้าควบคุมด้ายวิญญาณเบื้องต้น

ทันทีที่มังกรไม่สมบูรณ์สิ้นสุดอาการอัมพาต ความคิดก็เริ่มหยุดนิ่งแล้ว จะทำสิ่งใดก็เฉื่อยชาไปเสียหมด

ปฏิเสธไม่ได้ว่า หลังจากได้รับหุ่นเชิดอันทรงพลัง จอมเวทพิสดารจะกลายเป็นอาชีพที่ทรงพลังอย่างมาก และไคลน์ยังมีสิ่งที่คล้ายกับสูตรโกงอย่าง ‘กระสุนคุมวิญญาณ’ เพราะมีครึ่งเทพเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถสร้างได้ เนื่องจากต้องระดมพลังบางส่วนของมิติหมอกในพิธีกรรม แน่นอนว่า ตัวตนที่แข็งแกร่งเช่นอามุนด์ก็สามารถสร้างยันต์หรือกระสุนที่คล้ายกันได้ เพียงแต่คุณสมบัติจะแตกต่างออกไป

เมื่อเห็นว่าเฮอร์วิน·แรมบิสถูกควบคุมขั้นต้น ไคลน์วางแผนเตรียมขจัดการขัดขืนของศัตรู ไม่ปล่อยให้หลุดจากสภาพปัจจุบัน จนกระทั่งกลายเป็นหุ่นเชิดโดยสมบูรณ์ แต่ทันใดนั้น ศีรษะของมันพลันเจ็บแปลบกะทันหัน ความบ้าคลั่งที่มิอาจควบคุมพลันปะทุขึ้นในใจ

ถัดมา มันเกิดความหดหู่เหนือพรรณนา คล้ายกับชีวิตนี้จะไม่มีความสุขอีกต่อไป เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองต่อตัวเอง รอไม่ไหวแล้วที่จะปลิดชีวิตเพื่อไม่ให้เดือดร้อนผู้อื่น

ในพริบตาต่อมา มันรู้สึกตื่นเต้นอย่างแรงกล้า ดวงตาคล้ายกับมีเลือดคั่ง เกลียดชังทุกสิ่ง ต้องการทำลายทุกสิ่งที่ขวางหูขวางตา

แบบนี้ไม่ดีแน่… ก่อนที่สภาพจิตใจของไคลน์จะเสื่อมถอย มันพบว่าตนถูกเล่นงานโดยอิทธิพลบางอย่างของเฮอร์วิน·แรมบิสมาสักพักแล้ว จนเกิดความผิดปรกติกับ ‘กายปัญญา’

มันพยายามเข้าฌานเพื่อต่อสู้กับสภาพจิตใจที่ผิดปรกติ ทว่า ความคิดที่ดูเหมือนจะเป็นของคนอื่นกลับแล่นเข้ามาในหัว:

“จบสิ้นแล้ว…”

“แม่เย็*! คิดหาทางรอดเร็วเข้า!”

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ดูเหมือนกับอาการป่วยทางจิตขั้นรุนแรง”

“โรคติดต่อทางจิต? อาการทางจิตแปลกๆ ที่มิสจัสติสเคยพูดถึง? ไม่ผิดแน่ นี่คือพลังลำดับสูงของเส้นทางผู้ชม!”

“มัวพล่ามอะไรอยู่? นักจิตบำบัดครึ่งเทพอยู่ตรงหน้าแล้วนี่ไง แค่เปลี่ยนมันให้เป็นหุ่นเชิด โรคนี้ก็รักษาได้ไม่ยาก”

เมื่อตระหนักว่าเกอร์มัน·สแปร์โรว์ไม่สามารถยิงกระสุนนัดที่สอง บนใบหน้าเฮอร์วิน·แรมบิสที่ปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีเทาเผยรอยยิ้มเล็กๆ

แม้ว่าเกอร์มัน·สแปร์โรว์และหุ่นเชิดทั้งสองจะแข็งแกร่งจนเหนือความคาดหมาย ทำให้เฮอร์วิน·แรมบิสต้องตกอยู่ในสภาพเกือบสิ้นหวังในพริบตา แต่ก็ใช่ว่ามันจะไม่ได้ทำอะไรลงไปเลย

ในตอนก่อนที่จะถอนตัวจากทะเลจิตใต้สำนึกรวม เฮอร์วิน·แรมบิสแอบปลูกฝัง ‘บ้าคลั่งระบาด’ ให้อีกฝ่ายอย่างเงียบงัน!

หุ่นเชิดอาจเป็นคนตายโดยพื้นฐาน จึงไม่สามารถควบคุมจิตสำนึกได้ด้วยวิธีปรกตินอกจากใช้ด้ายวิญญาณ แต่นั่นไม่ได้แปลว่าหุ่นเชิดไม่มี ‘เกาะแห่งจิตใจ’ เกาะแห่งนั้นมีอยู่ แค่เป็นสถานที่เงียบสงบ สิ่งที่เฮอร์วิน·แรมบิสทำคือการฝัง ‘เมล็ดพันธุ์’ แห่งความบ้าคลั่งลงไป

เมล็ดพันธุ์ดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อหุ่นเชิดก็จริง แต่สามารถแพร่เชื้อสู่ทะเลจิตใต้สำนึกรวมได้อย่างเงียบเชียบ สร้างอิทธิพลต่อสิ่งมีชีวิตรอบๆ ด้วย ‘โรคติดต่อทางจิต’ และเหนือสิ่งอื่นใด ความบ้าคลั่งยังสามารถแพร่กระจายผ่านด้ายวิญญาณได้โดยตรง

นอกจากนั้น เป็นเพราะเชื้อโรคประเภทนี้เกิด ‘ตัวเอง’ จึงมิอาจป้องกันด้วยพรของเทวทูต อย่างมากก็แค่ช่วยบรรเทาความร้ายแรงและทำให้เกิดผลช้าลง

นี่คือพลังลำดับสูงของเส้นทางผู้ชม ‘โรคติดต่อทางจิต’ ของ ‘จอมบงการ’ !

ในสมัยโบราณ บางครั้งบางคนที่อยู่ในภาวะซึมเศร้าเป็นเวลานาน จะสร้างภาวะซึมเศร้าให้กับคนรอบข้างจำนวนมากพร้อมกัน ใครบางคนจึงเรียกว่า ‘อุปทานหมู่’ ครั้งหนึ่ง กวีบางคนได้แต่งเพลงเอาไว้ว่า

“สตรีเจ็ดคนเต้นระบำประหลาดกลางถนน;”

“บุรุษเก้าคนเกลือกกลิ้งไปมาพร้อมกับขำ;”

“รถม้าคันหนึ่งแล่นผ่านไป ขุนนางตบหน้าพวกมันหัวคะมำ;”

“นอกบ้านบนถนนสีดำ เหล่าเด็กเล็กปล่อยโฮพร้อมกับหลั่งน้ำตา;”

“ผู้คนเปิดศึกทำร้ายกันราวกับคนบ้า เสียสติกันไปทั้งเมือง;”

หากไตร่ตรองเกี่ยวกับเพลงนี้อย่างรอบคอบ คงไม่มีมุมมองอื่นนอกจากการสร้างความหวาดกลัว แต่เฮอร์วิน·แรมบิสทราบดี ฉากที่อธิบายไว้ในเนื้อเพลงเคยเกิดขึ้นจริง เป็นฝีมือการทดลองของครึ่งเทพในเส้นทางผู้ชม

‘โรคติดต่อทางจิต’ !

รอจนกระทั่งร่างต้นของเกอร์มัน·สแปร์โรว์เสียสติ การควบคุมหุ่นเชิดของมันจะหยุดลงอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อถึงตอนนั้น เฮอร์วิน·แรมบิสจะรอดพ้นจากสถานการณ์เลวร้าย

บทสรุปดังกล่าวจะเกิดขึ้นภายในเวลาไม่นาน อาจใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น!

สำหรับปัจจุบัน เฮอร์วิน·แรมบิสซึ่งเป็น ‘จอมบงการ’ มิได้เกรงกลัวว่าเกอร์มัน·สแปร์โรว์ใช้ยันต์แบบเดียวกับที่ออเดรย์ใช้ – ยันต์แลกเปลี่ยนชะตากรรมในช่วงเวลาสั้นๆ – เพราะถ้าจะเปลี่ยนชะตากรรมกันจริงๆ เกอร์มัน·สแปร์โรว์จะกลายเป็นหุ่นเชิด ความคิดจะชะงักงัน ร่างกายแข็งทื่อ ส่วนมันที่ได้รับ ‘โรคติดต่อทางจิต’ เป็นเรื่องง่ายที่จะแก้ไขด้วยตัวเอง

ทันใดนั้น เฮอร์วิน·แรมบิสมองเห็นเกอร์มัน·สแปร์โรว์บนหลังคา ยกมือซ้ายเล็งไปทางเกอร์มัน·สแปร์โรว์ที่กำลังถือลูกโม่กระบอกยาวสีดำ จากนั้นก็งอห้านิ้วและหมุนข้อมือเล็กน้อย

บิดเบือน!

ไคลน์ใช้พลังพิเศษของโจนาส·โคลเกอร์เพื่อ ‘บิดเบือน’ ระดับความเจ็บป่วยทางจิตของตน เปลี่ยนให้เบาลงและมีผลข้างเคียงน้อยลง!

ฉวยโอกาสจากตอนที่ยังมีสติ ชายหนุ่มยกปืนลูกโม่ ‘ลางมรณะ’ ขึ้นอีกครั้งและลั่นไก

ปัง!

‘กระสุนคุมวิญญาณ’ อีกนัดถูกยิงออกไป ปะทะเข้ากับร่างกายอันใหญ่โตของมังกรไม่สมบูรณ์ซึ่งปัจจุบันยังขยับตัวไม่ได้

ขณะเดียวกันโจนาส·โคลเกอร์ใช้ ‘ขยาย’ !

แม้ว่าเฮอร์วิน·แรมบิสจะถูกโจมตี แต่มันกลับยังไม่หลุดพ้นจากการควบคุมด้วยด้ายวิญญาณของ ‘ผู้ชนะ’ เอ็นยูน เนื่องจากมันกำลังตกอยู่ในภาวะเฉื่อยชาและแข็งทื่อ ‘เป็นเวลานาน’

ไคลน์นับเวลาในใจ ก่อนที่จะยิงกระสุนคุมวิญญาณนัดถัดไปในตอนที่เฮอร์วิน·แรมบิสใกล้จะฟื้น

และก่อนที่ผลของ ‘กระสุนคุมวิญญาณ’ นัดที่สามซึ่งถูก ‘ขยาย’ จะสิ้นสุด ร่างกายของมังกรไม่สมบูรณ์สีเทาอ่อนชักกระตุกก่อนจะกลับไปเป็น ‘ปรกติ’ มิได้เฉื่อยชาอีกต่อไป

………………………..

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset